Inside Dara
ใครไม่ดีโดน!!! 'เจ๊ม้า' จิกเตือนเดอะสตาร์

วาจายิ่งกว่าเผ็ดร้อน ใครร้องดีหล่อนอวยจนตัวลอย แต่ถ้าใครร้องเพลงแย่ๆ ก็ต้องโดนสับเละ! เจ๊ม้า-อรนภา กฤษฎี คอมเมนต์เตเตอร์รสเด็ด ที่หลายๆ คนชื่นชอบ แต่เป็นที่หวาดผวาของเหล่าเดอะสตาร์

พี่ม้าก็เป็นคณะกรรมการคอยคัดเลือกน้องๆ มาตั้งแต่ ปี 1 จนถึงปีล่าสุด ถามจริงๆ น้องๆ เดอะสตาร์คนไหนที่ดีจริงทั้งต่อหน้าและลับหลัง? "

(ตอบทันที) น้องๆ โอเคทุกคนนะ เพราะน้องๆ โดนทีมงานจิกเอาไว้(ยิ้ม)"


ถึงขนาดต้องจิกกันเลย?

"ต้องจิกๆ ใครจะไม่ดี จะต้องโดนแน่นอน"


เดอะสตาร์ตั้งแต่ปี 1-8 ที่ผ่านมา พี่ม้าชอบใครมากกกกกที่สุด ที่คิดว่าเป็นนักร้องคุณภาพตัวจริงเสียงจริง?

"อืม...(คิดนาน) ก็แก้ม(วิชญาณี เปียกลิ่น)"


ทำไมคิดว่าเป็นแก้ม?

"ร้องเพลงเพราะมาก" จริงๆ แก้มก็มีศักยภาพที่ดีเยอะ สามารถจะดันไปสู่ตลาดเพลงอินเตอร์ได้สบายๆ นะ?

"ทำเพลงภาษาอังกฤษขายใครล่ะ บ้านเราขายไม่ได้ ใครจะแต่งล่ะ

ไม่ได้! เราไม่ใช่เป็นพวกฮ่องกง สิงค์โปร์ มาเลย์ ที่เก่งภาษามาตั้งแต่เกิด บ้านเราใช้ภาษาไทยกันมาก เราไม่ได้มีความเข้าใจลึกซึ้งของภาษา พูดได้แต่มันไม่ลึกพอ".


'ผจก.เอ'ป้อง'ณเดชน์-เคน'ไม่เรื่องมาก

"เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร" ฟันธง 2 ซุปตาร์ในสังกัด "ณเดชน์ คูกิมิยะ" และ "เคน-ภูภูมิ พงษ์ภาณุ" ไม่เรื่องมาก ยอมรับผิดทั้งหมดหากมีอะไรผิดพลาด

เพราะกำลังมาแรง ทำให้สองพระเอกชื่อดัง "ณเดชน์ คูกิมิยะ" และ "เคน-ภูภูมิ" เจอกระแสข่าวรุมกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง โดยซูเปอร์สตาร์ลูกข้าวเหนียว ณเดชน์ เจอทั้งข่าวเรื่องมากกับการเปลี่ยนคนดูแลอย่างต่อเนื่อง ด้านพระเอกหน้าใหม่ "เคน" ก็งานเข้า ถูกคนออกมาแฉ แถมออกมาทวงบุญคุณว่าเป็นคนปลุกปั้น แต่พระเอกหนุ่มกลับลืมบุญคุณ หรือข่าวดังแล้วหยิ่ง แถมล่าสุดมีข่าวว่า "ชัย" ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นโมเดลลิ่งที่ชักนำ "เคน" เข้าวงการก็ออกมาผสมโรงด้วยอีก งานนี้เดือดร้อนถึงผู้จัดการชื่อดัง "เอ-ศุภชัย" ซึ่งเป็นคนดูแลงานให้แก่ "ณเดชน์-เคน" ก็ออกโรงปกป้องนักแสดงหนุ่มในสังกัดสุดตัว กลางงานแถลงข่าว "โออิชิ ไปแต่ตัว ทัวร์ยกแก๊ง 555" ณ ลานกิจกรรม เอสพลานาด รัชดาฯ

