Inside Dara
"ผมไม่อยากใช้ความรักผูกมัดใคร" สารภาพจากใจผู้ชายชื่อ 'บอมบ์'

เรียกได้ว่ากำลังเข้มข้นมากสำหรับ "คิวบิก...หนี้หัวใจไม่ได้ก่อ" ที่ได้พระเอกสูงยาวเข่าดี "บอมบ์" ธนิน มนูญศิลป์ มารับบทเจ้าพ่อมาเฟีย "หลินหลานเซ่อ" และนางเอกสาว "มิ้นต์" ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง มารับบท "ฤทัยนาค" วันนี้หน้าบันเทิง "คม ชัด ลึก" เลยขอฉกตัวพระเอกมาดเข้มมานั่งคุยกันแบบเปิดอก ทุกซอกทุกมุมของหนุ่มคนนี้

ละครเรื่อง "คิวบิก...หนี้หัวใจไม่ได้ก่อ"
บทบาทในละครเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง หลินหลานเซ่อ มีส่วนคล้ายกับตัวบอมบ์มากแค่ไหน

สำหรับคาแรกเตอร์ของผม "หลินหลานเซ่อ" เป็นมาเฟีย ก็จะนิ่งๆ นะ ต้องทำแต่งานและใส่ใจกับสิ่งที่เราจะต้องทำแต่ละวัน และมุ่งมั่นทำงานเพื่อรักษาบริษัทของพ่อให้ได้ ถามว่ากับบทนี้มันตรงกับตัวผมมากน้อยแค่ไหน ผมว่ามันก็ไม่ได้ตรงอะไรกับผมเลยนะ เพราะชีวิตจริงของผมก็ไม่ได้เป็นมาเฟีย มันค่อนข้างไกลตัวผม เรียกว่าเป็นบทที่ต้องอาศัยการใช้จินตนาการเข้ามาช่วยเยอะ ถามว่าผมศึกษาตัวละครตัวนี้อย่างไรบ้าง ส่วนมากผมจะมีครูสอนการแสดงอยู่แล้ว เขาก็จะคอยแนะนำเราอยู่เสมอว่าเราควรจะเล่นออกมาแบบไหน คือผมโชคดีที่มีอาเม้าท์ (ชูชัย องอาจชัย) ผู้กำกับคอยติวให้ และคอยบอกว่าฉากนี้อารมณ์ควรจะเป็นแนวไหนอะไรยังไง

กับการแสดงละครเรื่องที่สอง การร่วมงานกับค่ายยูม่า

ผมว่าดีนะกองนี้ ทำงานเป็นระบบ และค่อนข้างที่จะเป็นระเบียบ ทำงานค่อนข้างเร็ว คือเราสามารถออกความคิดเห็น หรือถ้ามีอะไรสงสัยก็สามารถขอคำปรึกษาผู้กำกับได้ หรืออายุ (ยุวดี ไทยหิรัญ) เองก็ใจดีมากๆ ด้วย เรื่องอาหารการกินเขาเลี้ยงดีมากจะมีประมาณ 5 มื้อต่อวัน มื้อเช้า มื้อ 10 โมง เมื้อเที่ยง มื้อบ่าย 3 โมง เมื้อเย็น คืออายุเลี้ยงดีมาก

พูดถึงนางเอกอย่าง "มิ้นต์" ชาลิดา เป็นอย่างไรบ้าง

กับมิ้นต์ผมค่อนข้างที่จะสนิทกับเขามากๆ เขาเล่นละครดี และดูเหมือนว่าเขาเข้าใจในความเป็นฤทัยนาค ได้เป็นอย่างดี และเข้าใจกับสิ่งที่ผู้กำกับบอก และต้องการให้สื่ออารมณ์ออกมา มิ้นต์เขาค่อนข้างจะหัวไวมากๆ ผมว่าผมโชคดีนะที่ได้มาร่วมงานกับเขา เวลาอยู่ในกองถ่ายเราก็จะคุยจะเล่นกันตลอดแต่เวลาที่พักกองเราก็จะหาอะไรเล่นกัน แกล้งกันบ้างก็มี เพราะถ้าจะให้เราทำงานกันนตลอดเวลาเราก็เครียดนะ

