Inside Dara
ค้นใจนางสาวศรีสยามกับความสดใสฉบับ"เบลล่า"

ถึงละครจะลาจอไปแล้ว แต่กระแสฟีเวอร์ ละคร "คุณชายพุฒิภัทร" ยังไม่จืดจาง เมื่อคราวที่แล้วรายการ "ซุป'ตาร์ในดวงใจ" และหน้าบันเทิง "คม ชัด ลึก" ได้เปิดใจพระเอกใหม่แกะกล่อง "เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข" ไปแล้ว มาคราวนี้ก็ล้วงลึกผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุดนางสาวศรีสยาม "กรองแก้ว" ที่รับบทโดย "เบลล่า-ราณี แคมเปน" นางเอกใหม่ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ มารู้จักกันดีกว่าว่าตัวตนของ "เบลล่า" นางเอกยิ้มหวานคนนี้เป็นยังไง

คุณชายพุฒิภัทรฟีเวอร์
สำหรับละครเรื่อง "คุณชายพุฒิภัทร" เป็นยังไงบ้าง

เป็นละครที่ยาก ยากขนาดว่าเราร้องไห้ โกรธตัวเองที่ทำไมทำไม่ได้ ทำให้คนอื่นเสียเวลา แต่จะบอกว่าที่หนูผ่านตรงนี้มาได้ เพราะทุกคนให้กำลังใจ ทั้งป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์) พี่แหม่ม (ธิติมา สังขพิทักษ์) นักแสดงและทีมงานทุกคนในเรื่องนี้ รวมถึงพ่อแม่ ครอบครัว เพื่อนๆ และเจมส์ พระเอกในเรื่อง กับเจมส์ด้วยความที่เราเป็นมือใหม่ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งบางฉากเราเล่นกันไม่ได้ ก็โดนดุ เราก็จะต่างคนต่างให้กำลังใจ ในช่วงที่คนหนึ่งทำไม่ได้ก็จะผลัดกันปลอบ

กระแสตอบรับดีเกินคาด

ตอนแรกลุ้นอยู่ เพราะด้วยเนื้อเรื่อง พูดตามตรงว่า ค่อนข้างน้ำเน่า แต่พอละครออนแอร์ไปแล้ว กระแสดีมาก รู้สึกดีใจมาก เพราะทั้งเรตติ้งและกระแสดีมาก อาจเป็นเพราะด้วยเนื้อเรื่องที่เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงในสมัยก่อน เอาหลายเรื่องมาเชื่อมโยง ที่ยังคงมีเค้าโครงความจริงอยู่เลยทำให้คนดูสนุก

ต้องเล่นกับเจมส์ในเรื่องต้องอายุมากกว่า แต่ตัวจริงเขาอายุน้อยกว่า มีปัญหามั้ย

ตัวจริงเขาอายุน้อยกว่าเราประมาณ 3-4 ปี ตัวจริงเขาจะเป็นเด็กที่ชอบเล่น จะซน และขี้อ้อน บุคลิกต่างจากคุณชายหมอมาก และด้วยความที่เราต้องเล่นเป็นคนที่เด็กกว่าเขา พอเจอกันเราเลยไม่ให้เขาเรียกพี่ กลัวเขาจะเกรงใจและไม่กล้าเล่น เพราะคาแรกเตอร์คุณชายหมอต้องเฉียบขาด และมีอำนาจ เหมือนเราสร้างความคุ้นเคยให้กับเขา

ลองเม้าท์เจมส์หน่อยว่าในกองเป็นยังไงบ้าง

เป็นคนซน ลิงๆ เลย เหมือนอยู่ไม่สุข ยุกยิกตลอดเวลา อย่างเวลาที่เรามีฉากดราม่าเยอะ เขาก็จะชอบเข้ามาแกล้ง มาสะกิด แต่ช่วงหลังๆ ด้วยความที่เขาต้องถ่าย 5 เรื่องติดกัน เขาจะอ่านบทเยอะขึ้น แต่ก็ยังชอบมาเล่นยุกยิกๆ กับเราอยู่ แต่เขาจะเป็นคนท่าเยอะ เวลาที่เข้าฉากปุ๊บเขาจะมีมาดของคุณชายหมอขึ้นมาทันที แต่เขาเก่งที่เล่นให้หนูเชื่อได้ ช่วงหลังๆ บทจะพลิ้วแล้ว (ยิ้ม)

