Inside Dara
ใหม่ เจริญปุระ 48 ยังแซ่บ! เปิดตัวสาวหล่อคนรู้ใจ ดูแลกันมา 21 ปี

หากพูดชื่อของนักร้องสาวในยุค 90 หลายคนคงนึกถึงชื่อของ ใหม่ เจริญปุระ ได้เป็นคนแรก เพราะเสียงเธอมีความเป็นเอกลักษณ์ และเพลงของเธอก็จะลอยเข้าหัวทันที ไม่ว่าจะเป็นเพลง แพ้ใจ, กลับดึก, ควักหัวใจ, สุดฤทธิ์สุดเดช และเพลงอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งแต่ละเพลงยังคงอยู่ในใจของใครหลายๆ คน เธอเข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุ 15 ปี มาตอนนี้ก็ 33 ปีแล้วที่เธออยู่ในวงการนี้

แต่ความฮอต ความดังยังไม่ลดละ ไม่ว่าจะไปงานไหน มีคอนเสิร์ตที่ใด ก็ยังไม่กลุ่มแฟนคลับคอยติดตามอย่างเหนียวแน่น ล่าสุดได้มีโอกาสนั่งสัมภาษณ์พูดคุยกับ ใหม่ เจริญปุระ อย่างเป็นกันเอง โดยเธอได้เล่าถึงการทำงานทุกวันนี้ แม้จะไม่ค่อยเห็นหน้าตามสื่อต่างๆ แต่เธอก็ยังมีงานเข้ามาไม่ขาด อีกทั้งยังบอกถึงวิธีการวางตัวในวงการบันเทิง ทำอย่างไรให้เป็นที่รักของทุกคนจนถึงวันนี้ รวมถึงเรื่องหัวใจของเธอด้วย ซึ่งเธอไม่ค่อยได้เปิดเผยที่ไหนมาก่อน

“อีเวนต์จะน้อยค่ะ แต่ละครก็มีการคุยๆ กันอยู่ค่ะ เดี๋ยวยังไงก็คงมีการเชิญนักข่าวทั่วประเทศมาร่วมงานค่ะ” แฟนๆ อาจจะไม่ค่อยเห็นเราทางหน้าจอ มีคิดถึงบ้างไหม? “ถ้าตามหน้าจอก็จะเหมือนว่าเราหายไป แต่ถ้าเกิดคนที่เป็นแฟนคลับแล้วตามพี่ใหม่จริงๆ ก็จะรู้ว่าต้องไปตามที่ไหน

ใหม่ เจริญปุระ ตามเพจ ในไอจี ในเฟซบุ๊ก ก็จะเห็นข่าวคราวความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เลยดูเหมือนกับว่าเราไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อน เลยรู้สึกว่าเราไม่ได้หายไปไหน แต่ว่าคนที่เค้าก็เป็นแฟนคลับเรา แต่อาจจะไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของเรา ก็จะคิดว่าไปไหน ออกนอกวงการแล้วเหรอ”

แต่เราก็มีงานแน่นตลอด? “แน่นค่ะ แต่ก็ไม่ได้แน่นเหมือนสมัยก่อน ที่อึกทึกครึกโครม แต่ว่ามันจะเป็นงานใหญ่ๆ เป้งๆ ปังๆ ซึ่งพอพี่ใหม่มีงานวันนี้ 1 งานก็จะเว้นวรรคไปละ เพื่อจะไปพักผ่อนตัวเอง ดูแลตัวเอง เตรียมไปลุยงานชิ้นใหม่ต่อไป มันจะไม่ได้เป็นแบบสมัยก่อนแล้วที่วิ่งวันละ 3-5 งาน อันนั้นทำให้เราดูอิดโรย

เดี๋ยวนี้กลับมาดูแลสุขภาพซะส่วนใหญ่ มันก็จะมีเรื่องราวส่วนตัว งานส่วนตัวคือน้ำแร่ และครีม พี่ใหม่เป็นพนักงานบริษัทที่กินเงินเดือนด้วย เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้วย ก็จะดูแลด้านการตลาด ชีวิตเราก็จะไม่นิ่ง มีงานตลอดค่ะ”

