Inside Dara
“เจี๊ยบ ลลนา” ผู้หญิงใจสวย ลั่นขอทำดีกับทุกคนในทุกๆ วัน

รู้จักให้ลึก “เจี๊ยบ ลลนา” ผู้หญิงใจบุญผู้ที่เคยสร้างความประทับใจหลังยื่นมือเข้าไปรับอุปการะเด็กด้อยโอกาสหลายคน ทั้งยังส่งเสียค่าเล่าเรียนให้นักศึกษาแพทย์จนเรียนจบ อนาคตเตรียมเปิดฟรีคลินิกรักษาคนยากไร้ ประกาศทำจริงจังไม่ใช่เปิดได้แค่ 2 ปีปิดหนี ลั่นขอทำดีกับทุกคนในทุกวันให้ดีที่สุด

ความมีน้ำใจของ “เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์” อดีตนางสาวไทยปี 2549 ที่ปฏิบัติมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวรับอุปการะดูแลคนถึง 4 คน ทั้งส่งเสียค่าเล่าเรียนให้กับ “ปกรณ์พล มงคลวงศ์” เด็กหนุ่มที่สอบติดคณะแพทย์แต่ไม่มีเงินเรียนเนื่องจากครอบครัวขัดสน จนเขาสามารถเรียนจบแพทย์และมีงานทำที่ดี การอุปการะเด็กหญิงกำพร้ารายหนึ่งที่สูญเสียแม่ หรือแม้แต่ส่งเสียคุณยายท่านหนึ่งที่เจอกันโดยบังเอิญที่โรงพยาบาล รวมทั้งคนแก่ซึ่งป่วยเป็นอัมพาต โดยเรื่องราวทั้งหมดได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่รับรู้เรื่องราวและยกย่องเจี๊ยบว่าเธอสวยจากข้างในไม่ใช่แค่ภายนอกที่มี

ซึ่งทุกครั้งที่ผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจี๊ยบจะออกตัวเสมอว่าไม่อยากพูดถึงมากนักเพราะเธอช่วยด้วยความเต็มใจไม่ได้อยากพรีเซนต์ใดใดทั้งสิ้น ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมมากๆ ความดีของเจี๊ยบไม่ได้มีแค่นี้ อนาคตเจ้าตัวมีความคิดจะเปิด “ฟรีคลินิก” และเป็นความตั้งใจที่มีมาตั้งแต่สมัยเรียนแพทย์แล้ว เธอจริงจังถึงขั้นเคยเขียนจดหมายไปขอทุนกับเจ้าพ่อไมโครซอฟท์ “บิล เกตส์” เพื่อหวังว่ามหาเศรษฐีรายนี้จะช่วยเหลือให้ความฝันของเธอเป็นจริง แต่หลังจากส่งจดหมายไป 6 ฉบับ เจี๊ยบก็เลิกส่งเนื่องจากไม่ได้รับการตอบกลับใดใด แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้เจี๊ยบท้อและล้มเลิกความคิดที่จะเปิดฟรีคลินิกแต่อย่างใด หลังจากเรียนจบหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล วันนี้เจี๊ยบตัดสินใจเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง ที่ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีต่อทันที เพื่อหวังจะสานฝันนี้ให้สำเร็จ เหตุผลอะไรทำไมเจี๊ยบถึงต้องทำเพื่อคนอื่นมากมายขนาดนี้ ไปฟังคำตอบจากปากเธอเลย

อนาคตเตรียมเปิดฟรีคลินิก ประกาศทำจริงจังไม่ใช่เปิดได้แค่ 2 ปีปิดหนี

“อย่างที่ทราบกันแล้วว่าเจี๊ยบอยากเปิดฟรีคลินิก เป็นสิ่งที่คิดมาตั้งแต่เด็กๆ จุดเริ่มต้นที่จะเปิดฟรีคลินิกมันเริ่มตั้งแต่เด็กที่เจี๊ยบได้ไปฝึกงานได้เจอคนแล้วรู้สึกสงสาร มันเป็นความคิดตั้งแต่เด็กซึ่งอยากจะทำให้สำเร็จ และเป็นจุดเริ่มต้นให้เจี๊ยบมาเรียนหมอ ตอนนี้เจี๊ยบเป็นแพทย์ประจำบ้าน ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลรามาธิบดี และกำลังเรียนต่อแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งเรียนมา 2 ปีแล้ว อีกปีกว่าเจี๊ยบก็จะเรียนจบ”

