Inside Dara
ลีเดีย สุดปลื้มร่วมงาน ไมเคิล โบลตัน แมทธิว-ดีแลน เชียร์ขอบเวที

โกอินเตอร์ร่วมงานกับศิลปินระดับโลกเลยทีเดียว สำหรับนักร้องสาวอาร์แอนด์บีตัวแม่ของเมืองไทย ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา โดยเจ้าตัวได้มีโอกาสขึ้นเวทีร้องเพลงคู่กับศิลปินดัง ไมเคิล โบลตัน ในคอนเสิร์ต “Subaru Present Michael Bolton In The Asian Dream Tour” ณ เมืองไทย จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์เฮ้าส์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ งานนี้ ลีเดีย เลือกเพลง “ลาวดวงเดือน” เป็นเพลงเปิดคอนเสิร์ต เพื่อแสดงความเป็นไทยบนเวทีครั้งนี้ ก่อนที่จะร่วมร้องเพลง “To Make You Feel My Love” กับ โบลตัน บนเวทีคอนเสิร์ตด้วย “บันเทิงไทยรัฐออนไลน์” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ลีเดีย ถึงการทำงานในครั้งนี้มาฝากแฟนๆ ของเธอกัน

พูดถึงการขึ้นคอนเสิร์ตครั้งนี้?

“ตื่นเต้นมาก เป็นอะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสมาขึ้นค่ะ มันเหมือนฝันเป็นจริงเลยเพราะว่า ไมเคิล โบลตัน เป็นนักร้องที่ลีเดียฟังมาตั้งแต่เด็กๆ เพลงทุกๆ เพลงคือรู้จักทุกเพลงเลย คุณพ่อก็ฟัง เดียก็ฟัง ร้องได้ทุกเพลง เดียเคยได้ไปถ่ายรายการ "Bolt of Talent" กับเขามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสมาขึ้นคอนเสิร์ตกับเขา ได้แชร์พื้นที่บนเวทีระดับนี้ ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นในชีวิตเดียวจริงๆ ค่ะ ก็เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น และดีใจมากๆ ค่ะ”

จุดเริ่มต้นการขึ้นคอนเสิร์ตครั้งนี้?

“จริงๆ เราเจอกันจากรายการที่ทำงานด้วยกันค่ะ อันนั้นเป็นรายการที่ออนแอร์ทั่วเอเชีย คราวนี้เขาก็บอกว่า เออ เนี่ย เดี๋ยวเขาจะมีแพลนทัวร์รอบเอเชียด้วย เขาเลยบอกว่าคุณต้องการจะมาแจมกับฉันไหม เราก็โห ไปแน่นอน (หัวเราะ) ขอให้บอกเถอะว่าเมื่อไหร่ เคลียร์คิวทันทีค่ะ เขาก็บอกว่าโอเคเลย เดี๋ยวจะมีทัวร์มาที่เมืองไทย ก็เพิ่งคุยกับเขาแล้วก็ตัดสินใจว่าโอเคนี่แหละ เดี๋ยวเราจะร้องเพลง “ลาวดวงเดือน” เพราะเราอยากจะนำความเป็นไทยของเราขึ้นไปบนเวที ไมเคิลเองก็บอกว่าเขาชอบเพลงนี้นะ มันดูมีเรื่องราวค่ะ”

ฝึกซ้อมมามากน้อยแค่ไหน?

“ก็พอสมควรค่ะ อย่างเพลงดูเอต “To Make You Feel My Love” จริงๆ ไม่ใช่เพลงที่ร้องยากมากมาย แต่เป็นเพลงที่ต้องร้องยังไงให้มันเพราะ เพราะโน้ตมันไม่ได้ยาก แต่ว่าต้องร้องประสานกันให้เพราะค่ะ”

เรียกว่าเป็นก้าวหนึ่งของการโกอินเตอร์รึเปล่า?

“ก็เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ดีใจมากๆ ไม่รู้ว่าจะมีอีกรึเปล่า โอกาสดีๆ แบบนี้ค่ะ แต่ก็ทำให้ดีที่สุดค่ะ”

วันนี้แมทธิวกับน้องดีแลนก็มาด้วย?

