Inside Dara
ให้งานพิสูจน์!! 'เจมส์ มาร์' นิ่งสยบข่าว รู้ตัวไร้เวลาให้สาว...ไม่พร้อมรักๆเลิกๆ

กระแสพลิกกันเลยจ้า...า หลังจากโดนวิจารณ์ยับเยิน!! ไม่เหมาะ ไม่คู่ ควรกับบท “พ่อเหม” ในละครพีเรียดเรื่อง “ข้าบดินทร์” ทางช่อง 3 สำหรับหนุ่มหน้าตี๋ เจมส์ มาร์ พระเอกไร้ไอจี แต่ทว่าสถานการณ์เปลี่ยนเพียงแค่ละครออนแอร์ แถมทำให้คอละครน้ำตาไหลพรากๆ เศร้าจับใจไปด้วย เลยได้รับเสียงชื่นชมถล่มทลาย กลายเป็นพระเอก “ฮอตเว่อร์วัง” ทีมข่าวบันเทิง เปิดพื้นที่ให้หนุ่มตี๋ ได้เปิดเผยตัวตนที่ก้าวข้ามเสียงติชม แถมดีใจที่เป็นจุดเล็กๆให้ “คนรุ่นใหม่” สนใจประวัติศาสตร์ชาติไทย ถือเป็นเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้น!!

กระแสตอนนี้ไปไหนมาไหนคนเรียกเจมส์หรือพ่อเหมล่ะ

“เค้าเรียกพ่อเหมครับ คนดูก็จะบอกว่าสนุก ครบรส เศร้าไปกับเราด้วยนะ เป็นละครพีเรียดแบบใหม่ เร็ว กระชับ ถ้าไม่มีทีมงาน ไม่มีนักแสดงท่านอื่นๆเราคงทำได้ไม่ดีขนาดนี้ เรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำจริงๆ 9 เดือน แต่มีช่วงฝึกซ้อมด้วย รวมแล้วก็ใช้เวลา 1 ปี 2 เดือน ช่วงนั้นแทบไม่ได้ทำอะไร ส่วนใหญ่ถ่ายละครกับเรียน” เรื่องนี้เจมส์ได้ทำอะไรเยอะเหมือนกันนะ “เยอะมากๆ (เสียงสูง) ที่แน่ๆ ได้ฟันดาบ ชกมวย ขี่ช้าง เรียนแอ็กติ้งย้อนยุค” พอจับดาบได้แผลเป็นของฝากมั้ย “มันต้องมีอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดาเพราะมันเป็นละครบู๊ต้องมีฟันตัวเองบ้างนิดๆ หน่อยๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่ขา ที่มือก็ถลอกนิดหน่อยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ขา เป็นแผลติดตัวไปเลย ตรงบริเวณต้นขา ผมควงดาบ พอผมเริ่มเหนื่อย เริ่มล้า ดาบตกมานิดนึง องศาเดียวเองฟันขาฉับเลย ไม่ยาวมากประมาณ 2 ซม. เป็นสิ่งเตือนใจให้เราเรียนรู้ดาบมีครู ต้องตั้งใจ มีสมาธิ เหนื่อยพักเลยห้ามต่อไม่อย่างนั้นจะอันตราย”

