Inside Dara
ไม่ซีว่าไข่จะฝ่อ! จั๊กจั่น...รอคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่

เข้าปีที่ 15 ในวงการบันเทิง "จั๊กจั่น อคัมย์สิริ สุวรรณศุข" ชีวิตมีหลายรสชาติ ทั้งบทเรียนความรักที่ "เจ็บและจุก", ถูกปล่อยข่าวให้ร้ายจนเกือบผิดใจกับนางเอกซุป'ตาร์ หรือที่เสียความรู้สึกหนักสุดคงจะเป็นข่าวใช้เต้าไต่เพราะหวังสบาย

แม้บางเรื่องเธอแทบไม่อยากจะพูดถึงมันอีก แต่บางประเด็นก็ฝากรอยแผลไว้เป็นบทเรียน โดยเฉพาะ "ความรักในอดีต" ที่สอนให้โตขึ้น และสตรองขึ้น นอกจากนั้นบางช่วงบางตอนของการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ยังเผยให้เห็นความจั๊กจี้กวนหัวใจทั้งชีวิต และมุมคิดจนต้องมอง "จั๊กจั่น" ในมุมใหม่กันเลยทีเดียว

"ตอนนี้งานก็โอเคค่ะ คิวแน่นบ้างอะไรบ้าง ล่าสุดก็รับงานเป็นพรีเซ็นเตอร์โอทอป ได้ใส่ชุดไทยสวยๆ ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองทองธานีค่ะ คือให้ดิฉันบ้างเถอะค่ะคุณผู้ชมคะ ให้อีพริ้งได้ทำหน้าที่ของมันบ้าง" นางเอกสาวผู้มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์เริ่มต้นเล่าถึงคิวงานที่ค่อนข้างแน่นหลังตีบท "พริ้ง" แตกกระเจิงจนคนดูคันไม้คันมือไปทั่วประเทศ

ร้ายได้น่าตบ! "อีพริ้ง" กาลกิณี ขโมยผัว

นับเป็นอีกเรื่องที่ทำให้ชื่อของ "จั๊กจั่น อคัมย์สิริ" เป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เพราะบท "พริ้ง" ในละครรีเมกสุดแซ่บอย่าง "พริ้งคนเริงเมือง" ทางช่อง 7 สี ที่ต้องเล่นในหลายซีนอารมณ์กับบรรดาสามีทั้ง 7 นำทีมโดย เขตต์ ฐานทัพ, บิ๊ก กฤษฎา, โน้ต วัชรบูล, ภูริ หิรัญพฤกษ์, พล พูลภัทร, นีโน่ เมทินี และ โตนนท์ วงศ์บุญ ซึ่งออกอากาศยังไม่ถึงครึ่งเรื่องแต่ก็ทำเอาแฟนละครเกลียด และอยากตบ “พริ้ง” ไปทั้งประเทศ

"หลังจบจากลิขิตริษยา ทางช่องก็ส่งมาเป็นพริ้งคนเริงเมือง โหย! ตื่นเต้นแล้วก็กดดันเหมือนกันนะ ซึ่งเอาจริงๆ จั่นพยายามไม่กดดันตัวเอง เพราะเราก็เล่นละครรีเมกมาเยอะแล้ว อย่างเรื่องนี้เวลาไปไหนมาไหนก็มีแต่คนพูดถึง ประมาณว่า หลายผัวจังเลยนะแก หรือก็มีคนเข้ามาจิกกัดในไอจี เพราะในเรื่องมีสามี 7 คน

ตอนนี้สามีคนที่ 4 (หมอสมประสงค์ รับบทโดยภูริ หิรัญพฤกษ์) เข้ามาแล้วค่ะ ซึ่งหลายคนรอดูพี่ริกันมาก เพราะจั่นกับพี่ริเราเคยเล่นละครฝันเฟื่องของค่ายเอ็กแซ็กท์ด้วยกันเมื่อปี 2548 ซึ่งบทจะออกแนวตลกๆ แต่พอมาเรื่องนี้ผิดกันเลยค่ะ"