“ใช่ค่ะ กำลังใจคนสำคัญตัวจิ๋วๆ ไม่รู้ไปไหนแล้ว (ยิ้ม) ดีแลนเด็กยักษ์มา แต่เขาก็ไม่กลัวเลยนะคะ เข้าไปนั่งข้างในแล้วไปฟังก็โอเคเลย ไม่งอแงค่ะ วันนี้ยกมากันทั้งบ้านเลย พี่แมทก็บอกว่าทำให้เต็มที่ ไม่ต้องตื่นเต้น ซ้อมให้เยอะๆ ค่ะ ตอนแรกเดียก็เครียดหลายๆ อย่าง เพราะว่ามีเรื่องของซาวด์เช็ก ต้องเตรียมเนื้อยังไง ต้องร้องท่อนประสานยังไง เพราะคุณไมเคิลจะเป็นคนที่ง่ายๆ สบายๆ แต่เราเองอยากให้มันดีไง เราก็คิดว่าท่อนนี้จะร้องยังไง เราก็อยากซ้อมให้มันเยอะที่สุด แต่คุณไมเคิลจะบอกว่าสบายๆ เดี๋ยวเรามาซ้อมข้างหลังเวทีตอนไอนั่งแต่งหน้าก็ได้ เดียก็บอกว่าไม่นะคุณไมเคิล จะทำยังงั้นได้ยังไง แต่เขาก็บอกว่าไม่ต้องกังวล แล้วเอากีตาร์มาเล่นแล้วบอกว่าประมาณนี้นะ”

ถือเป็นคอนเสิร์ตที่เราตื่นเต้นที่สุดครั้งนึงไหม?

“แน่นอนค่ะ ในชีวิตเลยแหละค่ะ (หัวเราะ)”

ที่บอกว่าเราฟังเพลงของ ไมเคิล โบลตัน มาตั้งแต่เด็ก ถือว่าเขาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เรามาเป็นนักร้องด้วยรึเปล่า?

“แน่นอน เขาเป็นคนที่เสียงมีคาแรกเตอร์มาก เสียงของเขาเป็นเสียงที่มีพาวเวอร์ มีพลังมาก สามารถร้องได้เรนจ์กว้างมาก เพลงฮิตแต่ละเพลงจริงๆ เป็นของเขาเยอะมากๆ เลย เวลาร้องเพลงเขาแต่ละทีคือเราจะต้องโห...ร้องยังไงให้ได้ขนาดนั้น เป็นผู้ชายที่เสียงสูงมาก ร้องได้ยังไง เก่งมากๆ ค่ะ”

เพลงที่เราชอบเอามาร้องบ่อยๆ หรือใช้เวลาซ้อมร้องเพลง?

“ก็ต้องเพลง How Am I Supposed To Live Without You ค่ะ นอกจากนี้ก็มีเพลง When A Man Loves A Woman แล้วก็เพลง Go The Distances ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์การ์ตูน Hercules ค่ะ”

พอได้เจอเขาก่อนขึ้นเวทีเป็นไงบ้าง?

“เขาเป็นคนที่น่ารักและกันเองมาก เป็นคนไม่ซีเรียส จะชอบปล่อยมุก ก่อนขึ้นเวทีเขายังมาซ้อมร้องเพลงกับเดียอยู่ แล้วเขาก็บอกว่าไอจำเนื้อไม่ได้นะ เสร็จแล้วก็ร้องท่อนของเขา แต่เป็นเนื้อที่เพี้ยนๆ ออกมาเพื่อให้เราตลก เหมือนเขาช่วยบอกเราว่า เฮ้ย เดีย ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องตื่นเต้นนะ ตอนนั่งในรถมาด้วยกัน เขาก็ชิลมาก ถ่ายรูปเซลฟี่ โอเคมาก น่ารักมาก”

เล่าบรรยากาศตอนซ้อมหน่อยว่าเป็นไงบ้าง?

“คือเดียตื่นเต้นมากๆ เขาก็บอกว่าเฮ้ย ไม่ต้องตื่นเต้น แค่สนุกและเอนจอยไปกับการอยู่บนเวที คือไม่อยากให้เครียด เขาก็จะคอยปล่อยมุกให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่นึกอะไรเยอะๆ”

เคยคิดฝันไหมว่าจะได้มาร่วมงานกับคนระดับโลกแบบนี้?

“ไม่เลยค่ะ เหมือนความฝันเป็นจริง ใครบ้างที่จะได้มีโอกาสขึ้นคอนเสิร์ตกับ ไมเคิล โบลตัน นะ (หัวเราะ) เขาร้องเพลงฮิตๆ เยอะมาก เป็นเพลงที่เดียฟังตั้งแต่เด็กๆ เลย ตอนที่เขาเรียกเดียมาเป็นโคโฮสต์ในรายการเขา แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วว่าเราจะได้ถ่ายรายการกับไมเคิล เสร็จแล้วเขามาชวนขึ้นคอนเสิร์ต เฮ้ย! นี่เราจะตื่นเร็วๆ นี้รึเปล่าเนี่ย รู้สึกเหมือนเราฝันอยู่รึเปล่า ดีใจมากๆ จริงๆ ค่ะ"

ทำให้ซ้อมมากกว่างานอื่นไหม?

