Inside Dara
แพนเค้ก-พี่หมี หวาน รักคือการเติมเต็มกันและกัน

เป็นคู่รักที่เอาใจใส่กันเสมอต้นเสมอปลาย สำหรับ นางเอกสาว แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ และ พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ หรือ “สารวัตรหมี” เพราะเมื่อเห็นสาวแพนเค้กที่ไหน ก็จะมีสารวัตรหมีตามไปให้กำลังใจ และเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวอยู่ไม่ห่าง เนื่องในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ปีนี้ “ดาวต่างมุม” เลยขอนัดทั้งคู่มาพูดคุยถึงเรื่องราวดี ๆ ตลอดเวลา 3 ปีที่คบกันมา ที่ร้าน “ขนมสมหมาย” ธุรกิจใหม่ของครอบครัวจามิกรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการ เดอะจังชั่น ถนนนวมินทร์ ส่วนสัมภาษณ์ครั้งนี้จะหวานกว่าขนมในร้านหรือเปล่านั้นคงต้องไปพิสูจน์พร้อม ๆ กัน

ช่วงนี้งานเป็นอย่างไรบ้าง?

แพนเค้ก : ตอนนี้แพนมีละครเรื่อง “แหวนสวาท” และ “รักเร่” ที่กำลังถ่ายทำอยู่ แว่วมาเร็ว ๆ นี้แหวนสวาทจะได้ออนแอร์ก่อน นอกจากละครแพนก็ยังมีงานหนัง เป็นแนวคอมเมดี้ เล่นกับพี่ เบน ชลาทิศ ถือเป็นครั้งแรกที่แพนได้ทำอะไรที่ไกลตัวเองแบบนี้ ลุคไม่ใช่แบบที่เคยเห็นกันเลยค่ะ ก็สนุกดี ทีมงานน่ารักมาก ส่วนเรื่องของธุรกิจตอนนี้ก็มี “ยาสตรีโหรทศพรโอสถ” มีร้าน “เทดดี้ เฮาส์” ที่สยามสแควร์ ซอย 11 ส่วนร้าน “ขนมสมหมาย” กำลังทำอยู่ค่ะ ชื่อนี้เป็นชื่อของคุณยาย ท่านมีความฝันว่าอยากจะทำร้านขนม พอคุณยายเสีย คุณตาก็คิดว่าอยากมีร้านไปทานอาหาร ทานขนมกับเพื่อน ๆ เราเลยทำร้านขนมนี้ขึ้นมา ให้น้อง มิกิ-อิงกมล น้องสาวแพนเป็นคนดูแล เพราะเขาชอบทำขนม แล้วพี่หมีก็มาช่วยทำเมนูให้ค่ะ

สารวัตรหมี : ไม่จริงหรอกครับ อะไรหยิบจับได้ เราก็ช่วยทำมากกว่า (ยิ้ม)

แพนเค้ก : เป็นเชฟจำเป็นค่ะ

เห็นสารวัตรหมีออกงานคู่แพนเค้กบ่อยๆ ชินหรือยังกับการมีแฟนเป็นดารา?

สารวัตรหมี : อันนั้นชินแล้ว แต่อย่างอื่นยังไม่คุ้น ยังไงก็ไม่คุ้นหรอก ก็ยังเขิน ๆ (ยิ้ม)

แพนเค้ก : อย่ายิ้มแบบนี้ (หัวเราะ) เดี๋ยวนี้คนรู้จักพี่หมีมากกว่าแพนอีกนะคะ เวลาไปไหนด้วยกัน แล้วคนจำแพนไม่ได้ หรือไม่แน่ใจ แต่พอหันไปเห็นพี่หมี เขาจะมั่นใจเลยว่านั่นไง แพนเค้ก อย่างสมัยก่อนที่ไปทำงาน พี่หมีจะเป็นคนดูแลความเรียบร้อยของแพน และคุณแม่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้วนะคะ ต้องมีคนดูแลพี่หมีอีกทีนึง เพราะว่าพี่หมีหายไปแล้ว โดนขอถ่ายรูปอยู่

ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาเอกด้วยกันด้วย?

แพนเค้ก : ใช่ค่ะ เรากำลังเรียนอยู่ที่คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นการเรียนเพื่อพัฒนาบุคคลในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เป็นความรู้ใหม่ ช่วย ๆ กันเรียน มีพี่น้องที่รู้จักกันมาเรียนด้วย เรียกว่าเป็นทีมเวิร์ก

สารวัตรหมี : ผมว่าโอเคนะ สิ่งที่เราเรียนเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวอยู่แล้ว ใช้เวลาเข้าชั้นเรียนปีเศษ ๆ ต.ค. นี้ก็เสร็จแล้ว ที่เหลือก็เป็นดุษฎีนิพนธ์ จะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเรา

ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง บริหารเวลาอย่างไรให้มาเจอกัน?

