Inside Dara
‘รัดเกล้า’ ทำในสิ่งรักทุ่มเทให้สุดพลัง

ถ้าพูดถึงตัวละครที่ฮอตและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดตอนนี้ต้องยกให้ “อีแย้ม” จากละคร “สุดแค้นแสนรัก” ที่ได้นักร้องนักแสดงคุณภาพคับแก้ว อย่าง ต๊งเหน่ง-รัดเกล้า อามระดิษ มาถ่ายทอดบทบาทได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมันจนต้องยกนิ้วให้

ตลอด 20 ปี บนเส้นทางบันเทิงของรัดเกล้านั้นต้องฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อรักษาคุณภาพทั้งในเรื่องการแสดงและการร้องเพลง และเร็ว ๆ นี้ ก็จะได้เห็นอีกบทบาทหนึ่งของรัดเกล้ากับละครเวที “วันสละโสดกับโจทย์เก่า ๆ” อีกด้วย

ต๊งเหน่ง-รัดเกล้า เปิดเผยว่า “สำหรับฟีดแบ็กละคร “สุดแค้นแสนรัก” นั้น ไม่คาดคิดว่าจะมีคนสนใจมากขนาดนี้ ทีมงานทั้งหมดคงจะดีใจ เพราะเราเหนื่อยและทุ่มเทกับเรื่องนี้กันมา 16 เดือน ดีใจและขอบคุณมาก ฟีดแบ็กที่ให้กลับมามีหลายรูปแบบมาก มีทั้งมาบอกว่าชอบละคร ติดละคร บางทีก็มีฝากด่า มันเกินจากที่เราคิดไว้ เหมือนเป็นความสุขใจ”

“อีแย้ม” ดังขนาดนี้ หลายคนเลยอยากรู้จักรัดเกล้ามากขึ้น ถึงขั้นต้องไปหาผลงานย้อนหลังดูและอยากรู้ว่าเธอคือใคร?

“ตอนนี้นอกจากคนอาจจะพูดถึงเยอะ ก็มีการหางานเก่า ๆ มาดูว่าเราทำอะไรมาบ้าง จริง ๆ เราทำงานตรงนี้มา 20 ปีแล้วนะคะ ไม่เคยออกไปจากเส้นทางนี้เลย เพียงแต่บางงานอาจจะไม่ได้อยู่ในสายตาคน เริ่มตั้งแต่ตอนเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ อยู่ชมรม “ซียูแบนด์” รุ่นพี่เลยชวนไปร้องเพลงโฆษณา หลังจากนั้นก็ชวนให้ร้องเพลงเป็นคอรัสให้กับ พี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เป็นศิลปินท่านแรกที่เราทำงานให้เลย จากนั้นก็ได้เป็นคอรัสทั้งในห้องอัดและเวทีคอนเสิร์ตด้วย

แล้วก็มีโอกาสได้ไปออดิชั่นเพื่อที่จะร้องเพลงในอัลบั้มของ คุณสมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ ได้ร่วมงานกับ คุณสุกี้-กมล สุโกศล แคลปป์ คุณบอย โกสิยพงษ์ ได้มาออกอัลบั้มกับค่ายเบเกอรี่ มิวสิก ชีวิตช่วงนั้นสนุกดี ตอนเรียนเลือกวิชาโท เป็นศิลปะการแสดง ทำให้ได้เล่นละครเวทีของคณะ จน พี่ต้อ-มารุต สาโรวาท ชวนไปเล่นละครเวที ละครโทรทัศน์บ้าง ถือว่าทำมาทุกอย่างแล้ว

“ถ้าถามถึงเรื่องการพัฒนาหรือฝึกฝนตัวเองให้มีคุณภาพเราคิดว่า สิ่งที่เราทำเป็นอะไรที่ใช้ร่างกายเราเยอะมาก ร่างกายเราจะเป็นสื่อให้ตัวละครมาสวมแล้วก็ถ่ายทอดออกไป เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลร่างกายเราให้ดีมาก ๆ เป็นการใช้ทักษะที่เราต้องฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา ปล่อยหรือนิ่งเฉยกับมันไม่ได้ มันจะฝืด

ในฐานะนักแสดงโรงละครและโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดคือโลกมนุษย์ในชีวิตประจำวันของเรา เรามีโอกาสต้องสังเกตว่ามนุษย์แต่ละคนเป็นยังไง ทุกคนเป็นครูของเราได้หมด บางทีเราเห็นคนบ้าข้างถนนเราเก็บรายละเอียดได้เลย เพราะเราก็ไม่รู้ว่าวันไหนเราจะได้แสดงบทนั้น หรือทางด้านร้องเพลงเราก็ต้องหมั่นวอร์มเสียงเตรียมพร้อมตลอดเวลา

การทำงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีท้อมีเหนื่อยค่ะ แต่ตราบใดที่ยังรักยังสนุกกับงานที่ทำอยู่เหนื่อยแค่ไหนแต่ไม่เคยท้อ แต่อาจจะท้อเพราะการทำงานกับคนมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากอยู่แล้วนะ แต่โชคดีที่งานที่เราทำอย่างร้องเพลงมันได้ไปรับพลังงานจากคนดูโดยตรง เวลาที่เราออกไปร้องเพลงได้รับเสียงปรบมือ ได้รับเสียงวิจารณ์กลับมานั่นคือกำลังใจมาก ๆ เลยทำให้เรามีแรงที่จะทำงานต่อไป จริง ๆ ตัวเองเป็นคนเหนื่อยแล้วจะงอแงนะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเราต้องคิดว่างานที่เราทำมันเกี่ยวข้องกับคนอีกหลาย ๆ คน เราจะให้เขามารอก็เกรงใจเขา จึงต้องพยายามดีดตัวเองขึ้นมาทำงานให้ได้”

“งานที่ทำทุกครั้งไม่เคยคิดว่างานไหนง่ายเลย เพราะโจทย์ใหม่ทุกครั้งมันยากเสมอ แต่ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ มากกว่า ถ้าเรามีความสุขที่จะทำ ไม่มีอะไรยากเกินไป และ ณ วันนี้เรายังมีความสุข อีกอย่างเราเองไม่เคยกล้าคิดว่าเราจะเข้ามาอยู่ในวงการนี้ได้ ไม่เคยกล้าที่จะฝัน แต่เมื่อมีงานเข้ามา เราก็ทำงานของเราให้ดีที่สุด เพราะเรามีคติว่า ทำสิ่งที่เรารักและทำปัจจุบันให้ดีที่สุด โดยที่สิ่งเหล่านั้นไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ผิดศีลธรรม ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งทุกวันนี้ก็ถือว่าพอใจกับสิ่งที่เราทำ เพราะเราได้ทำมันอย่างเต็มที่ ขอบคุณแฟนทุกท่านที่ติดตามผลงาน กำลังใจจากทุก ๆ ท่านทำให้มีพลังใจที่จะทำงานต่อไป จะพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดคืนกลับให้กับทุกท่านค่ะ”.“