“ที่ตัดสินใจเรียนแพทย์ฉุกเฉินเพราะชอบ และอยากเจอคนไข้ได้ทุกรูปแบบ อยากมั่นใจมากขึ้น แพทย์ฉุกเฉินคือแพทย์ที่ประจำอยู่ในห้องฉุกเฉิน ภาวะทุกอย่างที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินเขาจะส่งมายังห้องฉุกเฉิน เราต้องวินิจฉัยโรคให้ได้เพื่อส่งต่อเฉพาะทางให้ถูกต้อง อย่างเช่น ถูกแทง ถูกยิง ถูกฟันมา เราจะต้องทำให้เขามีชีวิตอยู่เพื่อให้เขาได้รับการผ่าตัดต่อ หรือคนไข้โดนต่อยตามาเคสนี้ไม่ได้หนักมากเราก็สามารถรักษาเองได้ แต่ไม่ใช่เราไปผ่าลูกกระสุนออกเองไม่ใช่นะ เราทำแบบนั้นไม่ได้ สมมุติเคสคนไข้โดนยิงมา เขาเสียเลือด เราจะทำยังไงให้เขาไม่เสียชีวิต เราก็ห้ามเลือด ให้น้ำเกลือ ให้เลือดทนแทนแล้วก็ติดต่อหมอศัลยกรรมให้พาเขาไปผ่าตัด หรือคนไข้หัวใจหยุดเต้นเราก็ต้องทำการปั๊มกู้ชีพให้ ที่เจี๊ยบเรียนต่อแพทย์ฉุกเฉินเพราะอยากรับมือได้ทุกรูปแบบ ซึ่งมันสอดคล้องกับความคิดที่จะเปิดฟรีคลินิกด้วยค่ะ”

“อีกปีกว่าเจี๊ยบก็จะเรียนจบแพทย์ฉุกเฉิน และหลังจากนั้นคงจะได้สานฝันเรื่องฟรีคลินิกให้สำเร็จ ซึ่งถ้าถึงวันนั้นคงต้องขอความช่วยเหลือจากทุกคนเพื่อมาช่วยกันทำตรงนี้ เพราะเรื่องนี้เจี๊ยบคงทำคนเดียวไม่ได้ เจี๊ยบไม่ได้มีหัวด้านการบริหาร ฉะนั้นต้องขอความช่วยเหลือจากทุกคน อย่างเรื่องสถานที่ก็ต้องดูว่าต้องเป็นที่ไหน ซึ่งตรงนี้ก็คงต้องขอคนใจบุญว่ามีที่ไหนแนะนำ อย่างพี่ๆ ในวงการบันเทิงหลายๆ คนก็รับปากจะช่วย ทุกคนบอกยินดีจะช่วยถ้าวันนั้นมาถึง หวังว่าวันนั้นทุกคนจะไม่ลืมเจี๊ยบ(ยิ้ม) ล่าสุดมี่คนคอนแท็กมาทางไอจีว่ายินดีจะช่วย ถ้าวันนั้นมาถึงให้ติดต่อเขาได้เลย ฟังแล้วก็ชื่นใจที่ทุกคนเห็นความสำคัญ”

“อาจารย์ที่คณะก็บอกว่าจะมาช่วย เจี๊ยบต้องขอความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญและคนที่เคยเปิดคลินิก ซึ่งอาจารย์ยินดีให้ความช่วยเหลือตรงนี้ เบื้องต้นที่คุยกับอาจารย์ไว้ก็มีหลายคนที่อยากมาช่วย เจี๊ยบต้องคิดอีกเยอะมาก เพราะเป็นงานที่ใหญ่มาก เจี๊ยบถึงบอกว่าทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีการประชุมรวมหัวกัน เพราะเจี๊ยบอยากทำให้ออกมาดีๆ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อให้ทำ ไม่ใช่แค่ทำตามที่เคยพูดไว้แล้วจบ แต่เจี๊ยบอยากทำแล้วมีประโยชน์ ไม่ใช่ทำได้แค่ 2 ปีปิดคลินิก(น้ำเสียงมุ่งมั่น) อยากทำระยะยาว เพราะตอนเด็กที่คิดจะทำเพราะไม่เข้าใจในระบบสาธารณะสุขไทย คือคนไทยทุกคนมีสิทธิ์รักษาฟรีอยู่แล้ว แต่ตอนเด็กเจี๊ยบไม่รู้ แต่พอมารู้ว่าทุกคนมีสิทธิ์รักษาฟรี ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นเราตองทำให้คลินิกเรามีประโยชน์ ก็เลยมองไว้ว่าควรจะเป็นที่ที่การแพทย์เข้าไม่ถึงหรือไม่ แต่ก็ต้องมาคิดอีกว่าถ้าเราไปเปิดในที่ที่การแพทย์เข้าไม่ถึงแล้วจะมีหมอไปช่วยเรามั้ยถ้ามันเดินทางลำบาก ซึ่งตรงนี้เจี๊ยบต้องคิดเยอะมากเพราะหาความลงตัวที่สุด”

