Inside Dara
เปิดใจ "บี้" ชีวิต 10 ปีในวงการ มีชื่อเสียงแค่ไหน ก็ไม่หยุดพัฒนา

เผลอแป๊บเดียวนักร้องหนุ่ม “บี้-สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว” ก็ใช้ชีวิตในวงการบันเทิงมาครบ 10 ปีแล้ว จากเด็กหนุ่มธรรมดาที่มีฝันอยากเป็นนักร้อง จนตัดสินใจเข้ามาประกวดบนเวที “เดอะสตาร์” ปัจจุบันบี้ใช้ชีวิตในวงการในบทบาทนักร้อง นักแสดง ครบถ้วน มีชื่อเสียงและเป็นที่รักของทุกคนมาโดยตลอด กระทั่งถึงจุดเปลี่ยนที่บี้ต้องเลือกพักงานในวงการบันเทิงไทยชั่วคราวเพื่อเพิ่มประสบการณ์ชีวิตในการแสดงเล่นละครบรอดเวย์ที่สหรัฐอเมริกา จนถูกแซวว่านี่แหละ ! คือช่วงขาลงของบี้ซะงั้น แต่ปีนี้บี้เสร็จสิ้นภารกิจที่อเมริกาแล้ว ขอกลับมาทำงานให้แฟนๆ หายคิดถึงเริ่มต้นกับคอนเสิร์ต “Love 10 ปี ไม่มีหยุด” ใน วันเสาร์ที่ 11 มิ.ย.นี้ ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ “ฮันนี่บี” เลยนัดบี้มานั่งคุยสบาย ๆ ถามไถ่ถึงชีวิต ผลงาน และความพร้อมในคอนเสิร์ตครั้งนี้จะเป็นอย่างไรบ้างติดตามได้เลยค่า

10 ปีกับชีวิตในวงการของบี้เวลาผ่านไปไวมากเนอะ?

“ใช่ครับ ถ้าให้สรุปรวมทั้งหมดที่ผมได้รับตลอด 10 ปี คือประสบ การณ์ชีวิต เพราะผมเริ่มจากติดลบ ร้อง เต้น การแสดง การพูด การปฏิบัติตัว ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเลย (หัวเราะ) แต่เพราะเราไม่คาดหวังอะไร รู้แค่อยากเป็นนักร้อง แต่ไม่รู้มันลำบากกาย แต่เพราะหัวใจเราสนุกมากจึงไม่เคยท้อ ตอนนี้ไฟที่เราอยากทำงานในวงการบันเทิงก็ยังคงอยู่ ยอมรับว่ามันมีลดลงบ้างถ้าทำงานหนักมาก ๆ ก็จะหาโอกาสเข้าไปคุยกับพี่บอย พี่ ๆ ทีมงานของเรา เขาจะเติมไฟให้เราเดินหน้าทำงานต่อได้ครับ”

ในความรู้สึก 10 ปี เคยคิดว่าตัวเองคือซูเปอร์สตาร์มั้ย?

“ผมไม่ชอบความดังเลยนะ ผมเฉยมากๆ ผมแค่อยากเป็นนักร้อง มีคนมารักเรา แต่ไม่ได้อยากดัง จบแค่นั้น พอเริ่มมีชื่อเสียงทีมงานมาบอกเราดังนะ เรายังเถียงว่าไม่มั้ง เพราะบี้โฟกัสที่งานและความสนุกจริง ๆ เลยไม่ได้คิดว่าเราดังแล้วต้องทำตัวใหม่ ประกอบกับผมเป็นคนชอบมีชีวิตส่วนตัว ถามว่าวางตัวยังไง เป็นตัวของตัวเองนี่แหละสบายใจที่สุด จะอยู่กับใครไม่ต้องสร้างตัวใหม่ขึ้นมา ไม่เหนื่อยไม่ต้องพยายาม คนที่รู้สึกว่ายากอาจเพราะตัวตนที่แสดงออกมาข้างหน้าไม่ใช่ตัวเขาหรือเปล่า โชคดีที่เราไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลยคนชอบผมที่เป็นแบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้น เลยทำให้เราเดินในเส้นทางนี้มาเรื่อย ๆ”

กระทั่งพักงานที่ไทยไปเล่นละครบรอดเวย์ที่อเมริกา บางคนก็มองว่าเราขาลงนอยด์มั้ย?

