Inside Dara
‘เปี๊ยก-พิศาล’ หัวใจล้มเหลว สิ้น ‘ผู้กำกับซาดิสต์’

วงการบันเทิงเศร้า สูญเสียผู้กำกับชื่อดังและนักแสดงรุ่นใหญ่ “เปี๊ยก-พิศาล อัครเศรณี” ที่จากไปอย่างกะทันหัน ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ในวัย 73 ปี ฝากไว้แต่ผลงานทั้งการแสดงและการกำกับการแสดง ที่เคยสร้างชื่อเสียงจนได้รับฉายา “พระเอกตบจูบ-ผู้กำกับซาดิสต์” ด้าน 4 ทายาทผู้กำกับคนดัง เผยอาการสุดท้าย บอกปวดหลังและหายใจไม่ออก นำตัวส่ง รพ.แรก แต่ไม่ดีขึ้น ส่งไป รพ.เซนต์หลุยส์แล้วน็อก หมอช่วยปั๊มหัวใจอยู่ร่วม 2 ชั่วโมงสุดยื้อ ขณะที่ “อ้อม-พิยดา” ยอมรับมาไม่ทันดูใจ แต่ยืนยันพ่อไปสบายที่สุดไม่ได้เจ็บปวดอะไร บอกคำสุดท้ายที่พูดกับพี่ชายคือ “พ่อหายใจไม่ออก” เผยความตั้งใจของพ่อคือ ทำหนังสืออัตชีวประวัติไว้แจกงานศพตัวเอง

ถือเป็นเรื่องช็อกคนในวงการบันเทิงอย่างมากที่จู่ๆก็ต้องสูญเสียบุคลากรคนสำคัญ เปี๊ยก-พิศาล อัครเศรณี วัย 73 ปี ผู้กำกับ-นักแสดง เจ้าของฉายา “ผู้กำกับซาดิสต์และพระเอกตบจูบ” ไปอย่างกะทันหัน เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 4 ธ.ค.หลังจากที่ลูกชายนำตัวบิดาส่งโรงพยาบาลกลางดึกของวันที่ 3 ธ.ค. ก่อนย้ายไปที่ รพ.เซนต์หลุยส์ แต่สุดท้าย แพทย์ก็ไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้

ต่อมาเวลา 17.00 น. ที่ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาส มีพิธีรดน้ำศพ เปี๊ยก-พิศาล อัครเศรณี โดยมีครอบครัวและคนในวงการบันเทิงมาร่วมงานอย่างเนืองแน่น อาทิ รอง เค้ามูลคดี, เจี๊ยบ-โสภิตนภา ชุ่มภาณี, วิทยา ศุภพรโอภาส, สุดา ชื่นบาน, สมรักษ์ ณรงค์วิชัย, พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร, บิณฑ์ บันลือฤทธิ์, สถาพร นาควิลัย, แอน-อลิชา พร้อมด้วยสามี ภูริ หิรัญพฤกษ์, หมิง-ชาลิสา บุญครองทรัพย์, ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์, คริส หอวัง ฯลฯ บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งพวงหรีดแสดงความอาลัยมาด้วย

ทั้งนี้ โอ-อัครพล อัครเศรณี ลูกชายคนโต พร้อมด้วยอ้อม-พิยดา จุฑารัตนกุล ลูกสาวคนที่สอง อ๋อ-ศิรดา อัครเศรณี เมเยอร์ ลูกสาวคนที่สาม และโอ๊ต-นนทพร อัครเศรณี ลูกชายคนเล็ก เปิดใจถึงการเสียชีวิตของพ่อเปี๊ยก-พิศาลว่า อาการเริ่มจากพ่อหายใจไม่ออกและเริ่มปวดบริเวณด้านหลัง ซึ่งตอนนั้นโอ๊ตเป็นคนที่อยู่กับคุณพ่อ พอมีอาการปวดมากขึ้น จึงเรียกรถพยาบาลมารับที่บ้าน จากนั้นหมอได้ให้ยาแก้ปวดเบื้องต้น และรอดูอาการ ส่วนทางลูกๆ ได้มีการติดต่อไปหาหมอที่เคยทำบอลลูนให้กับคุณพ่อแล้วจึงย้ายไปยังอีกโรงพยาบาล แต่อาการของท่านก็ไม่ดีขึ้น จากนั้นก็ไปอย่างสงบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า แพทย์ได้ชี้แจงไปว่าอาการทั้งหมดเกิดจากอะไร อ้อม-พิยดากล่าวว่า คุณหมอเข้ามาตอนที่อาการค่อนข้างที่จะแย่ เหมือนอาการเริ่มต้นของคนที่เป็นโรคหัวใจวาย คือแน่นหน้าอกหรือเจ็บหลัง หัวใจคุณพ่อเหมือนมันช็อกไป แล้วคุณหมอมาช่วยปั๊ม ใช้เวลาปั๊มหัวใจอยู่นานมากประมาณ 2 ชั่วโมง เหมือนรอให้เกิดปาฏิหาริย์ แต่ก็ไม่มีสัญญาณชีพเกิดขึ้นเลย