“แน่นอนค่ะ ต้องซ้อม เพราะว่าเดียเองเป็นคนที่ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ขึ้นเวทีอยู่แล้ว แล้วคือเวทีนี้เดียไม่ได้นั่งเลยค่ะ ตั้งแต่มาถึง เดียเดินไปเดินมาเพราะตื่นเต้น นั่งแล้วมันอยู่ไม่ได้ (หัวเราะ) ตอนขึ้นไปบนเวทีมือสั่น ขนลุกค่ะ คือทีมงานทุกๆ คนของเขาเป็นทีมที่เป็นระดับอินเตอร์ เขาก็ทัวร์รอบโลกมาแล้ว พอเราได้เป็นส่วนนึงในโปรดักชั่นในโชว์ของเขาก็รู้สึกว่าเฮ้ย ครั้งนึงเราได้มีโอกาสทำแบบนี้ค่ะ คือก็ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสอีกไหม และครั้งนี้ต้องทำให้ดีที่สุดค่ะ”

เรียกว่าเป็นปีทองของเราไหม ได้ขึ้นคอนเสิร์ตระดับโลก ได้แชมป์รายการ The Mask Singer 2 ด้วย?

“อาจจะเป็นจังหวะมากกว่าค่ะ พอลูกเริ่มโตขึ้น เป็นจังหวะที่ทางรายการ The Mask Singer ชวนว่าไปออกรายการไหม คือซีซั่นแรกไปออกไม่ได้เพราะเพิ่งคลอดลูก เหมือนเป็นโอกาสมากกว่าค่ะ”

คุณพ่อก็เป็นแฟนเพลงของไมเคิล โบลตัน ท่านภูมิใจยังไงบ้างกับงานครั้งนี้?

“ป๊าตื่นเต้นมาก คุณไมเคิลก็บอกว่าเดี๋ยวถ้ามีเวลา ทริปนี้อยากจะตีกอล์ฟด้วย ป๊าก็อุ๊ย จริงเหรอ แต่ได้มาดูคอนเสิร์ต ได้มาเจอตัวเป็นๆ คุณพ่อก็ดีใจมากแล้วค่ะ”

การได้มาร่วมคอนเสิร์ตครั้งนี้เราได้อะไรบ้าง?

“ได้แน่นอน อย่างในรายการเนี่ยเราก็รู้ว่าการทำงานในระดับเอเชีย เป็นรายการที่ออนแอร์หลายๆ ประเทศ เขาทำงานกันยังไง มันเหมือนเมืองไทยไหม มันแตกต่างกันยังไง สคริปต์เขาทำยังไง ก็ได้เรียนรู้งานเบื้องหลังด้วย ในวันนี้เราก็ได้รู้ว่าเขาทำงานกันแบบนี้ เวลาอยู่หลังเวทีที่เป็นระดับอินเตอร์ที่ไปทั่วโลกมาแล้วค่ะ ก็เป็นประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิตค่ะ”

ครั้งนี้มันต่างจากที่เราเคยร้องเพลงคอนเสิร์ตที่ผ่านมายังไง?

“จริงๆ คล้ายๆ กันเลยค่ะ แต่เดียรู้สึกว่าอันนี้เขาจะชิลมาก เพราะเขาทัวร์ด้วยกันตลอด เขาก็เลยรู้สึกว่าไม่ต้องซ้อมเยอะๆ แต่ทุกครั้งที่เดียขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่มันไม่เหมือนกันแต่ละคอนเสิร์ต ก็ต้องซ้อมเยอะหน่อย มีรันทรูอะไรแบบนี้ แต่อันนี้เขาจะบอกว่าสบายๆ เอาแค่สนุกๆ เราก็โอเค จะพยายามสนุกและไม่เครียด เขาก็พยายามพูดให้เราสบายๆ ค่ะ”

จะมีโอกาสกับงานโกอินเตอร์อีกไหม?

“ก็เดี๋ยวต้องรอดูก่อนนะคะ ตอนนี้ได้ขึ้นอันนี้ เดียก็รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ครั้งนึงแล้วแหละที่จะต้องจดจำไปตลอดเลย (หัวเราะ) และในเรื่องของเพลงก็ยังไม่ได้ทำค่ะ เดี๋ยวต้องรอดูอีกทีนึงว่าจะยังไงบ้าง ถามว่ามีงานต่างประเทศติดต่อมาเยอะไหม มีค่ะ แต่มันไปไกลมาก ไปถึงอเมริกา ก็เลยอาจจะต้องข้ามไป แล้วมันเดินทางไกลค่ะ สักพักนึงแล้วกัน ตอนนี้ก็ทำงานในเมืองไทยก่อนค่ะ”.