การทำงานกับพี่หนุ่ม อรรถพร ผู้กำกับฯล่ะ ดุได้ใจเปล่า

“ดีมากๆ ไม่ดุเลย เค้าเป็นคนน่ารักมาก เป็นผู้กำกับคนนึงที่ผมยอมรับเลยว่าพี่เค้าใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ เสื้อผ้า หน้าผม มุกคอมเมดี้ใส่ใจทุกเม็ด ซึ่งตอนแรกๆก่อนร่วมงานก็แอบคิดพี่หนุ่มจะต้องนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด ซึ่งเค้าก็นิ่งๆ คล้ายๆผมนะ แต่พอได้รู้จัก สนิทกัน เค้าให้วิชาเต็มที่เลย” ร่วมงานกับแมท ภีรนีย์ล่ะ เป็นยังไงบ้าง “เค้าก็โก๊ะๆ กังๆ ของเค้าแบบนี้อยู่แล้ว แต่เราเห็นเค้าทำงานน่าจะเป็นอย่างนี้ พอทำงานไม่ใช่เลย เก่งมาก ทำงานด้วยแล้วมีความสุข เค้าสอนผมโดยที่เค้าไม่รู้ตัว ทำให้ผมรับรู้สปิริตนักแสดง เห็นแล้วว้าวเลย” เวลาเจมส์ใช้สายตากรุ้มกริ่มจีบสาวไหลลื่นเชียวนะไปฝึกมาจากไหน “ว้าว (ยิ้มตาหยี) จริงๆเราเข้าใจพ่อเหมเพราะวัยใกล้กับเราหน่อย และยืมความเจ้าชู้จากคุณชายรณพีร์มานิดนึง (หัวเราะ)”

ก่อนหน้านี้เจมส์โดนกระแสลบกับละครเรื่องนี้ ตัวเรารู้สึกยังไงบ้าง

“เฉยๆ ส่วนนึงเราเจอตอนคุณชายรณพีร์มาแล้วแต่ผมพูดเหมือนเดิมเราคงไปปรับเปลี่ยนหน้าตาไม่ได้ ทำได้แค่นำคำของพวกเค้าเป็นข้อมูล คำวิจารณ์นั่นแหละเป็นข้อมูลทั้งหมดเลย คนอาจจะมองเป็นคำด่า ปล่อยมันไป จริงๆเป็นข้อมูลทำให้ตัวละครมีมิติขึ้นมา จาก 5-6 คนคุยกัน กลายเป็นคนทั้งประเทศสร้างละครขึ้นมามันยิ่งใหญ่” ถูกวิพากษ์วิจารณ์หน้าตี๋ หน้าตาไม่เหมาะบทนี้ “ผมเฉยๆ จะให้ผมทำยังไง? แค่เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเท่าที่คนคนนึงทำได้ แต่เราทำให้ที่สุดจริงๆ อย่างที่บอกนำคำวิจารณ์มาใช้ ยกเว้นด่าแบบไร้สาระนะ มีบ้างเวลาโดนคนด่าแบบไม่มีเหตุผลแอบนอยด์ แต่ผมนอยด์ชั่วโมงเดียวก็เยอะแล้ว เพราะหลังจากนั้นเราต้องทำงานต่อ” อะไรที่ทำให้เราคิดได้ มีพลังเดินไปข้างหน้า “เราต้องรู้จุดยืนของเรา ณ ตอนนี้เราทำเพื่ออะไร เราทำหน้าที่เพื่อเข้ากับตัวละครใช่มั้ย? ไม่ใช่ เราทำเพื่อเงิน? ไม่ใช่ เราทำเพื่อให้คนดูละครเราแล้วมีความสุข คนที่ด่าเราไม่ใช่เค้าไม่ดูละคร เค้าดูไง ยิ่งเราทำให้แย่ เค้ายิ่งด่าเรา แสดงว่าที่เค้าด่าเราไม่ได้นำไปใช้ ไม่ได้ใส่ใจอะไร เราอยากให้ทุกคนมีความสุข นั่นคือเป้าหมายของผม จะติหรือชมก็เป็นรางวัลที่เราได้รับ เค้าชอบ คนดูละครแล้วชอบ มันเป็นความดีใจ ความรู้สึกเหมือนคนดูบอล กลับบ้านดูบอลทีมที่เราชอบชนะ มันดีใจ แฮปปี้”