สารวัตรหมี : ใครมีเวลาว่างตรงไหน ก็จะเอาเวลาในช่วงนั้นไปให้อีกคนหนึ่งครับ สมมุติว่าแพนว่างช่วงเที่ยง เขาก็จะไปวน ๆ แถวที่ทำงานผม จะได้ทานข้าวด้วยกัน แล้วถ้าช่วงเย็นเขาอยู่ตรงไหน ผมก็จะขับรถไปหาเขา แต่ละวันเราจะคุยกันว่าพรุ่งนี้แพนทำอะไร อยู่ตรงไหน แล้วถ้าสิ่งที่ผมทำสามารถมาเจอกับแพนได้ไหม สิ่งที่แพนทำสามารถมาเจอกันได้หรือเปล่า ซึ่งไลฟ์สไตล์เราสองคนจะคล้าย ๆ กัน คือชอบออกกำลังกาย และชอบหาอะไรอร่อย ๆ ทานกัน

แพนเค้ก : อย่างเวลาที่เห็นเราไปช่วยกันทำงานต่างจังหวัด คือคิวเราตรงกัน ไม่ใช่วันที่พี่หมีต้องทำราชการ ไม่ใช่วันทำงาน ก็จะสามารถหากิจกรรมที่เราทำได้

สื่อตั้งฉายาให้เราสองคนว่า “คู่รักนักบุญ”?

แพนเค้ก : แพนชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว คุณแม่แพนจะเน้นมากว่าถ้าเราทำได้ให้ทำ เพราะเรื่องราวแบบนี้ไม่มีโอกาสได้ทำกันง่าย ๆ ไม่ควรจะนิ่งเฉยไป เราเลยมีโอกาสได้ทำบุญกันอยู่เสมอค่ะ

สารวัตรหมี : พอเรารู้ปุ๊บเราจะไม่ค่อยปฏิเสธ เหมือนดีใจที่ได้ไปร่วมทำบุญด้วย เวลาทำก็เหมือนเราหยอดกระปุก ทำได้เรื่อย ๆ แล้วมีกิจกรรมอันนึงที่แพนเขาไปทำ เละโคลน เละดิน กระโดดลงไปปลูกข้าว คือถ้าเป็นเราคงคิดก่อน แต่อะไรที่แพนมองว่าเป็นโครงการที่ดีเขาจะทำเลย

ช่วงที่ผ่านมาเห็นว่าสารวัตรหมีป่วย ถึงขนาดต้องผ่าตัด?

สารวัตรหมี : เกิดจากการใช้รองเท้าออกกำลังกายผิดประเภทครับ พอสะสมเป็นเวลานาน เลยทำให้เส้นเลือดฝ่าเท้าแตก ต้องพักเป็นเวลา 2 เดือน กว่าจะเดินเหินได้ปกติ ตอนแรกเรารู้แค่ว่าเท้าเจ็บ พอไปหาหมอ หมอบอกเดี๋ยวนั้นเลยว่าผ่าเถอะ ผมก็คิดว่ายังไงดี ก็โทรฯมาปรึกษาเจ้านายผมคือน้องแพน (มองหน้าแพนเค้ก) ว่าให้ผ่าหรือเปล่า

แพนเค้ก : มีงานที่ต้องทำด้วยกันอีกหลายงานมากเลย แต่ถ้าไม่ผ่าเนี่ยจะแย่กว่าเดิม เพราะจะเดินไม่ได้ แล้วพี่หมีเป็นกำลังสำคัญ ทั้งของแพน และของคุณแม่ เราก็ถามว่าเอายังไงเนี่ยพี่หมี เลยต้องให้ผ่า ก่อนหน้านี้จากที่แพนปฐมพยาบาลไม่เป็น ตอนนี้ก็ทำได้หมดแล้ว แต่เขาก็พยายามจะเดินเหิน หรือหยิบจับอะไรที่ทำได้เองค่ะ

เห็นหวาน ๆ อย่างนี้เคยงอนกันบ้างไหม?

แพนเค้ก : เยอะค่ะ (ยิ้ม) ด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มากกว่า บางทีเป็นรายละเอียดที่เราเผลอมองข้ามไป เราไม่รู้ว่าสำหรับเขาเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้กันพอสมควร แต่แพนจะบอกเสมอว่ามีอะไรต้องบอก จะได้มาคุยกัน

ส่วนใหญ่ใครงอน แล้วใครง้อ?

