Inside Dara
“บุ๋ม ปนัดดา” แฉเรื่องจริงหญิงไทยถูกหลอกไปขายตัวใช้หนี้ที่บาห์เรน

เป็นโอกาสครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เดินทางไปประเทศบาห์เรน เนื่องจากที่ผ่านมาบุ๋มได้ช่วยรับเรื่องและประสานงานสาวไทยที่ไปประเทศบาห์เรนมาร่วมร้อยคนจากระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา ก่อนไปทริปบุ๋มยอมรับว่า ค่อนข้างรู้สึกกลัวกับประเทศนี้ ทำไมมีเคสมาให้ช่วยเยอะเลย ทำไมถึงมีผู้หญิงไทยไปเยอะ และทำไมถึงมีปัญหาเพิ่มมากขึ้นทุกที

แม้ว่าบุ๋มจะเคยไปติดต่อซื้อน้ำหอมเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ก็ไม่ได้ไปไหนมากนอกจากติดต่องานแล้วก็กลับ แต่ก็ได้เพื่อนที่เป็นเจ้าของโรงงานน้ำหอมมาช่วยสาวไทยเมื่อครั้งที่เป็นข่าว แต่หลังจากนั้นก็เพิ่งทราบว่าเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ ร.ร. บดินทรเดชา มาเป็นผู้ช่วยทูตที่กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน เลยทำให้เคสต่างๆ ที่มาขอความช่วยเหลือได้ประสานงานกันเร็วมากขึ้น ถูกต้องตามกฎหมายและขั้นตอนที่ตกลงระหว่างประเทศ จึงทำให้สองปีที่ผ่านมา องค์กรทำดี ได้ช่วยเหลือประสานงานมาร้อยกว่าเคส (เยอะจัง)

ดังนั้นนี่คงเป็นหนึ่งในเหตุผลในหลายๆ เหตุผลที่ทาง กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญ องค์กรทำดี ร่วมทริปพิสูจน์บาห์เรน โดยมีผู้แทนจาก DSI และ ปคม. (กองบังคับการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์) เดินทางไปพร้อมกัน ยอมรับว่าการไปบาห์เรนครั้งนี้ บุ๋มรู้สึกได้ว่าบุ๋มได้ทำงานเพื่อชาติอย่างคุ้มค่าที่สุด เพราะมีแต่ประชุมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน กลับโรงแรมยอมรับว่ามีสลบ ไม่ได้ล้างเครื่องสำอาง นอนหลับเป็นตายไปเลย มีชีวิตรอดกลับไทยได้ก็บุญแล้ว

ถ้าให้พูดถึงขั้นตอนการช่วยเหลือ เวลาที่มีผู้หญิงไทยติดต่อมา ทางเราจะรับข้อมูลและส่งตรงไปทางสถานทูตไทยในกรุงมานามา ถ้าผู้หญิงไม่สามารถมาที่สถานทูตเองได้ ทางสถานทูตจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าไปรับตัวผู้เสียหายออกมา เพราะมีหลายคนที่โดนแม่แทกขู่ว่าออกไปจะโดนตำรวจจับ (แม่แทกคือคนคุมหรือคนติดต่อหรือนายหน้า)

ปัญหาของผู้หญิงไทยที่ไปทำงานที่บาห์เรน คือเข้าประเทศด้วยวีซ่าท่องเที่ยวและแอบทำงานผิดกฎหมาย แถมยังอยู่เกินจำนวนวันที่กำหนด โดยที่แต่ละคนมักจะโดนแม่แทกหลอกว่า ตอนไปถึงมีค่าใช้จ่ายไม่เท่าไร รายได้เป็นหลักแสนต่อเดือน อยู่ไม่นานก็ใช้หนี้หมด โดยหนี้ส่วนใหญ่แล้วจะกำหนดไว้ที่ 200,000 ถึง 250,000 ทำงานสักเดือนก็ใช้หนี้ได้หมด หนี้สองแสนมาจาก ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่าคนพาเข้า ค่าผ่าน ตม. ค่านู่นค่านี่ สารพัดจะอ้าง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีแค่ค่าตั๋วกับค่านายหน้าคนบอกต่อเนี่ยแหละที่จ่ายให้ เพราะแท้จริงแล้วประเทศไทยกับประเทศบาห์เรนมีความสัมพันธ์อันดี และประเทศบาห์เรนก็ใจดีกับคนไทยโดยไม่มีค่าวีซ่า แต่ละครั้งอยู่ได้ 14 วันและมีการให้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องกลับประเทศจนครบสามเดือน (ค่าต่อ 35 BHD (ดีนาร์บาห์เรน) ซึ่งแม่แทกบางคนใจดีก็จ่ายให้แต่บางคนก็โกหกว่าต่อให้แล้ว พอมารู้ตัวอีกทีก็วีซ่าเกินกำหนด จะกลับก็กลัวโดนค่าปรับ โดนติดคุก แถมมีค่าข้าวค่าที่อยู่ที่ทบต้นไปเรื่อยๆ จนหนี้ท่วมหัว จะกลับก็กลับไม่ได้ ซึ่งทางการบาห์เรนจะปรับค่าเกินวีซ่า เดือนละ 50 BHD (บางคนอยู่เกินมาเป็นปี เดือนละ 50 x12 เดือน เท่ากับ 600 BHD เป็นเงินไทยก็คูณด้วย 100 ดังนั้นค่าปรับคือ 60,000 บาท ไหนจะค่าตั๋วกลับ สรุปพวกนางก็ต้องก้มหน้าหนีทางการหางานทำต่อไป)