“ไม่เลยครับ ขึ้นลงเป็นธรรมดาของชีวิต ที่สำคัญเราตัดสินใจดีแล้ว เหมือนคนที่ต้องไปเป็นทหาร ไปเรียนต่อ ยังไงก็ต้องลง แต่ทำยังไงดีให้ลงน้อยที่สุด ผมก็เล่นอินสตาแกรมถ่ายรูปลงอัพเดทต่าง ๆ ไง (หัวเราะ) ถ้าผมเลือกอยู่แค่เมืองไทย ผมอาจไม่เจอประสบการณ์ชีวิตจากการทำงานที่ต่างประเทศก็ได้ ฉะนั้นผมเลือกทิ้งชื่อเสียงเงินทองที่นี่ เพื่อได้สิ่งที่สำคัญกว่าคือประสบการณ์ชีวิตที่อเมริกาปีกว่ามันคุ้มค่ามาก ผมสามารถเอากลับมาถ่ายทอดต่อน้อง ๆ และทีมงานในเอ็กแซ็กท์ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ”

จากการถูกเลือกให้เป็นเบอร์ 1 ของค่ายตลอด คนก็พูดตลอดว่าคุณบอยรักเราที่สุดในบริษัท?

“จริง ๆ พี่บอยรักลูกน้องทุกคนนะครับ ไม่ใช่ผมคนเดียว เราได้ยินมาตลอดเรื่องที่เขาพูดเราเป็นลูกรักชินแล้วครับ แต่คนจะรู้ผมไม่เคยออกหน้า เวลามีงานออฟฟิศเราชอบไปนั่งอยู่หลังสุดเลยกับเพื่อนเดอะสตาร์ ไม่ได้ไปอยู่ใกล้ ๆ พี่บอยให้คนรู้สึกว่าเราเยอะ เอาจริง ๆ เราอยู่กันแบบพี่น้องเท่าเทียมกันทุกคนแหละครับ”

ทุกครั้งที่มีซิงเกิ้ลใหม่ออกมาก็มีทั้งคำชมและคำวิจารณ์เรื่องการร้องเพลงเหมือนกัน?

“ใช่ครับ ล่าสุดที่คนพูดถึง คือผมไปโชว์ร้องเพลงซิงเกิ้ลใหม่ในรายการหนึ่งซึ่งเช้ามาก เราดันเลือกเพลงสนุกไปมันเลยไม่เวิร์ก หลังจากวันนั้นรายการก็โทรฯมาขอโทษ ยอมรับว่าปรับซาวด์ไม่ดี เราไม่โกรธคนวิจารณ์ ถือว่าเป็นบทเรียนให้เราปรับปรุง คนทำงานต้องมีข้อผิดพลาดกันบ้าง แต่ถ้าเป็นกระแสด่าผ่านโซเชียล ผมจะไม่ค่อยต่อกรกับคนในโลกโซเชียลนะ เรารู้สึกว่าไม่คุ้มค่าที่จะไปใส่ใจ ไม่ใช่ผมยกตัวขึ้นสูงกว่าใคร แต่ถ้าเรามองด้วยความเมตตา เราจะรับคอมเมนต์จากคนที่เมตตาเราดีกว่า เช่น ทีมงาน หัวหน้า ที่คอมเมนต์ว่าไม่โอเคจริง ๆ แต่มาจากใจเขา ผมเปิดใจรับ แต่ถ้าใครไม่รู้ไม่มีตัวตนมาบอก บี้อย่างงั้น อย่างงี้ ผมก็ไม่รับดีกว่า ที่สำคัญผมไม่ท้อเลย เป็นความโชคดีตั้งแต่เข้าวงการผมไม่แคร์อยู่แล้ว ฉันจะมีชื่อเสียงขึ้นก็ร้องเย้! หรือชื่อเสียงจะลดลงก็เย้! หรือโดนสังคมด่า ผมก็ยังคงร้องเย้! ไปกับมัน สังคมคือภาพกว้าง ๆ ที่จับต้องไม่ได้ ฉะนั้นเราอยู่บนโลกแห่งความจริงกับคนที่รักเราดีกว่า ผมมีภูมิคุ้มกันพอสมควรครับ”

การทำเพลงทุกครั้งบี้มีส่วนร่วมยังไงบ้าง?

