Inside Dara
"ตั๊ก"ปลงเนื้อหนังมังสา ใช้รูปร่างเกิดประโยชน์ต่อสังคม

กลับมามีกระแสอีกครั้ง สำหรับสาวอึ๋มผ่าซาก "ตั๊ก" บงกช คงมาลัย หลังลงแสดงในภาพยนตร์เรื่อง "จันดารา" เวอร์ชั่นของผู้กำกับฯ จอมละเมียด "หม่อมน้อย" ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล กับบท "น้าวาด" ที่ต้องพลิกคาแร็กเตอร์มาเป็นกุลสตรี๊กุลสตรีไทย

แต่พอไปดูในภาพยนตร์แล้วกลับฮือฮา เพราะ "ตั๊ก" ต้องแสดงบทอีโรติกชนิดที่คนดูคาดไม่ถึง

หายไปช่วงหนึ่ง พอกลับมาก็ดังเลย

ตั๊ก - "ตั๊กหายไปตอนแม่ไม่สบาย หายไป 2 ปีได้ เราก็คอยไปดูไปกับแม่ เพราะแม่ต้องไปร.พ.ทุกวัน ต้องไปกายภาพ เพราะแม่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจโรคเดียว เป็นปลายประสาทอักเสบ ความดัน เบาหวาน ไขมันอุดตัน ฯลฯ ด้วย จะจ้างคนอื่นก็ไม่รู้ว่าจะดูแลแม่เราดีเท่าเราหรือเปล่า ตอนนั้นตั๊กรู้สึกผิดด้วยก็เลยอยู่กับแม่ เพราะที่ผ่านมาเราทะเลาะกันค่อนข้างเยอะ ตอนนี้หมอบอกอาการแม่ดีหมดแล้ว รักษาอยู่อย่างเดียวเบาหวานกับความดัน พอแม่ดีขึ้น เราจะมานั่งเฝ้าแม่ แม่ก็บอกไม่มีงานทำ เหรอ (หัวเราะ) ไปทำงานบ้างไป๊ เราก็เออ ลืมไปเลย แล้วจะทำยังไงล่ะ ทิ้งตรงนั้นมานานมาก ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ติดต่อเลย พอดีมีละครเวทีผู้ชนะสิบทิศ แล้วก็รอบทที่ตรงกับเราด้วย"

แล้วมาเล่นหนัง "จันดารา" ได้อย่างไร

ตั๊ก - "มาจากหม่อมบอกเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) ว่าอยากทำหนังจันดารา ที่วางไว้มีตั๊ก อยู่ด้วย ตอนเข้าไปคุย หม่อมบอกว่าอยากให้ตั๊กเล่นเป็นน้าวาด ก็ถามหม่อมว่าแต่บทน้าวาดเรียบร้อยมากเลย นะคะ หนูจะเล่นได้เหรอ หนูไม่ใช่คนเรียบร้อย หม่อมบอกว่าได้สิ เดี๋ยวฉันทำให้เป็นเอง ตั๊กก็ถามว่า ภาพหนูแรงทำไมหม่อมมองหนูเรียบร้อย หม่อมก็บอกว่าฉันอาจจะมองไม่เหมือนคนอื่นก็ได้ เธอก็แรงไปสิ แต่เล่นหนังฉันอย่ามาแรง (หัวเราะ) ก็เป็นน้าวาดได้ด้วยการแต่งตัว ฉันทำให้ได้ แต่สิ่งสำคัญคือแอ๊กติ้ง ตั๊กก็เลยเข้าไปเรียนการแสดงกับหม่อม"

ตอนแรกหม่อมคุยยังไง เพราะบทค่อนข้างหวือ?

ตั๊ก - "หม่อมบอกว่าวรรณกรรมเรื่องนี้หวือหวานะ แต่หม่อมจะเล่าเรื่องเป็นแบบของหม่อม ซึ่งจริงๆ นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องกามอย่างเดียว มีอะไรมากกว่านั้น เป็นเรื่องของครอบครัวที่มีกรรมแล้วใช้เซ็กซ์เป็นเครื่องมือ จนทำให้ชีวิตมีจุดหักเหในทางไม่ดี เปรียบเทียบได้กับมนุษย์ ณ ปัจจุบัน กระทำอย่างไรก็ได้ผลอย่างนั้น หม่อมจะสื่อไปทางธรรมะให้เห็นว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว หม่อมก็อธิบายให้ฟัง"

พอฟังแล้วเข้าใจไหม?

