Inside Dara
ชีวิตดี๊ดีทั้งในจอและนอกจอของ 'มิน'

นาทีนี้ไม่มีใครน่าอิจฉาเท่านางเอกวิกหมอชิต “มิน” พีชญา วัฒนามนตรี ที่ทั้งลัคกี้อินเกมสุดๆ เพราะละคร “สะใภ้อิมพอร์ต” ที่ประกบคู่ “มิกค์ ทองระย้า" เพิ่งลาจอไป ด้วยการโกยเรตติ้งถล่มทลายแถมเรื่องราวความรักกับแฟนหนุ่มนักธุรกิจ “โอ๊ต” พิทักษ์ ที่คบกันมา 4 ปี ก็แฮปปี้ เรียกว่าทุกอย่างลงตัวไปซะหมดเลยต้อง ชีวิตดี๊ดีแบบนี้ เลยขอคว้าตัว สาวมิน มานั่งพูดคุยกันซะหน่อย

ละคร “สะใภ้อิมพอร์ต” ลาจอไปแล้ว กระแสตอบรับดีมาก

“ดีมาก (ลากเสียงยาว) ดีเกินคาด หายเหนื่อย เราไม่ได้คาดหวังเลยนะ เพราะแค่คิดเล่นละครยังไงให้คนสนุกกับเราเท่านั้น เพราะช่วงนี้ประเทศไทยหลายเหตุการณ์มากเป็นช่วงที่ประเทศต้องรักกันมากๆ ให้กำลังใจกัน ต้องมีความสุข ต้องยิ้ม ผ่านตรงนี้ไปให้ได้ ก็รู้สึกดีใจที่ละครเรื่องนี้ทำให้คนยิ้มได้ เรื่องนี้ได้เจอ มิกค์ ทองระย้า เป็นครั้งแรกด้วย เขาเป็นคนน่ารัก มืออาชีพ รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร เป็นพระเอกที่รู้ว่าต้องดูแลตัวเอง ต้องผิวดีอะไรอย่างนี้ แต่ก็จะมีความแมนๆ อยู่”

เป็นนางเอกที่เล่นมาแล้วหลายบทบาท มีบทบาทไหนที่อยากเล่นไหม

“มินเล่นได้หลายบทบาท ถ้าให้ทำอะไรนานๆ จะเบื่อ ให้เล่นอะไรซ้ำๆ จะไม่แฮปปี้ ร้ายก็เล่นแล้ว เจ้าน้ำตา คอมเมดี้ บู๊เรื่องนี้ก็บู๊นะ เตะต่อยเยอะมาก แต่ถ้าเป็นละครบู๊จ๋าไม่น่านะ เพราะคนไม่เชื่อว่าจะเป็นทางของเรา"

@@ จับไมค์ร้องเพลง

ล่าสุดเริ่มความท้าทายใหม่กับการร้องเพลงในโปรเจกต์ “Secre7 Room” กับนักร้องคุณภาพอย่าง “เบล” สุพล

“พี่เบล น่ารัก (ยิ้ม) คือเราชอบเขามาตั้งแต่เด็ก มีหลายเพลงที่เราติดหูอยู่แล้วค่ะ พอเจอตัวจริงเขาก็เป็นอย่างนั้น คือเป็นคาแรกเตอร์คนอบอุ่น สุขุม ร่วมงานกันปรับจูนไม่ยากเลยค่ะ เหมือนเคมีก็ดีทำงานง่ายอยู่แล้ว มินต้องคอยขอโทษพี่เบล ถ้ามีอะไรที่ติดขัด ซึ่งพี่เบลน่ารักจะบอกตลอดว่าได้เลยๆ บอกเลยว่าตอนร่วมงานกันคือมินเขิน เพราะในเอ็มวีเหมือนต้องจีบกัน ในเอ็มวีต้องเขิน (ลากเสียงยาว) สุดฤทธิ์ เขินตลอด โปรเจกต์นี้เป็นการร่วมงานกันของแกรมมี่ และช่อง 7 ก็จะเอาเนื้อเพลงมาจากมิน ทำนองเพลงของพี่เบล เพราะฉะนั้นความหมายพิเศษของเพลงทั้งหมดเป็นของมินหมดเลย เป็นความลับที่มินไม่เคยบอกใคร เราเป็นคนให้ข้อมูลชีวิตความรัก มิน พีชญา ที่คนไม่เคยรู้มาก่อนตั้งแต่เด็กจนโต มุมมองความรักของเราเป็นยังไง เหตุการณ์ที่เคยผ่านมา สิ่งสำคัญเขาก็อยากให้นำเสนอมุมมองความรักออกมายังไง เราเลยอยากมองความรักให้มีความสุข เราไม่ชอบเพลงอกหัก ฟีดแบ็กคือดีนะ มินชอบ”