ละครเรื่องใหม่
ผลงานเรื่องใหม่ "ลูกทาส" ที่กำลังถ่ายทำอยู่เป็นยังไงบ้าง

เรื่องลูกทาสเพิ่งเริ่มถ่ายทำไปได้นิดหน่อย คือถ่ายในส่วนที่เป็นทีเซอร์ ไตเติล และบางส่วนที่จะเอาไปใช้ในละคร ซึ่งภาพที่ถ่ายไปจะเป็นภาพที่สวยมาก จะเป็นแบบแนวที่ฝันๆ ฟุ้งๆ หน่อย ตอนนี้ก็เริ่มเดินเปิดหน้าถ่ายทำกันเต็มตัวแล้ว แต่ยังไม่ได้เต็มคิวมาก แค่เริ่มถ่ายทำบอกเลยว่ายากมาก ดราม่าตั้งแต่ตอนสองตอนสามเลย เพราะมันเป็นเรื่องราวความรัก ที่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะในเรื่องเราเป็นลูกเจ้าพระยา ส่วนพระเอกเป็นทาส แล้วเรื่องของการแสดงออกก็ยาก เพราะด้วยยุคสมัย ภาษา คำพูดและการแสดงออกมาทุกอย่างมันยาก เนื่องจากเป็นละครแนวพีเรียด เรื่องนี้สิ่งที่กังวลมากคือภาษา คือพูดผิดนิดเดียวก็ต้องสั่งคัตเลย หลุดไม่ได้เลย เพราะภาษาที่ใช้แตกต่างจากเราในสมัยนี้มาก แต่ตอนนี้พอถ่ายไปสองสามฉากภาษาก็เริ่มเข้าปากบ้างแล้ว

มีการฝึกในเรื่องของภาษายังไงบ้าง

อย่างในกองเราก็จะเอาภาษาที่ใช้ในละครมาพูดเล่นกัน เพราะเราจะได้ชินปากไปด้วย เวลาเข้าฉากบทค่อนข้างยาวประมาณ 4-5 บรรทัดเลย ต้องอาศัยความเข้าใจเยอะ เพราะเรื่องของการพูดเราเลยต้องพยายามให้พูดภาษาในสมัยนั้นให้ชินปากกัน อย่างเวลาเล่นๆ กันในกองก็จะพูดประมาณว่า "เจ้าไม่รู้ดอกว่าข้ารู้สึกเช่นไร" ก็เป็นมุขขำๆ กันในกองเรา

ในเรื่อง "ลูกทาส" ได้มาเล่นกับ "เคน" ภูภูมิ เป็นยังไงบ้าง

กับเคนเรารู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว ด้วยความที่ละครเรื่องนี้ค่อนข้างยากมาก ทางอาปิ่น (ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์) เลยจัดเวิร์กช็อปให้ ให้นักแสดงในเรื่องได้มาเรียนการแสดงด้วยกัน ก็จะมีหนู มีเคน มีน้องอาย (กมลเนตร เรืองศรี) และมีไม้ (วฤษฎิ์ ศิริสันธนะ) ทำให้เราได้สร้างความคุ้นเคยกันด้วย แต่ที่สำคัญเหมือนจับพวกเรามาเรียนภาษาและวัฒนธรรมด้วยกัน (หัวเราะ) อย่างหนูกับน้องอายจะต้องเรียนเรื่องกิริยาวาจาและวิธีการแสดงออกของผู้หญิงในสมัยก่อน

เรื่อง "ลูกทาส" กับเรื่อง "คุณชายพุฒิภัทร" สถานะทางสังคมของทั้งสองเรื่องแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย

ใช่ เพราะอย่างในเรื่องพุฒิภัทร เราเป็นคนยากจน ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ในเรื่องลูกทาสเราเป็นลูกเจ้าพระยา การวางมาดออกมาก็คนละแบบเลย ในเรื่องลูกทาส เราต้องแสดงออกมาให้ดูงามสง่า เพราะจะต้องเป็นคนที่ต้องดูแลทุกอย่างภายในบ้าน ในเรื่องลูกทาส เราเล่นแล้วรู้สึกตัวใหญ่ขึ้น ในเรื่องคุณชายพุฒิภัทร เราต้องเล่นให้ตัวเล็ก (หัวเราะ) ซึ่งในเรื่องนี้ถึงจะเป็นพีเรียด แต่ก็มีเลิฟซีนเหมือนกัน ซึ่งตอนที่หนูอ่านบทในเรื่องนี้ รู้สึกเลยว่าเลิฟซีนในเรื่องนี้เป็นเลิฟซีนสวยงามมาก แต่ฉากเลิฟซีนยังไม่ได้ถ่ายเลย ซึ่งในฉากเลิฟซีนในเรื่องลูกทาส เราจะต้องเล่นเยอะมาก เพราะว่าในสมัยก่อนแค่จับมือก็เป็นเรื่องใหญ่โต ซึ่งเราต้องทำให้มันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่กับแค่การจับมือ

