หลังจากที่ยูทูบเบอร์สาวชื่อดัง มิ้วกี้ ไปรยา ผดุงสุข ได้ออกมาประกาศลดความสัมพันธ์กับสามี แดนนี่ ดานิเอล เบล็สซิ่ง ว่าทั้งคู่มีปัญหากันตั้งแต่ 30 ธันวาคม 2564 เป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่สะสมมานานหลายปี ซึ่งทำเอาแฟนๆ ของทั้งคู่ถึงกับช็อกไม่น้อย
ล่าสุด มิ้วกี้ ไปรยา เดินทางมาร่วมงานเปิดตัว เพอร์พีช ไฟเบอร์ ตัวจริงเรื่องดีท็อกซ์ by ปนันชิตา จึงได้ เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุของปัญหาที่ทำให้ต้องลดสถานะสามีภรรยา
เลิกกันจริงหรือคอนเทนต์?
มันไม่มีคอนเทนต์อยู่แล้ว ก็ขอหยุดความสัมพันธ์สามีภรรยาไว้ก่อน
หยุดหรือเลิกเลย?
ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า แต่ว่าแยกกันอยู่ค่ะ
ถามถึงสาเหตุคืออะไร?
ไม่มีเรื่องชู้สาวเลย เราคบกันมา 8-9 ปี เราไม่เคยนอกใจซึ่งกันและกัน มันเป็นเรื่องรายละเอียดเล็กๆ เท่านั้นเอง ไม่มีชู้สาวแน่นอน 100% มันเป็นเรื่องสะสมด้วยค่ะ เป็นเรื่องที่หลายอย่างไม่เหมือนเดิม
และเราก็รู้สึกว่าปีนี้เราก็อายุเข้า 34 แล้ว และเราก็รู้สึกว่าเราทำงานหนักมากเลย มิ้วกี้เป็นคนทำงานหนักมากนะคะ และรู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของตัวเองให้มีความสุขที่สุด
ตอนที่ตกลงกัน พูดคุยกันนานมั้ย?
ก็มีการพูดคุยกันประมาณ 3 ปี เกี่ยวกับเรื่องเธอเปลี่ยนไปนะ มันเป็นรายละเอียดเล็กน้อยมาก คือที่ขอว่าให้เป็นเรื่องส่วนตัว
เพราะมันเป็นเรื่องที่ถ้าบางคนฟังก็อาจจะมองว่ามันเล็กมากเลยนะ เราก็เลยไม่อยากจะพูดถึงตรงนั้น แต่บางทีเรื่องเล็กๆ มันก็สะสมกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ก็เลยขอไม่พูดดีกว่า
แต่เมื่อปีที่แล้วหวานกันมาก?
จริงๆ เราก็มีมุมหวานกันอยู่แล้ว คือพี่แดนนี่เขาเป็นคนหวานอยู่แล้ว แต่ถ้าทุกคนได้ดูคอนเทนต์ล่าสุด จะเห็นสายตาของมิ้วกี้ที่เปลี่ยนไป
คนก็ยังมาถามถึงวันเกิดที่ผ่านมาว่าสามีเซอร์ไพรส์ให้เงิน 1 ล้านบาท พร้อมกับรองเท้าคริสเตียนลูบูแตง อันนั้นมันก็เป็นสิ่งดีๆ ที่เรามอบให้กัน
หรือเมื่อวันเกิดเขาวันที่ 28 ที่ผ่านมาก็มีของขวัญให้เขา แต่ถ้าทุกคนได้กลับไปย้อนดูคลิปดีๆ จะเห็นว่าสายตาหรือสีหน้าของเรามันไม่เหมือนเดิม
เหตุมันเริ่มมา 3 ปี แต่เลิกกันครั้งนี้เหมือนเราทั้งคู่ไม่มีอาการอะไรเลย?
หนูน้ำหนักลดลงไป 7 กิโล แล้วก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ตื่นทุกชั่วโมง ก็คือนอนไม่ได้เลย เพราะเราเคยนอนกับคนคนนึงมา 8-9 ปีเนอะ มันก็เป๋นะ
ทานอะไรไม่ได้เลย ก็เสียใจ และไม่รู้ว่าทางฝั่งคุณแดนนี่เขาเสียใจยังไง มีวิธีการแสดงออกยังไง เพราะเราก็ไม่ได้ถามเขาเหมือนกัน
ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเหรอ?