สปิริตแรง! ขุนตัวเองเข้าถึงบท

ส่วนที่เห็นอวบอึ๋มในละคร เธอบอกว่า ตอนถ่ายทำมีเพิ่มน้ำหนักบ้างสักโล หรือสองโล (เอาแค่พอลดลงได้ไวไม่กระทบงานอื่น) ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยเข้าไปอธิบายในกระทู้พันทิปด้วยตัวเองว่า บทพริ้งจะมีรูปร่างตามวัย โดยช่วงวัยสาวแรกรุ่นจะสะพรั่ง มีความอวบแก้มยุ้ย (เบบี้แฟต) จากนั้นจะเริ่มสวย รูปร่างดี มีเงินดูแลตัวเอง แล้วกราฟชีวิตก็จะโค้งลงตามวัยคือสามี 2

"ชุดที่จั่นใส่บวงสรวงเป็นชุดที่พริ้งใส่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ตอนนั้นพริ้งอายุราวๆ 32-33 (สามีคือเปรมฤทัย-โตนนท์) สมัยนั้นผู้หญิงอายุเกิน 30 นี่เริ่มร่วงโรยแล้ว ชุดนี้สไตลิสต์เสริมฟองน้ำที่ด้านหลัง ก้นและสะโพกให้ดูสะโพกผาย มีก้นแบบสาวใหญ่ เสริมปรับโครงหน้าอกให้ดูผายออกแล้วเริ่มคล้อย ส่วนที่เห็นดูมๆ เป็นการวาดสีแรเงาของช่างแต่งหน้าค่ะ ที่ทีมงานเลือกชุดนี้บวงสรวงเพราะชุดนี้ถ่ายรูปแล้วสีสด สวยมากค่ะ

ส่วนพริ้งที่ทางช่องวางเอาไว้ ไม่ได้เน้นทรวดทรงแบบพริ้งเวอร์ชั่นก่อนๆ แค่จะสื่อถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ไขว่คว้าหาความรักจนไม่รู้ตัวว่าจริงๆ แล้ว รักแท้ที่ตัวเองต้องการอยู่ใกล้ตัวก็คือความรักของพี่ช้อย พี่สาวแท้ๆ แต่ระหว่างทางของชีวิตมันก็จะมีอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งการเล่นบทพริ้ง รู้สึกเหนื่อยถึงขั้นกลับไปฝันเลยนะ แต่เราเคยมีประสบการณ์จากเรื่องสุสานคนเป็นมาแล้ว ตอนนั้นเครียดมาก เหนื่อยมาก มากองสนุกสนานไม่มีอะไร อยู่ๆ ก็ป่วย และน็อกต้องเข้าโรงพยาบาล

พี่ต้อม รัชนีกรเคยแนะนำว่า บางทีเราเล่นหลากหลายอารมณ์ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวเคียดแค้น หากเวลาว่างก็ให้นั่งสมาธิ และต้องบอกกับตัวเองว่า จริงๆ แล้วเราคือจั๊กจั่นนะ ชีวิตจริงเราไม่ใช่รสสุคนธ์ เราไม่ใช่ซ่อนกลิ่น หรือไม่ใช่อีพริ้ง เรามีความสุขดี เราไม่ได้เดือดร้อนอะไร ซึ่งมันก็ช่วยได้"

นับเป็นความทุ่มเทที่เผยให้เห็นถึงสปิริตนักแสดงในการทำการบ้านมาดีมากๆ ไม่แปลกที่จะมีเสียงชื่นชมถึงความเป็นนักแสดงมืออาชีพ ล่าสุดยังให้ความสำคัญกับการใช้เสียง เพราะมองว่ามีความจำเป็นต่ออาชีพนักแสดงของเธอ

"ตอนนี้จั่นมีฝึกร้องเพลงไปพร้อมๆ กับการฝึกเสียงด้วยค่ะ เพราะการเล่นละครต่อจากนี้หากเป็นซีนอารมณ์เยอะ เราก็อยากให้มันดูต่างจากเรื่องเดิมๆ และอยากใช้เสียงได้หลายๆ แบบ มีการใช้เสียงที่มีคุณภาพมากขึ้น ส่วนร้องเพลง ด้วยความที่พี่ดี้ นิติพงษ์ชวนไปขึ้นคอนเสิร์ตเพื่อน้องหมา น้องแมว จั่นก็เลยถือโอกาสนี้ไปหาความรู้ในช่วงที่มีเวลาว่างจากงานละคร"

อะไรดลใจให้มา "ร้ายเซ็กซี่"