ด้านโอ๊ต-นนทพร กล่าวเสริมอีกว่า คุณพ่อเป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว เส้นเลือดหัวใจอุดตัน เคยทำบอลลูนไปแล้วหนึ่งเส้น แต่เหลืออีกเส้นที่คุณหมอบอกว่ายังไม่ต้องทำก็ได้ และให้ใช้วิธีการทานยาแทน และควบคุมอาหารและรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง คุณพ่อไม่ค่อยได้คุมสักเท่าไหร่และอาจจะทานโน่นนี่บ้าง

ต่อข้อสงสัยที่ว่า อาจมีการรักษาอาการเบื้องต้นไม่ถูกวิธีหรือไม่นั้น อ้อม-พิยดา ลูกสาวผู้กำกับดัง กล่าวว่า น่าจะเป็นปกติทางการแพทย์ เพียงแต่การสั่งงานอาจจะขลุกขลักไปบ้าง เนื่องจากว่าช่วงที่เรา ไปถึงโรงพยาบาลมันดึกแล้ว และทีมแพทย์ทุกคนที่อยู่ที่นั่นให้ความช่วยเหลือกันเต็มที่ เชื่อว่าทุกคนทำหน้าที่ด้วยความหวังดี และคิดว่าเป็นเวลาของคุณพ่อมากกว่า การสูญเสียคุณพ่อไปอยากจะมองในด้านที่ดีมากกว่า เรียกว่าพ่อไปสบายที่สุดเลย เพราะไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ปวดอะไร เหมือนเบลอๆ แล้วบอกว่า พ่อหายใจไม่ถนัดนะ แล้วก็ไปเลยภายในเวลาแป๊บเดียว

อ้อม-พิยดา กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือยอมรับว่า พ่อจากไปแบบไม่ทันตั้งตัวเลย ทุกอย่างมันเร็วมาก และคำพูดสุดท้ายที่เหมือนท่านพูดกับพี่ชายก็คือ พ่อหายใจไม่ออก และจากนั้นท่านก็ไปเลย ตนก็มาดูใจไม่ทัน นอกจากนี้ ท่านเคยพูดกับตนว่า ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าเวลาพ่อไปจะไม่ให้ลูกลำบาก พ่อจะตายไปเลยแบบนี้ อีกทั้งยังมีสิ่งหนึ่งที่ท่านตั้งใจไว้นานแล้วคือ ทำหนังสือประวัติของตัวเองเพื่อแจกตอนเผาศพ ท่านตั้งใจทำมานานแล้ว และพูดกับเลขาฯว่าจะเอาไว้แจกตอนเผา

พร้อมกันนี้ ลูกสาวคนรองของเปี๊ยก-พิศาล ก็กล่าวทั้งน้ำตาอีกว่า ยังตามรอยทำงานในวงการบันเทิงต่อไป ยังเป็นผู้จัดและนักแสดงอยู่ พวกเราทุกคนจะเป็นเด็กดีอย่างที่พ่อสอนเรา

ขณะที่ โอ-อัครพล กล่าวด้วยว่า ตนอยู่กับคุณพ่อเป็นคนสุดท้าย ท่านมองหน้าแล้วบอกว่าพ่อหายใจไม่ออก ช่วยพ่อหน่อย แค่นั้น คือประโยคสุดท้ายที่พ่อพูด ถามว่าท่านห่วงอะไรมั้ย คิดว่าคงไม่ห่วงอะไรแล้ว ขอพ่อหลับให้สบายไม่ต้องห่วงพวกเรารักกัน จะดูแลกันและกันตลอดไป และทางครอบครัวไม่ติดใจอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าทุกคนทำเต็มที่ คงไม่มีใครไม่หวังดีหรอก ทุกคนต่างหวังดีกันหมด