เจ้าตัวเผย การได้อยู่กับความตายตลอดเวลาทำให้รู้คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ลั่นขอทำดีกับทุกคนในทุกวันให้ดีที่สุด

“ความคิดเจี๊ยบเปลี่ยนตอนมาเรียนแพทย์ฉุกเฉิน รู้สึกชีวิตคนเราตายได้ทุกวินาที เราเห็นความตายตลอดเวลาฉะนั้นเราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำให้เจี๊ยบรู้คุณค่าชีวิตและทำให้รู้สึกอยากทำดีกับคนรอบข้าง ไม่เอาอารมณ์เป็นตัวตัดสิน ไม่ใช่ว่าเราพูดจาไม่ดีกับคนนี้ไปแต่เกิดอยู่ๆ อีก 2 นาทีเขาโดนรถชนเสียชีวิต เราคงเสียใจและมันจะเป็นตราบาปของเรา แต่ถ้าเราทำดีทุกวินาทีทำดีทุกวันเราจะได้ไม่เสียใจเมื่ออะไรมันเกิดขึ้น จะได้ไม่มานั่งบอกว่าเราน่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งถึงตอนนั้นมันสาย

รู้สึกอิ่มที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น บอกอยากรู้ว่าเป็นยังไงให้ลองทำดู

“เจี๊ยบรับสิ่งเหล่านี้จากแม่ แม่ได้สอนให้ช่วยคน แต่แม่ทำให้ดู แม่เป็นคนใจดีชอบช่วยคน เจี๊ยบก็เห็นตรงนั้นและคงซึมซับมาเอง เวลาได้ช่วยเหลือคนอื่นเจี๊ยบรู้สึกอิ่ม เจี๊ยบไม่ได้เน้นว่าต้องให้ตังค์คนอย่างเดียวนะคะ แค่เจี๊ยบลุกให้คนแก่หรือคนท้องนั่ง จูงเขาข้ามถนนหรือเดินไปส่งเขา แค่นี้มันก็รู้สึกอิ่ม ต้องลองทำแล้วจะเข้าใจความรู้สึกนี้ค่ะ นอกจากช่วยคนเจี๊ยบก็ช่วยสัตว์ด้วย อย่าง หมา อะไรแบบนี้ เจี๊ยบอยากทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็อยากจะช่วยไปเรื่อยๆ เงินที่นำไปช่วยก็เป็นเงินจากการทำงานของเจี๊ยบนี่แหละ(ยิ้ม)”

“สิ่งสำคัญในชีวิตเจี๊ยบคือพ่อแม่ เจี๊ยบอยากทำให้ท่านมีความสุขอยากดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำทุกอย่างให้ดีในทุกวัน ถ้าเรามีพอแล้วเราก็แบ่งให้คนอื่น พ่อกับแม่ก็ภูมิใจเขาก็บอกว่าทำให้เขาชื่นใจเวลาไปไหนมีแต่คนชื่นชม พ่อกับแม่ก็ขอบคุณเราที่เป็นแบบนี้ เจี๊ยบก็จะบอกเสมอว่าต้องขอบคุณพ่อกับแม่มากกว่าที่เลี้ยงเจี๊ยบเป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีพ่อกับแม่แบบนี้เจี๊ยบก็ไม่ใช่เด็กแบบนี้หรอก(ยิ้ม) ชีวิตจากนี้ต่อไปสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จก็คือเปิดฟรีคลินิกนี่แหละที่ต้องทำให้ได้ และใช้ชีวิตให้มีความสุข ส่วนงานในวงการถ้ามีโอกาสก็จะทำต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้ความคิดรู้จักไอเดียของเจี๊ยบที่จะเปิดฟรีคลินิกและมีคนเข้ามาช่วยเหลือเยอะแยะเลยค่ะ”