ตั๊ก - "(หัวเราะ) ตอนนั้นไม่เข้าใจ รู้สึกว่ามันจะอยู่กันได้เหรอ ระหว่างเซ็กซ์กับธรรมะ มันคนละแบบเลย หม่อมบอกว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน มนุษย์เราพื้นฐานตั้งแต่เกิด มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร มนุษย์เราออกลูกออกหลานมาก็เรื่องอะไรล่ะ ก็ต้องมีเรื่องเซ็กซ์ เรื่องการสังวาส วิถีชีวิตคนตั้งแต่สมัยก่อนที่อยู่ตามฝาผนังในวัดมีวิถีชีวิตมนุษย์ให้เห็นเลยว่าเป็นอย่างไรตั้งแต่สมัยไหนแล้ว มันเป็นวิถีมนุษย์ที่มีต่อๆ กันมา ตรงนี้แหละที่ฉันจะถ่ายทอดให้เห็นว่ามนุษย์เรามีแค่นี้จริงๆ ถ้าไม่มีเรื่องของศิลปะที่จะมาทำให้จิตใจมนุษย์สูงขึ้น คือธรรมะกับธรรมชาติน่ะคล้ายกัน บางทีศิลปะอาจจะบำบัดมนุษย์ให้มีจิตใจที่ดีขึ้น มองอะไรที่สวยงามได้ ไม่อย่างนั้นมนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์"

พอต้องเล่นจริงๆ ต้องถอดต้องเปิดเห็นหมดขนาดนั้น มีการคุยกันไหม?

ตั๊ก - "ก็คุยกันทุกฉาก อย่างฉากที่ให้จันดูดนมตอนเด็ก เพราะเห็นว่าจันขาดแม่ ขาดความอบอุ่น แล้วด้วยความที่เราสงสารเขาเวลาที่ถูกพ่อตี แล้วเขาอยากกอดแม่ เรารักเด็กคนนี้ หม่อมก็อธิบายว่าทำไมต้องทำ"

"ส่วนซีนเปลือยหมดตรงใต้ต้นไม้เป็นเรื่องของหนุ่มสาว ตั๊กอ่านในวรรณ กรรมแล้ว วรรณกรรมเขียนบรรยายให้เห็นเป็นภาพเลยว่าเป็นแบบนี้ แล้วหม่อมก็อยากทำให้จริงๆ หม่อมอาจจะมองเห็นว่าเป็นภาพความรักบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้น"

ทำไมเชื่อใจหม่อมขนาดนั้น?

ตั๊ก - "อาจเป็นเพราะตั๊กชอบงานหม่อม ชอบความคิดหม่อม หม่อมเป็นครูที่คอยสอนเรา และเรื่องการแสดงศิลปะเนี่ย เท่าที่ตั๊กเรียนมาก็มีพื้นฐานคล้ายกันกับที่หม่อมสอน แล้วหม่อมพูดถูกทุกอย่างเรื่องแอ๊กติ้ง หม่อมสอนในแบบง่ายๆ ให้เราเข้าถึงง่ายมาก แล้วเราก็ทำได้ เราเลยเชื่อหม่อม พอเรามาลองทำแล้วมันก็จริง อย่างการแสดงอารมณ์ต่างๆ มองในมุมเดียวกันน่ะค่ะ ตั๊กก็ชอบงานศิลปะ แล้วตั๊กชอบในแบบที่หม่อมชอบ"

แต่ละคนพื้นฐานการมองต่างกัน พอภาพออกมายิ่งตอกย้ำไหมว่าตั๊กเล่นโป๊อีกแล้ว?

ตั๊ก - "คือตั๊กคิดแค่ว่าเมื่อเราเข้ามาอยู่ในการแสดงแล้ว ถ้าเรามีกล่องเหมือนตีกรอบ มันก็จะไม่ใช่งานศิลปะ งานศิลปะจริงๆ ต้องไม่ถูกตีกรอบ ไม่ถูกปิดกั้น ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามฟีล แต่มันต้องสวย คือศิลปะต้องสวยและดูแพง แพงคือดูเลิศเลอ มีคุณค่า ดูเหนือชั้นล้ำค่านั่นคืองานศิลปะ"