เพราะแทบจะไม่ค่อยได้คุยกันเลยค่ะ ถามว่าได้ลองแก้ไขปัญหาแล้วใช่มั้ย เคยคุยกันแล้วค่ะ ก็ดีอยู่แป๊บนึง แล้วก็เป็นอีก มิ้วกี้ก็รู้สึกว่าความรักทุกสถานะมันต้องมีความสุขเท่าเดิม ถ้ามันเพิ่มขึ้นไม่ได้ก็เท่าเดิม แต่ถ้ามันลดลง มันผิดแล้วล่ะ
เราได้บอกเขาตลอดไหม ว่าเรารู้สึกว่าเขาไม่เหมือนเดิม?
ก็บอกเขานะว่าเราไม่ชอบแบบนี้ เรารู้สึกว่าแบบนี้ควรที่จะเปลี่ยน แต่มันก็ไม่มีการเปลี่ยนเกิดขึ้น เราเลยรู้สึกว่าถ้าไม่เปลี่ยนเราก็ขอหยุดไว้ตรงนี้
ตอนที่เราบอกว่าหยุด เขาว่ายังไงบ้าง?
ซึ่งเขาก็ไม่โอเคอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้เตรียมใจเรื่องนี้ แต่เราคิดมาแล้ว คิดมานานว่าถ้ามันไม่มีอะไรดีขึ้น คือเราเป็นเวิร์กกิ้งวูแมน ทำงานหนักมากๆ
พี่ๆ ทุกคนจะเห็นว่ามิ้วกี้ทำงานไม่ใช่แค่ทางด้านยูทูบเบอร์ หรือแค่อินฟลูเอนเซอร์ แต่มิ้วกี้มีธุรกิจหลายอย่างที่ต้องดูแล และการที่เราต้องดูแลทุกอย่างด้วย และลูกด้วย มันก็ยากพอสมควรสำหรับเราเนอะ ก็เลยคิดว่างั้นเราพอตรงนี้ดีกว่า
ในอนาคตจะมีโอกาสกลับมามั้ย?
คุยนะ หลายคนคิดว่ามันเป็นการสร้างคอนเทนต์ แต่มิ้วกี้จะบอกตรงนี้เลยนะคะว่ามิ้วกี้เป็นคนที่ไม่เอาเรื่องครอบครัวมาล้อเล่นแน่นอน เพราะว่าเรามีลูก วันนึงลูกโตไปแล้วมาอ่านบอกว่าพ่อแม่เล่นตลกอะไรกัน วันนี้ดี พรุ่งนี้รัก ไม่แบบนั้นค่ะ
แต่ถามว่าจะกลับมาดีกันไหม คิดว่าถ้าคู่กันแล้ว มันใช่ ก็มีคุยกันนะคะว่าตอนนี้เราต่างคนต่างอยู่ไปก่อน ถ้าอีก 1 ปีข้างหน้า 2 ปีข้างหน้า
คุณลองไปใช้ชีวิตในแบบของคุณ เราลองไปใช้ชีวิตในแบบของเรา แล้วถ้าคุณยังไม่ได้มีใคร และเรายังไม่ได้มีใคร เราอาจจะวนกลับมาเจอกันอีกครั้งนึง แต่เรื่องนี้ก็ไม่แน่นอน ตอนนี้คือเรื่องจริง ไม่ใช่คอนเทนต์
ตอนนี้อยู่คนละบ้านหรือยังไง?
จริงๆ บ้านมิ้วกี้มี 3 ชั้นนะคะ พี่แดนนี่อยู่ที่ชั้น 3 มิ้วกี้อยู่ชั้น 2 แล้วเราแยกจริงๆ คือไม่มีการมารวมกันเลย ถามว่าทำไมถึงไม่แยกบ้าน ตอนแรกเราตั้งใจจะแยกบ้านไปเลย แต่มันก็หลายอย่าง เพราะเขาต้องไปส่งลูกทุกเช้า
และด้วยการทำงานของเรามันไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว จะเจอกันเฉพาะตอนที่ประชุม แต่มิ้วกี้ก็เลือกที่จะให้เลขาเข้าไปประชุมแทน พอเราทำงานกลับมา เขาก็ยังไม่กลับ
หรือบางทีเขากลับมาแล้ว ขึ้นนอนแล้ว เราก็ยังไม่กลับ ก็แทบจะไม่เจอกันเลยถามว่าเขามีขอโอกาสไหม คุยกันค่ะ แต่เราก็ชัดเจน
มิ้วกี้เป็นคนชัดเจนอยู่แล้ว พี่ๆ น่าจะเห็นว่าเป็นคนแบบไหน ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้วก็คือตั้งใจ ตอนอยู่บ้านก็จงใจเลี่ยงจะไม่เจอ
ตอนอยู่บ้านก็จงใจเลี่ยงที่จะไม่เจอเลยใช่มั้ย?
