Inside Dara
โลกมันเปิดกว้าง ‘อิงฟ้า’ ประกาศจุดยืนชัดเจนนางงามก็เป็น LGBTQ ได้!

นางงามดัง "อิงฟ้า วราหะ" เล่าหมดเปลือก ปมมุมมอง LGBTQ+ พร้อมย้ำสิ่งที่เสียใจ อยากให้พ่อเห็นวันที่สำเร็จแล้ว

หลังจากรับตำแหน่งได้ไม่นานก็เจอดราม่ามากมายแต่ “อิงฟ้า วราหะ” เจ้าของมงกุฎมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปี 2022 ความฮอตของเธอก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย พร้อมยังเปิดตัวว่าเป็นกลุ่ม LGBTQ+ รักได้ไม่จำกัดเพศ เป็นนางงามก็สามารถเป็นกระบอกเสียงได้ และตนมีจุดยืนที่ชัดเจน แย้มถึงเรื่องราวชีวิตรักและครอบครัวที่แสนลำบากในวัยเด็ก จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อยากให้พ่อได้เห็นความสำเร็จในวันนี้ เรื่องราวทั้งหมดนี้ในรายการ Woody FM แบบจัดเต็ม

อิงฟ้า เผยว่า “เรื่องการมีดราม่าในชีวิต เราได้เรียนรู้เยอะนะคะ มันทำให้หนูโตขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าไม่ได้ประกวดนางงาม คงก็มาดิคร้าบอะไรแบบนี้ แต่พอเราเป็นนางงามมันสอนให้เราใช้สติเก่งมากขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้น รู้จักควบคุมสติตัวเองแล้วก็ใจเย็นมากขึ้น ดราม่าจะมาไวไปไวมาก ถ้าไปจมกับมันหรือให้ความสำคัญจะทำให้เราดิ่งไปเลย แล้วจะเป็นตัวเรานี่แหล่ะที่ยังอยู่กับมัน คำว่านางงามในความคิดของเราคือตอนเด็กเลย หนูคิดว่านางงามต้องรักเด็ก เรียบร้อย ต้องเป็นคนที่เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง แต่พอโตมาสังคมเปลี่ยน ทำให้เราเห็นว่าจริงๆ แล้ว การที่จะเป็นแบบอย่างให้กับใครสักคนไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟกต์ขนาดนั้น ตัวหนูเองก็ไม่ได้เพอร์เฟกต์ แม้กระทั่งที่มาเป็นมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 แต่เราสามารถเป็นแบบอย่าง อะไรหลาย ๆ อย่างให้กับคนที่เป็นเด็กรุ่นหลังได้ หรือเป็นผู้ใหญ่แล้วก็มีที่ให้เราเป็นไอดอลหรือให้เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต นางงามมิสแกรนด์ไทยแลนด์ต้องการคนที่คุณประกวดจะทำยังไงให้คนไม่ลืม คนสวย Performance ดี มีเยอะมาก แต่สิ่งที่จะทำให้คนตกหลุมรักคุณได้ หรือเสน่ห์เอกลักษณ์ที่คนจะจำได้คืออะไร ต้องงัดออกมาให้ได้มากที่สุด หนูก็ใช้ความเป็นตัวเอง ความจริงใจ ไม่เคยมีความลับกับแฟนคลับเลย รู้สึกว่าถ้าอะไรที่เป็นความจริงเราจะไม่เหนื่อย คนจะชอบก็ให้เขาชอบที่เป็นเรา เพราะไม่สามารถที่จะทำให้คนชอบเรา 100 %”

“อย่างเรื่องของการเป็นกระบอกเสียง LGBTQ ช่วงแรกก็โดนดราม่าหนักมาก ว่าเป็นนางงามจะมีคู่จิ้นได้ยังไง เป็นนางงามจะมาอยู่ในกลุ่ม LGBTQ ได้ยังไงโดนเยอะมาก เราพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าการที่เป็น LGBTQ สามารถเป็นนางงามได้และเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นหลังได้ ต้องยอมรับว่าโลกเราตอนนี้มีเยอะมากกลุ่มที่เป็น LGBTQ แม้กระทั่งการทำงานร่วมกับองค์กร แล้วเราก็ฝ่าฟันกับดราม่าได้จนทุกวันนี้ กลายเป็นน้องๆ นางงามหลายคนก็เปิดตัวว่าเขาเป็น LGBTQ เหมือนกัน ทุกคนกล้าที่จะเปิดตัวเองมากขึ้น แฟนคลับเรากล้าที่จะบอกพ่อแม่ กล้าที่จะบอกกับเพื่อนกล้าที่จะเปิดเผยมากขึ้น เรายิ่งรู้สึกว่านี่ล่ะคือนางงาม คือจุดยืนที่ชัดเจน ว่าคุณมายืนตรงนี้เพื่ออะไร ถ้าครอบครัวไหนเปิดใจยอมรับคุยกันและรับได้ในสิ่งที่ลูกตัวเองเป็นและเป็นกำลังใจให้หนูคิดว่าเด็กคนหนึ่งจะเติบโตมาได้ด้วยศักยภาพมากๆ”