มองในทางกลับกัน ทางการจะมองว่า คำว่าโดนหลอกคือ โดนบอกว่าทำงานเสิร์ฟ ทำงานสปาโรงแรม แต่พอไปถึงแล้วโดนบังคับให้ขายตัว ก็เลยร้องขอความช่วยเหลือภายในวันสองวันที่ไป นั่นคือโดนหลอกของจริง แต่ถ้าไปเป็นปีแล้วค่อยมาบอกว่าโดนหลอก แบบนี้เข้าทำนองที่ว่า รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอกนะจ๊ะ (พวกนี้คือโดนบอกมาบ้างแต่ไม่บอกค่าใช้จ่ายทั้งหมด รู้ว่ามาทำงานอะไร แต่ไม่รู้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายและต้องทำงานโหดแบบนี้) ซึ่งกลุ่มนี้เราก็ต้องดูว่า โดนกักขังหน่วงเหนี่ยวร่วมด้วยไหม? เช่น ยึดพาสปอร์ต ไม่ให้ออกไปไหน? ให้ทำงาน 24 ชม.? ก็จะเอาผิดแม่แทกได้ แต่เราช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าตั๋ว ค่าเกินวีซ่าไม่ได้ เพราะปีที่แล้วมีสาวไทยที่มาขอให้สถานทูตช่วยเหลือห้าร้อยกว่าคน แล้วบางคนอยู่เกินวีซ่า 3 ปี บางคน 13 ปี (กว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอก นานมาก) ค่าปรับเท่าไร? แล้วตั้งหลายร้อยคน จะให้สถานทูตเอาเงินภาษีประชาชนหรือองค์กรทำดีเอาเงินบริจาคจากประชาชนมาช่วยเนี่ยนะ? ช่วยในสิ่งที่คุณตั้งใจทำผิด? มันก็คงไม่ไหวมั้ง?

ทางการบาห์เรนเค้าก็ชัดเจนและใจดี ในการดูแลแรงงานไทยที่ถูกกฎหมาย มีซิมการ์ดแจกให้ฟรีตั้งแต่มาถึงสนามบิน เพื่อให้โทรกลับบ้านบอกว่ามาถึงประเทศบาห์เรนปลอดภัยแล้ว และถ้ามีปัญหากับนายจ้างจริงๆ ก็จะมีบ้านพักฉุกเฉินไว้คอยดูแล (ซึ่งบุ๋มไปดูมาแล้ว เค้าดูแลอย่างดีแถมระบบความปลอดภัยสุดยอดมาก มีห้องออกกำลังกาย มีอาหารคำนวณแคลอรี) แต่ใครเล่าอยากจะอยู่ที่นั่นมีแต่คนอยากกลับบ้านทั้งนั้น ทางการบาห์เรนบอกว่าใจเขาใจเรา ถ้ามีคนมาทำงานผิดกฎหมายในประเทศของคุณ คุณจะไม่ปรับเพื่อให้เขาเข็ดเลยเหรอ? ประเทศทุกประเทศมีกฎหมายที่ต้องดูแลกันทั้งนั้น เหมือนกับคนต่างชาติมากระทำความผิดในประเทศไทย คุณเองก็ต้องอยากใช้กฎหมายของประเทศไทยในการจัดการคนต่างชาติคนนั้น ประเทศเขาก็เช่นกัน

บุ๋มประทับใจ คำพูดหนึ่งของท่านรัฐมนตรีบาห์เรนที่บอกว่า ทุกประเทศมีสังคมสีเทา ขึ้นอยู่กับเราจะควบคุมสังคมนั้นด้วยกฎหมายอย่างไร ทางที่ดีกระบวนการค้ามนุษย์ในประเทศบาห์เรน มันไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ในประเทศไทย มันไม่ควรจะมีการขึ้นเครื่องบินไปตั้งแต่แรก สาวไทยไม่ควรเชื่อคารมคำหวานของบรรดาผู้หญิงนายหน้าหรือแม่แทก ที่มักจะสรรหาตัวเงินมาหลอกล่อ

แต่ก็น่าแปลกใจปัจจุบันสาวๆ ที่ไปบางคนมีความรู้และการศึกษาสูงระดับปริญญาตรี ทำงานแบงก์ พยาบาล ครู บุ๋มยอมรับตามตรงว่าตกใจกับข้อมูลที่รู้ สังคมไทยเรานิยมกันที่วัตถุและตัวเงินจนไม่รู้ว่าคุณค่าของความเป็นคนและศักดิ์ศรีมันเหลืออยู่ตรงไหน คิดง่ายๆ เพียงว่าจะมีเงินแสนในระยะเวลาไม่กี่เดือน แต่เค้าไม่รู้หรอกว่านรกกำลังรอเค้าอยู่