Inside Dara
“มาริโอ้ เมาเร่อ” กับวันนี้ที่อยู่ในสถานะ 'โสด'

ช่วงนี้เรียกได้ว่ากระแส “พี่มาก พระโขนง” กำลังมาแรงจริง ๆ เพราะแค่ไม่กี่วันก็สามารถทำเงินไปได้ถึง 200 ล้านแล้ว ยิ่งส่งผลให้พระเอกคนนี้ “มาริโอ้ เมาเร่อ” มีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก เพราะก่อนหน้านี้อย่างที่เรารู้กัน หนุ่มฮอตเป็นโสดแล้ว หลังจากที่ตัดสินใจแยกทางกับ “กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย” ที่คบหากันมา 9 ปีและวันนี้ “มาริโอ้” จะมาเปิดใจถึงข่าวคราวความรักครั้งใหม่กับ “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” แต่ก่อนจะถึงเรื่องนี้ เราไปพูดคุยกับ มาริโอ้ ถึงเรื่อง พี่มาก พระโขนง กันก่อนดีกว่า เพราะรายได้ในวันนี้นั้น สร้างปรากฏการณ์หนังไทยทำเงินเรื่องใหม่ไปแล้ว

“พี่มาก พระโขนง”
ตอนแรกกดดันไหม กับการรับบทพี่มาก?

“ไม่กดดันเท่าไร เพราะโอ้ไปแคสมาด้วย ตอนแรกเขาไม่บอกด้วย บอกแค่เป็นหนังวัยรุ่น พอแคสเสร็จ เขาถึงจะบอกว่าเล่นหนัง พี่มาก ตอนแรกก็งงเลย เพราะว่าเราได้ยินมาแต่เรื่อง แม่นาค นางนาค พระโขนง แต่พอเราเอาบทมาอ่านก็แบบพลิกเรื่องเลย จากภาคก่อน ๆ ที่ทำกันมา อันนี้มันเป็นมุมมองใหม่ของเขาเลย ซึ่งพอเราอ่านบทแล้วเราก็ชอบมุมมองใหม่ของเขาเลย ดูกล้าคิด กล้าทำดี

จริง ๆ เรื่องนี้เล่าเรื่องราวไม่เหมือนก่อน และมีโรแมนติกเข้ามาด้วย แต่จริง ๆ หนังจะเป็นหนังตลกเลย แต่โอ้ว่าเรื่องนี้เล่นยากกว่าดราม่าอีกนะ เพราะการทำให้คนหัวเราะไม่ง่ายเลย มันต้องคม และต้องมีจังหวะด้วย เล่นเรื่องนี้แล้วผมชื่นชมตลกทุกคนเลย เพราะว่ามันยากจริง ๆ การที่จะทำให้คนหัวเราะได้”

เล่นกับ ใหม่ เป็นยังไงบ้าง?

“ตอนแรกไม่รู้จักกันเลย เขาก็ให้เรามาเข้าบทกัน เราก็ต้องมาทำความรู้จักกัน เพราะว่าตามบทเปิดเรื่องมาเรากลับมาจากที่เราไปรบ พอเจอกันเราก็ต้องกอดกันแสดงความรักกันมาก ๆ แล้วเราต้องเล่นแบบไม่ขัดเขิน เขาก็เล่นได้ น้องเขาสู้ แต่จริง ๆ กองนี้ไม่มีใครบ่นเลย ทุกคนเหนื่อยมาก รวมทั้งพี่ ๆ 4 คน คือถ่ายกันตอนกลางคืนยันเช้า ทุกคนสู้มาก”

ตอนแรก โอ้ คาดหวังแค่ไหนกับหนังเรื่องนี้?