“จะมีนิ่งก็คือเวลาพี่ใหม่ไปต่างประเทศ ไปเที่ยวหรือว่าไปอะไร เราก็อยากจะฟิตแอนด์เฟิร์ม มีความสุข ให้อาหารให้วิตามินหัวใจหน่อย บางทีเห็นอย่างนี้มันดูไม่เหนื่อย แต่เราทำงานตรงนี้มา 30 ปีแล้วนะ เพราะฉะนั้นมันเหมือนกับว่า ทำยังไงให้ตัวเองรู้สึกสดใส เราต้องดูแลทั้งในและนอกวงการ เราก็ต้องอยู่กับตัวเราเองตลอดไปเนอะ”

ที่ผ่านมารับงานวันละ 3 งาน มาตอนนี้เราตั้งใจลดงานเพราะอะไร? “เพราะเราทำมาเยอะแล้ว และอีกอย่างหนึ่งค่าตัวเราอาจจะแพงนิดนึง พี่ใหม่ก็รู้สึกว่าถ้ามีงานปังจริงๆ ก็จะรับเลย แต่งานเราก็ไม่ได้น้อยลงขนาดนั้นนะคะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นงานบิ๊กๆ หมดเลย”

อย่างเวลาพี่ใหม่ทำงานตลอด แต่คนมาถามว่าเรา หายไปไหน จะรู้สึกยังไง? “ก็จะให้ไปตามตรงนี้เลย แล้วหนูจะรู้ว่าพี่หยุดรึเปล่า คือเราทำงานเยอะ จนเพื่อนๆ บอกให้พักบ้างเถอะ เราค่อนข้างเลือกงานด้วยเหมือนกันนะ บางทีก็จะมีงานผับ ถ้าเค้าค่อนข้างสู้ราคาเราไหว ก็เราก็โอเค อย่างราคาค่าตัวเรานี้ ไม่ใช่เพิ่งขึ้นนะ แต่เราอัพมาแล้ว 15 ปี

ตอนแรกก็จะมีคนทักว่า แพงไปมั้ย แต่เราก็บอกว่า ไม่เป็นไรพี่ หนูหายใจไม่ออก เวลาไปผับมันควันเยอะ บางทีมันดึกเที่ยงคืนตีหนึ่งด้วย เค้าก็บอกว่าถ้าอัพเยอะเดี๋ยวงานน้อยลงนะ ปรากฏว่างานกลับมา 200% เลย เค้าสู้ราคาเรา เราก็รู้สึกดี กลับมาตั้งสติว่าบางทีเราจะไม่ได้เอาสตางค์ แต่เราอยากสกรีนงาน ไม่ใช่แบบหัวกระเจิง”

“เราก็เลยขอใช้สูตรเพื่อนว่า ถ้าเร่งมาก ก็ไม่ไป ไม่ไหว อาจจะว่าเดี๋ยวนี้เราต้องยิ่งดูแลตัวเองและดูแลแฟนคลับของเรา เพราะแฟนคลับเราก็จะโตไปกับเรา บางมีคนใหม่ๆเข้ามา เป็นเด็กยังเล็กชั้นประถมมัธยม พอเค้ามากับแม่ครั้งสองครั้ง แล้วแม่ไว้ใจเรา ก็จะปล่อยลูกให้กับเราเลย

เราก็เลยรู้สึกว่า เราควรจะทำให้เค้าไม่ผิดหวัง พาเค้าไปในทิศทางที่ดี ถ้าไปร้องเพลงที่ผับ ก็อย่าตามมานะ ไม่ต้องไปหาพี่หรอก บางคนก็จะเรียนจบปริญญา แล้วจะพาชุดครุยมาถ่ายรูปกับเรา เราก็รู้สึกว่ามันเป็นความภูมิใจที่อย่างน้อย ที่หากย้อนไปเมื่อ 20 ปี เราก็ไม่ได้พาลูกเค้าไปเตลิดเปิดเปิงที่ไหน”