เล่าถึงบรรยากาศการถ่ายทำละครเรื่องนี้ มีโอกาสได้ไปถ่ายที่ไต้หวัน

เราเดินทางไปที่ไต้หวันเป็นเวลา 10 วัน ขนทีมงานไปเยอะเลย แล้วมีแฟนคลับบางส่วนที่ตามไปด้วย และช่วงที่ไปถ่ายทำมีเกิดแผ่นดินไหว แต่แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะมันอาจจะเล็กน้อยมาก และมีแฟนคลับคนไต้หวันที่ชื่นชอบละครไทย กับดาราไทย ที่มาคอยดูแลเรา บางทีก็เอาขนม เอาน้ำมาให้ทีมงานบ้าง ก็รู้สึกดีนะ ถามว่าอุปสรรคในการถ่ายทำละครที่นั่นเป็นยังไงบ้าง ผมว่าส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับฝนฟ้าอากาศซะส่วนใหญ่ เพราะตอนไปรู้สึกว่าฝนมาเกือบทุกวันเลย และอีกอย่างมันค่อนข้างที่จะเหนื่อย และต้องตื่นเช้าออกไปถ่ายพร้อมๆ กัน ไปถ่ายก็ต้องช่วยกันยกของบ้าง ถึงเหนื่อยแต่ก็สนุกดี

ฉากที่ประทับใจและยากที่สุดในละครเรื่องนี้

น่าจะเป็นฉากที่พระเอกตามหานางเอกในซอกตึกร้าง ซีนที่ยากเป็นเพราะด้วยโลเกชั่น ด้วยความที่เป็นตึกร้างมันค่อนข้างมีฝุ่นเยอะ และต้องถ่ายกันตั้งแต่ 6 โมงเช้ายัน 4 ทุ่มและต้องเจอทั้งฝุ่น เจอทั้งแดด แล้วเราต้องใช้จินตนาการในการตามหานางเอก เพราะต้องคิดว่าเราต้องเป็นห่วงนางเอก เพราะไม่รู้ว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไงบ้าง กับซีนที่ประทับใจก็น่าจะเป็นฉากเดียวกันที่ผมเล่าไป เพราะผู้กำกับบอกว่าผมสื่อสารอารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี ผมเองก็รู้สึกได้เหมือนกัน เพราะวันนั้นเราใช้พลังงานไปเยอะมากๆ

สำหรับแฟนนวนิยายเรื่องนี้คาดหวังกับละครเรื่องนี้มากๆ

ผมอยากจะให้ทุกคนเข้าใจนิยาย ที่เอามาทำเป็นละคร ว่าในนิยายกับชีวิตจริงค่อนข้างมีความแตกต่างกันเยอะมาก คือเราไม่สามารถหยิบเอาสิ่งที่อยู่ในนิยายมาทำเป็นการแสดงในชีวิตจริงได้ทั้งหมด เพราะยังไงผมก็ต้องขอทำความเข้าใจและขอความเห็นใจแฟนๆ นิยายเรื่องนี้ด้วยว่า ยังไงแล้วมันก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทุกองค์ประกอบดูสมจริงมากยิ่งขึ้น แต่ผู้กำกับก็พยายามที่จะไม่ฉีกเส้นเรื่องหลักของนวนิยายเรื่องนี้ไป

คาดหวังกับละครเรื่องที่ 2 ของตัวเองไว้อย่างไร

หวังอยากให้ละครเรื่องนี้ออกมาดีที่สุด มีแฟนๆ ชื่นชอบ เพราะทีมงานทุกคน นักแสดงทุกคนเราตั้งใจมากๆ กับละครเรื่องนี้ เราอยากให้คนดูประทับใจ และตรงตามเป้าหมายของทั้งคนที่อ่านนิยายและคนที่ยังไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้พอเปิดมาดู ผมอยากให้ดูในมุมของความรักที่เกิดขึ้นระหว่างพระเอก ผมว่ามันเป็นอะไรที่สวยงาม ส่วนเรื่องการแสดงผมก็เล่นมาเรื่อยๆนะ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าตัวผมเป็นคนเล่นละครดีหรือไม่ดียังไง เพราะบางครั้งผมคิดว่าตัวผมค่อนข้างเปิดใจยอมรับคำติชมทุกอย่างอยู่แล้วนะ ผมยินดีบอกกันเข้ามาผ่านทางอินสตาแกรม หรือในแฟนเพจผมก็ได้ หรือเวลาเจอตัวกันข้างนอกก็บอกกันได้เลย ผมยินดีรับฟังมากๆ คือผมจะพยายามเก็บเอาคำแนะนำต่างๆ มาปรับปรุงตัวเองเสมอ เพราะคำติชมเหล่านั้น ผมอ่านนะ บางอย่างจะมีคอมเมนต์ว่า เราพูดเร็วไป แข็งไป คือผมอยากให้ทุกคนเป็นเหมือนกับกระจกที่ส่องผม และขอโอกาสพัฒนาฝีมือการแสดงของผมขึ้นไปอีก อย่างน้อยถ้าบอกแล้วผมสามารถปรับปรุงได้ผมก็จะทำให้ถึงที่สุด