"เรื่องคนที่ออกมาพูดถึงน้องเคน บอกเลยว่าก่อนหน้านี้น้องเคนเขาเคยเป็นตัวประกอบทำงานอย่างอื่นมาก่อน แล้วเราไปเจอเขา เอาเขามาเจียระไนจนกลายเป็นเพชร ถ้าก่อนหน้านี้เขาเคยร่วมงานกับใคร กับโมเดลลิ่งไหนมาก่อน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ ณ วันนี้ น้องเขาเป็นเด็กที่เราดูแล เราก็ต้องดูแลกันไป ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยทำงานกับใครมาก่อนก็ตาม เพราะถ้าก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานกับใคร แล้วเรามานั่งย้อนอดีตกัน คงไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว" ผู้จัดการเผย ก่อนจะโต้ข่าวที่ว่าหนุ่ม "เคน" ลืมบุญคุณ หรือดังแล้วหยิ่ง

"น้องเคนเขาเป็นคนน่ารัก มีความรับผิดชอบ เขาอาจจะยังเด็ก อายุเขายังน้อย แต่เขาก็สามารถรับมือกับข่าวที่ออกมาได้เป็นอย่างดี ถ้าให้พูดกันตรงๆ น้องเคนเขาเจอข่าวเยอะขนาดนี้ และแต่ละข่าวก็หนักๆ ทั้งนั้น แต่เขาก็ไม่เคยท้อ เขาก็พยายามทำหน้าที่ของเขาเองอย่างดีที่สุด สำหรับเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการ เราถือว่าเขาทำได้ดี หากเขาทำผิด เราเป็นคนดูแล เราก็คงต้องรับผิดชอบและตักเตือนเขา" เอบอก

ส่วนกรณีของ ณเดชน์ ที่ถูกกระแสวิจารณ์เรื่องคนดูแล "เอ-ศุภชัย" ยืนยันว่า พระเอกหนุ่มเป็นคนที่ดี เข้าอกเข้าใจคนอื่น และไม่เคยที่จะเรื่องมากกับใคร และหากเรื่องการเปลี่ยนคนดูแลทำให้หลายคนคลางแคลงใจในตัวพระเอกหนุ่ม อยากให้มาโทษที่ตัวเขา ไม่เกี่ยวกับณเดชน์ เพราะทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของเขากับแม่ของพระเอกหนุ่มที่ปรึกษากัน

ชีวิตต่างแดน"สายัณห์ จันทรวิบูลย์" 12 ปีที่รอคอย เตรียมกลับถิ่นเกิดเมืองไทย (Star Retrp)

ชีวิตต่างแดนเป็นชีวิตที่หลายคนเฝ้าฝัน ว่าจะสวยหรูโรยด้วยกลีบกุหลาบ อย่างที่ใคร ต่อใครเคยนึกฝันไว้หรือไม่ เหมือนดั่งศิลปิน และดาราไทยหลายคนได้ออกเดินทางตาม ความฝันดุจโรบินฮู้ด เพื่อมองหาอนาคต และจุดมุ่งหมายที่ดีกว่า บ้างก็อาจผิดหวังในชีวิต และต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ บันเทิงแนวหน้า คอลัมน์สตาร์เรโทรฉบับนี้ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ อดีตดารา และนักร้องที่หากเอ่ยถึงคงไม่มีใครไม่รู้จักในยุคอดีต แต่หากเอ่ยกับคนยุคนี้ว่าเป็น บิดาของพระเอกหนุ่มช่อง 7 อย่าง เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา หรือสามีของ ดวงดาว จารุจินดา คงต้องร้องอ๋อเป็นแน่ เขาคือ สายัณห์ จันทรวิบูลย์ อดีตพระเอกที่ทำให้ภาพยนตร์ในยุคนั้นมีแต่เสียงหัวเราะ หรือแม้แต่บทดราม่าก็ตีบท แตกจนเป็นขวัญใจสาวๆ ถึงขนาดมีฉายาว่า หุ่นทรมานใจสาว แต่ใช่ว่าจะมีเพียงบทบาทการแสดงเท่านั้น แม้แต่บทบาทในฐานะของศิลปินเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม กับอัลบั้มเพลง แจ้งเกิด คนหน้าใหม่ ที่แฟนเพลงในยุคนั้น ล้วนติดตรึงใจ และเมื่อสายัณห์ ได้เดินทาง กลับมาเมืองไทยเพื่อร่วมร้องเพลงการกุศลพร้อมกับเหล่าคณะศิลปินไทยจากอเมริกา ครั้งนี้เราเลยได้ไปร่วมรื้อฟื้นความหลัง


