Inside Dara
มิค น้ำตาแตก เบนซ์ ยิ่งกว่าอาร์ตตัวแม่ กว่าจะฝ่าด่าน แม่ยายสุดโหด

จัดว่าเป็นอีกหนึ่งคู่รักของวงการ ที่มีคนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย แถมตอนนี้ยังมีทายาทหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมาเป็นสร้อยทองคล้องใจ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ฝ่ายชายจะต้องเจอศึกหนักขนาดไหน กว่าจะฝ่าด่านแม่ยายสุดโหดมาได้ วันนี้เขาทั้งคู่จะมาเปิดใจเล่าทุกเรื่องราวตั้งแต่ที่เริ่มคบกัน จนถึงทุกวันนี้ กับ เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา และ มิค บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ โดยทั้งเบนซ์และมิคได้เปิดใจเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างความรักในระยะเวลา 13 ปีของทั้งคู่ว่า

ไปเจอกันได้ยังไง?

เบนซ์ “ไม่เคยรู้จักบรมวุฒิเลย”

มิค “ครั้งแรกก่อนเลย มิคไปเป็นพิธีกรที่งานกาชาด แล้วเบนซ์ขายเฉาก๊วยอยู่ แล้วแม่เบนซ์เดินมาหลังเวที บอกว่า นี่ๆ เธอสายฮา เบนซ์เขาชอบ ไปจีบน้องเขาสิ”

ประโยคแรกที่แม่เขาทักคืออย่างงี้เลย?

มิค “อย่างนี้เลย และเราก็ไม่รู้จักแม่เขามาก่อน มิคก็เลยตอบแม่เขาไปว่า ไม่เอาอ่ะครับ เพราะเราไม่รู้จักกันไง และหลังจากนั้นต่างหากถึงจะมาเจอกันที่กองถ่าย คือบังเอิญมันมีเรื่อง คือว่าเพื่อนมิคคนหนึ่งที่มิครู้จัก เขาพูดเกี่ยวกับเบนซ์ไม่ดี ว่าเบนซ์ไปเป็นกิ๊กเขา แต่เราก็คิดว่าไม่น่าใช่นะ อยู่ดีๆ วันหนึ่ง มิคนั่งแต่งหน้าอยู่ แล้วเบนซ์มานั่งแต่งข้างๆ ก็เลยเตือนเขาด้วยความหวังดีว่า รู้จักพี่คนนี้มั้ย เบนซ์บอกว่ารู้จัก เราก็เลยเตือนเขาให้ระวังตัวหน่อยแล้วกัน หลังจากนั้นไม่นาน เบนซ์ก็บอกว่าไม่ต้องห่วงพี่ ไม่มีอะไรเลย แล้วไปเจออีกรอบที่งานเดินแบบ เห็นเขายืนคุยอยู่กับพี่คนนี้แหละครับ เราก็เดินไปด้านหลังเขา แล้วแซวว่าไหนบอกไม่คุย แล้วสักพักเบนซ์ก็เดินมาด้านหลังมิคแล้วบอกว่า พี่ขอโทรศัพท์หน่อย หนูขอเบอร์พี่หน่อย แล้วเอาเบอร์พี่ไป เดี๋ยวหนูจะโทรอธิบายให้พี่ฟัง หลังจากนั้นเขาก็โทรมาอธิบายจริงๆ ด้วย”

เบนซ์ “ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ ค่ะ ไม่ได้คิดจะชอบด้วย แค่รู้สึกว่าอยากจะคุยเรื่องพี่คนนั้นมันยังไงเหรอ หลังจากนั้นมาก็กลายเป็นคุยกันไปเลย”

มิค “เขาก็ส่งข้อความมาทุกวัน ถามนั่นนี่ เราก็ส่งกลับ พอวันหนึ่งเขาหายไปเหมือนไปถ่ายละคร เราก็สงสัยว่าเขาหายไปไหน สรุปเลยคือ เบนซ์จีบมิคก่อน เพราะเบนซ์ขอเบอร์มิคครับ”

จริงๆ เขาพูดให้ขำหรือว่าเราแอบรู้สึก?