ไม่ถามไม่ได้ว่าอะไรดลใจให้เปลี่ยนแนวมาร้ายเซ็กซี่ "ด้วยความที่จั่นเล่นละครมาพักหนึ่งด้วยแหละค่ะ" เธอเอ่ยขึ้น "จั่นเข้าวงการตั้งแต่อายุ 20 ปีใช่ป่ะ อุ้ย! ไม่พูดๆ เดี๋ยวคนอ่านจะรู้อายุ ก็นั่นแหละค่ะคุณผู้ชม (หัวเราะ) พอมาถึงช่วงหนึ่ง จั่นก็อยากลองเปลี่ยนบทบาทบ้าง เพราะเล่นมาหมดแล้วทั้งคอมเมดี้ บู๊ ดราม่าเจ้าน้ำตา

อีกอย่างจั่นไม่ได้วางตัวเองว่าเป็นนางเอก เราอยากเป็นนักแสดงที่เล่นได้หลายบท หลายมิติ โชคดีมากที่พี่ตาล กันตนา (หลานสาวค่ายกันตนา) ติดต่อมาทางช่อง 7 ว่ามีละครเรื่องสุสานคนเป็นนะ แต่ทางช่องกลัวว่าจั่นจะไม่รับบทร้าย เพราะไม่เคยเล่นร้ายเต็มตัวมาก่อน

ตอนนั้นเอาจริงๆ ก็กดดันมากเหมือนกัน เช่น หน้าหวานจะเปลี่ยนมาร้ายได้เหรอ จนเราต้องถ่ายชุดว่ายน้ำเลยนะ เพราะรู้สึกว่าอยากให้คนดูเชื่อว่าเราร้าย เราเซ็กซี่ได้นะ ด้วยวัยวุฒิ และประจวบเหมาะกับมีหนังสือติดต่อมาพอดีหลังจากปฏิเสธมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน จั่นก็รับถ่ายทันที ซึ่งการถ่ายชุดว่ายน้ำใครมองว่าเป็นชุดกีฬาแต่มันก็เขินเหมือนกันนะ สุดท้ายไม่น่าเชื่อว่า แฟชั่นชุดว่ายน้ำที่ถ่ายให้กับนิตยสารแพรวจะซี้ดซ้าดจนเข้ารอบคว้ารางวัลที่ 1 มาลัยไทยรัฐ"

อย่างไรก็ดี เธอก็ยังคาใจกับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด "ตอนนั้นจั่นก็ไม่คิดว่าทรวดทรงของเราจะเข้ารอบไปกับพี่ปู-ไปรยา, พี่ชมพู่-อารยา และพี่พลอย เฌอมาลย์ ซึ่งเราก็ดีใจค่ะ สมกับที่เราฟิตหุ่นมาอย่างดี หลังจากนั้นก็เปลี่ยนลุคจนแฟนละครค่อยๆ เชื่อว่าเราก็เล่นเป็นบทร้ายได้นะ

อย่างบทรสสุคนธ์ในละครสุสานคนเป็น ผลตอบรับดีมาก (ลากเสียงยาว) ดีถึงขนาดมีทุเรียนทอดส่งมาให้ถึงบ้าน หรือไปขึ้น 7สีคอนเสิร์ตมีแฟนละครเอาทุเรียนมาให้ และด้วยตอนนั้นโซเชียลฯ มาแล้ว จั่นก็จะอ้อนไปว่า อย่าเอามาทั้งเปลือกนะคะ รสกลัว (น้ำเสียงพร้อมจริต ลอกแบบมาจากนางร้ายในจอเป๊ะ) แฟนละครก็เอามาให้เป็นลูกๆ เลยค่ะ จั่นกับพี่ยุ้ย (จีรนันท์ มะโนแจ่ม) ก็แบ่งกันกินเพราะได้มาตั้ง 2 ลูก"

ดีใจแฟนละครอินกับบทร้าย

"สำหรับจั่น แฟนละครเดี๋ยวนี้น่ารักมากค่ะ แรกๆ ก็มีคนปรามว่าพลิกมาเล่นบทร้าย ไม่กลัวเหรอ อย่างรุ่นพี่กิ๊ก สุวัจนี เดินตลาดไม่ได้เลยนะ แต่ตอนนี้แฟนละครเปิดกว้างมากขึ้น แล้วอีกอย่างบทร้ายผลตอบรับดีกว่าบทนางเอกอีกนะ จากนั้นก็เว้นไปเป็นปี มีละครคาดเชือกมาคั่นถึงจะมาเป็นละครลิขิตริษยาของพี่เอ ศุภชัย