การทำงานเพลงยากแค่ไหนสำหรับตัวเรา

“มินว่ามันใช้ระยะเวลาสั้นแต่เปี่ยมไปด้วยการทำงานเบื้องหลังที่มหาศาล คือเหมือนแค่เราลอง เรายังไม่มีความรับผิดชอบเยอะเหมือนที่พี่ๆ เขาเตรียมงาน ทั้งทีมโปรดักชั่น การแต่งเพลง ทำนอง กว่าจะได้แบบนี้เหมาะกับมินหรือยัง ไหนจะจูนกันระหว่างมินกับพี่เบลอีก โทนเสียง ผู้หญิงสูงไปไหม ผู้ชายต่ำไปไหม มันจะมีความหาสมดุลนิดหนึ่ง งานเพลงถือว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างที่มินชอบนะ แอบอยากร้องเพลงของตัวเองเลย”

อนาคตอยากจะมีซิงเกิลเป็นของตัวเองเลยไหม

“ก็อยากนะ (ยิ้ม) จริงๆ ชอบร้องเพลง แต่ไม่รู้คนชอบฟังหรือเปล่านะ (หัวเราะ) เพราะเราก็รู้สึกว่าชอบ เราก็ไม่ได้เขินที่จะร้อง เรื่องการเรียนร้องเพลง มินก็เรียนอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว เราเรียนเพื่อใช้ในการแสดงอยู่แล้วมันคือการโปรเจกต์เสียง”

@@ เส้นทางในอนาคต
งานปีนี้เป็นยังไงบ้าง

“งานปีนี้ค่อนข้างหลากหลายแล้วก็ไม่เหมือนเดิมเนื่องจากปีที่แล้วไปต่างประเทศทั้งหมด 8 ที่ แฟชั่น ละคร ปีที่แล้วถือว่าเป็นปีที่ใช้ร่างกายหนักมาก เป้าหมายปีที่แล้วก็ทะลุเป้ากันไปแล้ว ก็ประเมินว่าปีนี้จะทำอะไร ปีนี้จะทำเรื่องการออนไลน์มากขึ้น งานเพลง เอ็มวี เดี๋ยวจะมีละครอีกเรื่องหนึ่ง อาจจะมีงานแทรกเข้ามาแล้วแต่โอกาสด้วยค่ะ”

ฐานแฟนคลับต่างประเทศเยอะขึ้นด้วย

“ก็เยอะนะคะ อย่างคนจีนจะมีชื่อเรียกเราว่า ชิวหมินหมิ่น ซึ่งเป็นชื่อเฉพาะที่คนจีนใช้เรียกกัน ก็ดีใจที่มีแฟนคลับเพิ่ม ยอดฟอลโลว์ในเว่ยป๋อก็จะเพิ่มขึ้น เวลาสื่อสารกับเขา มินก็ใช้ภาษาอังกฤษ”

ชีวิตตั้งแต่วันแรกที่เข้าวงการจนถึงวันนี้เปลี่ยนไปขนาดไหน

“เปลี่ยนไปเยอะ โตขึ้นเยอะ เรียนรู้อะไรมากขึ้น ก็คือเด็กคนนึงที่เข้าวงการตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นอายุ 17 ปี กินนอนในกอง วงการเป็นเหมือนบ้าน วงการขัดเกลาเรา คุณผู้ชมทั้งประเทศคือคนที่เลี้ยงดูเรามา ว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ การวางตัวในที่สาธารณะ เขาก็ขัดเกลาให้เราเป็นเดอะเบสต์ของเรา ไม่ได้เปลี่ยนความเป็นเราแต่เราดีขึ้น ในเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริงๆ เราก็เรียนรู้ ทำให้เราเติบโตและพัฒนาตัวเอง เราไม่ใช่คนที่ขัดขืน สามารถติชมได้ พร้อมรับฟัง”