อิงฟ้า เล่าต่อว่า “ชีวิตรักของเราคือเคยคบมาหลากหลายเพศมากๆ เคยคบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทอม เคยผ่านมาแล้ว เราจะเห็นข้อดีข้อเสียต่างกัน เสน่ห์ของแต่ละเพศต่างกัน ซึ่งจริงๆ แล้วหนูมองว่าความรักจะออกมาดีไม่ดีไม่ได้อยู่ที่เพศเลย อยู่ที่คน 2 คนจะสร้างมันยังไงมากกว่า ความรักของหนูแทบจะไม่สมหวังเลยไม่รู้เป็นอะไร เวลาคบใครสักคนจะดูที่ความสบายใจและสำคัญสุดคือ ความเสมอต้นเสมอปลาย ยิ่งกว่าคลับฟรายเดย์อีกขนาดไม่คบคนที่หน้าตาแล้วนะ เจอโมเมนต์แบบการทำร้ายร่างกายก็มี เป็น 2 คนในร่างเดียวเหมือนเราไม่เคยรู้จักเขามาก่อน คบเกือบ 4 ปี เพราะรักเลยให้อภัย เขาง้อนิดเดียวก็หายแล้ว คิดว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเราได้เพราะให้โอกาส แต่มันก็ไม่ใช่ บ้างคนมองว่าความรักอิงฟ้าต้องดีใครจะไปกล้านอกใจ คือจริงๆ ฉันผ่านมาหมดแล้ว ตอนนี้โสดทำงานอย่างเดียวเลยค่ะ เวลาจะคุยกับคุณแม่ยังไม่มีเลย ล่าสุดมีแฟนก็คือก่อนเข้ากองประกวด 6-7 เดือน”

“ถามว่าคู่จิ้นหรือคู่จริง อันนี้กับชาล็อต เราว่าก็น่ารักดีนะ ตอนนี้มีแต่เรื่องให้เครียดเศรษฐกิจเต็มไปหมด ถ้าอะไรทำแล้วมีความสุขทำเลย แล้วเราก็มีโอกาสได้คุณกับน้องชาล็อตว่า หนูอึดอัดหรือเปล่ากับกระแสจิ้นที่มันเกิดขึ้น น้องโอเคมาก เราธรรมชาติกันมากเลย เพราะฉะนั้นโมเมนต์ที่เกิดขึ้นของเรา 2 คนธรรมชาติหมดเลย เราไม่ได้ทำตามใจแฟนคลับ จิ้นได้แต่ต้องมีสติด้วย เพราะเรา 2 คนอยู่ในโหมดของการทำงานอยู่ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่หลังจากที่ผ่านล่วงเลยไปแล้วเสร็จหน้าที่ตำแหน่งนี้ไป หนูเองเป็นคนเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก ต้องบอกว่าครอบครัวหนูจน จนเพราะว่าเหมือนตากับยายไม่ยอมรับคุณพ่อ เพราะเขาเจ้าชู้ พ่อกับแม่เลยต้องออกมาใช้ชีวิตกันเอง โดยที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรให้สักอย่าง เราไม่มีข้าวกินกัน ตอนนั้นอยู่ที่สุพรรณฯ จำได้เลย อยู่กัน 4 คน แล้วห้องเล็กมาก ต้องยอมรับคุณพ่อคุณแม่ที่เขาไม่เคยทำให้เรารู้สึกเหนื่อยเลยตั้งแต่เด็ก”

