Inside Dara
'ไบร์ท' หนุ่มหล่อป้ายแดงมาแรงแซงทะลุล้าน

ทำความรู้จักกับ "ไบร์ท" วชิรวิชญ์ ชีวอารี นักแสดงหนุ่มวัยรุ่นที่กำลังโด่งดังจากซีรี่ส์ "เพราะเราคู่กัน" ในบท "สารวัตร" ที่ตอนนี้โด่งดังเป็นพลุแตก

เป็นหนุ่มที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ก็ว่าได้ สำหรับ “ไบร์ท” วชิรวิชญ์ ชีวอารี นักแสดงหนุ่มวัยรุ่นที่กำลังโด่งดังจากซีรี่ส์ “เพราะเราคู่กัน” ในบท “สารวัตร” ที่แค่ออนแอร์ไปได้แค่ไม่กี่ตอน ก็ทำให้ยอดฟอลโล่ว์ในอินสตาแกรมของหนุ่มไบร์ทแรงทะลุล้าน และขึ้นแท่นดาราไทยที่มียอดคนติดตามในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาสูงสุด สบโอกาสเลยขอพาหนุ่มคนนี้มาคุยกันสักหน่อย

ยอดฟอลโลว์ไอจีทะลุล้านตั้งแต่เริ่มต้นออนแอร์ไปได้ไม่กี่ตอน

“ตกใจครับ จริงๆแอบคาดหวังว่าจบเรื่องนี้ยอดอาจจะขึ้นหลายแสนแหละ (ยิ้ม) แต่ก็ไม่คิดว่าแค่ 4 อีพี จะเป็นล้านขนาดนี้ ยังงงๆอยู่เลยอะ มันมาเร็ว ช่วงนี้ผมยังอึนๆอยู่เลยครับ ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปอะไรนะ ผมยังเป็นผม ผมเลยไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงกับมันดี แค่รู้สึกว่างานเยอะขึ้น คนกดไลก์เยอะขึ้น แต่ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวผมยังเหมือนเดิม ทำงาน นอน กลับห้อง ผมเลยไม่รู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนไปเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าจะให้บอกว่าอะไรเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด น่าจะเป็นงานมีมากขึ้น ยุ่งขึ้น และต้องรับผิดชอบมากขึ้น เริ่มทำงานกับคนเยอะมากขึ้น

รู้สึกว่าต้องเป็นคนที่ดีขึ้น (หัวเราะ) ในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน เรื่องความรับผิดชอบ การทำงานกับคนอื่น ด้วยความที่ผมโตมาแบบมีเพื่อนน้อย เหมือนกับว่าตอนนี้เราต้องเจอคนหลากหลายขึ้น เราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นมากขึ้น ผมก็พยายามอยู่ครับ มันไม่ได้ยากสำหรับผมนะ ผมพยายามไปเรื่อยๆ ไมได้เร่งอะไร ผมพยายามเป็นคนบวกมากขึ้น พยายามจะให้พลังบวกกับคนอื่นมากขึ้นอย่างเวลารู้จักใครผมก็จะค่อยๆทำความรู้จักไปเอง จะไม่ค่อยชอบให้คนเข้ามาหามากๆเท่าไหร่ ถามว่าผมทำลายกำแพงยังไง คือตอนนี้ผมดีขึ้นเยอะแล้วนะ เพราะผมต้องโตขึ้น ต้องทำงานกับคนเยอะ จะมาเป็นแบบเราเป็นเราขนาดนั้นไม่ได้”

มีคนบอกเราเยอะไหม เรื่องการปรับตัวกับการอยู่ตรงนี้แล้วมีคนจับตามองมากๆ

“มีครับ แต่ผมก็คิดเองด้วย พี่ๆทีมงานก็จะบอกให้ผมยิ้มๆหน่อย ให้พลังบวกคนมากขึ้นหน่อย ผมเริ่มทำความเข้าใจกับคนรอบข้าง เริ่มจากตัวเอง กับเพื่อน และกับคนที่เจอ ผมพยายามปรับมายด์เซ็ตตัวเอง ผมอยากเป็นคนไนซ์ๆ เป็นคนบวกๆครับ (ยิ้ม)”