เบนซ์ “จริงๆ เบนซ์รู้สึกว่าเขาเป็นคนดี เพราะปกติหนูไม่ค่อยเจอคนพูดตรงแบบเขา และเรารู้สึกว่าเขาดูเป็นพี่ที่จริงใจ”

มิค “พอเขาหายไป เราก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมอยู่ดีๆ หายไป เริ่มรู้สึกเหมือนอะไรขาดหายไป”

คบกันตอนไหนถึงจริงจัง?

เบนซ์ “คุยกันเดือนเดียว”

มิค “เดือนกว่าๆ ก็คือ 26 เมษา เมื่อ 13 ปีที่แล้ว เราก็ถามว่า ตกลงเราคุยกันนะ เรียกว่าแฟนมั้ย เขาก็บอกว่า เรียกว่าแฟนก็ได้ แต่ขอศึกษากันก่อน”

พอเริ่มจริงจัง มันจะมีหลายอย่างเกิดขึ้นกับคนสองคน?

เบนซ์ “ใช่ จริงๆ หนูนี่นะ โหดกว่าแม่อีก ตอนนั้นเบนซ์ 25 แล้ว เลยรู้สึกว่าจะมาคบขำๆ ไม่ได้ แค่รู้สึกว่าถ้าจะคบกับใครสักคน ต้องเห็นไปเลยว่าเป็นตัวเราจริงๆ จะไม่มีโปรโมชั่นต่อกัน จัดแน่นกันไปเลย”

มิค “ใช้คำว่า นรก ดีกว่าครับผม ขนาดโทรศัพท์ มิคยังไม่ทันหันไปมองเลยว่าใครโทรมา เขาก็จะถามแล้ว ใครโทรมา ผู้หญิงใช่มั้ย อะไรวะ”

เบนซ์ “เราก็จะถามทำอะไร ที่ไหน อะไรยังไง นี่เบนซ์เป็นถึงขนาดที่ว่า คือแฟนเก่าเลิกกับพี่มิคไปเพราะพี่มิคดีเกินไป วันนั้นเราอยู่ในรถ แล้วเพลง Smile Buffalo มันขึ้นมาพอดี เราก็เหวี่ยงไปถึงขั้นว่า นี่โทรไปบอกให้มันเปิดใช่มั้ย โทรไปขอเพลงใช่มั้ย”

มิค “แล้วมิคขับรถอยู่”

เบนซ์ “เราก็เหวี่ยงว่า ทำไมต้องฟังเพลงนี้ มันทำไมนักนา โอ้โหพี่ ตอนนั้นมันปัญญาอ่อนมาก ตอนนั้นที่เราทำเราไม่รู้ตัวเลยว่าเรางี่เง่า รู้แค่ว่าสิ่งที่เราทำมันถูก และเขาต้องง้อ”

งี่เง่าเกินพื้นฐาน หรือเราตั้งใจแกล้งทำ?

เบนซ์ “สองอย่างเลยพี่ เรานี่ไม่ได้เลย ฉันต้องชนะ ไม่มีคำว่าไม่ได้ ต้องง้อ”

มิค “มิคไปกองถ่าย น้องเขาขอติดรถไปลงข้างหน้าเพื่อเรียกแท็กซี่ เราก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเขามาถึงประตูรถแล้ว เราจะพูดว่าเดี๋ยวพี่ขออนุญาตโทรขอพี่เบนซ์ก่อน มันก็เป็นไปไม่ได้ เราก็เลยให้เขาไปด้วย เพราะลงแค่ปากซอยเอง แล้วเราก็โทรบอกเบนซ์ว่าเมื่อกี้มีน้องเขาติดรถมาขอลงปากซอยนะ เบนซ์สวนกลับมาเลยว่า ทำไมต้องให้นั่ง ชอบมันรึไง เราก็อะไรวะ อยากถามเขาเหมือนกันว่า เราเคยแสดงความเจ้าชู้ให้เขาเห็นมั้ย”

เบนซ์ “ไม่มีเลย แต่ตอนนั้นคิดแค่ว่าภาพเขาพูดเป็นคนเจ้าชู้ และในความคิดหนูก็รู้สึกว่าเขาดูเป็นคนไม่น่าไว้ใจ เราก็จะระแวงสุดๆ แต่เขาไม่เคยเลยนะ”

แต่มันมีบางเรื่องที่มิคขอเอาไว้ว่า อะไรก็ได้นะ แต่อย่าดุต่อหน้าผู้คน?