เศรษฐกิจซบเซาส่งผลกระทบต่อธุรกิจเราหรือเปล่า

“คือในเรื่องธุรกิจเป็นอะไรที่เราต้องเรียนรู้ตลอด มันจะยากกับคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ แล้วยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ในโลกของธุรกิจเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เสมอ เทคโนโลยีใหม่ การขายใหม่ๆ หรือว่าตลาดใหม่ๆ เพราะด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แต่ละเซ็กเมนต์ของสินค้าต่างๆ ด้วย ตัว มินเองก็พยายามคิดอะไรใหม่ๆ เสมอ จริงๆ ธุรกิจพอเฉลี่ยออกมาแล้วก็ไม่ได้ขาดทุน ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อย่าขาดทุนพอ (หัวเราะ) แล้วกำไรก็ประมาณหนึ่งอะไรอย่างนี้ค่ะ ปีนี้ไม่ได้รู้สึกหวือหวากับธุรกิจมาก ตอนนี้คือมิน บริหารทรัพย์สินด้วยและผลิตสินค้าตัวใหม่ออกมาแต่แค่ไม่ได้ออกสื่อ ปกติมินทำอะไรก็ไม่ค่อยออกสื่อ”

วางชีวิตในวงการบันเทิงของตัวเองไว้ยังไง

“เรื่องงานมินอยากทำอะไรที่หลากหลายเพราะอยากทดลองความชอบใหม่ๆ ในทุกๆ ปี และอยู่ผู้ใหญ่และแฟนๆ จะให้โอกาส ถ้ายังมีตรงนี้มินก็คงทำไปเรื่อยๆ ถ้าทุกคนอยากให้มินเป็นดาวค้างฟ้า มินก็อยู่ได้ค่ะ”

@@ รักนี้สุขมาก
ความรักกับโอ๊ต พิทักษ์ 4 ปีแล้วดูแฮปปี้มากเลยนะ

“ดีค่ะ มินว่าสม่ำเสมอนะ ตอนนี้ก็คบกันมา 4 ปีแล้ว ไวเหมือนกัน มินมองว่าทุกอย่างก็ดี ทุกอย่างลงตัวของมัน ทุกอย่างของเราสองคนเท่าเทียมกันหมด เราตกลงชัดเจนว่าทุกอย่างหารสอง กินข้าวช่วงแรกหารสอง แต่ช่วงหลังเขาจะเลี้ยง แต่อย่างซื้อของให้กัน ต่างคนต่างให้ เท่าเทียมจริงๆ ทุกอย่างหารสองไม่ต้องมีใครแบกใคร"

หลงรักผู้ชายคนนี้ตรงไหน

“เขาก็เป็นคนใส่ใจความรู้สึกเรา โชคดีที่ได้มีโอกาสเจอคนแบบเขา เขาพิเศษยูนีคไม่เหมือนใคร เขาไม่เหมือนคนที่เราเคยคุยด้วย แต่ก่อนอาจจะมีพ่อแม่ดูแล แต่เนื่องจากเขาเป็นคนที่สร้างอะไรมาด้วยตัวเขาเอง เขาก็มีความเห็นใจคนอื่นในที่ตัวเขาก็เคยฟันฝ่ามา มีความอ่อนโยน รับฟังผู้อื่น เขามีความโรแมนติกด้วยนะ เขาเป็นนักเซอร์ไพรส์ บางครั้งก็จับได้เพราะมินก็เป็นเจ้าแม่เซอร์ไพรส์เหมือนกัน (ยิ้ม)”

มีอะไรที่ต้องปรับจูนกันอยู่เรื่อยๆ

“มันก็มีแหละ มินมองว่าความรักเป็นเรื่องที่ดีแล้วก็ควรจะสนับสนุนกันให้ก้าวหน้าและเติบโตตามความฝันของแต่ละคน เรามีความฝันเขาก็มีความฝัน รูปแบบของความรักมันสวยงามแหละ เราก็ใช้มันในทางที่ถูกต้อง ไลฟ์สไตล์เป็นคนเรนจ์กว้างทั้งคู่ สามารถย่อได้คือสามารถกินส้มตำข้างทางแล้วก็กินอาหารดีๆ ได้เลย ขอแค่อร่อย ก็คือเป็นคนชอบกิน กินเก่งทั้งคู่ เผลอไม่ได้เลยนะ อ้วนเลย (หัวเราะ) แต่ทุกวันนี้ก็พยายามดูแลสุขภาพ”