นักร้องรุ่นเรา อะไรที่ทำให้ยังอยู่ในใจทุกคน? “พี่ใหม่ว่า ข้อแรกต้องเป็นเพลงที่ยังติดอยู่ในหัวเค้า พี่ใหม่ทำเพลงใหม่มาหลากหลายเพลงเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเอามาคัฟเวอร์ หรือทริบิวท์ หรือแต่งใหม่เลย แต่สุดท้ายเพลงเก่าๆ ก็ยังอยู่ในใจเค้า

เราก็จะรู้สึกว่า แต่งไปเพื่อ พอแต่งใหม่คนก็ยังจะชอบแบบเดิม แต่ก็โอเค เพื่อเป็นสีสัน ที่เหลือใหม่คิดว่าเป็นการวางตัว การไม่ลืมตัว การดูแลคุณค่าของงาน พัฒนาตัวเอง”

“ต้องขอบคุณคุณแม่ที่สอนมาตลอดว่า แกอยู่วงการนี้ แกอย่ามาลืมตัวนะ ถ้าแกลืมตัว จบทันที เพราะฉะนั้นมันก็เป็นเหมือนชิพที่ฝังลงไป บอกว่ารู้แล้วๆ ต้องกราบขอบพระคุณที่สอน ทำให้เรารู้สึกว่า ไม่ว่าจะวันไหน ที่เราโด่งดัง คนตามเราไปเยอะ เราภูมิใจ ไม่ใช่เราผยอง

เราต้องดูแลตัวเองด้วย ดูแลงาน เพราะตัวเราคือสินค้าอันหนึ่งที่มีหัวใจ และที่เค้ารักด้วย แฟนคลับรักเราค่อนข้างทะลุผลงานแล้ว เค้ารักเราที่หัวใจ เพราะฉะนั้นเราอย่าไม่ดีต่อเค้า ต้องซื่อสัตย์กับงาน กับตัวเอง และกับเค้าค่ะ”

ถ้าต่อไปเราอยากมีช่องส่วนตัว อยากเฟดออกจากตรงนี้? “ก็บอกเค้าตลอด แต่เห็นพี่ใหม่พูดมา 8 ปีแล้ว ก็คือเราลาเค้าทุกปีนะ มันก็เหมือนเป็นการค่อยๆ เชนตัวเองลงมาและในขณะเดียวกัน น้องๆ แฟนคลับเองเค้าก็ได้มีชีวิตของเค้า มันกลายเป็นครอบครัวมากกว่า ยังไปมาหาสู่กัน

ให้น้องภูมิใจในความสำเร็จของเรา ชื่นชอบเรา มันเป็นความสำเร็จในก้าวแรก คือมาอยู่ด้วยกันจนรู้หมดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร คือเค้ารู้ของเค้าเอง เข้าใจ รู้เค้ารู้เรา แม้เราจะยังไม่มีเพลงใหม่มาให้เค้า แต่เราก็ยังมีสื่อออนไลน์ให้เค้าได้เห็น”

มองตัวเองในอนาคตไว้ว่ายังไง? “คือจริงๆ เนี่ยตั้งใจจะเฟดตัวเองมากกว่า 8 ปีด้วยซ้ำไป มุมมองเราเป็นอีกแบบหนึ่ง ณ ตอนนั้น เรามองว่าต้องอยู่อย่างฟู่ฟ่าตลอดเวลารึเปล่า ต้องดังตลอดเวลารึเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้วเรามองดารารุ่นใหญ่หลายคนมาก ที่อายุเยอะแล้วแต่เค้าก็ยังรักการร้องเพลง แล้วคุณยังรักอยู่รึเปล่า มีคนต้อนรับมั้ย