พยายามทำแบบนั้น คุณแดนนี่เขาก็พยายามจะลองหาคอนโดหรือบ้านที่อยู่ใหม่ แต่เราเข้าใจว่ามันไม่ได้ง่าย ไม่ใช่ 2-3 วันแล้วมันได้
คือเรายังมีความรักและความปรารถนาดีให้กันนะคะ ไม่ได้เกลียดกัน มิ้วกี้พูดตรงนี้เลย หลายคนเลิกกันเพราะเกลียดกัน แต่มิ้วกี้ไม่เคยเกลียดพี่แดนนี่เลย เพราะพี่แดนนี่เขาเป็นคนดีมากๆ
และมิ้วกี้ก็ยังเคารพเขาเหมือนเดิม แค่เรารู้สึกว่าเราไม่สามารถไปต่อในสถานะเดิมได้แค่นั้นเอง ก็เลยหยุดกันไว้ตรงนี้
แล้วก็รอให้เขาพร้อมที่เขาได้ที่อยู่ใหม่ที่โอเค แล้วค่อยไป ตอนแรกเราก็บอกว่าเราจะไปเอง เขาก็บอกว่าถ้าให้เราไป เขาไปเองดีกว่า
และถ้าเกิดเราต่างมีคนใหม่จริงๆ มิ้วกี้เชื่อว่าคู่เราคุยกันได้ เพราะว่าเรามีแต่ความรัก ความปรารถนาดีให้กัน ไม่มีคิดร้าย
แต่เรื่องหย่าก็แอบมีคุยเหมือนกัน ว่าถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องหย่าให้มันเป็นเรื่องเป็นราว แต่จริงๆ ก็คิดถึงลูกนะ เพราะเขายังเด็กมาก
เราเตรียมคำตอบให้ลูกยังไง ถ้าวันหนึ่งแดนนี่ได้ที่อยู่ใหม่?
ความโชคดีของมิ้วกี้ตอนนี้คือลูกอยู่กับคุณยาย 90% เขานอนกับคุณยาย เลยทำให้น้องไม่ได้สับสนมากว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงแยกกันอยู่ เพราะกว่ามิ้วกี้หรือพี่แดนนี่จะกลับบ้านก็ 4-5 ทุ่มแล้ว น้องหลับแล้ว
เขาเลยจะอยู่กับคุณยายเป็นหลัก ก็เลยทำให้เราโชคดีไม่มีปัญหาเรื่องลูกจะสับสนว่าทำไมพ่อแม่ไม่ได้นอนด้วยกัน
ยืนยันว่าไม่มีมือที่สามแน่นอน?