ประวัติเริ่มต้นเส้นทางสู่วงการบันเทิง

เริ่มต้นเข้าวงการผมเรียนมหาวิทยาลัยนาฏศิลป์ กรมศิลปากร เรียนรำ ตอนนั้นเป็นพระรามประจำกรมศิลป์อยู่ พอดี อัศวิน ภาพยนตร์ จะสร้างภาพยนตร์เรื่อง ละครเร่ ก็หาพระเอก ที่หน้าตาดีรำได้ พอดีเรียนห้องเดียวกับหลานพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ยุคล เลยพาไปสมัครแล้ว พาไปสัมภาษณ์ เทสต์ผ่านเลยแสดงเรื่องนี้ จากนั้นก็มาเล่นเรื่อง โทน เลยทำให้ชื่อเสียง โด่งดัง มีหนังเป็นร้อยเรื่องมาจนทุกวันนี้นะครับ แล้วต่อมาก็มาทำเพลงของตัวเองตั้งวงเดินสาย อยู่ 4 ปีเต็มแล้วก็กลับมาแสดงเป็น ผู้สร้างอยู่กับ ฉลอง ภักดีวิจิตร หลายเรื่องเป็นผู้ช่วยแล้วก็กำกับเองหลายเรื่อง สุดท้ายเลยลองเปลี่ยน มาเป็นผลงานเพลง ซึ่งอัลบั้มสุดท้าย คือ คำตอบสุดท้าย นี่คือชีวิตสุดท้ายก่อนเดินทางไปอเมริกา 12 ปี

ส่วนชีวิตครอบครัวผมก็ได้แต่งงาน กับ คุณดวงดาว จารุจินดา มีบุตรชายชื่อ ตั้ม-วิชญ จารุจินดา และ เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา ซึ่งตอนนี้เติ้ลเองก็มีผลงานทาง ช่อง 7 ผมก็ฝากลูกชายของผมไว้ด้วยครับ


ช่วงที่พีคที่สุดเป็นอย่างไรบ้าง

ช่วงที่พีคที่สุด ตอนนั้นฉายาว่า หุ่นทรมานใจสาว ไปทานอาหารที่ไหนคนเข้ามาตลอด เพราะสมัยนั้นแฟนๆ รักใครก็รักจริงมีพระเอกไม่กี่คน ความรักของประชาชนรักจริงไปไหน มีแต่คนห้อมล้อม เราก็ประทับใจว่าครั้งหนึ่ง ในชีวิตขึ้นสูงสุด ทุกวันนี้ทุกคนก็ยังจำได้อยู่ แม้อายุจะเยอะแต่แฟนเพลงจำได้ก็ดีใจ ส่วนช่วงที่แย่ที่สุด ไม่ค่อยมี มีช่วงนึงไป เล่นดนตรี ซึ่งเขาถูกมองว่าไม่มีการแสดงแล้ว เหรอ แต่จริงๆ ไม่ใช่ครับผมชอบร้องเพลง แล้ว เพลงดันไปดัง ซึ่งเป็นเพลง สายัณห์คนใหม่ เลยทำให้ผมหันมาเริ่มร้องเพลง


