Inside Dara
เมื่อรักถึงทางตัน เวลาเปลี่ยนใจคนก็เปลี่ยน!!

มีสุขก็ต้องมีทุกข์ มีรักก็ต้องมีเลิก เรื่องราวเหล่านี้ยังคงวนเวียนเป็นวัฏจักรของชีวิตไปแล้ว ไม่มีใครอยากจะอยู่กับความทุกข์ หรือไม่มีใครที่มีความรักแล้วอยากจะเลิกกันหรอก แต่ความรักและเรื่องราวของชีวิตมันออกแบบกันไม่ได้จริงๆ การแต่งงาน คือจุดเริ่มต้นของการสร้างครอบครัว ไม่ว่าจะคนเดินดิน พนักงานออฟฟิศ ไฮโซหมื่นล้าน หรือแม้กระทั่งซุปตาร์ดาวดัง ต่างก็ฝันอยากมีครอบครัว มีชีวิตคู่ที่สวยหรู มีรักที่ยั่งยืนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกันทั้งนั้น แต่เมื่อรักของคนสองคนถึงทางตัน ไปต่อไม่ได้ หาทางออกไม่เจอ การหย่าร้างจึงได้ถูกนำมาพิจารณาเพื่อเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้ ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง อยู่กันไม่ได้ แล้วจะทนทำไม สู้เลิกกันไปแยกกันอยู่ไม่ดีกว่าเหรอ หลายคู่จึงได้คิดนำวิธีนี้มาใช้ แม้ว่าจะไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ตาม คู่รักในวงการบันเทิงก็เช่นกัน ที่เมื่อรักถึงทางตัน ก็ได้หยิบเลือกทางเดินนี้มาใช้ แต่เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครอยากให้ชีวิตรักของตัวเองเป็นแบบนี้หรอก...

ปีเตอร์ พลอย

เป็นคู่ที่ทำให้คนช็อกได้บ่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับคู่ของหนุ่ม ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล กับภรรยา พลอย พลอยพรรณ ทวีรัตน์ เพราะทั้งคู่ได้ควงกันมาเปิดใจแบบเคลียร์ชัดต่อหน้าสื่อว่า สาวพลอยกำลังตั้งครรภ์ พร้อมกับทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอฝ่ายหญิงแต่งงาน เรื่องราวได้ดำเนินไปอย่างแฮปปี้เป็นที่สุด มีฉากหวานๆ ซึ้งๆ ให้ได้เห็นกันบ่อยๆ อีกทั้งหลายคนยังชมอีกด้วยว่า ทั้งปีเตอร์และพลอยหน้าคล้ายกันมาก ต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ ส่วนงานแต่งงานที่จัดขึ้นนั้นก็ยิ่งใหญ่สมฐานะทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว หลังจากนั้นไม่นาน พลอยก็ได้คลอดลูกคนแรกให้ปีเตอร์ โดยตั้งชื่อว่า น้องแพนเตอร์ ซึ่งสอดคล้องกับชื่อพ่อนั่นเอง ความรักของครอบครัวนี้ดูน่ารัก อบอุ่นดี

แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์พลิกผันเมื่อมีข่าวลือว่า ปีเตอร์เตียงหัก!! แต่ทั้งปีเตอร์และพลอยก็ได้ควงกันออกงานพร้อมลูกชาย น้องแพนเตอร์ เพื่อสยบข่าวรักร้าว ซึ่งตอนนั้นพลอยกำลังตั้งท้องลูกชายคนที่สองอยู่ด้วย แต่หลังจากที่น้องพูม่าลูกชายคนที่สองคลอดได้ไม่นาน ก็มีข่าวลือเตียงหักของครอบครัวนี้ออกมาอีกแล้ว ประจวบเหมาะที่ภรรยาสาว พลอย ได้โพสต์ไอจีรูปตนเองกับลูกชายทั้งสองคน พร้อมทั้งบอกให้พ่อกลับบ้าน แะจากนั้นก็มีรูปอื่นๆ พร้อมแคปชั่นให้ปีเตอร์กลับมาหาลูกอยู่บ่อยๆ เรื่องนี้เลยกลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ขึ้นมา นักสืบทั้งหลายได้ไปขุดคุ้ยจนพบว่า หนุ่มปีเตอร์ไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้อยู่กับครอบครัวนานแล้ว อีกทั้ง ผู้สื่อข่าวก็ไม่มีใครสามารถติดต่อเพื่อสัมภาษณ์ปีเตอร์ได้เลย เพราะในเวลานั้นเจ้าตัวไม่ได้รับงานบันเทิง หรืองานอีเวนต์ใดๆ จะเห็นก็แต่ออกทริปขี่มอเตอร์ไซค์กับกลุ่มเพื่อนเท่านั้น