แต่ดูไลฟ์สไตล์ไบร์ทไม่เปลี่ยนไปเลยนะ

“ไม่เลยๆ แค่อาจจะมีเวลาน้อยลง ผมเป็นคนติดห้องอยู่แล้ว ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนอยู่แล้ว ปีที่แล้วที่เที่ยวหนักๆ เพราะถ่ายรายการ โตแล้ว ตอนนี้ก็อาจจะเปลี่ยนไปแค่จากอยู่ห้องก็ออกมาทำงานมากขึ้น ซึ่งจริงๆผมรักห้องผมมาก ผมแฮปปี้ในพื้นที่ของผมที่จะอยู่ห้องเล่นกีต้าร์ เล่นเกม ดูหนัง อ่านหนังสือผมมีหนังสือที่ซื้อมากองไว้แล้วยังไม่ได้อ่านอีกเยอะมาก ผมอยู่คนเดียวได้สบายมาก ผมเป็นคนไม่รอใครอยู่แล้วด้วยนะ หลายคนอาจจะทำอะไรคนเดียวไม่ได้ แต่ผมทำได้นะ อย่างไปกินชาบู ดูหนัง ฯลฯ ทำคนเดียวได้หมดเลย อย่างช่วงม.ปลาย ชวนเพื่อนแล้วต้องให้รอ ผมก็ไม่รอนะ ไปเองเลย อาจจะด้วยที่ผมเป็นลูกคนเดียว เลยอยู่คนเดียวได้ ตอนนี้ผมก็ยังใช้ชีวิตคนเดียวได้นะ จะออกไปข้างนอกก็ไปเตะบอล ต่อยมวย ทำงาน แค่นั้นเลย”

ตั้งรับความดังที่ถาโถมมายังไง

“ผมไม่ค่อยตั้งรับนะ แต่เรื่องงานผมรู้สึกว่าผมต้องรับผิดชอบมากขึ้น ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ผมว่าไม่มีใครคาดหวังในตัวผมมากขึ้นเท่ากับตัวผมเองแล้ว ผมก็เลยไม่ได้กดดันอะไรจากคนอื่น ผมจะกดดันจากตัวเองมากกว่าอย่างในโซเชียลผมรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องรับมืออะไร ผมก็เป็นตัวผม จริงๆแล้วผมรู้ว่าผมเปลี่ยนไปนะ แต่ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปยังไง แต่มายด์เซ็ตที่ผ่านมาพยายามจะเป็นคนที่บวกๆขึ้น ถ้าเป็นอะไรที่เปลี่ยนไปก็คงเป็นตรงนี้และอย่างที่ผมบอกว่าผมไม่ได้เร่งอะไร ผมเลยไม่รู้ว่ามันถึงไหนแล้ว แต่รู้ว่าตัวเองพยายามปรับไปเรื่อยๆ ผมว่าผมดีใจมากกว่ ภูมิใจที่วันนี้ตัวเองมาถึงตรงนี้แล้วนะ เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะมาถึงตรงนี้”

จากวันแรกที่เข้ามาในวงการ จนวันนี้ความคิดที่เรามองวงการนี้เปลี่ยนไปไหม

“ผมเข้าวงการตั้งแต่อายุ 15 มุมมองไม่ได้เปลี่ยนไปมาก แต่มันเพิ่มขึ้นมากกว่า เหมือนสะสมมาเรื่อยๆ วันแรกที่ผมเลือกเข้ามาทำงานตรงนี้ เพราะอยากช่วยที่บ้านหาเงินเพิ่ม และอยากลองงานตรงนี้ดู แต่ทุกวันนี้ผมชอบและรักมาก อยากให้เป็นอาชีพหลักของผมเลย ถ้านับเวลาที่ผมอยู่ตรงนี้ก็ 7 ปีแล้ว แต่ผมเริ่มมีงานเยอะช่วงหลังๆนี้เอง ช่วงที่ได้ลองงานหลากหลาย ทั้งเดินแบบ ร้องเพลง ทำแล้วผมสนุกกับมันมากๆ เลยทำให้ผมรู้สึกว่านี่แหละอาชีพที่ผมอยากทำ เจอแล้วอาชีพที่ทำแล้วมีความสุข หลังจากนี้ผมจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ พร้อมรับโอกาสที่มากขึ้น ยากขึ้น จะพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ปัจจุบันผมอยากมีความสุขในชีวิต เท่าที่ผมคิดตอนนี้คืออยากทำอะไรก็จะทำงานไหนทำแล้วแฮปปี้ก็จะทำ อะไรที่ยังไม่พร้อมก็อาจจะยังไม่ทำ”

