Inside Dara
ฟิล์ม ตื่นเต้นเข้าพบลุงตู่ แจงกฎเหล็กถ่ายรูปห้ามใช้แฟลช

กลายเป็นดราม่าไปแล้วเมื่อแฟนคลับของนักแสดงหนุ่มสุดฮอตในเวลานี้ ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ ตั้งกฎเหล็กห้ามคนที่มาขอถ่ายรูปกับหนุ่มฟิล์มใช้แฟลชในการถ่ายรูป จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเวลานี้ว่าเจ้าตัวเรื่องเยอะ ดูท่าจะเป็นซุป'ตาร์เทวดาไปซะแล้ว

เจอ ฟิล์ม มาร่วมงานแถลงข่าว 24 ก.ย. "วันมหิดล" รวมพลังแห่งการให้ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส รพ.ศิริราช ณ หอประชุมราชแพทยาลัย รพ.ศิริราช เลยถามถึงเรื่องนี้ พร้อมทั้งถามถึงความรู้สึกหลังไปพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเตรียมเป็นพิธีกรรายการ "เดินหน้าประเทศไทย" ด้วย

เห็นว่าเพิ่งไปพบท่านนายกฯ มา?

"ก็ตื่นเต้นครับ ตอนแรกแอบเกร็งๆ ลุงตู่นิดหน่อย แต่ว่าท่านนายกฯ ใจดีมาก พูดคุยและเป็นกันเองมากครับ รู้สึกขอบคุณที่ให้ผมได้เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินรายการ "เดินหน้าประเทศไทย" ได้เป็นจุดเชื่อมระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลกันและกันมากขึ้นครับ ถามว่าท่านมุกเยอะมั้ย เยอะครับ แต่ว่าเมื่อวานผมยังไม่โดนครับ (ยิ้ม)"

ได้ถามท่านมั้ยว่าได้ดูละครที่เราเล่นรึเปล่า?

"ท่านบอกว่าไม่ได้ดูครับเพราะงานเยอะ อาจจะมีดูผ่านๆ บ้าง ก็เข้าใจเพราะท่านนายกฯ งานเยอะมากจริงๆ"

ท่านมีดุเสียงดังมั้ย?

"ไม่มีครับ มีแต่เล่นมุกกับคนอื่นมากกว่าครับ"

รายการ "เดินหน้าประเทศไทย" เราต้องไปอัดรายการตอนไหน?

"ตอนนี้คุยๆ กันอยู่ครับ แต่ว่ายังไม่ได้อัดรายการ (แต่ทาบทามเรียบร้อยแล้ว?) ใช่ครับ ก็ต้องซ้อมนิดนึง ถ้าจะพูดคือน่าจะเป็นพิธีกรเต็มตัวครั้งแรก ก็ไปดูกันว่าจะเป็นยังไงครับ ถามว่าจะไปจังหวัดไหน อันนี้ยังครับ แต่น่าจะเป็นจังหวัดที่เป็นเมืองรองที่ทางรัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวมากกว่า คิดว่าอย่างนั้นนะ แต่ว่าไม่รู้จะได้ไปจังหวัดไหน ก็ต้องไปติดตามกันครับ"

ถือเป็นบทบาทใหม่เลยมั้ย?

"ก็เป็นบทบาทใหม่ครับ เป็นความท้าทายใหม่ แต่ว่าอยากลองทำดู ไม่รู้ว่าจะออกมาดีถูกใจทุกคนแค่ไหนครับ แต่ก็จะเต็มที่ครับ"

ถามถึงเรื่องกฎเหล็กของแฟนคลับที่ออกมา ดูเป็นซุป'ตาร์ฮอลลีวูดมาก?

"ไม่ขนาดนั้น คือผมเข้าใจแฟนคลับว่าเขาเห็นเราทำงานหนัก เขาก็เป็นห่วงว่าเราโดนไฟมาก เป็นห่วงเรื่องสายตา แต่จริงๆ แล้วสำหรับตัวผมไม่มีกฎอะไรเลย จะเซลฟี่หรือใช้แฟลชก็ได้ ผมยังเป็นคนปกติคนเดินดิน อย่างที่ผมเคยพูดกับทุกคนว่าผมเข้ามาคือคนธรรมดาคนนึง ความเท่าเทียมของมนุษย์ผมก็ยังเท่ากับทุกคน ใครที่อยากจะเซลฟี่ได้หมดเลยครับ"

เราตกใจกับกฎเหล็กที่ออกมามั้ย?

"ก็นิดนึง ก็เห็นที่มีคนส่งมา แต่ผมก็เข้าใจทางแฟนคลับว่าเขาคงเป็นห่วงแหละ แต่อาจจะด้วยการใช้คำที่ไม่ถูกต้อง มันก็เลยเกิดการเข้าใจผิดกัน แต่ว่าอยากจะบอกตรงนี้เลยว่าเราเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง เราถ่ายรูปเซลฟี่ได้หมดเลย"

ได้คุยกับแฟนคลับมั้ย?