รู้สึกยังไงกับละครเรื่อง "ลูกทาส" เพราะเป็นละครฟอร์มใหญ่อีกเรื่องของค่ายทีวีซีน

หนูบอกตรงๆ หนูแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมอาปิ่น (ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์) ถึงเชื่อใจหนูขนาดนี้ อาปิ่นมาบอกหนูเลยว่า อาปิ่นเชื่อใจหนู เชื่อว่าหนูทำได้ ซึ่งหนูเองกังวลนะ ไม่อยากให้อาปิ่นเชื่อใจหนูขนาดนี้ เพราะเรายังมีอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับละครเรื่องนี้ที่เราต้องปรับปรุงอีก แต่โดยภาพรวมที่ถ่ายไป อาปิ่นค่อนข้างพอใจ ทำให้หนูในฐานะนักแสดงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก แต่สำหรับละครเรื่องนี้ต้องทำการบ้านเยอะมาก คือพักกองเมื่อไหร่ก็ต้องเอาบทมานั่งอ่านตลอด แต่อาปิ่นก็ให้คำแนะนำในเรื่องของการแสดงในเรื่องนี้ว่า ให้ระวังเรื่องของสายตา เพราะในเรื่องนี้ต้องสื่ออารมณ์ทางสายตาเยอะ

เส้นทางมายา
เล่าถึงการเข้ามาสู่วงการนี้หน่อยว่าเป็นไงมาไง

ต้องบอกเลยว่า ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เข้ามาทำงานตรงนี้ ทุกอย่างเริ่มจากที่เราเข้ามหาวิทยาลัยและเราอยากที่จะหาอะไรทำ โดยเริ่มต้นจากการไปแคสโฆษณา จนทางช่อง 3 เห็นเลยชวนเข้ามาแคสงานละคร ซึ่งกว่าจะได้มาเล่นละครเรื่อง “รอยมาร” ก็นาน ต้องเรียนการแสดง

ต้องผ่านอุปสรรคอะไรบ้างกว่าจะมาเป็น "เบลล่า-ราณี" ในวันนี้

จะต้องบอกก่อนว่า สมัยนี้คนหน้าตาดีเยอะมาก หาได้แทบทุกที่ ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้เราเจอบททดสอบอะไรมากมาย เราต้องใช้ความสามารถ ต้องใช้ความใส่ใจ ระเบียบวินัย ใช้สติ สมาธิจริงๆ กว่าจะมีวันนี้ได้ คือเราต้องใช้ใจทั้งหมดที่เรามี เพราะเราเลือกที่จะมายืนตรงนี้แล้ว เราทำให้สุด เราต้องเต็มที่กับมัน และตั้งใจกับงานตรงนี้ วงการนี้มันไม่ใช่แค่เข้ามาเล่นๆ วงการบันเทิงสำหรับหนูแล้วมันเป็นครอบครัวหนึ่งครอบครัว ซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ ที่สอนให้เราได้รู้จักอะไรที่หลากหลาย และที่สำคัญหากเราเลือกที่จะมาอยู่ตรงนี้ คือห้ามท้อ

วงการบันเทิงให้อะไรกับ "เบลล่า" บ้าง

ให้ทุกอย่างเลยก็ว่าได้ วงการบันเทิงเป็นโลกแห่งความเป็นจริงของหนู คือโลกแห่งการทำงาน มีทั้งสุข ทุก เศร้า ร้องไห้ เสียใจ ทำให้เรารู้จักว่า โลกในชีวิตจริงๆ มันมีอะไรบ้าง และการแสดงยังช่วยให้เราเห็นแง่มุมของคน ในหลายๆ รูปแบบ ตั้งแต่ละครเรื่อง ”รอยมาร” ที่เรารับบทเป็นเม ซึ่งถึงตัวละครนี้จะร้าย แต่ก็มีเหตุผลในตัว ให้ข้อคิดกับเรา ทำให้เราได้เรียนรู้ตลอด ก่อนที่จะเข้ามาในวงการบันเทิง หนูเองมองว่าวงการบันเทิงเป็นเรื่องที่ไกลตัวเรา เรานึกภาพไม่ออกว่า เราเข้ามาในวงการนี้ เราจะเป็นยังไง สังคมจะเป็นยังไง เราเคยได้ยินว่า ในวงการนี้มีการแก่งแย่งชิงดีกัน แต่พอเราเข้ามา หนูบอกเลยว่า หนูไม่เห็นมุมที่ได้ยินมาเลย การทำงานในวงการนี้ คือการทำอาชีพสุจริตอาชีพหนึ่งแค่นั้นเอง แต่สิ่งที่วงการนี้ให้กับเราคือ ทำให้เราโตขึ้น เพราะสังคมนี้มันกว้างมาก ทำให้เราได้เห็นมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น