“ผมจะเล่าเรื่องราวในชีวิตให้โปรดิวเซอร์ฟัง เขาจะเอาไปแต่งเพลง เช่น เพลง “ถลำ” ที่ออกมา ตอนแรกมองไม่ขาดจะพูดยังไง จนวันที่เราโตพอจะพูดถึงคำนี้ได้ เราก็เล่าเรื่องราวผ่านเพลงออกมา คนที่ฟังเพลงนี้เขาชอบนะ เพลงถลำดีไซน์ให้แฟน ๆ นึกถึงเพลงเดิม ๆ อย่าง รักนะคะ, มากมาย, ซัมวัน ฯลฯ เพราะมีช่วงนึงที่เพลงผมเปลี่ยนไปไม่มีแนวแบบนี้ คนที่คิดถึงเพลงสไตล์บี้จะชอบเพลงถลำ เนื้อเล่าเรื่องโตขึ้น แต่สไตล์เหมือนเดิม แต่ยังไงเราก็ต้องพยายามปรับตัวในการทำงานให้ดีที่สุด”

ตอนนี้ถือว่ากลับมาเริ่มทำงานในไทยเต็มตัวเลย?

“ใช่ครับทั้งเพลงใหม่ ละคร และที่สำคัญคอนเสิร์ต 10 ปี เร็ว ๆ นี้ เริ่มจากผมไม่มีคอนเสิร์ตเดี่ยวมา 5 ปี และผมอยู่วงการครบ 10 ปี แฟน ๆ จึงอยากมีคอนเสิร์ตให้คลายความคิดถึง ผมจะไม่เป็นซูเปอร์สตาร์บนเวที แต่แฟน ๆ รู้สึกว่าผมคือ เพื่อน พี่ชาย ลูกหลานบนเวที ตอนแรกจัดรอบเดียว พอบัตรรอบแรกขายหมดเลยตัดสินใจเปิดรอบที่สอง แสดงว่ายังมีคนรักเราอยู่จริง ๆ ซึ่งแขกรับเชิญก็มี ศิลปินวงอีทีซี, พี่ลูกเกด-เมทินี, หนูนา-หนึ่งธิดา, วิว-วรรณรท และ เฌอเบลล์-ลัลณ์ลลิน พี่น้องจากครอบครัวเดอะสตาร์ คือ แก๊ง 4 โพดำ พร้อมกับ 4 น้องใหม่จากเวทีเดอะสตาร์ 12 มาสนุกกันในวันนั้นนะครับ”

เรื่องหัวใจกับ “โม-มนชนก” ก็แฮปปี้?

“แฮปปี้ดีครับ สบาย ๆ ตามช่วงชีวิตอายุ เอาเป็นว่าตอนนี้คือช่วงความรักสดใสนะ ผมยังดื้อที่จะแยกชีวิตส่วนตัวกับงานออกจากกัน ฉะนั้นความรักจะไม่หวือหวา คนจะเห็นน้อย คนที่จะอยู่ข้าง ๆ ก็ต้องเข้าใจเหมือนกัน ไม่หลบซ่อนแต่ก็ไม่เปิดเผย เวลาใครสัมภาษณ์ตลกไปบ้าง เลี้ยวไป ไม่บอกตรง ๆ (หัวเราะ) ชอบแบบนี้มากกว่า เราให้เกียรติเรื่องของความรัก แต่ไม่ใช่เอาความรักมาเป็นอันดับหนึ่งในชีวิต ความรักเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในชีวิต แต่มีส่วนอื่นที่สำคัญเช่นกันครับ”

สุดท้ายฝากถึงคนที่รักและติดตามเรา รวมทั้งคอนเสิร์ตที่จะมีขึ้นหน่อย?

“คงไม่มีคำพูดไหนมากไปกว่าคำว่าขอบคุณที่อยู่ข้างกันมา 10 ปี ผมไม่รู้จะให้อะไรกลับคืนไปนอกจากผลงานต่าง ๆ อยากให้เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนาน ๆ และอย่าลืมไปร่วมสนุกหวนรำลึกความคิดถึงกันในคอนเสิร์ต Love 10 ปี ไม่มีหยุด กันนะครับ รับรองสนุกและอบอุ่นกลับบ้านกันแน่นอน (ยิ้ม)”

จากการพูดคุยกับ “บี้” เราได้เห็นมุมมองด้านบวกในการใช้ชีวิตในวงการ ไม่แปลกใจที่บี้มีแฟนเพลงให้ความรักมาตลอด 10 ปี เหนียวแน่นแบบนี้ ยังไงฝากคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 5 ปี และฝากติดตามทุกผลงานของบี้ไปนาน ๆ นะจ๊ะ.