และเมื่อบรรดานักสืบโซเชียลทั้งหลายสืบไปค้นมาก็ได้ไปพบกับสาวปริศนาคนหนึ่งในแก๊งทริปมอเตอร์ไซค์กับปีเตอร์ มีรูปออกมาให้เห็นเป็นระยะๆ จนหลายคนเดาและฟันธงกันไปว่า ทั้งคู่ต้องมีอะไรกันแน่ๆ ทำเอาบรรดาชาวเน็ตและทีมเมียหลวงออกมาโจมตีปีเตอร์กันอย่างหนักหน่วง ไม่ใช่เพียงแต่มีผู้หญิงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นข่าวกับปีเตอร์ในช่วงที่ออกจากบ้าน แต่ยังมีอีกหลายๆ คนตามมา งานนี้เลยทำให้ถูกมองว่า หนุ่มปีเตอร์ต้องมีใครแน่ๆ เลยทำให้ไม่กลับบ้าน อีกทั้ง ยังโดนต่อว่าจากสังคม จากทีมเมียหลวงกันอย่างหนักหน่วงทีเดียว นอกจากนี้ เรื่องราวความเข้าใจผิดระหว่างเพื่อนสนิทของฝ่ายชายกับสาวพลอยก็ออกมาเติมเชื้อไฟให้คุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา แต่ทุกครั้งที่สาวพลอยออกมารับงานก็จะถูกสื่อสัมภาษณ์สอบถามว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ปีเตอร์กลับบ้านหรือยัง เจ้าตัวก็มักจะตอบเป็นกลาง บอกไม่ค่อยได้ติดต่อพูดคุยกันเพราะปีเตอร์กำลังยุ่งกับรายการที่ทำอยู่ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็คงจะกลับบ้านและมาเคลียร์ปัญหาเอง เรื่องราวก็ค้างคาแบบนี้ได้ปีกว่า ปีเตอร์ก็ยังไม่กลับบ้านสักที ฝ่ายหญิงก็อยู่บ้านดูแลลูกไป จนกระทั่งพลอยออกมายอมรับว่า อยากให้ปีเตอร์กลับบ้านเพื่อมาเคลียร์เรื่องต่างๆ และตนเองก็พร้อมที่จะเป็นซิงเกิลมัม เพราะทุกวันที่ผ่านมาตนเองดูแลลูกทั้งสองคนอยู่แล้ว และตอนนี้ก็กลับไปทำงานเป็นแอร์โฮสเตสเหมือนเดิม ขอแค่ให้ฝ่ายชายออกมาเคลียร์ปัญหาด้วยตัวเองสักที

จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ก็มีภาพของปีเตอร์กลับบ้านเพื่อมาหาลูกๆ แต่ในรูปนั้นไม่ได้มีพลอยอยู่ด้วย เพราะเป็นช่วงที่พลอยบินไปทำงานพอดี เลยกลายเป็นว่าปีเตอร์ย่องเงียบกลับบ้านแอบไปหาลูก และเมื่อพลอยกลับมา ทั้งคู่เลยได้ตัดสินใจคุยกันอีกครั้ง เพื่อจะได้ตกลงกันให้ได้ว่าสุดท้ายแล้วจะเอายังไง โดยครั้งนี้มีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาเป็นคนกลางในการพูดคุย ซึ่งล่าสุดพลอยก็ได้ออกมายอมรับว่า ได้ตกลงกันแล้วว่าจะหย่ากัน โดยในวันที่ไกล่เกลี่ยมีผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายอยู่ด้วย ระหว่างตนเองกับปีเตอร์ก็น่าจะจบ ชีวิตต้องเดินต่อไป แต่ในฐานะพ่อกับลูก หรือแม่กับลูก ก็ยังเป็นอยู่เหมือนเดิม