12 ปีที่อเมริกา

หายไป 12 ปี ชีวิตในอเมริกาลำบากยากมาก เหนื่อยมาก เพราะชีวิตต้องต่อสู้ เพราะ เราทำงานต้องแลกกับเงิน คือตอนแรกที่ไป โดยการชักจูงจาก ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ เพราะ ผลงานเพลงของสายัณห์อัลบั้มล่าสุด คำตอบสุดท้ายได้รับความนิยม เขาเลยเชิญไปร้องเพลง ที่ไทยแลนด์พลาซ่า หลังจากนั้นก็ชวนให้อยู่ทำงานด้วยกัน ผมก็เห็นว่าชีวิตในอเมริกาก็ไม่เลวเลยตัดสินใจอยู่ที่นั่น ส่วนชีวิตผมอยู่ที่นั่น ก็มีกิจการเล็กๆ เกี่ยวกับสปาและร้านเสริมสวย แล้วก็เป็นผู้จัดการอยู่ที่ไทยแลนด์พลาซ่า ถนนฮอลลีวู้ด ตัดกับเวสเทิร์น ทำงานด้วยร้องเพลงด้วย ร้องเพลงไปด้วย ดูแลทุกอย่างแทนเจ้านาย คุณเอนก พลอยแสงงาม โดยมีคุณเพ็ญพิมพ์ จิตรธร เป็นผู้จัดการใหญ่ ตอนนี้ร้านของเราเป็นที่โดดเด่นมากเพราะร้านอาหารเราอร่อย มีเพลง ทุกคนก็มุ่งมาที่นี่ถ้าใครผ่านไปก็เชิญครับ


คิดถึงและอยากกลับมาเมืองไทย

คิดถึงครับอีกไม่ช้าคงได้กลับมารับใช้อีก อาจกลับมาเป็นผู้สร้างหรือนักแสดง กำลังชั่งใจ อยู่ว่ากลับมาครั้งนี้อาจมาพักผ่อนก็ได้เพราะ อายุน้อยลงแล้ว (หัวเราะ) แล้วก็ยังคิดถึงคนไทย แฟนเพลงแฟนภาพยนตร์อยู่ตลอดเวลา


ไม่พลาดที่จะติดตามวงการบันเทิงเมืองไทย

บันเทิงเมืองไทยติดตามตลอดครับ ดีมากเปลี่ยนแปลงมาก ใกล้กับอเมริกามาก ก้าวหน้ามาก โปรโมชั่นผู้กำกับ ผู้สร้างนำตัวอย่างจากอเมริกามาสูงมาก แต่ที่มองดูแล้วคือ ประเพณีไทยถดถอยไปมาก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงเดี๋ยวนี้มีจูบจริงอะไรจริง แต่สมัยผมต้องบังกันน่าดู ก็ดีครับทุกอย่างต้องเดินหน้าไป อย่ามาถอยหลัง แต่เดินหน้าไปในทางที่ดีก็ดีด้วย


สิ่งที่ได้จากวงการบันเทิง

สิ่งที่ได้จากวงการสอนให้เรามีความกตัญญู ให้เรามีความรักพี่น้องศิลปินช่วยเหลือกัน เป็นตัวอย่างให้กับ รุ่นน้องๆ ซึ่งศิลปินนำไทยสมัยก่อน รักกันเหมือนพี่เหมือนน้องใครตกทุกข์ได้ยากก็ช่วยกัน แต่ตอนนี้ มันผิดกับของผมมากสมัยนี้ฟ้องกัน น่าดู วุ่นวายกันไปหมด การค้ามัน เข้ามาแซง ผลประโยชน์เกิดขึ้น สมัยก่อนทุกคนคุมกันเองไม่มีใคร เป็นผู้จัดการ แต่ยุคนี้สมัยใหม่ ต่างประเทศก็ยังมีฟ้องกัน ผมอยากบอกว่าให้รักกันดีกว่า เป็นนักแสดง คนไทยด้วยกัน ผมว่าอนาคตภาพยนตร์ไทยละครไทยตีตลาดโลกได้แน่ เพราะเห็นทุกคนตั้งใจกันอยู่ดีใจด้วยครับ