เคยคิดไหมว่าจะมาเป็นนักแสดง

“ไม่เคยเลยครับ ถ้าเต็มที่เลยในวงการบันเทิงที่เคยอยากทำคือการเป็นนักดนตรี เพราะผมโตมากับดนตรี ที่บ้านเปิดโรงเรียนสอนดนตรีด้วย ผมเลยเล่นดนตรีมาตั้งแต่ประมาณ 7 ขวบ ก็เลยจะมีความผูกพัน ช่วงเด็กๆเคยคิดอยากเป็นนักร้องร้านเหล้าด้วยนะ (หัวเราะ) แต่ผมก็ไม่เคยไปทำนะ การเป็นนักแสดงไม่มีในหัวผมเลย ตอนนั้นที่มีคนมาชวนเข้าวงการ ผมก็ตกลงเลย (หัวเราะ) อะไรที่เป็นเงินผมทำหมด (หัวเราะ) เด็กม.3 ไม่ได้คิดอะไรมากเลย ตกใจด้วยว่าทำงานพิธีกรได้เงินเท่านี้เลยเหรอ เขาเรียกไปแคสผมก็ไป ไม่ได้คิดถึงความก้าวหน้าอะไรเลยนะ คิดแค่ว่าได้เงินก็ไปแล้ว แต่วันนี้มันกลายเป็นความรักไปแล้ว”

แต่วันนี้เราดังแล้วนะ

"ที่ผ่านมาผมทำงานแค่อยากช่วยที่บ้าน ผมไม่ได้ขอเงินที่บ้านใช้มานานมากแล้ว วันนี้ผมดูแลที่บ้านได้แล้ว เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว ความตั้งใจของผมมาถึงแล้ว ผมจะให้คุณแม่ออกจากงานแล้ว จริงๆผมอยากให้ท่านออกมานานแล้ว ที่ผ่านมาผมถึงอยากมั่นคงเร็วๆ จะได้มีเงินเก็บซื้อบ้าน ซึ่งผมก็แพลนอยู่ว่าจะซื้อ เพื่อที่แม่จะได้มาอยู่กับผม ท่านจะได้มีเวลาดูแลสุขภาพตัวเองด้วย”

ณ วันนี้ภูมิใจในตัวเองขนาดไหน

“ยังอีกนิดครับ ถ้าครอบครัวอยู่สบายแล้ว หลังจากนี้ผมจะทำตามใจตัวเองเต็มที่แล้ว ทุกวันนี้ทำอะไรเรายังต้องคิดเยอะๆ ถ้าทุกอย่างอยู่ตัวขึ้น ก็จะได้ทำตามใจตัวเอง อย่างการร้องเพลงผมก็ชอบมาก ผมแต่งเพลงเอาไว้เยอะมาก ก็รอเวลาครับ ตอนนี้คงทุ่มเทกับงานแสดงที่เป็นโอกาสเข้ามาก่อน การร้องเพลงก็ให้เป็นงานอดิเรกไปก่อน”

อยากบอกอะไรแฟนๆที่ซัพพอร์ตเราว่าอย่างไรบ้าง

“อยากขอบคุณทุกคนที่ชื่นชอบในตัวละคร สารวัตร ด้วยครับ ขอบคุณที่ชอบตัวละคร ไทน์ และทุกๆตัวละคร ขอบคุณที่ชอบซีรีส์เรื่องนี้ พวกเรากดดันและตั้งใจกันมากๆ อยากให้ทุกคนแฮปปี้ สำหรับคนที่ติดตามผม ผมจะพัฒนาตัวเองตัวเองไปเรื่อยๆ จะไม่หยุดอยู่ตรงนี้ จะดูแลตัวเองให้ดี จะคอยให้พลังบวกแบบนี้ไปนานๆครับ และจะบวกเพิ่มขึ้นด้วยครับ ขอบคุณทุกคนมากๆครับ (ยิ้ม)”