และทางด้านฝ่ายปีเตอร์นั้นก็ได้ออกมาเปิดใจ ชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกับขอโทษที่ตนเองตัดสินใจผิดไป ที่ไม่ยอมออกมาเคลียร์เรื่องให้จบในตอนนั้น ปล่อยให้ยืดเยื้อจนทุกวันนี้ โดยปีเตอร์ได้บอกว่า จากข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเอฟเฟกต์เกิดกับทีมงานทุกคน ต้องขอโทษด้วย ยอมรับผิดเองที่ไม่ได้ออกมาเคลียร์ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่คุยกันไม่ได้ด้วย ทะเลาะกันตลอดเวลา ตนเองออกมาจากบ้านตั้งแต่ก่อนที่จะทำรายการ และก่อนที่จะเจอกับ แอนนี่ ปริศนา ยืนยันความสัมพันธ์กับแอนนี่เป็นแค่เพื่อนร่วมงานและหุ้นส่วนรายการกัน และในอนาคตไม่มีทางมากกว่านั้นแน่นอน ตอนที่เกิดเรื่องวุ่นวาย เศร้ามาก จะขยับตัวไปไหนทำอะไรก็เป็นข่าว ขอร้องคนในทีมว่าอย่าพูดอะไร ขอโทษที่ไม่ได้ตอบโต้เลยทำให้เกิดอะไรหลายอย่าง ทำให้คนเข้าใจผิด ขอโทษเป็นทางการอีกครั้ง

ส่วนเรื่องหย่าได้เข้าไปคุยกับพลอยมาแล้ว ก่อนหน้านี้คุยกันเท่าไรก็ทะเลาะกันทุกครั้ง เมื่อที่ผ่านมาก็ได้เข้าไปคุย บอกว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะ งั้นอย่าให้ลูกเห็นดีกว่า ถ้าเราคุยกันไม่ได้ หย่ากันจะดีกว่า ไม่มีวันทิ้งลูกแน่นอน ซื้อบ้านให้ใหม่ ค่าเลี้ยงดูจัดเต็มแน่นอน ดูแลทุกอย่าง ขอแค่ช่วยกันเลี้ยงดูลูก พร้อมกับยอมรับเป็นคนเอ่ยปากขอหย่าเอง ตอนที่คุยกันมีผู้ใหญ่นั่งคุยอยู่ด้วย เพราะรู้ว่าถ้าคุยกันเองจะทะเลาะกัน ส่วนวันเวลาที่จะไปจดทะเบียนหย่ายังไม่แน่นอนเพราะกำลังยุ่งมาก แต่ได้ร่างสัญญาการเลี้ยงดูแล้วเพื่อความสบายใจของพลอย สิทธิ์การเลี้ยงดูลูกยังไม่ได้คุยกันแบบชัดเจน

ไม่มีใครรู้หรอกว่าชีวิตจะเป็นแบบนี้ ยอมรับเสียดายกับที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านี้ก็หวานกันมาก กว่าจะลงเอยกับใครสักคนมันยากมาก มันจะไม่ยากเลย ถ้าไม่มีลูก พอมีลูกทำให้คิดยากมาก ยอมรับว่าอาจแต่งกันเร็ว หรือยังไม่รู้จักกันดีพอ คิดว่าเหตุผลที่เลิกกัน มันอยู่กันไม่ได้ทะเลาะกันบ่อย พอเรื่องนี้กระจายในโซเชียล คนเริ่มบิ๊วกันเยอะ เลยทำให้เป็นปัญหา ถ้าย้อนกลับไปได้จะทำให้ดีที่สุด ขอโทษอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

เอมมี่ ไอด้า

กลายเป็นประเด็นฮือฮา เมื่อสาว ไอด้า ไอรดา โพสต์ข้อความธรรมะว่า "ใครที่มันคิดนอกใจ คนที่เหนื่อยมาด้วยกัน ร้องไห้มาด้วยกัน ลำบากมาด้วยกัน มันผู้นั้นไม่ใช่คน" ก่อนที่สามีหนุ่ม แอมมี่ the bottom blues จะโพสต์ข้อความยอมรับผิด จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของข่าวการเลิกรากันของ แอมมี่ ไอด้า อดีตคู่รักเด็กแนวคู่นี้

โดยสาวไอด้า ไอรดา ได้เผยว่า ตัดขาดกันแล้ว ไม่มีโอกาสกลับมาคืนดีกัน จากนั้นก็ได้มีการโพสต์รูปเสื้อชั้นในลงในอินสตาแกรม แฉกิ๊กของอดีตสามี จนกลายเป็นกระแสแรงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตร่วมติดแท็ก #ทีมไอด้า ให้กำลังใจกันอย่างคับคั่ง ก่อนที่หนุ่ม แอมมี่ the bottom blues จะออกมาแถลงข่าวขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรกับใครใดๆ ทั้งสิ้น ตามที่เข้าใจผิดกัน พร้อมขอให้จบเรื่องนี้ โดยไม่ขอตอบรายละเอียดเรื่องรูปดังกล่าว