"คืออันนั้นยังไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ครับ"

มันก็เลยมีกระทู้ออกมาเต็มไปหมดว่าเป็นซุป'ตาร์ดังมาก?

"โห ไม่ๆๆ ไม่จริงๆ ผมเป็นเหมือนเดิมเลยครับ ยังไม่มีกฎอะไรใดๆ ทั้งสิ้นครับ"

กลัวคนมองว่าเราเข้าถึงยากมั้ย?

"ผมว่าไม่นะ ทุกวันนี้ใครมาขอถ่ายรูปผมก็ให้ถ่ายรูปปกติเลยนะ"

กลัวจะได้ฉายาซุป'ตาร์เทวดาคนต่อไปมั้ย?

"ไม่ๆๆ ไม่อยากเป็นคนแบบนั้น อยากเป็นคนธรรมดาเดินดินนี่แหละครับ มีความสุขกว่า"

มีโอกาสได้คุยกับแฟนคลับที่ตั้งกฎมั้ย?

"หลังจากที่ได้เห็นก็มีการคุยและปรับความเข้าใจกันแล้ว ทุกฝ่ายก็โอเคครับ คือมันไม่มีตั้งแต่แรกอยู่แล้วสำหรับตัวผมนะ เพราะผมไม่ได้เป็นคนตั้งกฎขึ้นมา"

ก่อนหน้านี้เราโดนแฟนคลับรุมเยอะรึเปล่าเลยทำให้เขาตั้งกฎขึ้นมา?

"มีบ้าง แต่ตัวผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เดือดร้อนอะไร ผมเข้าใจความรู้สึกของแฟนคลับนะ บางทีเราไปต่างจังหวัดแล้วเขามีโอกาสครั้งเดียวในชีวิตที่ได้เจอเรา คือเขาต้องทำงาน ไม่มีเวลามาตามงานต่างๆ เป็นครั้งเดียวในชีวิตของเขา เขาก็อยากที่จะมาเจอ จับมือ หรือได้ถ่ายรูป ถ้าเราทำให้เขาได้ เรามีเวลาเราก็ทำเต็มที่นะ"

ส่วนตัวแล้วเราไม่เคยเรื่องเยอะเลย?

"ไม่เคยครับ ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง"

เห็นว่าเริ่มถ่ายละคร "หน้ากากแก้ว" แล้ว?

"ใช่ครับ เมื่อวานเป็นคิวแรกครับ ก็ตื่นเต้นนิดนึงกับบทบาทใหม่ มันเป็นความท้าทายใหม่ด้วยแหละครับ เพราะทุกครั้งที่เราเป็นตัวละครใหม่มันจะเกิดความท้าทายใหม่กับตัวเอง กับบทบาทใหม่ เหมือนเจอโลกใหม่ครับ ก็จะพยายามเต็มที่ ไปดูกันว่าจะเป็นยังไง"

เรากดดันมั้ยเพราะเรื่องที่แล้วก็ปังมาก?

"มันก็มีแหละ ผมว่ามันคงจะพูดเลยว่าไม่มีไม่ได้ แต่ผมพยายามเปลี่ยนความกดดันมาเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองมากกว่า อยากให้เอาจุดตรงนั้นมาเพื่อพัฒนาตัวเอง"

พอถ่ายละครแล้วอีเวนต์จะน้อยลงมั้ย?

"ก็คงน้อยลงแหละครับ เพราะอยากทำผลงานออกมาให้เต็มที่ เราเข้ามาเป็นนักแสดง จุดเริ่มต้นของเราคือนักแสดง งานหลักเราคือแสดงละคร เราก็อยากทำงานหลักของเราให้ดีก่อน

เสียดายมั้ยเพราะเรากำลังมาแรงเลย?

"ผมว่าย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นว่ากว่าที่เราจะเป็นที่รู้จักได้มันเริ่มจากการที่เราเล่นละคร ถ้าเราไม่มีละคร คนก็ไม่รู้จักเรา ถึงวันนี้มันก็ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น ผมก็ไม่รู้สึกเสียดายเพราะว่ามันคือโอกาส สุดท้ายมันคือละครที่เราอยากจะเล่นอยู่ดีครับ"

หลังจากนี้จะเบรกงานอีเวนต์ไปก่อนมั้ย?

"ก็คงมีเพลาๆ ลงครับ อาจจะไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน แต่อยากเต็มที่กับงานละครมากกว่าครับ เดี๋ยวก็อาจจะได้เห็นได้ดูละครกันในเร็วๆ นี้ ต้องติดตามกันว่าเมื่อไหร่ครับ".