“คุณพ่อจากหนูไปตอนหนูอายุ 18 คุณพ่ออายุ 43 คิดถึงพ่อค่ะ ตอนนี้เป็นความคิดถึงที่สวยงามมาก คือเมื่อก่อนเป็นความคิดถึงที่ทรมานใจมาก อยู่ด้วยกัน พอวันหนึ่งที่เขาหายไป หายไปไหนก็ไม่รู้ เราก็เคว้งแบบไม่รู้จะไปยังไงต่อ มันจะเป็นยังไงต่อ มันใจจะขาดจริงๆ เด็กคนหนึ่งเหมือนของขวัญชิ้นใหญ่มันหายไปเป็นฟีลแบบอยู่ไม่ได้ ประมาณ 5 ปีแรกก็ยัง Move On ไม่ได้อยู่ดี พอโตขึ้นเริ่มทำงานเลยรู้สึกว่า เราท้อใจแล้วมองไปบนฟ้า เขาคงอยู่บนโน้น เขาสบายแล้ว เหลือแต่เราที่ยังต้องเหนื่อย แล้วคิดว่าเขาภูมิใจใน ณ ตอนนี้ ก่อนที่จะเสียเขาพูดกับหนูว่า พ่อเชื่อว่าหนูเป็นคนเก่งดูแลแม่ได้ สิ่งที่เสียดายอยากทำให้พ่อมีเยอะค่ะ อยากพาเขาไปเที่ยว ตั้งแต่เด็กคือเราเห็นว่าเขาลำบากเราทำงานกันหนักจริงๆ ชีวิตระหกระเหินสุดๆ คือไม่เคยอยู่จังหวัดไหนเกิน 3 ปี ย้ายตลอด ชีวิตยิ่งกว่าคลื่นทะเล อยากให้เขาได้เที่ยว ได้พักผ่อน แต่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้เพราะตอนนั้นเราไม่มีเงิน ตอนที่ได้มงกุฎนึกถึงพ่อมากๆ คิดว่าถ้าเขายังอยู่คงกระโดดน่าดู ปกติเวลาหนูร้องเพลงพ่อจะอยู่ข้างๆ เวทีตลอด แต่ประกวดตอนเด็กไม่เคยชนะเลย ในช่วงเวลาที่ไม่ชนะเขาจะบอกกับหนูตลอดว่าเก่งมาก เขาจะคอยหาข้อดีแต่ละครั้งของหนู ให้เรามีกำลังใจในงานหน้าจะทำให้ดีกว่านี้ แล้วพอเรามาประกวดนางงามหันไปข้างเวทีมันไม่มี (ร้องไห้)”

อิงฟ้า เล่าต่อว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับบอสณวัฒน์ เขาน่ารักมาก ช่วงแรกๆ หนูกลัวเขามากเลยนะ ลุคเขาดูดุๆ แต่พอมาสัมผัสจริงๆ เขาจะมีมุมที่น่ารักมากเลย ถ้าใครหลายๆ คนเห็นแบบที่หนูเห็นจะรู้เลยว่าเขาเป็นคนที่อ่อนโยนมาก ช่วงที่เรามีดราม่าต่างๆ เขาจะคอยบอกเสมอว่าหนูต้องผ่านมันไปให้ได้นะ เขาจะเป็นคนที่ไม่ได้ปากหวานแต่คำพูดจะจริงใจ เราสัมผัสได้ เขาเป็นคนที่อบอุ่น ถ้าให้หนูฝากถึงทุกคนในเรื่องของคุณค่าของตัวเอง ไม่มีใครสามารถที่จะบอกได้เลยว่าเธอต้องทำแบบนี้ นอกจากตัวคุณเอง ชีวิตต้องมีเป้าหมายว่าคุณจะทำอะไรในวันพรุ่งนี้ ไม่ต้องตั้งถึงอนาคตข้างหน้า สิ่งที่ทำต้องไม่เดือดร้อนคนอื่นและสังคม ไม่ทำให้ครอบครัวเสียใจ อยากทำอะไรทำเลย มีความฝันก็ทำ ผลักดันตัวเองออกไปให้ถึง กว่าจะประสบความสำเร็จแบบหนูล้มลุกคลุกคลานมาเยอะ ไม่คิดว่าตัวเองจะสำเร็จตอนอายุ 27 เพราะจะคิดเสมอเลยว่าความสำเร็จเหมือนขั้นบันได คุณต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลาน ต้องมีอุปสรรค มีปัญหาเป็นขั้นๆ อยู่แล้ว เพื่อเป็นบททดสอบให้คุณแกร่ง ไม่มีใครที่ชีวิตเรียบง่ายแล้วไปถึงได้เลย เป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่รู้สึกท้อแท้ไม่มีกำลังใจ ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ไม่มีใครเห็นได้ถ้าเกิดคุณไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ใครไม่เห็นไม่เป็นไรแต่เราเห็น ให้กำลังใจตัวเองเยอะๆ รักตัวเองเยอะๆ ค่ะ”...