มิค “ใช่ครับ คือมันโดนบ่อยมากครับ จนบางทีเขาลืมตัวว่านี่มันอยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ควรจะดุ ไม่ใช่วันหนึ่งมีครั้งเดียวนะพี่อั๋น แต่มันมีทั้งวัน ทุกชั่วโมง”

เบนซ์ “เราก็แบบ ไปหยิบอันนั้นมาดิ๊ อ้วน ไอ้อ้วน นิสัยเลวอ่ะ (ยิ้ม)”

มิค “ดุเหมือนคางคกพองตัวตลอดเวลา ดุเราต่อหน้าทหารที่บ้าน เฮ้ย มันเสียการปกครอง”

แต่ในมุมหนึ่งที่เราไม่รู้ว่าเขาลองใจว่าจะอยู่ได้มั้ย เราทนทำไม?

มิค “มิคพูดเลยว่า ตอนนั้นจนมาถึงตอนนี้ มิคก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าตอนนั้นมันทนทำไม มันไม่เพียงแค่นั้น แม่เขายังรังเกียจเราอีก พ่อเราก็เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เราก็เรียนเมืองนอกแต่เด็กเลยนะ ไม่ใช่ขี้ๆ นะ แล้วเธออ่ะใคร”

เบนซ์ “ภายนอกเบนซ์จะดูเป็นนางเอก แล้วมิคเป็นตัวตลก แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ เบนซ์เป็นตัวร้าย แล้วมิคเป็นไอ้อ้วนของเบนซ์”

มันมีเรื่องหนึ่งที่มิคขอเลยว่าอย่ามายุ่ง ถ้ามายุ่งจะเลิกทันที?

เบนซ์ “คือหนูเป็นเด็กที่ประหยัด รู้สึกว่าแบบงกก็ได้ (หัวเราะ) เราต้องประหยัดเงินนะ แล้วบ้านมิคเขาจะแบบเป็นบ้านที่ต้องดูแลพ่อแม่ คือพาพ่อแม่ไปทานข้าวทุกวันอาทิตย์ ที่โรงแรม เป็นบุฟเฟ่ต์ ก็จะราคาค่อนข้างสูงนิดนึงสำหรับเบนซ์ เราก็ขี้เหนียวเกิน ก็ไปบอกเขาว่า พี่ถ้าวันหนึ่งพ่อแม่พี่กินอย่างนี้ทุกอาทิตย์ เราต้องดูแลอย่างนี้ตลอดเลยเหรอ มันจะโอเคมั้ย พี่มิคก็เลยพูดขึ้นมาบอกว่า มิคยอมทุกเรื่องนะ แต่เรื่องนี้มิคยอมไม่ได้ แล้วก็คุยกันตรงนี้เลยนะว่า ครอบครัวมิคไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เขาดูแลมิคอย่างดีมาตลอด เขาส่งมิคไปเรียนต่างประเทศ ดูแลอย่างดี การตอบแทนพ่อแม่มิคเป็นเรื่องที่มิคควรจะต้องทำ ห้ามมาแตะต้องคนในบ้านมิคเด็ดขาด ถ้ารับเรื่องนี้ไม่ได้ เลิกคุยกันไปเลย เขาพูดแบบชัดเจนมาก ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่เขาขอ”

เบนซ์ “เราไม่โกรธนะ กลายเป็นว่าเราชอบ เพราะเราก็รักพ่อแม่เราเหมือนกัน กลายเป็นว่าเข้าใจ หลังจากนั้นก็เลยรักเขามากขึ้น”