ชีวิตนอกจอ
เห็นว่านอกจอมีคู่ซี้ต่างวัยเป็น "น้องอันดา" ที่สนิทกันมาตั้งแต่เรื่อง "พรพรหมอลเวง" แล้ว

จะบอกว่าอันดาเป็นเด็กที่คุยสนุก และเขาเป็นเด็กที่มีมุขให้เราได้ขำตลอด อยู่กับเขาแล้วเรามีแต่ความสุข คือจะบอกว่าเขาเป็นเด็กซน จริงๆ เขาไม่ได้เป็นเด็กซนนะ แต่เขาเป็นเด็กแสบ เป็นเด็กที่ฉลาด คือบอกสอนอะไรแป๊บเดียว เขาเข้าใจได้เลยทันที ซึ่งหนูกับอันดามีหลายอย่างคล้ายกัน คืออาจจะไม่ได้เป็นเด็กเรียบร้อย เป็นคนที่ชอบพูด พูดเยอะ แล้วเขาเป็นคนที่หวงหนูมาก ตั้งแต่ตอนที่เล่นพรพรหมฯ แล้ว เวลาที่เข้าฉากกุ๊กกิ๊กกับพี่บอย (ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) ค่อนข้างเยอะ พอเวลาสั่งคัต อันดาเขาจะรีบมาจับมือหนู แล้วปัดๆ มือพี่บอยออกทันที (หัวเราะ) อย่างกับเจมส์ (จิรายุ) ก็มี หนูไปออกรายการกับอันดา แล้วพิธีกรก็แซวว่าหนูกับเจมส์จูบจริงกัน อันดาเขาได้ยินเขาหันควับมาบอกเลยว่า “จูบจริงเหรอ เป็นหนู หนูไม่ทำนะ” เป็นเรื่องที่ตลกกันมาก เราก็ต้องบอกเขาว่ามันเป็นงาน จริงๆ โดนนิดเดียว เขาก็มีแอบงอนๆ นิดหน่อย เพราะเขาหวงเราที่เป็นพี่สาวเขา

ความรัก
กับพระเอกล่ำบึ้กของวิก 7 สี "เวียร์-ศุกลวัฒน์" อะไรยังไง

ความจริงกับพี่เวียร์รู้จักกันมาประมาณปีกว่าเกือบสองปี รู้จักกันจากการถ่ายหนังเรื่อง "ปิตุภูมิฯ" ด้วยกัน แต่คนอาจจะไม่รู้ เพราะว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้ลงจอ คนเลยอาจคิดว่าเราแอบไปคุยกัน ไปคบกัน แต่จริงๆ แล้วเรารู้จักกันจากการทำงานด้วยกันมานานแล้ว ถามถึงความสนิทสนม เราสองคนก็สนิทกันในระดับหนึ่ง มีอะไรก็คุยกัน คือคนมองว่าหนูปากแข็ง หนูไม่ได้ปากแข็ง หนูยอมรับว่าคุยกัน แต่เราไม่ได้คุยกันแบบคนที่คบกัน หรือคนที่จีบกัน เพราะว่าเรารู้จักกันมานาน การพูดคุยของเราเลยไม่ได้ไปในเชิงที่เป็นทางชู้สาว

ถ้าถามว่า "เวียร์" ใช่ผู้ชายในสเปกของ "เบลล่า" ไหม

หนูเองไม่ได้มีสเปกอะไรที่แน่นอนตายตัว คือเราอยากที่จะได้คนที่เข้าใจเรา เข้าใจงานของเรา คนที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ ไม่งอแง ไม่เอาแต่ใจ ซึ่งพี่เวียร์เขาก็เป็นคนแบบนั้น (ยิ้มเขิน) เพราะเขาเองก็ทำงานอยู่ในวงการนี้มานาน เขาก็สามารถที่จะให้คำแนะนำคำปรึกษาเราได้ เวลาเรามีปัญหาอะไร หรือไปเจออะไรที่เราไม่รู้ เราก็มีถามเขาและปรึกษาเขาบ้าง

สวย น่ารัก ยิ้มหวาน เป็นกันเองแบบนี้ ถึงว่าช่วงนี้ใครๆ ก็รักเธอคนนี้


เธอคนนี้ชื่อ : ราณี แคมเปน
ชื่อเล่น : เบลล่า
เกิด : 24 ธันวา 2532
การศึกษา : จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ภาควิชาวิทยุโทรทัศน์
ผลงานที่ผ่านมา : ถ่ายแบบ-ถ่ายโฆษณา, ละครรอยมาร, ละครตะวันยอดรัก, ละครพรพรหมอลเวง, ละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายพุฒิภัทร
ผลงานล่าสุด : กำลังถ่ายทำละคร “ลูกทาส”