ปลื้ม ทับทิม

ไม่มีใครคาดคิดว่าการเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานที่เป็นที่ฮือฮาจของเน็ตไอดอลคนดัง ปลื้ม สุรบถ และ ทับทิม มัลลิกา นำมาสู่งานแต่งงานที่สวยหรูและหวานซึ้ง หลังจากแต่งงานทั้งคู่รักกันหวานกันออกสื่อให้ได้เห็นอยู่บ่อยๆ จนทำให้คนอิจฉา และอยากเข้ามาร่วมทำงานด้วยเป็นจำนวนมาก บ่มเพาะความรักมากว่า 3 ปี แต่ก็ไม่มีใครคิดว่า 3 ปีที่ผ่านมาจะจบลงด้วยการแฉกันเอง!!

ในโลกโซเชียลได้เกิดการแชร์เรื่องราวของปมดราม่า อดีตคู่สามีภรรยา ปลื้ม สุรบถ และ ทับทิม มัลลิกา หลังจากที่ทั้งคู่ออกมายอมรับว่า "เตียงหัก" พร้อมทั้งลดสถานะเหลือเพียงแค่เพื่อน โดยปลื้มได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า ได้เห็นข่าวตนกับทับทิมแล้ว ก็เลยจับเข่าคุยกันก่อนที่ตนจะรับหน้าที่ออกมาชี้แจงว่า "เราเลิกกันมาสักพักแล้ว" แต่ไม่ใช่เพราะทะเลาะกันหรือมีเรื่องไม่พอใจต่อกัน เราคุยกันดีและเข้าใจกัน เรารู้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน แต่เราเพิ่งมารู้ว่าเรามีความรักกันแบบเพื่อน เพราะเราเริ่มจากเป็นเพื่อน แต่หลังจากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เราจึงเพิ่งเข้าใจว่ามันไม่ใช่แบบคนรัก แต่มันเป็นแบบเพื่อน มันไม่ใช่ในรูปแบบชีวิตคู่ ขอให้ทุกคนเข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเราสองคนด้วย

คำแถลงการณ์หย่าร้างที่ถูกร่างอย่างสวยหรูของปลื้ม ตามมาด้วยคำถามว่า แต่งงานอยู่กินกันมากว่า 3 ปี เพิ่งจะมารู้ว่ารักกันแบบเพื่อนเองเหรอ? แล้วตัดสินใจแบบง่ายๆแค่เดินจากไปจบแค่นั้นเหรอ? และที่ใช้คำว่า "เรา" เพิ่งรู้ว่ามีความรักกันแบบเพื่อน หมายถึงทั้ง ปลื้ม และ ทับทิม คิดแบบนี้ด้วยกันทั้งคู่ หรือว่า "คิดไปเองคนเดียว?" เพราะหลังจากปลื้มลงไอจีไม่นาน ฝ่ายทับทิมก็เปิดใจผ่านไอจีตัวเองเหมือนกันว่า ชีวิตนี้ไม่ได้หวังว่าจะเจอวันแบบนี้ แต่ยังไงแล้วก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ตนอยากพูดแค่ว่าขอบคุณเพื่อนรักและทีมงานทุกคนที่อยู่เคียงข้างและเข้าใจ ตนลาออกจากรายการเมื่อสิ้นเดือนมกราคมแล้ว ขอบคุณมากทุกคน "ชีวิตนี้ไม่มีอะไรดีเท่ามีครอบครัวที่ดี มีเพื่อนที่ดี มีคนที่รักเรา แค่นี้ก็มากพอแล้ว..." ซึ่งก็รู้สึกได้เลยว่าทับทิมไม่ได้ต้องการให้ชีวิตแต่งงานต้องมาจบแบบนี้