มิค “แล้วอย่างหนึ่งที่ยอมทนเบนซ์ช่วงเวลาที่เขางี่เง่าก็คือ เขาก็รักครอบครัวเขา ดังนั้นเวลาที่เป็นแฟนกัน สมมตินัดจะไปกินข้าวดูหนัง แล้วเบนซ์บอกว่าแม่หนูต้องการหนูด่วน เราก็ได้เลย ไม่งอน เหมือนกับที่เราบอกเขาว่า หนูวันนี้พี่ต้องไปกับแม่ ไปกับครอบครัวก่อน หนูไปเองนะ เขาก็เข้าใจ จบเลย นี่คือสิ่งที่มิคตามหาในตัวผู้หญิง ไม่ได้ต้องการอย่างอื่นเลย”

แต่มันมีฟางเส้นสุดท้ายเหมือนกันที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว?

มิค “ประมาณปีที่ 2 ไปเที่ยวทะเล เบนซ์เขาไปกับเพื่อนอีก 2 คน เราก็ตามไปดูแล”

เบนซ์ “หนูก็ทะลึ่งกินเหล้า เม้าท์กันสนุกสนาน พออยู่กับเพื่อนเราจะดูตัวใหญ่ ส่วนพี่มิคเขาจะดูเหลือตัวนิดเดียว ก็เม้าท์คุยกันกับเพื่อนถึงเรื่องเขา จนลามไปถึงเรื่องแฟนเก่าเขา จนกลายเป็นเรื่องราวทะเลาะกันใหญ่โต ซึ่งเพื่อนเขาก็งงเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไล่เราไปไหนก็ไป แล้วเขาก็กลับห้องเมาหลับไป”

มิค “เสร็จมิคก็บอกเพื่อนเบนซ์ว่า โอเคมิคไม่ไหวแล้ว ขอให้โชคดี จะเก็บกระเป๋ากลับกรุงเทพฯ ไม่ไหวแล้ว คือเราโกรธมาก แหกปากด่าทุกอย่าง เราก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ คือรู้ว่าเขาเมา แต่เขาเป็นคนเก็บอาการเก่งมาก แบบว่าเมาแต่บอกว่าไม่เมา แล้วก็เดินเชิดๆ ไป แล้วเพื่อนเขาก็สลับเวรมาทำให้เราใจเย็นๆ บอกไม่ให้เราไป อยู่แค่ผู้หญิง 3 คนมันอันตรายนะ เราก็โอเค อยู่จนถึงพรุ่งนี้เช้า รอให้สว่างแล้วค่อยกลับ พอตอนเช้าเบนซ์ตื่นมา ก็วิ่งเข้ามากอดทัก Good Morning ทุกคนเป็นยังไง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

เบนซ์ “คือทุกคนเงียบ เราก็เริ่มรู้ตัว แล้วถามว่าเมื่อคืนทำอะไรใช่ป่ะ เพื่อนก็จับเรานั่งแล้วบอกมานี่จะเล่าอะไรให้ฟัง หลังจากนั้นรู้สึกผิดมากเลย จะไม่ทำอีกแล้ว เพราะว่าจำอะไรไม่ได้เลย แต่เราก็ขอโทษเขานะ”

อะไรทำให้มิคทนขนาดนี้ มีแบบท้อจนไม่ไหวไหม?

มิค “ท้อตลอดเลยครับ แต่ว่าพยายามคิดหาคำตอบมาให้ตัวเองพักใหญ่แล้วว่าเพราะอะไรถึงทน มันไม่ได้เป็นแค่ 2 ปี มันเป็นหลายปีด้วย และไม่ได้จากเขาแค่คนเดียว แต่จากแม่เขาด้วยอีก ณ วันนั้นก็คือได้คำตอบแล้วว่า สงสัยเขาอยากจะเอาชนะในสิ่งที่เขาเคยบอกว่า พี่ทนหนูไม่ได้หรอก”

เขาเคยพูดคำนี้?