เรื่องนี้ ถูกใจคนดูมาก คือในชีวิตนี้จั่นไม่เคยคิดเลยว่าจะมีรูปแท็กมาในไอจีที่เป็นภาพเรา (ซ่อนกลิ่น) อยู่ในจอทีวีแล้วมีเท้าของแฟนละครแนบมาที่หน้า ในใจตอนนั้นก็คิดนะว่าเขาสามารถทำกับเราได้ขนาดนี้เลยเหรอ เพราะสุสานคนเป็นยังไม่ถึงขนาดนี้ แต่พอมาลิขิตริษยาด่าหนักเลยค่ะ ซึ่งจั่นก็ดีใจนะ ที่แฟนละครชอบ และอินกับบทที่จั่นเล่น นั่นเท่ากับว่าเราเล่นได้เข้าถึงบทบาทของตัวละครตัวนั้นๆ

ส่วนเรื่องพริ้งคนเริงเมือง ตัวละคร 'พริ้ง' ที่จั่นเล่น แม้จะแรงถึงใจถึงอารมณ์ แต่สุดท้ายมันสอนคนดูได้หลายอย่าง ถ้าพริ้งมีสติในการคิดที่จะทำอะไร และพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ เธอก็จะมีความสุขตั้งแต่แรกกับหมอพินิจแล้ว นอกจากนั้นยังสะกิดให้เรากลับมาคิดถึงคนใกล้ตัว เห็นได้จากความรักที่พริ้งโหยหามาตลอดเป็นสิ่งที่พี่ช้อย พี่สาวของตัวเองมีให้ ซึ่งการได้เล่นละคร หลายๆ ครั้งก็ได้กลับมาย้อนดู และทบทวนตัวเองอยู่เหมือนกัน"

ลูกรักช่อง 7 ได้เล่นแต่บทเด่นๆ?

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตั้งแต่ย้ายสังกัดมาอยู่ช่อง 7สี หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม "จั๊กจั่น" ได้เล่นแต่บทเด่นๆ เรื่องนี้เจ้าตัวมีคำอธิบาย

"เราก็เคยถามทางช่องนะ ซึ่งเขาก็บอกว่าจั่นสามารถเล่นได้ตั้งแต่เด็กอายุ 14 ปีจนถึงอายุวัยเกือบ 40 ปี แต่น้องบางคนถ้าเอาเขามาเล่นก็เพิ่มอายุเขาเร็วเกินไป ขณะที่บางคนก็กังวลเรื่องภาพลักษณ์ ซึ่งจั่นไม่ได้กังวลตรงนั้น สุดท้ายเราก็โชคดีได้หมดทุกบท ส่วนตัวไม่ได้ซีเรียสกับกระแสถูกมองเป็นลูกรักนะ แต่ถ้ามองเป็นลูกชังอันนี้ก็คงซีเรียสหนัก (หัวเราะ)

ส่วนกระแสข่าวใช้เต้าไต่เกาะลูกชายผู้บริหารช่อง 7 เพราะหวังสบาย แถมยังถูกโยงไปอีกว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงได้รับแต่บทเด่นๆ กับกรณีนี้ เธอไม่อยากพูดถึงอีก เพราะเคยชี้แจงผ่านสื่อไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นทั้งงง ทั้งเสียความรู้สึก ก่อนจะขอจบประเด็นนี้ด้วยการทิ้งท้ายให้เข้าใจตรงกันว่า "จั่นเล่นละครจากการนับหนึ่งถึงตอนนี้เข้าสู่ปี 15 แล้ว จั่นไม่อยากให้คนคิดว่าที่ได้บทดีๆ เพราะมีเส้นสาย หรือว่ามีปัจจัยสำคัญอย่างอื่น จั่นว่ามันไม่ใช่ จั่นใช้ความสามารถล้วนๆ"

จั่นที่เห็น อาจไม่ใช่จั่นที่เป็น

"เป็นคนไม่เรียบร้อย แต่หน้าดันหวาน คนก็เลยคิดว่าหน้าแบบนี้ต้องเรียบร้อยแน่ๆ พอได้มาเล่นร้ายคนก็จะแบบ...นี่คือตัวจริงของแกใช่มั้ย (เสียงสูงปรี๊ด) เวลาเล่นถึงได้ปลดปล่อยมันออกมาได้ดีขนาดนี้ (หัวเราะ) ซึ่งเอาจริงๆ จั่นไม่ใช่คนเรียบร้อย นิสัยไม่ได้หวือหวา แต่ไม่ใช่กุลสตรี ก็คือห้าวๆ เวลานั่ง หรือก้มก็ไม่ค่อยระวังเท่าไร บางคนบอกเจอจั่นคืออวสานโลกสวย มันขนาดนั้นเลยเหรอ (หน้างงๆ)"