ถ้ามันมีและมันสร้างความสมดุลกันได้ ก็พบกันตรงนั้น แต่ถ้ายังอยากร้องแต่ไม่มีใครจ้าง ก็ไปเถอะ ใหม่เป็นคนไม่ชอบหลอกตัวเอง คือเธอไม่ได้อย่ารับว่าเธอได้ อย่าหลอกตัวเองเลยดีกว่า แล้วมันจะทำได้ไม่นาน พี่ใหม่จะคิดแค่ว่า เราทำมั้ย เราเป็นคนชอบทำงาน ถ้าเราไม่ได้ทำตรงนี้แล้ว แต่มีคนเชิญไปร้องเพลงเพื่อเป็นเกียรติ แล้วมีคนต้อนรับ เราก็โอเคแล้ว

แล้วงานนี้มันอยู่กับใหม่มาค่อนชีวิต งานแสดง งานเพลง เพราะฉะนั้นมันมีพระคุณกับใหม่มาก ใหม่คงทิ้งเค้าและสะบัดก้นไปไม่ได้หรอก เคยบอกไว้เสมอว่า เราอย่าคิดว่าตัวเองดัง แล้วทำตัวสวยฟู่ฟ่าไปวันๆ ควรดูแลผู้มีพระคุณ ควรดูแลผู้อยู่เบื้องหลังและคนข้างหน้าด้วย

คนที่ให้งานให้โอกาสคุณ คุณได้ตอบกลับเค้ามั้ย ดูแลเค้าดีแค่ไหน แล้วคุณเป็นคนดีจริงมั้ย ดังในด้านที่ดีมันดีนะ ดีกว่าไปดังแค่ฟรุ้งฟริ้งไปวันๆ เพราะพี่ใหม่ยึดมั่นในตรงนี้จริงๆ นะ

เห็นเป็นคนสมัยใหม่ แต่ก็เป็นคนหัวโบราณด้วย โลกมันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เราต้องปรับตัว แต่เราไม่ต้องไปเป็นขนาดนั้น หาตัวเองให้เจอ แล้วยึดมั่นในสิ่งที่เราเลือกมาแล้ว ให้มันอยู่ในตัวเรา อย่าให้ไปจากเรานะ”

ตอนนี้ชีวิตเราแฮปปี้มาก? “อย่าใช้คำว่ามากเลย ตอนเช้าเราอาจยิ้ม แต่ตกเย็นมาเราอาจร้องไห้ ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอน แค่มีคนมาเมตตาเอ็นดูมันก็ดีแล้ว ทำทุกวันให้มันดี

เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะเจอเรื่องราวอะไรร้ายๆ มันเจอได้ทุกวันได้ตลอดเวลาแล้ว เราคือมนุษย์ เพราะฉะนั้นอย่ากระหยิ่มยิ้มย่องพองขน มันไม่ใช่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เอาน้อยแต่พองาม บางทีก็ยังเคยแอบกลัวนะว่าใครจะมาเอาความสุขชั้นไปรึเปล่า”

คนที่มาดูแลหัวใจ? “ก็เป็นผู้จัดการใหม่นะคะ ดูแลกันมา 21 ปี เค้าเป็นรุ่นน้องพี่ใหม่ 6 ปีค่ะ ก็คือตอนแรกรู้จักกันมาตั้งแต่เค้ายังไม่จบ ปริญญาตรี เค้าก็เป็นเพื่อนรักใหม่คนหนึ่ง ก็รักกันแน่นแฟ้น แบบว่าคนนี้เค้าบอกว่า จะตายแทนพี่ได้นะ ก็จะรอดู(หัวเราะ)

เค้ารับหน้าที่ดูแลน้ำแร่ใหม่ ดูแลผลิตภัณฑ์ใหม่ ดูแลชีวิตใหม่ บางทีก็ดูแลไปถึงลูกสุนัข คุณแม่ หาหยูกยา ดูแลบ้าน คือเค้าดูยันสากกระเบือยันเรือรบ ชนิดที่ว่ามีน้ำใสใจจริง และเป็นคนดีจริงๆ เราไม่ต้องพิสูจน์กัน เพราะเราเห็นมาตั้งแต่น้องยังเล็ก จนวันนี้เค้าจบปริญญาโท จนจะต่อ ปริญญาเอก เรียกว่าเค้าประสบความสำเร็จของเค้า