มิค “ใช่ครับ”

เบนซ์ “มิคเคยพูดกับเบนซ์ว่า มิคจะไม่เลิกกับใครนะ มิคจะอดทนให้ถึงที่สุด”

มิค “แล้วให้คนนั้นบอกเลิกมิคเอง”

เราไม่กลัวบ้างเหรอว่า เขาทนไม่ไหวแล้วเขาจะไป เราไม่เสียดายบ้างเหรอ?

เบนซ์ “ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยค่ะ ยังวัยรุ่นยังอายุน้อยอยู่ คิดว่า เจ๋ง เลิก เดี๋ยวหาใหม่ คิดแค่ว่าเลิกก็เลิกไป ไม่แคร์”

ตอนนั้นเราก็เริ่มมาจากรักเขาไม่ใช่เหรอ?

เบนซ์ “ก็รักแต่เชิดๆ ก็รักแต่คิดแค่ว่าไม่ทนก็ไม่ต้องทน ไม่ทนก็เลิก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรนะ เพราะเราคิดแค่ว่าเขาไม่ไป”

แต่เวลาดีเขาดีใจหายไหม?

มิค “ดีจริงๆ ครับ อยู่ดีๆ ก็มาหวานใส่ คือเรามีแฟนคนเดียวเหมือนมี 10 คนในเวลาเดียวกัน”

จุดที่มิคเอาชนะใจเบนซ์ด้วยเรื่องอะไร?

มิค “น่าจะเรื่องที่มิคเลิกบุหรี่รึเปล่า”

เบนซ์ “ใช่ คบกันมาประมาณ 5 ปี คือที่บ้านเบนซ์ ปู่ย่าป้าๆ น้าๆ ทุกคนเป็นมะเร็งหมดเลย ไม่อยากให้คนใกล้ตัวเบนซ์เป็นแบบนั้น แล้วแม่เบนซ์เองจะรู้สึก คือพ่อเบนซ์สูบบุหรี่ เขาก็ไม่อยากให้ลูกเขยสูบบุหรี่เหมือนกัน เบนซ์ก็รู้สึกถ้าเลิกได้นี่จะแบบชนะใจแม่ด้วย ชนะใจเราด้วย เขาก็พยายาม”

มิค “เขาพูดว่า ถ้าปีหน้าพี่ยังไม่เลิกบุหรี่ พี่จะไม่มีหนูในชีวิตอีกต่อไป แล้ววันนั้นเราอยู่ศรีพันวาพอดี พอช่วงเคาต์ดาวน์ 5 4 3 2 เราก็บอกหนูดูนี่นะ เราก็ล้วงกระเป๋าแล้วโยนบุหรี่กับไฟแช็กทิ้งไป”

แล้วเลิกได้จริงรึเปล่า?

มิค “เลิกได้จริงครับ”

นอกจากเบนซ์จะดุแล้ว ยังมีคุณแม่เบนซ์ที่ดุมาก มันเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนแรกคุณแม่เขาเป็นคนยุให้เราไปจีบเบนซ์?

มิค “คือมันหลายดอกมากครับ มิคเข้าบ้าน แม่ออกจากบ้าน สวัสดี ไม่รับไหว้ มันเหมือนละครมากครับ ฝากเพื่อนซื้อสตรอเบอรี่ เชอร์รี่ มาจากเมืองนอก ซึ่งสมัย 13 ปีที่แล้วมันไม่ได้หาซื้อง่ายขนาดนี้นะครับ เอาผลไม้มาให้ถึงที่ แม่เขาก็เรียกคนรับใช้ แม่บ้าน บอกเอาไปกินให้หมดเลย ต่อหน้ามิคตรงนั้น คือหนักมาก มิคเดินเข้าบ้าน เขากินข้าวอยู่ เขาวางจานเปรี้ยงแล้วเดินออกจากบ้านเลย”

แม่เบนซ์ถึงขั้นใส่ไฟมิคเรื่องติดต่อแฟนเก่าอยู่?