หันหน้ามองกันแล้วหัวเราะ ก่อนแพนเค้กจะตอบว่า : สลับกัน แล้วแต่เรื่องค่ะ

สารวัตรหมี : แพนเคยงอนด้วยเหรอ (หัวเราะ) คือถ้าเวลาเขางอน เราจะเข้าไปเล่น เข้าไปยิ้ม หรือไม่ก็ใช้เจ้าคัพเค้ก (น้องหมาของแพน) เป็นสื่อกลาง ให้อารมณ์ดีก่อน ส่วนถ้าแพนง้อผม แค่เขายิ้มก็หายงอนแล้วครับ

แพนเค้ก: ไม่จริงเลยค่ะ (ยิ้ม) เวลาพี่หมีงอน แพนต้องชวนเขาคุยโน่นคุยนี่ เพราะบางทีเขาก็เก็บไว้ ไม่ยอมพูด แต่เวลาพูดทีนึงนี้พรั่งพรูชุดใหญ่เลยค่ะ แล้วพี่หมีบางทีอารมณ์เสียปุ๊บ สักแป๊บนึงอารมณ์กลับแล้ว เราตามไม่ทัน ตกลงตอนนี้เป็นยังไงเนี่ย แต่นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้กันว่าอะไรที่ทำให้ไม่พอใจกัน หรืออึดอัดใจ อย่าทำให้มันเกิดขึ้น แล้วอย่ามาปึงปังใส่กัน เพราะเราทุกคนมีเวลาจำกัดเนอะ เราควรทำเวลาให้มีคุณค่าที่สุด

สารวัตรหมีเป็นคนขี้หึงไหม?

แพนเค้ก : ไม่เท่าไหร่นะคะ (ยิ้มแล้วหันไปถามสารวัตรหมี เป็นคนขี้หึงหรือเปล่าคะ)

สารวัตรหมี : มีอยู่แล้ว ผมว่าทั้งผู้ชาย ผู้หญิงมีหมดแหละ แต่เราต้องอยู่พื้นฐานของความเข้าใจ

แพนเค้ก: เราต้องคุยกันในเรื่องของการทำงานและอาชีพของเรา แต่เราเองก็ต้องจริงใจ และซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมากับสิ่งที่เราทำด้วย ไม่งั้นเราจะมีแต่ความหวาดระแวงกันตลอดเวลา เช่นงานบางอย่างของแพนอาจจะมีคอนเซปต์ที่ต้องเซ็กซี่บ้าง เราก็ต้องคุยกัน เดี๋ยวนี้มีอะไรก็จะส่งรูปให้ดูว่ามันเป็นแบบนี้นะ ไม่ใช่ว่าเรากลัว แต่เราก็อยากให้เขาได้เห็นได้ดูก่อน บางทีเขาก็มีถามบ้าง ว่าวันนี้ไปทำงานมาเป็นยังไง ซึ่งก็ดีค่ะ เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ว่าเขาอยากรู้เกี่ยวกับงานที่เราทำหรือเปล่า

ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน เจอกันได้อย่างไร?

สารวัตรหมี : เราเจอกันครั้งแรกในงานคอนเสิร์ตที่สนามหลวง เขามาช่วยงานในฐานะศิลปินมาร้องเพลง ส่วนผมเป็นโปรดิวเซอร์เวทีดูเรื่องคิว วันแรกที่เจอผมยังไม่รู้เลยว่าเขาคือใคร เดินสวนกันไปมา มาเจอกันอีกทีช่วงน้ำท่วม เพื่อนผมบอกว่าเดี๋ยวจะพาเพื่อนมาด้วย ปรากฏว่าเป็นแพนลงพื้นที่ไปช่วยคนที่โดนน้ำท่วมด้วยกัน ตอนนั้นเริ่มสงสัยว่าทำไมมีคนขอถ่ายรูปเยอะจัง เลยถามเพื่อน เลยโดนเพื่อนต่อว่า ว่าเป็นคนเดียวในประเทศที่ไม่รู้จักเขา

คบกันมา 3 ปีแล้ว ประทับใจอะไรซึ่งกันและกัน?