มุมมองความรักของมินเปลี่ยนไปเมื่อเจอโอ๊ต

“เราเติบโตขึ้นทุกวัน ที่ผ่านมาในชีวิตเราก็ยอมรับว่ามีเรื่องที่เคยผิดพลาด แต่วันนี้เราก็ต้องยอมรับว่าความผิดพลาดที่ผ่านมามันทำให้เราเติบโตและเรียนรู้ สมัยก่อนมินเป็นคนที่เหมือนเวลาจะเลือกใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิตก็คือเอาแต่ใจตัวเองมาก ถ้าทำให้ฉันมีความสุขไม่ได้ก็คือให้คุณมีความสุขในแบบของคุณดีกว่าที่ไม่มีฉัน คือเป็นคนที่พร้อมที่จะจบความสัมพันธ์อย่างง่ายดาย แต่พอตนนี้มันทำให้เราเรียนรู้ว่าการที่เราจะมีคู่ หรือจะมีใครมาแชร์ชีวิตด้วย เราจะมองแค่ตัวเราไม่ได้”

ถ้าถามว่ามุมมองความรักเป็นยังไง

"มินมองว่าความรักเป็นเรื่องที่ดี เป็นความสวยงาม ชีวิตดีกว่าไม่มีคนรักเรา เพราะฉะนั้นมีคนนึงที่มอบความจริงใจให้เราเป็นเรื่องที่เราต้องเห็นคุณค่าแล้วเราต้องอย่าทำลายมัน เราต้องรักษามันไว้

มองอนาคตชีวิตคู่ไว้หรือยัง

“สำหรับมินนะ เอาที่สุขภาพดีก็คืออยู่กับปัจจุบันก่อนดีกว่า เพราะอะไรที่มันไม่เป็นธรรมชาติมักจะเต็มไปด้วยความคาดหวัง เราก็มีความสุขดี คู่มินก็มีงอนกันบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ มินว่าการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ พยายามคุยกันโดยที่ไม่ใช้อารมณ์ สำหรับโอ๊ต ณ ปัจจุบันคือคนที่ใช่ที่สุด ครอบครัวไม่รู้กับโอ๊ตยังไงต้องถามเขา (หัวเราะ) เขานิ่งกันมากเลย (ยิ้ม) แต่โอ๊ตเป็นคนที่เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี ครอบครัวก็ไม่ได้บอกว่าผ่านหรือไม่ผ่าน เขาบอกว่าเป็นสิทธิ์ของเราอยู่แล้ว บ้านมินค่อนเคารพสิทธิ์ของกันและกัน ไม่ได้เกี่ยวว่าเป็นลูกเป็นแม่ ทุกคนยึดความถูกต้อง ความรัก 4 ปีของมินก็ดีขึ้นเรื่อยๆ โตขึ้นด้วยแหละ มองเรื่องการใช้ชีวิตคู่ไว้หรือยัง คืออย่างที่มินบอกเป็นการเคารพสิทธิ์ของกันและกันอย่างเท่าเทียมไม่มีใครแบกใคร มินว่าแบบนั้นมันยั่งยืน ตอนนี้จริงๆ ขอใช้ชีวิตเป็นคนที่มีความสุขกับตัวเอง จนวันนึงจะเป็นคนที่มีความสุขที่จะมอบให้คนอื่นอย่างมีพลัง เหมือนว่าฉันเพิ่งได้ออกมาใช้ชีวิตเอง สมัยเรียนก็ทั้งเรียนและทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนเพื่อนๆ คนอื่น โตมาทำงาน มันก็เลยยังไม่ถึงจุดที่พอใจกับการที่เราเป็นตัวของตัวเอง ด้วยเราเป็นคนปล่อยวางไม่ค่อยได้ด้วย หน้าที่ลูกก็ต้องทำให้ดีที่สุด แล้วโน่นนี่ที่อยากทำ”

อยากบอกอะไรกับผู้ชายคนนี้กับ 4 ปีที่ผ่านมา

“อยากจะบอกว่าขอบคุณสำหรับการให้เกียรติมินอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็การให้กำลังใจ การยืนข้างๆ ในทุกๆ การตัดสินใจของมิน ไม่ว่ามันจะเกิดจากการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม สิ่งที่สัมผัสได้ก็คือการยืนเคียงข้างมินอย่างสม่ำเสมอ ขอบคุณสำหรับความรักที่ดีๆ”

นี่แหละ...ชีวิตดี๊ดีของนางเอกสาว “มิน” พีชญา วัฒนามนตรี