มิค “ช่วงที่เริ่มเข้าไปบ้านเบนซ์ใหม่ๆ อยู่ดีๆ แม่เบนซ์ก็พูดขึ้นว่า มีเพื่อนเป็นเพื่อนกับพ่อเธอ เขาขึ้นไปบนบ้านเธอ เห็นเธอนอนกอดกับแฟนเก่าในห้อง นอนกอดแบบว่าจะมีอะไรกันเลย เราก็แบบงง เขาพูดต่อหน้าเบนซ์เลย แล้วก็พูดย้ำอยู่นั่น จนเราขออธิบายแต่เขาไม่ให้ แล้วบอกว่า เธอเป็นผู้ชายไม่เสียอะไรนี่ แล้วเรื่องนี้มันเป็นมาหลายปีมากจนเริ่มฝังใจเบนซ์ เราก็พยายามจะอธิบาย แต่แม่เขาไม่รับฟังเลย ทุก 1 ปีมิคจะพยายามเล่าเรื่องนี้ แต่แม่ก็ไม่สน จนกลายเป็นทุกวันนี้มิคดีใจที่สุดที่พูดประเด็นนี้ขึ้นมาก่อนมีน้องปริม แล้วเบนซ์เถียงแทนมิค”

เบนซ์ “คือมันเป็นไปไม่ได้เลย ที่บ้านพี่มิคจะเดินขึ้นชั้นสองแล้วเห็นห้องเขา และบ้านเขาชั้นสองก็ไม่มีใครขึ้นไปอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นที่พูดมาไม่มีอะไรจริงสักอย่าง”

แต่ในวันนั้นที่แม่พูด เราเชื่อไหม?

เบนซ์ “สำหรับเบนซ์นะ ถึงเบนซ์เชื่อก็ไม่ได้โกรธ เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา คือเขาจะทำอะไรมันก็เป็นเรื่องอดีตของเขา หนูคิดแค่นี้ไง”

ได้เคลียร์กับคุณแม่ไหม?

มิค “เบนซ์เคลียร์ให้เองครับ มันก็คุ้มกับการรอคอยที่เบนซ์เห็นเองและเถียงให้เรา”

ตัวช่วยที่ปิดทองหลังพระตลอด ไม่งั้นเราไม่ได้แต่งงาน เขาคือใคร?

มิค “พ่อเบนซ์เองครับ พ่อช่วยมาตลอดตั้งแต่แรก ซึ่งแม่ไม่รู้ด้วย เพิ่งมารู้ไม่กี่ปีนี้เอง พ่อเนี่ยครับเขาจะอยู่กับเบนซ์ตลอด เขาจะเป็นคนส่งเบนซ์มาหน้าปากซอยแล้วบอกให้มิคมารับเบนซ์ แล้วพอจะกลับเข้าบ้านเมื่อไรให้โทรบอกพ่อ แล้วพ่อจะได้ขับรถเข้ามาพร้อมกัน เพื่อให้แม่คิดว่า เบนซ์ออกไปกับพ่อมาทั้งวัน แล้วก็เป็นอย่างนี้มาตลอด แล้วเราก็มาถามพ่อว่า ระหว่างนั้นพ่อไปไหน เขาก็บอกก็ไปบ้านเพื่อนบ้าง ไปร้านกาแฟบ้าง คือเขารอ เขาไม่ได้กลับไปนอนเล่นที่บ้าน แล้วเบนซ์เคยถามพ่อว่าทำไมพ่อถึงยอม เขาพูดมาน่ารักมากว่า ถ้าเกิดพ่อเป็นเหมือนแม่อีกคนหนึ่ง จะไม่มีใครได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของมิค พ่อเลยอยากให้ทุกคนในบ้านรู้จักมิค หรืออย่างน้อยพ่อคนหนึ่งแหละที่จะได้รู้จัก ปากซอยบ้านเบนซ์มีปั๊มน้ำมัน พ่อก็นอนคอยในรถ น่ารักมาก เราก็มาถามว่าตอนแรกๆ พ่อไปไหน พ่อเขาก็บอกพ่อก็รออยู่แถวๆ นี้ หลังจากนั้นเอาอย่างนี้ เวลาเราไปไหนก็เอาพ่อไปด้วยตลอด ไปต่างจังหวัดก็เอาพ่อไปด้วย จนถึงทุกวันนี้แม่ยังงอนว่าทำไมมีแต่พ่อ สำเร็จได้ทุกวันนี้ที่มี มิค เบนซ์ รวมถึงปริม เพราะพ่อเบนซ์คนเดียว”