นางเอกสาวลอกคราบตัวตนให้เห็นถึงบุคลิกที่ไม่ใช่อย่างที่ใครหลายคนคิด และยิ่งได้ฟังเรื่องราวการเลี้ยงดูในครอบครัวก็ยิ่งเข้าใจที่มาของบุคลิกดังกล่าวมากขึ้น

"ต้องบอกก่อนว่าพ่อจั่นเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่จั่นอายุ 2 ขวบครึ่ง แม่จั่นจึงกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงเราและพี่ชาย ซึ่งแม่มักจะให้อิสระในการคิด และใช้ชีวิตค่ะ อาจจะด้วยความที่แม่เป็นนักเรียนนอก แต่ทั้งพ่อทั้งแม่จะให้ความสำคัญกับการเรียนมาก ตอนเข้าวงการ ท่านขอเลยว่าอย่าทิ้งเรื่องการเรียน ต้องเรียนให้ครบ 4 ปีตามกำหนด ซึ่งเราก็ทำได้ นอกจากนั้นท่านจะเคารพการตัดสินใจของเรา อย่างพอ 30 ปุ๊ป เธออยากจะถ่ายแฟชั่นชุดว่ายน้ำ เธอทำเลย ฝรั่งเขาก็ถ่ายกัน เพราะแม่รู้ว่าเรามีขีดจำกัดอยู่แล้ว"

เธอยังเล่าให้ฟังต่อว่า "แม่หัดให้ลูกๆ ดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก จั่นกับพี่ชาย เราห่างกัน 6 ปี พอจั่นขึ้นม.4 พี่ชายจบมหาวิทยาลัย และไปทำงานเมืองนอกเลย ดังนั้นจั่นจะถูกฝึกให้ขับรถเป็นตั้งแต่ม.4 จริงๆ ไม่ใช่เพราะความโก้หรูอะไร เพียงแต่แม่ให้หัดขับไว้ในยามฉุกเฉิน เพราะที่บ้านมีแต่ผู้หญิง เกิดแม่ป่วย หรือเป็นอะไรขึ้นมาตอนกลางคืนจะได้ดูแลกันเองได้ ซึ่งแม่จะเป็นนักวางแผนที่ดี ถึงวันนี้ก็โทร.คุยกัน โดยที่แม่ไม่เคยกดดัน ถ้าจะไม่แต่งงานก็ไม่ได้ว่าอะไร (หัวเราะ) นอกจากนั้นแม่จะเช็กเรตติ้งของลูกสาวอยู่ตลอด อย่างละครเรื่องล่าสุด แม่ก็แบบ..ว่าไงคุณพริ้ง (เลียนเสียงคุณแม่)"

ส่วนต้นแบบที่ได้มาจากแม่ คงจะเป็นเรื่องความเต็มที่กับงาน "แม่เหนื่อยเพื่อลูกๆ มามาก แม่ทำงานเต็มที่ ตอนนั้นแม่เป็นผู้จัดการแบงก์ ทุกอย่างที่เราได้มาก็เพราะความเสียสละของผู้หญิงคนนี้ เพราะตอนเด็ก จั่นไม่เคยอยากได้อะไรแล้วไม่ได้นะ อยากเรียนบัลเล่ต์ได้เรียน อยากเรียนกวดวิชาได้เรียน อยากเรียนเปียโนได้เรียน อยากเรียนรำไทยได้เรียน พี่ชายแม่ก็เต็มที่ไม่ต่างจากเรา ปัจจุบันพี่ชายจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ตอนนี้กลับจากอเมริกามาทำธุรกิจของตัวเอง ส่วนจั่น หลังเริ่มเข้าวงการตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 เราก็ไม่ได้ใช้เงินท่านแล้ว"

แม้บางช่วงบางตอนจะเคยรู้สึกน้อยใจแม่บ้าง แต่พอนึกย้อนกลับไปก็ตลกตัวเองอยู่เหมือนกัน "เคยรู้สึกน้อยใจแม่ว่าทำไมไม่เคยพาไปส่งที่โรงเรียน แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มองว่า โรงเรียนก็อยู่ในหมู่บ้าน ไม่ได้ไกลอะไรเลย (หัวเราะ)" พูดจบก็เผยความลับที่น้อยคนมักจะรู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ชวนสตั้นท์ไป 3 วินาที