สารวัตรหมี : แพนเขาเป็นคนเรียบง่าย เป็นคนน่ารัก เป็นคนที่ไม่ถือตัว สบาย ๆ เข้าได้กับทุกสถานการณ์ แล้วก็เป็นคนใส่ใจรายละเอียด คอยดูแล เป็นน้ำอีกครึ่งแก้วของผม นี่ถ้าแอบถามเขาต่อ เขาไม่ต้องไปไหนแล้วนะ (หัวเราะ)

แพนเค้ก : สำหรับแพน พี่หมีเป็นคนมีระเบียบค่ะ (ยิ้ม) เป็นคนทำอะไรจริงจังมาก อาจจะด้วยหน้าที่การงานของเขา พอมาเจอกับเราที่ทุกอย่างชิลไปหมด ก็ต้องปรับกันพอสมควร เขาเป็นคนใส่ใจรายละเอียด ไม่ใช่เฉพาะกับแพน แต่กับครอบครัวแพนด้วย เขาจะรู้ว่าใครชอบทำอะไร ชอบไปไหน ซึ่งเขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย จากวันที่เจอกันจนมาถึงวันนี้ ก็ยังทำให้เต็มที่เหมือนเดิม แล้วเขามีความเป็นผู้ใหญ่กว่า บางทีนอกเหนือจากงานที่เราทำ เขาก็ช่วยแนะนำ ช่วยเติมให้

แล้วมาถึงตอนนี้ใกล้จะมีข่าวดีหรือยัง?

สารวัตรหมี : เป็นคำถามยอดฮิต (หัวเราะ) เราก็ตอบเหมือนเดิม คือเรียนให้จบก่อน ผมเองไม่ได้มีแพลนในใจ แต่คิดว่าแต่งเมื่อพร้อมดีกว่า เพราะช่วงเวลาที่เราเดินมาด้วยกันก็ยังน้อยอยู่นะ แค่ 2-3 ปี ต้องมีการเรียนรู้กันต่อไป อย่าเพิ่งไปกะเกณฑ์กับอนาคตข้างหน้า วันนี้เราตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานก่อน แล้วพอทุกอย่างเข้าที่และลงตัวปุ๊บ ก็จะไปสู่จุดหมายที่ควรจะเป็นเอง

ล่าสุดหมอดูทักว่าถ้าไม่แต่งในปีนี้อาจจะเลิกรากันไป?

สารวัตรหมี : เห็นข่าวแล้วครับ มีคนบอกเหมือนกัน แต่เราเฉย ๆ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

แพนเค้ก : แพนว่าที่เขาทักก็ดีในมุมที่ว่าเราจะได้ยิ่งดูแลกันให้ดีที่สุด เวลามีอะไรจะได้มาบอกกัน เพราะไม่มีใครเพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราไม่ต้องรับทุกด้านทุกมุม เลือกรับในมุมที่ดีก็จะอยู่กันอย่างมีความสุขกว่า ตอนนี้พูดอย่างนี้พูดได้ แต่ถึงเวลาจริง ๆ ลืม (หัวเราะ) หน้ามืดตามัวเป็นครั้งคราว ก็ต้องคอยบอกกันค่ะ

ปกติวาเลนไทน์มีเซอร์ไพร้ส์อะไรกันไหม?

แพนเค้ก : ปกติพี่หมีเขาจะมีทุกปีนะคะ เขาเป็นคนชอบวางแผน เขาจะมีมุมโรแมนติก เรื่องนี้ต้องยกให้เขา เพราะแพนจะมีน้อยกว่า

สุดท้ายฝากอะไรถึงคู่รักคู่อื่น ๆ หน่อย?

แพนเค้ก : ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันแห่งความรักแล้วกันค่ะ แพนว่าความรักเป็นพื้นฐานที่หล่อเลี้ยงจิตใจ ให้ทุกคนมีชีวิตยืนอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว พี่น้อง พ่อแม่ เพื่อน ความรักในงานที่เราทำ ในสิ่งที่เราทำ ถ้าไม่มีความรัก ชีวิตก็คงแห้งเหี่ยว ไปเหมือนกัน

สารวัตรหมี : เอาเป็นว่าเราควรจะเติมเต็มให้กัน เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พรุ่งนี้เราจะได้ตื่นมาเจอกับเขาไหม พรุ่งนี้เราจะได้บอกรักเขาหรือเปล่า เพราะฉะนั้นอะไรที่เราทำได้ทำไปเถอะ จะได้ไม่มาเสียดายทีหลัง ที่สำคัญก่อนที่เราจะรักคนอื่น เราต้องรักตัวเอง รักครอบครัวก่อน เพราะถ้าคุณยังรักตัวเองไม่เป็น รักพ่อแม่ไม่เป็น คุณจะไม่สามารถไปรักผู้หญิงหรือผู้ชายคนอื่นได้แน่นอน เพราะคุณจะไม่มีวันรู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงสัมผัสได้ถึงความรักและเรื่องราวดี ๆ ที่ทั้งคู่มีให้กัน ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสารวัตรหนุ่มคนนี้ถึงกุมหัวใจนางเอกของเราไว้ได้...