และในขณะเดียวกันเราก็กล้าให้เค้าดูเงินเราด้วย เพราะเราไว้ใจเค้า แต่เราก็แอบดูอยู่(หัวเราะ) เหมือนเค้าอ่านใจเราออกด้วยนะ เป็นคนที่มองตาก็รู้ใจ เหมือนเรากำลังคิดอย่างนี้ แต่เค้าก็พูดออกมาก่อน เราก็งงทำไมถึงรู้”

เค้าดูแลชีวิตเรา เหมือนเป็นคู่ชีวิตเลยได้ไหม? “อืม พี่ใหม่คิดว่าเป็นกัลยาณมิตรนะคะ เหมือนเป็นเพื่อนแท้คนหนึ่ง ซึ่งสุดท้ายแล้วจะเป็นอะไรใดๆ เพื่อนแท้สำคัญ เพราะมันเป็นพื้นฐาน เป็นรากแก้วที่สำคัญของชีวิต

ใหม่ว่าเพื่อนแท้หายาก โดยเฉพาะยุคนี้ ก็คือเพื่อนกิน เพื่อนนอน เพื่อนเที่ยว เพื่อนอะไรมันมีหมด แต่ใหม่อาจจะอยู่โรงเรียนแต่ย้ายโรงเรียนบ่อย เพราะฉะนั้นเพื่อนมันก็มีนะ แต่เค้าแต่งงานกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เรามีอยู่คนสองคนสามคนเนี่ย ที่มาครั้งใดก็อยู่ ใหม่ว่าหายาก รักษาเค้าให้ดีดีกว่า”

ที่เค้าบอกว่า ตายแทนกันได้ อันนี้มันต้องพิเศษมากๆ เลยรึเปล่า? “ใหม่ชอบพูดว่า ถ้าใหม่ตายยังไง ก็ฝากให้ทำนั่นทำนี่ด้วย เค้าก็บอกว่า ไม่ชอบๆ อย่าพูดๆ ถ้าใหม่ตายยังไง เดี๋ยวเค้าก็ตายตาม คือเค้าก็เป็นคนดี เป็นคนชอบอุปมาอุปไมย”

อย่างเวลาเราอัพรูปคู่ คนก็มาแซวความสวีต น่ารัก? “บางทีเราไม่ลงรูป ก็เหมือนเราบ้าถ่ายรูปคนเดียวรึเปล่า เค้าเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูปนะ พี่ใหม่ก็จะชอบเล่นเซลฟี่ พอถ่ายจริงๆ ก็ไม่ได้ลง เพราะว่าด้วยความเหมาะสมอะไรต่างๆ ด้วย

อีกอย่างแกสำอาง แกพะวง กลัวไม่สวยนั่นนี่ แต่ว่าพอสุดท้ายพอเราลง คนก็จะเริ่มมาแซว ทำไมหวานจัง เค้าก็จะถือมาก เลยรู้สึกว่าไม่ต้องถ่ายด้วยกันดีกว่า”

ถ้าคนจะบอกว่าเป็นแฟนพี่ใหม่รึเปล่า เราโอเคกับคำนี้ไหม? “ไม่ เพราะว่าหนึ่งอาจจะด้วยดวงชะตาด้วย สองพี่ใหม่ค่อนข้างมายด์ด้วย เพราะว่าเราเป็นผู้หญิงต้องห้าม เพราะฉะนั้นก็เลยรู้สึกว่า ตัวเองไม่มีแฟนดีกว่า ไม่อยากมีใครที่มาเป็นแฟน

เมื่อเร็วๆ นี้ไปดูดวงมาก พระท่านก็ทักว่าเราต้องแต่งงาน เราก็บอกว่า ไม่เอา ไม่แต่งได้มั้ย คือธรรมดาพระหลายท่านเคยทักว่า เราไม่ต้องแต่งงาน ห้ามมีแฟน ห้ามมีคู่ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม เราต้องอยู่คนเดียวแบบแมนๆ