"เคยเป็นทอมตามแฟชั่นสมัยเรียนโรงเรียนหญิงล้วน" นางเอกสาวบอก "แต่ตอนนี้ชอบผู้ชายนะคะ (ยืนยันเสียงแข็ง) ส่วนวีรกรรมสุดแสบก็คือการชวนเพื่อน 11 คนโดดเรียนไปนอนตากแอร์ที่บ้าน ด้วยเหตุผลเพราะว่าอากาศมันร้อน สุดท้ายครูตามมาที่บ้าน เพราะบ้านอยู่ในซอยโรงเรียน"

ความรักไม่ผิด ผิดที่พลาดเอง!

แม้ชีวิตจะผ่านเรื่องราวดรามาอะไรมามาก แต่บทเรียนความรักที่เคยตกเป็นข่าวใหญ่ครั้งนั้น เธอบอกว่า "เจ็บและจุก" ไม่มีวันลืม

"พอเราย้อนกลับไปช่วงกระแสจั๊กจั่น ชาคริต คืออายุมันน้อยมาก เพิ่งเรียนจบมาแค่ปี สองปี ตอนนั้นยอมรับว่าคิดน้อยไป คิดแค่ว่า พี่โบ ชญาดา มีน้องอชิ น่ารักจังเลยแล้วก็โตทันกันด้วย หรือพี่ปิ่น เก็จมณีก็มีลูกโตทันกัน ซึ่งเราก็อยากจะมีบ้าง แต่ไม่ว่าจะด้วยประการใดก็ตาม มันผิดพลาด ไม่สำเร็จไปแล้ว จั่นก็เลยรู้สึกว่า ไม่เป็นไร อนาคตเริ่มต้นใหม่

หลังจากย้ายมาอยู่ช่อง 7 ก็ทำงานเก็บเงิน ซื้อบ้าน ซื้ออะไรเป็นของตัวเอง กระทั่งมาเจอน้ำท่วมปี 2554 จ้า (ลากเสียงยาว) จั่นก็เลยรู้สึกว่า บทเรียนในชีวิตฉันเยอะเหลือเกิน ซื้อบ้านหลังแรกก็ขโมยขึ้นบ้าน ไม่กี่เดือนก็น้ำท่วมใหญ่ เดือดร้อนขนาดหาน้ำในร้านสะดวกซื้อไม่มีอ่ะ สุดท้ายมันก็เลยคิดได้ว่า ถ้าเรามีลูก เราก็คงต้องมีความรับผิดชอบในชีวิตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมันไม่เหมือนในละครที่จะแต่งงานกันแล้วแฮปปี้เอนดิ้ง บางคู่แต่งงานแล้วไง..ใช่มะ

ตอนนี้จั่นรู้สึกว่าไม่ได้อยากมีลูกแล้ว ยังสนุกกับงาน ดังนั้นมันก็เลยไม่ได้ซีเรียสว่า เดี๋ยวไข่ฉันจะฝ่อ ฉันจะต้องรีบมีลูกนะ บางคนก็แซวอีกว่า ถ้าเกิดอยากมี ก็เอาไข่ไปฝากที่โรงพยาบาลได้ ปัจจุบันอายุเข้า 35 ปี ถ้าเกิด 36 ปีไม่มีลูก ก็คงไม่มีแล้ว เพราะเราค้นพบความสุขในชีวิตแล้ว"

...รอคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่

ดังนั้น เมื่อถามถึงความโสด นางเอกสาวพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า โสดอย่างมีคุณภาพแบบได้มาตรฐานไอเอสโอ

"ถ้ามีแฟน จั่นเป็นคนที่แคร์แฟนมากนะ ถ้าแฟนบอกไม่ให้เล่นเลิฟซีน จั่นก็ไม่เล่นนะ อย่างที่ผ่านมา มีนะไม่ใช่ว่าไม่มีคนเข้ามาคุย พอเขาถามว่าทำไมต้องเล่นบทเลิฟซีน เราก็เลยรู้สึกว่า อ้าวอีนี่ เริ่มเยอะละ คือจั่นไม่ใช่คนหวือหวาอยู่แล้ว เราทำงาน เรามีขอบเขต ทุกวันนี้ความรักยังเป็นสิ่งที่ดี และสวยงาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกอย่างมีทั้งด้านดี และด้านลบ