เจอเม้าท์เป็นพระเอกที่ไม่หล่อแสลงใจมั้ย

“เราก็รู้ตัวเองว่าไม่หล่อ ผมบอกเสมอเราไม่ได้หล่อ เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้คงมีแฟนเยอะแยะไปแล้ว ถ้าหล่อนะ (ยิ้ม) ไม่ซีเรียส คุณจะบอกว่าผมไม่หล่อ ถ้าคุณชอบงานของผม ชอบไลฟ์สไตล์ แค่นี้ผมพอใจแล้ว” ช่างเป็นผู้ชายคิดบวกจริงๆ “มันเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราไปมองเค้าว่าเราไม่เหมาะ ไม่หล่อ เป็นสิ่งลบก็จริงแต่รอบข้างมีสิ่งดีๆ เหมือนต้องเลือก ” จากที่ทุกคนจับผิดกับละครข้าบดินทร์ กลายเป็นทุกคนค้นคว้าหาข้อมูลประวัติศาสตร์แทน เจมส์พอรู้เรื่องเปล่า “ได้ข่าวเหมือนกัน ดีมากครับ ช่วงรัชกาลที่ 3 ไม่ค่อยมีใครทำเป็นละคร พูดถึงเท่าไหร่ คนจะรู้รัชกาลที่ 5 แต่คนไม่รู้ก่อนหน้าเกิดอะไรขึ้นเป็นช่วงค้นหา เพราะสยามเริ่มค้าขาย เริ่มมีฝรั่งเข้ามา น่าจะเรียนรู้อะไรได้หลายๆอย่าง ช่วงนี้มีต่างชาติเข้ามาเยอะมากจนบางทีทำให้ความเป็นไทยหายไป ดีใจจากละครจุดเล็กๆ ทำให้คนกลับไปสนใจประวัติศาสตร์ได้ ดีใจละครเรื่องนี้เป็นเหมือนครู จากที่จับผิดกลายเป็นชอบทุกอย่างที่เป็นข้าบดินทร์เลยครับ (ยิ้ม)”

เรื่องนี้ล่ะเรียนใกล้จบหรือยัง

“เท่าที่คุยกับอาจารย์ ปลายปีนี้จบและรับปีนี้ (ม.เอแบค) เหลือโปรเจกต์ต้องค่อยๆทำ ที่ผ่านมาเรียนตลอด ตั้งแต่รณพีร์ไม่เคยทิ้งเลยแต่เหนื่อยมาก อาจจะเป็นคนบ้าพลังเลยชอบ พอใกล้จะจบจะรับปริญญารู้สึกเป็นความภูมิใจอีกอย่างของชีวิต อย่างวันสุดท้ายสอบเสร็จแอบโล่งใจ 4 ปี-4 ปีครึ่ง เราทำงานตลอดและทำงานด้วยมันยาก บางงานเราก็ต้องทิ้งไป ไม่รู้สึกเสียดายเลยเพราะเราควรจะเรียนให้จบตามที่พ่อแม่ได้ขอไว้” วางแผนเรียนต่อเลยมั้ย “ทำงานระยะนึงก่อนอาจจะครึ่งปี หาคอร์สที่ดีกับเราจริงๆ ค่อยกลับไปเรียนใหม่ ซึ่งเราทำได้อยู่แล้ว เป็นคนบ้ากิจกรรมนิดนึงต้องมีอะไรให้ทำ อยู่นิ่งไม่ได้ ทุกวันนี้อยู่นิ่งฟิตเนส ตีกอล์ฟ อย่างเดียวเลย”