ถึงขั้นว่าลุ้นกันจนวันสู่ขอ เพราะวันนั้นบ้านสองบ้านก็เกือบแตกเหมือนกัน?

เบนซ์ “ความเป็นแม่ของแม่หนูนี่ล่ะค่ะ วันนั้นเรานัดเจอกันสองบ้าน คือผู้ใหญ่ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าต้องคุยเรื่องแต่งงาน วันนั้นคุณตาก็มาด้วย คุณตาเป็นคนพูดสู่ขอ ทุกคนในห้องก็เงียบหมดเลย เพราะคุณตาของพี่มิคตอนนั้นก็อายุ 91 ปีแล้วค่ะ”

มิค “พอทานอาหารเสร็จปุ๊บ อยู่ดีๆ แม่เบนซ์อยากจะสำรวจร้านซะงั้น ต้องมีคนไปลากกลับมา พอมาถึงปั๊บ คุณตาก็พูดสู่ขอเลย บอกว่าเด็กสองคนรักกันมานาน ผมขอเบนซ์เป็นหลานอีกคนหนึ่งจะได้มั้ย แล้วแม่เบนซ์ก็พูดขึ้นมาว่า”

เบนซ์ “อ๋อยังอ่ะค่ะ แม่เขาคิดอย่างเดียวว่า เธอเป็นใครไม่รู้ แต่นี่คือลูกสาวชั้น”

มิค “จากนั้นคุณตาก็พูดอีกว่า ภรรยาผมที่เสียไป เขารักเบนซ์มากเลย ผมขอเบนซ์มาเป็นหลานอีกคนได้มั้ย แล้วแม่เบนซ์พูดขึ้นมาว่า”

เบนซ์ “ยังค่ะ”

มิค “พอรอบที่ 3 คุณตาก็ขอต่อเลย คุณตาเขาร้องไห้เลย เขาพูดว่า ผมขอเถอะนะครับ เด็กสองคนนี้เขารักกันมานาน ตอนนั้นมิคใจสลาย อยากจะเข้าไปบอกคุณตาว่าหยุดขอเถอะครับ เพราะหลังจากนั้นครอบครัวต้องเกลียดมิค เกลียดเบนซ์ และเกลียดแม่เบนซ์ เพราะนี่คือเหตุผลที่ทำให้คุณตาต้องร้องไห้ อยากจะเข้าไปแทรกว่าคุณตาหยุดก่อนมั้ย เดี๋ยวค่อยนัดกันอีกทีก็ได้ จากนั้นทั้งห้องก็เงียบ แล้วพี่ชายทั้ง 2 คนของเบนซ์ก็มารุมแม่เบนซ์ บอกให้ไปเถอะนะ จะมาเก็บไว้ทำไม พ่อเบนซ์ก็ด้วยนะ จนสุดท้าย แม่เบนซ์เขาบอกว่า ก็รู้แหละน่ะ แล้วร้องไห้ด้วยนะ ก็รู้แหละว่าต้องให้ แต่มันแค่ใจหาย แล้วเขาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น เหมือนเขาพยายามกลั้นไว้”

เบนซ์ “เขารู้ว่ายังไงเขาต้องให้ เหมือนเขาพยายามยื้อลูกให้จนถึงวันสุดท้าย เราก็รู้ว่าเขาให้ ถ้าไม่ให้เขาไม่มา”