ฝากถึงคนที่อยากจะเข้าวงการ

ฝากนักแสดงใหม่หน้าใหม่คำที่จะยืนหยัด อยู่ได้คือต้องซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา ตรงต่อหน้าที่ เป็นคนที่มีสัมพันธไมตรีกับทุกคน ไม่ใช่พอดังแล้วลืมเชิด อยู่ไม่ได้ครับแบบนี้ ไปเจอใครต้องยกมือไหว้แม้แต่ ช่างไฟ รีเฟล็กซ์ เด็กเสิร์ฟน้ำ เราเป็น เด็ก เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าก็ต้องยกมือไหว้ สมัยก่อน เราจะเป็นแบบนี้หมดพูดจาอ่อนหวาน แต่สมัยนี้ มาแปลก คือมองไม่เห็นหัวคนแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน ต้องนอบน้อมอ่อนน้อม ฝากไว้ด้วยนะครับ สำหรับนักแสดงศิลปินใหม่ที่เข้ามาใหม่อยากให้ รักษาประเพณีนี้ไว้เลยนะครับ สำหรับ แฟนๆ ที่คิดถึง สายัณห์ จันทรวิบูลย์ สามารถติดต่อได้ที่ Sayan Jantharavibool (Sunny)Therapeutic Massage Therapy 5403-5 Hollywood,CA 90027in Siam Square Building USA 323-599-0035, 310801-4944

'แม่ยายที่รัก'ขายขำ 'หมิว'ขับเคี่ยวลูกเขย'ชาคริต'

หลายคนเฝ้าติดตามการกลับมาของเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง 'หมิว'ลลิตา ศศิประภา (ปัญโญภาส) หลังห่างหายจอแก้วไปนาน

ล่าสุดตัดสินใจลงเล่นละครเรื่อง 'แม่ยายที่รัก' ทางช่อง 3 ของผู้จัด 'นก'จริยา แอนโฟเน่ รับบทแม่ของนางเอกสาวหน้าใหม่วัย 15 'พรีม'รณิดา เตชสิทธิ์ ประกบพระเอกมาดขรึม 'ก้อง'สหรัถ สังคปรีชา และพระเอกไม้เลื้อย 'ชาคริต แย้มนาม'

ร่วมด้วย 'ตุ๊ก'ดวงตา ตุงคะมณี, 'กุ๊บกิ๊บ'สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย, 'แพง'พรรณชนิดา ศรีสำราญ, 'ต้น'จักรกฤษณ์ อำมรัตน์, 'มิค'บรมวุฒิ หิรัญยัษฐิติ, โจโจ้ ไมอ๊อกชิ ฯลฯ ฝีมือการกำกับฯของ เมธี เจริญพงศ์

โดยผู้จัดสาวเผยว่า เนื้อหาละครเป็นแนวครอบครัวโทน โรแมนติก-คอมเมดี้ มีดราม่าแฝง บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของครอบครัว เรียกว่าครบทุกรส ดูแล้วมีความสุข

'ปีนี้ช่อง 3 มีนโยบายสนับสนุนละครที่ สะอาดๆ ดูได้ทุกวัย อยากให้ทำละครเกี่ยวกับครอบครัว บังเอิญเรื่อง แม่ยายที่รัก เสนอไปนานมากแล้วเลยเป็นจังหวะที่พอดีกัน เลยเอาเรื่องนี้ขึ้นมาทำ ซึ่งเป็นเรื่องความสัมพันธ์ความรักแม่ลูก ความรักของครอบครัว ที่ไม่ใช่ความรักแค่คนรักแบบชายหญิง มันไม่เป็นพิษเป็นภัย'

สำหรับการคัดเลือกนักแสดง นก-จริยา รับว่า 'คัดเลือกยาก เพราะคำว่า แม่ยาย พอฟังดูอาจจะแก่ แต่เรื่องนี้ แม่ยายคือคนที่มีความรักในวัยเด็ก เป็นคุณแม่วัยใส บังเอิญชีวิตไปผิดพลาดช่วงนึงทำให้มีลูก แต่ด้วยความที่ครอบครัวดี สามารถประคองชีวิตมาได้ แล้ววันนึงต้องมาเจอคนรักเดิม ในขณะที่คนรักของลูกเป็นเพื่อนพ่อ เลยทำให้แม่หวงลูก ลูกหวงแม่ แม่ยายตีกับลูกเขย พ่อตาตีกับแม่ยาย มันเลยทำให้เรื่องชุลมุนวุ่นวาย แต่เส้นของเรื่องนี้สนุก'