"ตั๊กรู้สึกว่าหม่อมทำหนังเรื่องนี้ออกมาดูเลิศเลอ ดูแพง เป็นผลงานชิ้นโบแดง ดูแล้วไม่แพ้ อ.จักรพันธ์ โปษยะกฤต เลยด้วยซ้ำถ้าเปรียบเป็นภาพวาด ทำไมเราจะไม่ชอบในเมื่องานดีขนาดนี้ แล้วเราเป็นคนคนหนึ่งที่ชอบงานศิลปะ เพียงแต่บางคนอาจจะไม่เข้าใจ แบ่งแยกไม่ถูกว่าอันไหนเป็นงานศิลปะ อันไหนเป็นอนาจาร เพราะมันใกล้กันมาก และก็จะมีบางพวกที่ไม่ใช่งานศิลปะเลย ดูแย่ แต่มาพูดกันว่าเป็นงานศิลปะ เพื่อให้ตัวเองดูดี ซึ่งมันทำให้คนที่ทำงานศิลปะจริงๆ ดูเสียหาย"

"บางทีเราทำอะไรออกมาแล้วดี อยากให้คนได้ ชมสิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นงานศิลปะ กลับกลายเป็นว่าคนบางจำพวกที่ดูไม่เป็นแล้วมาวิจารณ์ว่าน่าเกลียด อี๋ ลามกจกเปรต อะไรอย่างเนี้ย แล้วยังไงอ่ะ ถ้าลามกก็คงลามกกันหมดแล้วมั้ง อย่างนี้พ่อแม่คุณก็คงลามกด้วยหรือเปล่า"

รู้สึกอย่างไรบ้างหลังหนังฉายไปแล้ว?

ตั๊ก - "ชอบค่ะ ดีมากๆ หม่อมเล่าละเอียด เราห้ามเรื่องเซ็กซ์ไม่ได้หรอก เด็กอายุ 12 ไม่จำเป็นต้องมีหนังจันดาราก็ท้องแล้ว คือถ้าจะมองกันอย่างนี้นะ"

"แต่จันดาราที่หม่อมทำเนี่ยอยากให้มองเห็นสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด อันนี้ผิดนะ ถ้าจะทำก็ทำในแบบที่ถูกสิ จะมีเซ็กซ์ก็มีในแบบที่ถูกต้อง คือหม่อมทำให้เห็นว่าตอนนี้โลกหมุนไปเร็ว ก้าวหน้ามากขึ้น กับเด็กเราจะไปสอนอะไรเก่าๆ เขาคงไม่ฟังหรอก เราต้องทำให้เห็นว่าสิ่งไหนควรไม่ควรแล้วทำให้เขาเชื่อว่ามันมีเหตุและผลจริงๆ คือหนังเรื่องนี้เด็กดูได้และควรดูแต่ต้องมีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำนะ แล้วเขาจะรู้ว่า เขาจะทำยังไง แล้วชีวิตเขาไม่เสีย"

ถ้ามีงานแบบนี้เข้ามาอีก จะรับไหม?

ตั๊ก - "ตั๊กยอมรับนะว่าตั๊กเล่นหนังที่มีภาพหวือหวาเกือบทุกเรื่อง บางทีเพื่อนตั๊กยังถามเลยว่าทำไมตั๊กถึงกล้าเล่น ซึ่งจริงๆ เราเกิดจากหนังนักรบนะ หนังบางระจัน แล้วอยู่ดีๆ มันอะไรเนี่ย งงมากเลย เราก็บอกว่าด้วยความที่ตั๊กเข้าใจ คือตั๊กจะแก้ผ้าหรือเปลือยแต่ละทีตั๊กจะดูที่เรื่อง อย่างเราควรทำไหม มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีเหตุผลแค่ไหน อย่างตอนนี้ตั๊กมองลึกลงไปอีกว่า ร่างกายเราเป็นแค่ดิน น้ำ ลม ไฟ พอตายไปเอาไปเผาก็เป็นผงๆ คือเนื้อเราน้ำเลือดน้ำหนองสลายไป เป็นรูปร่างไม่มีแล้ว"

"ถ้าพูดว่าในชีวิตหนึ่งเราควรเอารูปร่างมาใช้ประโยชน์ก็ได้ ถ้าอันนั้นใช้แล้วเกิดประโยชน์จริงๆ หนึ่งเราได้งานได้เงินมากินมาใช้ เราก็ต้องทำประโยชน์ให้สังคม อย่างหนังเรื่องนี้มีประโยชน์แน่นอน มันไม่ได้เห็นแค่มุมโป๊ แต่จะมีมุมชีวิต มุมธรรมะ สอนคน คนบางคนอาจจะไม่เข้าใจถึงจุดที่ข้ามเส้นระหว่างธรรมะกับเนื้อหนัง เขามองไม่ถึง ก็เป็นธรรมดา ตั๊กคิดอย่างนี้เลยรู้สึกว่าระหว่างที่ยังเต่งตึงอยู่ก็เอามาทำมาหากิน"