หลังประกาศแยกทางของทั้งสอง ทับทิมก็หิ้วกระเป๋าเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่เพิ่งซื้อไว้หลังมีปัญหา พร้อมกับเริ่มต้นชีวิตใหม่ ขณะที่อดีตทีมงานรายการ VRZO ซึ่งเคยคลุกคลีตีโมงกับทั้งสองฝ่ายด้วยกันมาหลายรายก็ลงภาพถ่ายร่วมกับทับทิม พร้อมกับประกาศจุดยืนด้วยการแท็กว่า "ทีมทับทิม" ส่วนชาวเผือกก็ยังคาใจสงสัยไม่เลิกถึงสาเหตุการหย่าร้าง? พากันขุดคุ้ยว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนออกมาแฉว่า ทับทิมมีคนอื่น แต่พอหลังจากเลิกอย่างเป็นทางการแล้วกลับมีคนที่อ้างว่าเป็น "พี่ของทับทิม" ออกมาแฉแบบให้คิดกันเองว่า "ความจริงถูกเปิดเผยเมื่อเมียน้อยปรากฏตัว... น้องสาวทนมานานแล้ว" จากนั้นก็มีชาวโซเชียลขุดเอารูปสาวปริศนาถ่ายในห้องนอนหนึ่ง ซึ่งเหมือนกับห้องนอนของปลื้มเด๊ะ อีกทั้ง ยังมีภาพมือปริศนาของชายหนุ่มหญิงสาวกุมกันไว้ แล้วก็มีภาพเปรียบเทียบให้เห็นว่าน่าจะเป็นมือของปลื้มกับสาวปริศนานางนั้น เพราะกำไลของทั้งคู่ตรงกัน ซึ่งเรื่องนี้ปลื้มก็ยืนยันว่าไม่มีเรื่องเกินเลย พร้อมทั้งกล่าวว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่นำเรื่องมาประติดประต่อกัน เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านั้น มีประเด็นต่อคือ แม่ของปลื้มได้โพสต์รูปภาพผ่านไอจีส่วนตัว แสดงให้เห็นเหตุการณ์ขณะที่ตนกำลังเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 6 กระทง เกี่ยวกับการกระทำของอดีตลูกสะใภ้ จนเกิดกระแสวิพากษ์ไปทั่วทุกสารทิศ

และหลังจากที่ทับทิมได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านของตนก็ได้กลับไปรับน้องหมาทั้งสามตัวมาอยู่ด้วยกัน พร้อมอัพรูปและคลิปลงไอจีให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง ซึ่งทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดีใจที่เห็นสาวทับทิมยิ้มได้ ต่อไปนี้ไม่เหงาแล้ว เพราะมีเจ้าหมาน้อยอยู่เป็นเพื่อน ส่วนด้านหนุ่มปลื้มก็ได้เข้าพิธีอุปสมบทเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่อย่างเงียบๆ และหลังจากสึกออกมาก็ได้กลับมาลุยงานอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง

บ๊วย ตุ๊ก

ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าคู่รัก บ๊วย เชษฐวุฒิ และ ตุ๊ก ชนกวนันท์ จะปิดฉากชีวิตคู่ 7 ปีอย่างขมขื่น เพราะที่ผ่านมาครอบครัวนี้อบอุ่นมาก เพราะช่วงนั้นสาวตุ๊กกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองคือ น้องภูมิ อยู่ด้วย และฝ่ายชายได้ขอเลิกหลังจากสาวตุ๊กคลอดลูกได้เพียง 20 วันเท่านั้น ท่ามกลางข่าวลือสารพัด นอกจากปัญหาส่วนตัวของทั้งคู่ที่สะสมมานานแล้ว ยังมีเรื่องของมือที่สาม ที่ทางฝ่ายของบ๊วยเองก็ไปมีข่าวแอบสานสัมพันธ์กับทายาทร้านทองชื่อดัง "โม นภัสนันท์ พสวงศ์" แม้ว่าบ๊วยจะเคยออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวไปแล้ว แต่ว่ากันว่าปัญหาอย่างหลังเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง เพราะมีคนตาดีแอบไปเห็นบ๊วยกับไฮโซโมควงคู่กันไปดูหนังสองต่อสอง แถมยังเมาท์กันอีกว่าทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน งานนี้ฝ่ายชายก็โดนสังคมประณามกันไปตามระเบียบ ส่วนอดีตภรรยาก็ได้ใจคนไทยไปเต็มๆ เพราะทั้งนิ่งสงบสยบทุกข่าว ปล่อยให้เรื่องจริงมันเปิดเผย เพราะสุดท้ายไฮโซโมก็แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาไปกับชายอื่น ทั้งนี้ยังมีข่าวออกมาด้วยว่า ความจริงแล้วหนุ่มบ๊วยได้ขอหย่าตั้งแต่ตุ๊กคลอด น้องภูมิ ลูกชายคนเล็กได้เพียง 20 วัน แต่เป็นเพราะทั้งคู่ยังตกลงกันไม่ได้ ทำให้เรื่องราวลากยาวยืดเยื้อมาเป็นปี