เรื่องนี้ได้นักแสดงฝีมือฉมัง 'หมิว-ลลิตา' มารับบทแม่ยายยังสาว หลังหายหน้าไปนาน ซึ่งผู้จัดกล่าวว่า 'การกลับมาเล่นละครเรื่องแรกของหมิว ดูหมิวมีความสุข เหมือนได้มาทำอะไรที่สนุกสนาน ตื่นตัว หมิวมีแฟนคลับเยอะมากที่จะรอดู อยากขอบคุณที่มีกระแสดีๆ จากแฟนๆ หมิวเยอะ เราคิดว่าไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะ หมิวกลับมาเล่นเรื่องนี้น่ารักเป็นแม่ยายที่สาวมาก'

และได้นางเอกน้องใหม่วัย 15 'น้องพรีม-รณิดา' ที่ช่องตั้งใจปั้นมารับบทลูกสาว

นกกล่าวว่า 'เด็กใหม่นี่เป็นอีกโจทย์ที่ทางช่องส่งมา ตอนแรกกังวลมาก เพราะน้องพรีมเด็กไป แต่ช่องยืนยันขอให้ปั้นน้อง เหมือนเข้าโรงเรียนแรก เพราะมีนักแสดงแข็งๆ หลายคน เลยส่งน้องมาฝึก เราเลยพยายามทำให้พรีมสาวขึ้น ขณะเดียวกันพรีมก็เหมาะเป็นลูกหมิว โดย อายุหมิวที่เป็นคุณแม่สาวๆ และพรีมเองก็อายุ 15 ปี'

'การที่น้องพรีมมาเป็นนางเอกใหม่เรื่องแรกนี้มีความยากพอสมควรในการจะช่วยปรับลุกส์ พยุงให้เขาโตขึ้น และมีความเข้าใจภายในบทบาทนั้นว่าผู้หญิงที่อายุขนาดเขาจะเป็นยังไง การที่เขาก้าวเข้ามาเป็นนักแสดง ต้องเรียนรู้งานและเข้าใจบทให้ได้ ซึ่งพรีมทำได้ดีในฐานะเด็กใหม่ น้องมีทักษะและความสามารถที่ดี สามารถพัฒนาไปได้อีกเยอะ เราว่าน้องสอบผ่านในความน่ารักของเขาที่เป็นต้นทุน น้องเป็นเด็กใสๆ หลายอย่างต้องอธิบายเยอะ เพราะเขาเป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลี เขาพูดไทยได้แต่จะติดสำเนียงอิตาลี ซึ่งคนดูอาจรู้สึกแปร่งๆ แต่ดูๆ ไปแล้วความสนุกมันพาไป คนดูคงจะรับได้'


ส่วนพระเอกไม้เลื้อย 'ชาคริต' นั้น ผู้จัดสาวยกให้เป็นพระเอกคอมเมดี้ตัวพ่อ

'เราก็เกรงใจคริตนะที่ต้องมาเล่นกับเด็กใหม่ เพราะการทำงานจะยากขึ้น คอมเมดี้ถ้าเล่นกับคนไม่เก่งเท่ากันจะเหนื่อย แต่เขาก็ช่วยน้องได้เยอะ'

ถามว่าคู่พ่อแม่อย่าง 'หมิว-ก้อง' จะมากลบคู่ลูก 'ชาคริต-น้องพรีม' ไหม ผู้จัดรีบปฏิเสธ 'ไม่เลยเรื่องนี้เด่นทั้งสองคู่ สองคู่นี้จะเดินคู่กัน อย่างหมิว กับพี่ก้องมาทำงานร่วมกันครั้งนี้เขาจะรู้จังหวะกันหลายคนอาจมองพี่ก้องเป็นเจ้าพ่อละครรักหวานๆ แต่เรื่องนี้เปลี่ยนเลย จะเล่นตลกๆ หยอดมุขแบบเงียบๆ ตลกหน้าตาย (หัวเราะ)'

สุดท้าย ผู้จัดเผยถึงสิ่งที่คนดูจะได้รับจากการชมละครว่า 'เรื่องนี้ได้แง่คิดความรักในครอบครัว เป็นละครสร้างสรรค์ ดูแล้วหัวเราะ แถมได้แง่มุมดีๆ ดูแล้วหลับฝันดี ตื่นเช้ามีแรงทำงานแน่นอน'

ติดตามชม 'แม่ยายที่รัก' ทุกวันจันทร์-อังคาร ทางช่อง 3 เวลา 20.30 น.