ใช่ค่ะ มิ้วกี้คิดว่าถ้าเกิดมันไม่มีการเปลี่ยนแปลง มันก็คงต้องหยุดแค่นี้ แต่เรื่องความน่ารักที่เรามีให้กัน เราไม่ได้เฟกนะคะ หรือการเขียนอวยสามีในอินสตาแกรม มันเป็นความรู้สึกของเราจริงๆ
มิ้วกี้เป็นคนไม่เฟกอยู่แล้วแต่ด้วยปัญหาที่มันจุกจิกเราก็คิดว่าเดี๋ยวมันต้องมีทางออก แต่พอวันนึงที่เรารู้สึกว่ามันแก้ไม่ได้ เราก็เลยคิดว่าขอหยุดความสัมพันธ์ไว้เท่านี้ดีกว่า ก็ยากนะ มันก็ทรมานเหมือนกัน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
แต่ยืนยันว่าไม่มีมือที่สามแน่นอน แต่ ณ ตอนนี้ก็ถือว่าเราแยกกันอยู่แล้ว ก็อิสระทั้งคู่ค่ะ ถ้าเขามีใครเข้ามาตอนนี้ เราก็ต้องให้อิสระเขา และเราก็ต้องอิสระกับตัวเองเหมือนกัน เขาก็ต้องให้เขาเองเหมือนกัน
แต่เรื่องมือที่สามนี่มิ้วกี้ซีเรียสเรื่องนี้มาก ตอนแรกจะไม่เขียนอะไรเลย เราคุยกันว่าเราจะเงียบ และไม่พูดอะไรเลย แต่เราต้องยอมรับอย่างนึงเลยว่าสังคมไทยไม่เปิดกว้างให้กับผู้หญิงมากนัก
สมมติมิ้วกี้ออกไปทำงานกับน้องตากล้อง แล้วนั่งกินข้าวคู่กัน จริงๆ ก็เริ่มมีคน DM มานะว่าช่วงนี้ทำไมแม่กับพ่อไม่ลงรูปคู่กันเลย หลายอย่างมันไม่เหมือนเดิม มีอะไรหรือเปล่า แต่เราก็ไม่ได้เลือกที่จะตอบ
มิ้วกี้มองว่าสังคมไทยไม่เปิดรับเท่าไรเกี่ยวผู้หญิง อย่างที่บอกถ้าวันนึงไปกินข้าวกับตากล้องแล้วโดนถ่ายรูป ต่อมามีอักษรย่อว่ายูทูบเบอร์นี้ๆ ไปเมากับผู้ชาย ก็กลายเป็นว่าเราผิดอีก เพราะเราไม่ได้มีการแจงไว้ก่อนว่าเราได้แยกกัน
นับตั้งแต่มกราคมจนถึงตอนนี้ก็ 3 เดือนแล้วนะ ก็เลยตัดสินว่าว่าเราควรจะบอกให้ทุกคนรู้และเราทำงานตรงนี้ คนก็อยากรู้เรื่องเราเยอะ ก็เลยตัดสินใจโพสต์ ตอนโพสต์ก็คิดดีแล้ว ถ้าพี่แดนนี่ไปนั่งกับผู้หญิง ไม่เป็นไร
แต่ถ้ามิวกี้ไปนั่งกับผู้ชาย แต่ 3 เดือนนี้เราหยุดความสัมพันธ์ไปแล้วนะ แต่ไม่มีใครรู้ แต่ถ้ามิ้วกี้เกิดไปกินข้าวกับใครคนนึงขึ้นมาก็กลายเป็นคดีพลิก กลายเป็นมิ้วกี้ผิด มีผู้ชายคนอื่น งั้นก็โพสต์ดีกว่าจะได้จบเรื่อง
วันนี้มุมมองความรักเป็นยังไง?
มิ้วกี้ยังเชื่อในความรักอยู่นะคะ เรายังอก 34 เอว 22 สะโพก 37 ผมดำยาวถึงกลางหลัง เนินอกเราขาวจั๊วะ ก็คิดว่าเราน่าจะยังหาได้อยู่ (ยิ้ม)
ฝ่ายชายเขาก็แซ่บ เดี๋ยวนี้เขาก็แซ่บมาก เขาก็ยังหาได้อยู่ มิ้วกี้เชื่อว่าต้องมีใครที่รักเราบ้างแหละ เพราะเราก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ทำงานก็เก่ง หาเงินก็เก่ง ก็เปิดค่ะ แต่ไม่เห็นมีใครเข้ามาจีบเลย (หัวเราะ)
ถามว่าจะสกรีนผู้ชายที่จะเข้ามายังไง ไม่เลย เพราะพี่แดนนี่ไม่ได้มีอะไรแย่เลย หมายความว่าถ้าให้ย้อนเวลากลับไปได้ก็ยังเลือกเขาเป็นพ่อของลูก แต่มันเป็นแค่ปัญหาจุกจิกที่รู้สึกว่าเราไม่ชอบ และเราอยากให้เขาเปลี่ยน
เราพยายามแล้วนะว่าเราเปลี่ยนเขาไม่ได้ เราก็เปลี่ยนตัวเราเอง เมื่อก่อนมิ้วกี้ใจร้อนมาก ไม่ยอมอะไรทั้งสิ้น แต่ทุกวันนี้กลายเป็นไม่เป็นไร
กูยอมเองก็ได้ ก็เบลอๆ มันไป แต่บางครั้งในเรื่องที่เราเบลอมากๆ มันสะสม มันกินใจเราไปทุกวัน แล้วมันระเบิดตู้มขึ้นมา ก็ช็อกเหมือนกันนะ.
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012