ถ้าเกิดจะมีเพื่อนเป็นเพื่อนกันเลยดีกว่า อย่ามาเป็นแฟน พอเป็นแฟนมันจะไม่ดี ตอนแรกก็ไม่เชื่อนะคะ แต่พอหลายๆ คนพูด เราก็เริ่มคิดจริง สมัยเด็กๆ เราก็คิดมากเนอะ มาตอนนี้ไม่คิดมากแล้ว ก็ต้องเริ่มเข้าใจค่ะ มันเป็นอย่างนี้หลายๆ ครั้งแล้ว บางทีเราเจอคนรักที่ดีๆ มันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องเลิกกันไป”

แสดงว่าถ้าพี่ใหม่มีความรักดีๆ ก็ขอให้อยู่กันไปแบบนี้ ไม่ต้องระบุสถานะ? “ใช่ เป็นเพื่อนเป็นอะไรดีกว่า อีกอย่างเราเลยจุดนั้นมาแล้วด้วย” ตัวเค้าโอเคไหม กับการอยู่ตรงนี้? “โอเคค่ะ เค้าเป็นคนที่เข้าใจในตัวใหม่ และเข้าใจในชีวิตใหม่ จริงใจ เข้าใจเรามากพอสมควร

เป็นคนที่รักเรา เลิฟมีเลิฟมายด็อกจริงๆ เค้าไม่ได้คิดอะไร แกเคยหาแฟนให้พี่ใหม่ด้วย แต่พี่บอกไม่เอาแล้ว เราไม่ต้องการแฟนแล้ว คือเราคบกันแบบที่ไม่ได้มาคิดว่าจะต้องจี๊จ๊ะอะไรกัน ใหม่ว่าตรงนั้นมันเป็นของฉาบกันไว้ไง อันนี้เป็นของแท้ที่มีเคลือบแล้ว พอมันละลายมันก็จะมองเห็นข้างใน”

เราดูไว้ใจเค้ามากๆ? “ก็ค่อนข้างไว้ใจ ใช้คำว่าวางใจดีกว่า” เป็นคนที่เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตเลยได้ไหม? “ก็ใหม่ไม่กล้าพูดอะไรอย่างนี้ เพราะชีวิตไม่มีความแน่นอน แต่กับคนนี้ที่เรากล้าพูดว่าเค้าเป็นคนดี ดูแลเราดี”

ถ้าให้เทียบเป็นอวัยวะของเรา จะให้เป็นอะไร? “เป็นหูเป็นตาให้เราแล้วกันค่ะ ก็คือเค้าดูแลเราดีจริงๆ สิ่งหนึ่งที่ต้องขอบคุณมากๆ ก็คือแบบว่า แต่ก่อนจะมีคนมีความรู้สึกเข้าไม่ถึงเรา เราหยิ่งรึเปล่า หรือบ้างก็จะแบบใหม่อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ว่าเค้าจะพยายามทลายเราจริงๆ

ให้รู้จักตัวตนเราจริงๆ คนก็พูดกันไป เค้าก็จะทลายอ่ะ ด้วยวิธีของเค้า ให้คนรู้สึกว่าจริงๆ เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น และก็ดูแลเราดีมาก เหมือนแกเป็นหมอดูเลย ว่าคนนี้อย่าเข้ามาใกล้เราเลยนะ เหมือนช่วยสกรีนคนให้เรา

เราก็ไม่ได้แบบบ้าบอตามนะ เหมือนเค้ามีเซ้นส์ เราดูเหมือนเป็นคนที่เก่งกว่าเค้า แต่บางทีเราก็มีจุดด้อยจุดบอด พอเรามีคนที่แบบเป็นตาที่สาม ว่าอันนี้ไม่เหมาะ อันนี้โป๊ อย่าทำเลย หรือให้จัดเต็มเลย”.