“ก่อนอื่นเลย คืออยากให้คนเห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่ผู้กำกับเขียนขึ้นมาใหม่ เราต้องเปิดใจไปดูเลย ผมรับรองว่าไม่มีใครเคยเห็นแน่นอน และอีกอย่างโอ้ไม่เคยคิดเลยจะเป็นพระเอก 100 ล้าน โอ้เอาแค่หวังว่าแค่คนสองคนเดินออกจากโรงหนังแล้วออกมาบอกว่าหนังสนุก ไม่ต้องบอกว่าโอ้เล่นดีด้วย แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว 100 ล้านโอ้รู้สึกว่ามันต้องตั้งเป้า แต่ถ้าได้ก็ดี แต่เขาบอกว่ามันต้อง 200 เรื่องนี้ ผมก็สาธุเหมือนกันนะ”

“โกอินเตอร์”
ไปรับงานต่างประเทศมา เป็นยังไงบ้าง?

“ได้ประสบการณ์ครับ โอ้ไปทำงานต่างประเทศ อยู่ในกองมีแต่คนจีน ทั้งกองมีเรามีผู้จัดการ มีพี่ชาย แล้วนอกจากนั้นมีแต่คนจีนทั้งหมดเลย คุยกันไม่รู้เรื่องด้วย แต่เราก็ถ่ายหนังกันเสร็จเรื่องหนึ่ง ก็ได้ประสบการณ์มาเยอะครับ แค่ได้เห็นการใช้ชีวิตของคน เห็นการทำงานของเขา ผมก็ถือว่าโอเคมากนะครับ เพราะสิ่งเหล่านี้มันหาซื้อไม่ได้ มันต้องไปอยู่จริง ๆ ถึงจะรู้ บางทีมันไม่สบายหรอกครับ ทั้งเรื่องอาหารการกิน อากาศมันหนาวมาก มันไม่ชินเพราะมันไม่ใช่บ้านเรา แต่เราก็ต้องสู้ เพราะมันเป็นโอกาสที่ดีที่เข้ามา”

ที่โน่นเขาดูแลเราดีไหม?

“เขาก็น่ารักนะครับ ทั้งสองประเทศเลยทั้งจีน และฟิลิปปินส์ เขาดูแลเราอย่างดี เขาให้เกียรติเรามาก ได้เรียนรู้ภาษาด้วย แต่ที่จีนต้องใช้ล่าม แต่ฟิลิปปินส์ ได้ใช้ภาษาอังกฤษเต็ม ๆ ไม่ต้องผ่านล่าม สนุกมากครับ แต่ผมก็พยายามจูนเข้าหาเขาด้วย เพราะเราไม่รู้จักเขาเลย ทั้งผู้กำกับ เพื่อนนักแสดง เราต้องเปิดใจเข้าไปหาเขา ไม่ใช่ปิดกั้นตัวเอง ก็ไปถามว่าเราเล่นเป็นยังไงบ้าง เขาชอบไหม ก็เอามาปรับปรุงตัวเอง”

“เส้นทางบันเทิง”
ชีวิตในวันนี้กับวงการบันเทิงของ มาริโอ้ เป็นยังไง?

“ไม่เคยคิดมาก่อนจะมาถึงวันนี้ เพราะเมื่อก่อนเราทำงานเพราะว่าเราอยากได้เงิน แต่พอเราทำไปทำมาเราเริ่มเห็นคุณค่าของงาน รู้สึกว่างานมันมีค่า มันทำให้คนดูหรือว่าใครก็ได้ ได้ดูงานเราแล้วเขามีความสุขหรือว่าคิดอะไรได้ แต่ผมก็ยอมรับว่ามันได้อย่างเสียอย่าง แต่ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าผมเลือกผิด เพราะว่าผมเลือกแล้ว ยังไงก็ตามมันต้องดีที่สุดเพราะเราเลือกเองและเลือกแล้ว”

การใช้ชีวิตลำบากไหม มีชื่อเสียงมาก ๆ มันลำบากไหม?