สิ่งหนึ่งที่เจมส์ไม่ยอมทำคือการเล่นโซเชียล ยังไม่ใจอ่อนเหรอ

“มันไม่ใช่ว่าผมเล่นไม่เป็น ผมดูนะ แต่เอาของคนอื่นมาดูงานเรายังไงแต่ให้เราทำเองเราไม่รู้จะไปลงอะไร ผมไม่บ้ากล้อง ถ่ายรูปไม่เก่ง ไม่ชอบถ่ายรูปตัวเอง และเป็นคนไม่รู้จะเล่าอะไรดี แต่ก็ไม่ได้แอนตี้” เห็นคนอื่นลงไอจีกันให้พึ่บ เราไม่แปลกๆ เหรอ “เฉยๆ ถ้าวันนึงมีโอกาสมีแรงบันดาลใจ พูดเก่งขึ้น อย่างที่บอกเราไม่รู้พรีเซนต์อะไรในมุมโซเชียลมีเดีย วันนึงเรามีอะไรพรีเซนต์อาจจะทำก็ได้ แต่เป็นคนไม่ติดโทรศัพท์ เราเป็นของเราแบบนี้แต่ติดฟังเพลง เล่นเกม เสิร์ชเน็ตดูกีฬาไป”

ความรักตอนนี้มีกับเค้าบ้างมั้ย

“แฟนไม่มีครับ ยังโสดอยู่” บางคนมีแฟนเพื่อเป็นกำลังใจ “ตอนนี้ผมรู้สึกยังไม่ใช่เรา มองในมุมของผู้หญิง เราไม่มีเวลาให้เค้าพอ ไม่รีบจะต้องมีแฟน มีคนรักตลอดเวลา เรารู้สึกแค่นี้เวลานอน เวลางอแงยังไม่มีเลย เวลางอแงอยากนอนๆ ต้องกลับไปคุยกับแฟนที่บ้าน เค้ารอเจอเราแล้วมาเจอเราในสภาพแบบนี้มันไม่ดี สภาพเราไม่พร้อมสำหรับเค้า ไม่ดีต่อตัวเค้าสุดท้ายทะเลาะกันอีก มันเป็นฟิลที่ผมรู้สึกน้อยคนที่จะโอเค ถึงเค้าจะโอเคแต่ไม่โอเคอยู่ดีเพราะคนเป็นแฟนต้องให้เวลาซึ่งกันและกัน” คิดแทนผู้หญิงไปไกลนะ “ใช่ เราคิดไปก่อน แต่เราไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่คิดเข้าข้างเค้า ผมอาจจะไม่เจอคนแบบนี้แต่เวลานี้เรายังไม่รีบเราเลยไม่ซีเรียส มีก็มี ไม่มีก็เฉยๆ ซึ่งตอนนี้มันไม่มี ถ้าเกิดเจอคนใช่เลยทีเดียว”

เป็นคนรักคนยากเหรอ

“ไม่ เป็นคนรักคนง่าย มีความรู้สึกดีให้กับทุกคน แต่ความรู้สึกดีแบบแฟนอันนี้พูดยาก เห็นสาวๆเดินผ่านก็มองสวยหมด” ไม่โดนสเปกเราสักคน “โดน แต่ไม่ใช่เราจะไปคว้าเค้ามาเป็นแฟน จังหวะไม่มาเอง ผมเชื่อว่าความรักถ้ามันเป็นธรรมชาติจะดีที่สุด อย่าไปฝืน คนมองการสู้ การฝืนคือความรัก แต่ผมจะชอบการไม่สู้ ไม่ฝืน ทำสิ่งที่ถูกต้องอันนั้นคือรักมากกว่า ผมเป็นคนคิดเยอะเพราะผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญเรื่องความรัก ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ชิลๆ คบเป็นกิ๊กกันก็ไม่ควรทำ แต่ความรู้สึกดีๆ ที่เรามีให้กันมันมีได้ ความรู้สึกเป็นเพื่อนแต่ไม่ได้จะต้องคว้ามาเป็นแฟน ถ้ามันไม่ใช่เวลา ไม่แน่ เดือนหน้าอาจจะมีแฟนก็ได้ ให้เป็นธรรมชาติดีกว่า คบๆ เลิกๆ มันเสียใจ ความรักไม่ใช่สิ่งแรกที่เราจะต้องโฟกัส เป็นสิ่งท้ายเลย ทำทุกอย่างเสร็จแล้วจริงๆ ว่างค่อยมาคิดเรื่องนี้ครับ”.