กุ๊กกิ๊กใสสะอาด-ไม่ปากประกบปาก

ออกตัวมาก่อนเลยว่า ดูละครเรื่อง 'แม่ยายที่รัก' แล้ว บ้านที่ใช้ถ่ายทำอาจมีโดดบ้าง โดยผู้จัดสาว 'นก-จริยา' บอก นั่นเป็นเพราะละครถ่ายในช่วงน้ำท่วม

'ฝากบอกคนดูว่าบ้านที่ใช้ถ่ายทำในเรื่อง อาจจะต้องเปลี่ยนนะคะ(หัวเราะ) แต่เราก็ต้องหาบ้านที่ใกล้เคียงของเดิม น้ำท่วมชนิดที่ซ่อมไม่ได้เลย โลเกชั่นที่ใช้ถ่ายทำอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี เลยโดนหนักหน่อย บ้านพังไปเลย มันเลยเป็นเหตุผลที่จำเป็น แต่เราก็พยายามปรับและอิงบ้านเดิมให้ใกล้เคียงมากที่สุด สีสันอุปกรณ์เราก็เอามาสวมให้มันได้ เราพยายามแก้ปัญหา'

โดยโลเกชั่นส่วนใหญ่ที่ถ่ายทำจะเป็นที่ รีสอร์ต จังหวัดราชบุรี เพราะเรื่องนี้หมิวที่เล่นเป็นแม่ยาย จะต้องทำงานโรงงานโอ่งที่จังหวัดราชบุรี แล้วก็จะมีถ่ายในกรุงเทพฯ เพราะเรื่องนี้เป็นละครครอบครัวเลยต้องถ่ายทำในบ้านเยอะ'

ส่วนเรื่องเสื้อผ้าของตัวละคร ผู้จัดสาวกล่าวว่า 'เรื่องนี้เสื้อผ้าไม่หรูหรามาก แต่จะวางให้มีสไตล์ อย่างเช่นเรื่องนี้หมิวจะเป็นสาวออฟฟิศเพราะทำเรื่องเกี่ยวกับศิลปะพวกลายโอ่ง เครื่องปั้น เขาจะเป็นคนที่มีหัวทางศิลปะเลยต้องเป็นแนวนั้น ส่วนพระเอกจะแต่งตัวตามลักษณะของอาชีพ เรื่องนี้เสื้อผ้าไม่มีปัญหาอะไร คาแร็กเตอร์ต้องวางให้น่ารักหน่อย ให้ดูมีสีสันเยอะขึ้น เพราะเป็นละครคอมเมดี้'

สำหรับฉากกุ๊กกิ๊กในละคร ได้รับการ การันตีว่า 'รับรองว่าเรื่องนี้ฉากกุ๊กกิ๊กเป็นฉากที่ใสมาก เราจะไม่ทำให้ดูประเจิดประเจ้อ เพราะน้องพรีมยังเด็ก ให้มาเล่นเลิฟซีนกับผู้ใหญ่คงยาก เราเลยปรับเลิฟซีนให้เป็นเลิฟซีนที่น่ารัก ดูแล้วยิ้มหวานๆ สบายใจ เหมาะสมในฉาก เราเองก็นั่งเฝ้าระวังทุกฉากที่เป็นเลิฟซีน เพราะต้องการให้ได้ภาพที่สะอาดที่สุดในละคร'

'เรื่องนี้เป็นละครครอบครัว เราเลยต้องได้ความรักที่สะอาดออกไป ขนาดฉากเลิฟซีนของพี่ก้องกับหมิว ก็เป็นภาพหวานๆ สะอาดๆ ดูแล้วอินได้โดยไม่ต้องปากประกบปาก เราดีไซน์ออกมาจากบนโต๊ะประชุมเลย ผู้กำกับฯ เองก็ทำการบ้านมาเยอะเพื่อความสะอาดในจอค่ะ'

ส่วนจะสะอาดแค่ไหน ต้องติดตามชม