“ไม่นะผมว่า บางทีผมว่ามันง่ายด้วยซ้ำ เพราะว่าบางทีผมไปตลาด ผมก็ได้ของฟรีกลับมาด้วย ( หัวเราะ) ส่วนข้อเสียผมว่ามันมีอยู่แล้ว เวลาออกไปข้างนอกมันอาจจะไม่มีความเป็นส่วนตัวบ้าง แต่ผมก็มองว่า มันต้องแลก ถามว่าอึดอัดไหม มันก็มีบ้างนะคนเรา แบบตอนนี้ไม่อยากให้ใครรู้จักเลย กดปุ่มแล้วไม่มีใครรู้จักเราเลยได้ไหม (หัวเราะ) แต่พอเรามาคิดใหม่ ก็แค่คนเข้ามาขอถ่ายรูป ไม่เห็นเป็นไร เรากลับมาคิด เราเองก็เป็นคนที่ชอบศิลปินคนนั้นคนนี้ เวลาที่เราเจอเขาเราก็อยากจะถ่ายรูปกับเขาเก็บเอาไว้ก็เหมือนกันแหละ แต่นี้เป็นเราคนอื่นเขาชอบเรา เราก็หันไปถ่ายรูปกับเขาแค่ 2 นาทีแค่นั้นก็เสร็จแล้ว ผมคิดแบบนี้ ผมก็เลยไม่รำคาญเลย ใครจะขอถ่ายรูปผมก็มาเลย มาถ่ายเลย อีกอย่างมันเหมือนโชว์ให้เขาดู เขาชอบเราไม่มีปัญหาเลย ก็ต้องขอบคุณเขานะครับ ที่เขาชอบเรา ชอบงานเรา”

โอ้ ตั้งเป้าหมาย การเป็นนักแสดงไหม?

“ผมก็ทำไปเรื่อย ๆ ครับ มีบทใหม่ ๆ มาให้ลองก็จะลองเล่นไปเรื่อย ๆ”

“สถานะโสด”
ขอถามเรื่องราวชีวิตบ้าง มีแฟนมานาน แล้วพอ โสดชีวิตโสด เป็นยังไงบ้าง?

“อืม...มันก็โอเคนะครับ ต้องปรับตัวกันบ้าง แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้คบกับใคร โอ้ก็คุยกับกิ๊บมานาน ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ จะมาเริ่มใหม่กับใคร คุยแต่ก็ไม่ได้พัฒนาไปไหน”

โอ้ เป็นคนจริงจังกับความรักไหม?

“ครับผมก็จริงจัง เพราะโอ้มองว่าความรักมันเป็นสิ่งที่ดี มันมีความสุข มันเติมเต็ม มันทำให้เรามีพลัง มันทำได้หลายอย่างมาก จริง ๆ ผมก็ไม่เคยคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่แย่ ถึงวันนี้ผมก็ไม่เคยกลัว ไม่เข็ดกับความรักนะ แต่ว่าเราก็ต้องมีเวลาให้กับมันด้วย ไม่ใช่ว่ามีความรักแล้วแต่เราไม่มีเวลาให้ก็ไม่ได้ เราต้องดูให้มันเหมาะสมด้วย”

โอ้ ได้บทเรียนอะไรจากที่รักไม่สมหวังบ้าง?

“ผมว่าไม่มีบทเรียนนะ เพราะผมจำแต่สิ่งดี ๆ อะไรที่มันไม่ดีก็ไม่อยากจะไปจำมันมาก เราจำแต่สิ่งดี ๆ ดีกว่า อะไรที่ไม่เป็นไปตามที่เราหวัง ก็ไม่อยากจะเก็บเอามาคิด ไอ้สิ่งที่ผิดหวังมันก็ไม่ได้ทำให้โอ้เสียใจหรือว่าเจ็บ เพราะโอ้ก็มองแต่สิ่งดี”

ถึงวันนี้กับ กุ๊บกิ๊บ เป็นเพื่อนได้จริง ๆ เหรอ?