ด้าน รอง เค้ามูลคดี กล่าวว่า เพิ่งเจอกันวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในงานประกาศรางวัลทีวีสีขาว และเป็นการเจอที่แปลกมาก ทุกครั้งที่เจอกันแล้วแยกกันกลับ ก็จะยกมือพูดว่า แล้วเจอกันเว้ยเพื่อนรัก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน พอเราประกาศเสร็จแล้วลงมา เขาก็บอกว่า “เห้ย เดี๋ยว” ตนก็ถามว่าทำไม เขาก็เดินมาว่าให้กูกอดที และเขาก็พูดว่า “กูรักมึงนะเพื่อนรัก” เรานึกในใจว่า “ไอ้เปี๊ยกมันเปลี่ยนไป” ก็ไม่ได้คิดอะไร กระทั่งเมื่อเช้าหมู-สมภพ เบญจาทิกุล โทร.ไปบอกว่า คุณพิศาลเสียชีวิตแล้ว น้ำตามันไหลออกมาเลย คือต้องบอกว่า พ่อรองกับคุณเปี๊ยกรักกันมาก เรียนหนังสือมาห้องเดียวกัน คบกันมาตั้งแต่อายุ 14-15 ปี อยู่วงการเดียวกันด้วย เวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเขาจะเชียร์ให้ตนได้เกือบทุกเรื่อง ถามว่าใจหายมั้ย ไม่ใช่ใจหายหรอก มันบอกไม่ถูก มีเพื่อนหลายคนที่เสียชีวิต ตนฟังก็ตกใจ น้ำตามันไหลออกมาเอง คือความรักความผูกพันมันมีกันมาก ต้องบอกว่าเขาเป็นคนจริงใจ ถ้าเพื่อนคนไหนถูกรังแกเขาจะเป็นคนออกหน้าเสมอ ไปแก้ปัญหาให้เพื่อน จนกระทั่งโตมีงานมีการทำ เป็นผู้กำกับ ผู้จัดละคร เพื่อนคนไหนเดือดร้อน เขาช่วยได้ก็จะช่วย

ส่วนงานศพ เปี๊ยก-พิศาล ทางครอบครัวอัครเศรณี กำหนดพิธีสวดพระอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ 4-11 ธ.ค. (งดสวดวันที่ 5 ธ.ค.) เวลา 19.00 น. ส่วนกำหนดวันฌาปนกิจ ยังไม่ได้กำหนด

สำหรับประวัติ เปี๊ยก-พิศาล อัครเศรณี หรือชื่อเดิม เจริญพาสน์ เกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2488 เป็นน้องชายของกิตติ อัครเศรณี อดีตผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดัง เปี๊ยก-พิศาล จบการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ในขณะที่ศึกษาวัดบวรฯได้รู้จักกับแดง ไบเล่ย์ ยกพวกตีกันแถวสิบสามห้าง และจบด้านการแสดงที่โรงเรียนการกำกับการแสดง แผนกวิทยุโทรทัศน์ วอชิงตัน ดี.ซี. เริ่มทำงานที่สำนักข่าวสารอเมริกัน ก่อนจะเข้าไปคลุกคลีกับงานทั้งวิทยุ-โทรทัศน์ อาทิ วิทยุของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังเคยเป็นโฆษกที่ช่อง 3 รวมทั้งเป็นนักแสดงอีกด้วย มีผลงานสร้างชื่อ ได้แก่ การรับบท มังตรา ในละครผู้ชนะสิบทิศ ออกอากาศทางโทรทัศน์ช่อง 9 ภาพยนตร์เรื่อง มนต์รักอสูร ขณะที่ผลงานสร้างภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้อย่างมาก อาทิ เพลงสุดท้าย ทั้งนี้ เปี๊ยก-พิศาล ยังได้รับฉายาว่า “พระเอกตบจูบ” หรือ “ผู้กำกับซาดิสต์” เนื่องจากมักได้รับบทหรือกำกับละคร หรือภาพยนตร์ ที่พระเอกมักจะร้ายกับนางเอก แต่ลงท้ายด้วยการจูบ หรือแสดงความรัก ทำให้นางเอกใจอ่อน