ความรักในอดีตสอนให้รู้จักระวังในรักครั้งใหม่ๆ ไม่มีใครดี 100 เปอร์เซ็นต์ ขนาดตัวเรายังดีไม่ 100 เปอร์เซ็นต์เลย ที่ไม่มีแฟน หรือมีใคร ไม่ใช่ว่าเกลียด หรือเข็ดในเรื่องความรัก แต่ต้องดูให้มากขึ้น เพราะเมื่อก่อนเราใช้อารมณ์ ใช้แค่ใจคิดอย่างเดียว คิดว่าเขาคือคนใช่ แต่จริงๆ แล้วคนที่ใช่เขาจะมาในเวลาที่ใช่เอง"

สุดท้าย "ไม่ได้เจ็บมาเยอะ แต่เจ็บตอนนั้นมันคือเจ็บหนัก" นี่คือสิ่งที่เธอบอก ซึ่งถือเป็นบทเรียนที่จะขอจำไปจนวันตาย "ถามว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมั้ย ใช่ค่ะ มันสอนให้เรารู้จักมีสติ และคิดให้รอบคอบมากขึ้น ไม่ใช่ทำตามใจเหมือนคุณพริ้ง (น้ำเสียงสดใสกลับคืนมา) อยากแต่งกูแต่ง ตอนนี้เจออดีต (ชาคริต) ก็ปกติค่ะ เจอกันก็เฉยๆ เพราะเรื่องมันผ่านมานานหลายปีแล้ว"

ส่วนอนาคตในวงการบันเทิงก็คงเล่นละครต่อไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับชีวิตส่วนตัวที่ขอมีความสุขกับครอบครัว และน้องหมา น้องแมวที่บ้านจำนวน 13 ตัว แบ่งเป็นแมว 11 ตัว สุนัขอีก 2 ตัว ซึ่งเคยมีความคิดอยากจะเปิด "แคตคาเฟ่" แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีจึงพักเอาไว้ก่อน ปัจจุบันนอกจากงานละครแล้วยังขายลูกบอลดับเพลิงควบคู่ไปด้วย

"ถ้างานดี มั่นคง ต่อให้มีความรักในอนาคต หรือใครจะมาทายว่าดวงเราจะลักกี้อินเกม ไม่ลักกี้อินเลิฟ ในความคิดตอนนี้ ทำงานเก็บเงิน และสตรองแบบสวยเลือกได้ดีกว่า" พูดจบก็บอกสั้นๆ ด้วยน้ำเสียง และท่าทางสุดมั่นว่า "แล้วไง...ใครแคร์"


ชื่อ-สกุล : อคัมย์สิริ สุวรรณศุข ชื่อเล่น : จั๊กจั่น

วันเกิด : 10 มิถุนายน พ.ศ. 2525 อายุ : 34 ปี

การศึกษา : มัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟทิพวัล และจบปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ผลงานปัจจุบัน : พริ้งคนเริงเมือง รับบทเป็นพริ้ง ออกอากาศทางช่อง 7 สีทุกวันพุธ-พฤหัสบดีเวลาประมาณ 3 ทุ่ม

รางวัลที่ได้รับ : รางวัลจิตอาสา 2554, รางวัลสตรีดีเด่น ปี 2556, รางวัลช่อสะอาดประจำปี 2556 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่องขุนเดช, รางวัล สยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ 2014 สาขา สตาร์เซ็กซี่ จากละครสุสานคนเป็น, รางวัลพระราชทานระฆังทอง ปี 2557, รางวัลดาวเมขลา สาขาดาราศิลปินเจ้าบทบาทดีเด่นยอดเยี่ยม ปี 2557 จากละครสุสานคนเป็น

นอกจากนั้นยังมีรางวัล "เพชรละคร" ครั้งที่ 1 ประจำปี 2557 เพชรนักแสดงสมทบหญิง จากละครสุสานคนเป็น ปี 2557, Mthai Top Talk about 2015 สาขานักแสดงหญิงที่ถูกพูดถึงมากที่สุด จากละครสุสานคนเป็น, Fever Awards 2016 รางวัลนักแสดงนำหญิงสาขาละครโทรทัศน์ฟีเวอร์ จากละครลิขิตริษยา