"ตั๊กมองเนื้อหนังเป็นเรื่องธรรมชาติ มนุษย์เราถ้าไม่ใส่เสื้อผ้าก็เหมือนกันหมด (หัวเราะ) อยู่ที่คนมองว่าจะเห็นคุณค่ามากน้อยแค่ไหน"

จะอยู่เบื้องหน้าไปอีกนานขนาดไหน?

ตั๊ก - "คิดว่าอายุ 40 ก็น่าจะเลิกแล้ว ตอนนี้อายุ 27 ปีแล้วค่ะ"

แล้วงานเบื้องหลังล่ะ เห็นว่ากำกับหนังยาวแล้ว?

ตั๊ก - "ค่ะ เรื่องนางฟ้า ถ่ายเสร็จแล้ว ตัดต่ออยู่ ที่ได้มาทำเพราะก่อนหน้านี้ตั๊กทำหนังสั้นเรื่อง "ปาย อิน เลิฟ" แล้วประสบความสำเร็จ จากนั้นก็ขยับมาทำหนังใหญ่เรื่องนี้แหละ ซึ่งหนังจะเข้าปีหน้า ประมาณเดือนก.พ.ค่ะ"

เห็นว่าเรื่องนี้ทำงานกับหญิง-รฐา โพธิ์งาม มีข่าวกระทบกระทั่งกัน?

ตั๊ก - "ไม่มีอะไรค่ะ เป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะไม่คุยกัน แคร์ความรู้สึกกันมากไป อย่างเขาคิดน้อยใจเราไม่รู้ ถามว่ารุนแรงขนาดไหม สำหรับตั๊กไม่เลย ตั๊กเพิ่งมารู้พร้อมนักข่าวว่าเขาน้อยใจ ก็เขาไม่บอก แต่ตอนนี้เคลียร์กันแล้ว"

ตอนนี้ดูใจเย็นลงเยอะ?

ตั๊ก - "ด้วยความที่อารมณ์ตั๊กเป็นแบบนี้ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง จุดนี้มันได้อย่างเสียอย่าง เวลาที่ตั๊กแสดงอะไรก็ตามคนบอกว่าแสดงได้ดีจังเลย เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวนิ่ง เดี๋ยวโกรธ นั่นเพราะอารมณ์เปลี่ยนได้ตลอด จนบังคับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ก็มี ฉะนั้นตั๊กจึงต้องอยู่ในธรรมะเพื่อให้คอยควบคุมสติว่าอันไหนคือชีวิตจริง อันไหนคือการแสดง"

เริ่มเข้าสู่ธรรมะได้ยังไง?

ตั๊ก - "เกิดจากแม่ป่วยเลยไปขอพรที่วัดปากน้ำให้แม่หาย อย่างตอนวัยรุ่นตั๊กจะเอาความฝันตัวเองเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ความฝันของตั๊กคืออยากมีเงิน ทำยังไงก็ได้ให้ไปถึงจุดนั้น แต่พอตั๊กได้เข้าวัด จากจุดเริ่มต้นขอพรให้แม่หายป่วย พอแม่ดีขึ้นตั๊กรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มีจริง ยิ่งได้รู้ว่าการถือศีล 8 ได้บุญมาก เพราะเมื่อไหร่ทำครบ 8 ข้อ เราจะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ตั๊กเลยใช้โอกาสนี้ทำความดีให้กับวัด ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร จุดนี้ทำให้ใจเย็นลง"

"ตั๊กได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ และเรียนธรรมะ พอทำได้ชีวิตตั๊กดีขึ้นมาก ตัดสินใจอะไรช้าลงเพราะมีสติมากขึ้น อย่างเวลาที่ตั๊กอยากออกไปเที่ยวอาร์ซีเอ พอคิดปุ๊บจิตก็ดึงกลับมาว่าถ้าไปแล้วอีกวันต้องตื่น กี่โมง มีงานไหม มันเริ่มไตร่ตรองเริ่มเฉลียวมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนไม่คิดอะไรเลย แล้วการที่ตั๊ก อยู่บ้านมากขึ้นมีผลโดยตรงกับแม่ ทำให้มีความรักในครอบครัวมากขึ้น ตั๊กคิดว่าตัวเองมีบุญที่ได้เจอธรรมะ ทำให้อยู่บนโลกนี้ได้แบบไม่เจ็บปวด ตั๊กรู้ว่าแม่ห่วง แล้วจะทำให้แม่เปลี่ยนความคิดมาเชื่อในตัวตั๊กได้ยังไงว่าไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว ซึ่งตั๊กรู้ว่าเปลี่ยนแม่ไม่ได้ เลยเปลี่ยนตัวเองก่อน"

อะไรที่ทำให้อยากเปลี่ยนตัวเอง เพราะเราเป็นเด็กดื้อมาก?