“อืม...ผมรู้จักกันนานมาก 9 ปี มันต้องได้แหละครับ ตอนนี้ก็เป็นแล้ว พอเลิกกัน การเลิกกันมันมี 2 แบบ แบบหนึ่งคือเลิกกันแล้วเจอกันไม่ได้ เกลียดกันไปเลย แต่ของโอ้ เลิกกันแล้วเราก็ยังคุยกันได้ เป็นเพื่อนกัน เจอหน้ากันก็คุยกันได้ เพราะว่าที่ผ่านมาเราผ่านเรื่องราวมาเยอะ เรื่องราวดี ๆ ที่เรามีให้กันก็เยอะ เราก็เลือกที่จะเก็บสิ่งดี ๆ และไม่จำเป็นต้องตัดกันขาดขนาดนั้น เจอกันได้เป็นเพื่อนกันได้”

“ใหม่ ดาวิกา”
แล้วถ้าจะมีความรักอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นยังไง?

“ไม่เคยคิดจริง ๆ ครับ ผมไม่มีคิดไว้ในหัว ผมไม่รู้ว่าผมชอบแบบไหนเป๊ะ ๆ คือผมว่ามันต้องเจอกัน ต้องคุยกัน หลาย ๆ อย่าง อีกอย่างเขาต้องยอมรับในสิ่งที่เราเป็นด้วยนะ ชอบเล่นกีฬา ชอบอยู่กับเพื่อน อะไรแบบนี้”

จากหนังเรื่องนี้ ทำให้มีข่าวกับใหม่ และถูกจับตามองมาก?

“ผมไม่มีอะไรเราแค่คุยกันปกติมาก ๆ ถึงมากที่สุด สงสารน้องเขาที่มีคนมาพูดว่าเขาเป็นมือที่สาม คือมันไม่ใช่ เราไม่ได้คบกันเป็นแฟน มันไม่ใช่น้องเขา 21 เอง สงสารน้องจริง ๆ ผมบอกทุกคนเลยว่าเราไม่ได้คบกันเป็นแฟน มันไม่ได้เร็วขนาดนั้น เราก็คุยกันปกติ”

คำว่าคุยกัน หลายคนตีความว่ากำลังคบหา ศึกษากันอยู่?

“คนเราก็มองได้หลายแบบนะครับ เราคุยกันก็แบบคนทำความรู้จักกัน ไม่ได้จีบกัน มันไม่ได้เร็วขนาดนั้น เพราะว่าเรื่องของผมเองก็เพิ่งจะผ่านไปไม่นานนี้เอง เราคุยกันธรรมดาจริง ๆ ไม่ได้อะไรไปมากกว่านี้”

แต่ข่าวว่า เหมือนพบรักในกองถ่าย?

“ผมปฏิเสธไม่ได้ แล้วแต่คนจะมองอย่างที่บอกว่าผมสงสารน้องจริง ๆ เพราะมันไม่ใช่ แล้วน้องก็ไม่ได้อะไรเลย มีคนมองว่าน้องมาจีบผม มันยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลย เราแค่ทำความรู้จักกันเท่านั้นเอง”

แล้วเรียกว่า สนิท ได้ไหมกับใหม่?

“เอาจริง ๆ คุยกันแป๊บเดียวเอง คุยกันน้อยมาก คุยทำความรู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์ ไม่ได้โทรฯ คุยด้วย แค่ส่งเมสเสจ สำหรับโอ้ ถ้าผมจะจริงจังกับใคร แค่ส่งเมสเสจไม่ได้มีอะไรเลยนะครับ มันต้องโทรฯ คุยมากกว่า ถ้าเราจะจริงจังคบกันเป็นแฟน มันต้องสนิทกันมากกว่านี้ มันต้องคุยกันมากกว่านี้แต่นี่ไม่มีเลยครับ”

เรียกว่าเคลียร์กันไปแล้วนะคะ สำหรับกรณีของข่าวคราวในเรื่องของความรัก แต่อนาคตหนุ่มคนนี้ จะมีใครเข้ามานั่งในหัวใจนั้น คงต้องลุ้นกันต่อไป และสุดท้ายนี้เราขอแสดงความยินดีกับ มาริโอ้ ที่ขึ้นแท่นพระเอกสองร้อยล้าน คนแรกของประเทศไทยไปแล้วจ้า