ตั๊ก - "ยอมรับว่าเมื่อก่อนตั๊กดื้อ มาก ทำอะไรไม่ค่อยสนภาพลักษณ์ตัวเอง อย่างแม่บอกว่าแฟนบางคนเขาให้คบ แต่ขออย่างเดียว อย่าให้ภาพเราเสียหาย อย่ามีภาพจูบกันหอมกัน จะคบก็คบไปเลย คือตอนนั้นเขาห้ามตั๊กไม่ไหวแล้วไง แต่เราก็มาคิดว่าทำไมล่ะ ชีวิตเรา เราทำงานหนัก เราเหนื่อย เราควรจะมีชีวิตที่เป็นส่วนตัวมากกว่า พอมีภาพมาปุ๊บ คราวนี้แหละที่แม่บอกว่าต่อไปนี้อย่าเลย เพราะเรารับผิดชอบตัวเองไม่ได้ เราไม่สามารถทำให้ผู้ใหญ่เชื่อได้ว่าเราดูแลตัวเองได้ นั่นคือตอนที่เรายังไม่โต"

"แต่พอแม่ไม่สบายปุ๊บ ตั๊กต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ เรื่องที่แม่ไม่สบายมันอาจจะทำให้มาโดนใจเรา เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ไปร.พ.กับแม่ทุกวันเห็นคนตายคนอะไรเยอะเลยห่วงว่าถ้าเกิดขึ้นกับแม่เราจะทำอย่างไร เรายังไม่เคยทำอะไรให้แม่มีความสุขเลย อย่างแม่เคยว่าขอได้ไหมเรื่องนี้ เราก็ไม่เคยทำให้แม่ คือเราเห็นแก่ตัว อยากทำอะไรที่มีความสุขของเรา ตั๊กก็เลยทำให้แม่มีความสุขดีกว่า แม่อยากให้เราเป็นยังไงอย่างที่แม่เคยพูดเราก็ทำ"

ถามเรื่องหัวใจหน่อย ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

ตั๊ก - "ความรักไม่มี ทำงานด้วยแหละ และตั๊กก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย ตั๊กเชื่อนะว่าสักวันต้องแต่งแหละ มาจีบแล้วกัน คนที่มาจีบก็ต้องเป็นเนื้อคู่กัน ตั๊กเชื่อว่าต้องมีคนดีๆ ที่เราชอบและเข้าใจเรา แต่ตอนนี้ยังไม่มี หายากนะ เดี๋ยวมีก็แต่งเองแหละ อีกอย่างแม่เรียกสินสอดแพงด้วย เรียกเยอะเกิ๊น (หัวเราะ) ไม่มีใครเอาหรอก ตอนนี้ก็มีคนมาจีบมาคุย ก็ดูๆ อยู่ ตั๊กชอบคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ชอบคนที่เขามีธรรมะ และชอบคนที่เขาชอบงานศิลปะด้วย เข้าใจและชอบเหมือนเรา"

ทุกวันนี้ถือว่ากลับมาในวงการอีกครั้งไหมหลังจากหายไป?

ตั๊ก - "คงเป็นจังหวะ เป็นช่วงที่เราโชคดีเหมือนกันที่กลับมาแล้วก็ได้งานดีๆ ทำ มีคนชอบอีกครั้ง ดีใจและขอบคุณทุกคนค่ะ"

จากนี้ไปวางชีวิตตัวเองอย่างไร?

ตั๊ก - "แค่วางเรื่องเก็บเงิน เรื่องงาน ส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งระเบียบให้ชีวิตเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเตรียมตัวรับสถานการณ์กะทันหัน เพราะชีวิตเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอด บางทีเราวางอะไรไว้มันก็ไม่เป็นไปตามที่เราคิด ก็เลยไม่ได้วางแผนอะไรค่ะ"