ชีวิตในวงการมายา
จุดเริ่มต้นก้าวแรกของบอมบ์เริ่มจากตรงไหน

ก่อนหน้านี้ผมก็คอยแคสงานโฆษณา ถ่ายแบบมาเรื่อยๆ จนในที่สุดพี่คิง (สมจริง ศรีสุภาพ) คงเห็นอะไรในตัวผม เลยพาผมมาเล่นละครเรื่องแรก เริ่มจากการเป็นรับเชิญเล่นเป็นตำรวจในละครเรื่อง ลิขิตเสน่หา ออกมาแวบเดียว หลังจากนั้นพี่คิงก็ให้เล่นอีกเรื่องหนึ่ง จนผู้ใหญ่ทางช่อง 3 ให้โอกาสผมมาเป็น 1 ใน 5 คุณชายสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรัชชานนท์ นับจากวันแรกจนถึงวันนี้มันไม่กี่ปีเลย ผมว่าผมฟลุกมากกว่า เพราะตอนนั้นยังเรียนอยู่ ผมก็มาขำๆ เพราะครอบครัวอยากให้เรียนมากกว่า

มุมมองก่อนที่จะก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงและหลังจากได้มาสัมผัสเป็นอย่างไรบ้าง

ผมมองว่าวงการนี้เป็นองค์กรธุรกิจหนึ่งที่ผลิตละคร ผลิตรายการ ผลิตความบันเทิง ซึ่งผมมองในฐานะที่ผมเรียนทางด้านการบริหารธุรกิจมา เพราะพักหลังๆ ผมมองอะไรเป็นธุรกิจซะส่วนใหญ่ มันเป็นวงการที่รวมคนที่สร้างความบันเทิง และมีความสามารถที่หลากหลาย อย่างเช่นเวลาที่ผมไปงานอีเวนท์ต่างๆ สิ่งเดียวที่ผมคิดอยู่ในหัว คือผมต้องทำให้ลูกค้ามีความสุขและพึงพอใจให้ได้มากที่สุด คือผมอาจจะไม่เก่ง แต่เราก็ต้องมีความพยายามและก็เต็มที่กับมัน พอเราอยู่ในวงการนี้มาพักหนึ่ง ผมก็มองเห็นว่าวงการนี้มันให้อะไรหลายๆ อย่างกับเรามาก มันมีหลายๆ จุดที่เราต้องเรียนรู้ และเราโชคดีที่มีผู้ใหญ่ที่คอยให้โอกาสเราอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเราจะทำผิดพลาด เขาก็พร้อมที่จะมอบโอกาสและคอยตักเตือนให้คำแนะนำผมอยู่เสมอ

มองอนาคตในวงการบันเทิงของตัวเองไว้แบบไหน

ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเล่นละครไปจนกว่าผมจะได้รับบทเป็นพ่อ เป็นปู่ อยู่ยาวๆ เลย ซึ่งถ้าจะมีความสุขกับอาชีพนี้เราก็จะต้องพัฒนาตัวเราเองก่อนในจุดแรก และผมจำคำที่พี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) บอกกับผมว่า การแสดงมันไม่มีคำว่าที่สุดหรอก แต่มันจะไปเรื่อยๆ ไม่มีคำว่าที่สุด เราเล่นดีให้ตายยังไงมันก็ต้องขึ้นอยู่กับคนดู ตัวเราอาจจะมองว่าเราเล่นดีที่สุดของเราแล้ว แต่คนดูอาจจะมองว่ามันไม่ใช่ก็ได้ คืออาชีพนี้มันเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่เมื่อวันเวลาผ่านไป เราเองก็ต้องเปลี่ยนแปลงและปรับตัวเองให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ ซึ่งผมมองว่าศาสตร์แขนงนี้มันน่าหลงใหล และมีโอกาสได้ฝึกและพัมนาตัวเองได้อยู่เสมอ

เปิดหัวใจคุณชาย
มุมมองความรักเป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ก็โสดนะ ผมไม่ใช่คนที่รีบร้อนอะไร บางทีเรา ผมยังมีความสุขกับสถานะคำว่าโสดอยู่ กับมุมมองความรักผมมองว่ามันคือศิลปะอย่างหนึ่ง แล้วแต่คนจะออกแบบออกมาอย่างไร ความรักมันขึ้นอยู่กับคนสองคน มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ผมว่าความรักมันสู้ความเข้าใจไม่ได้หรอก สำหรับผมเองตอนนี้ผมยังไม่อยากใช้ความรักผูกมัดใครไว้ ผมอยากให้ความรักของผมเป็นอิสระเหมือนนกที่โบยบินสวยงาม

ถามถึงเรื่องสเปกสาวที่ถูกใจมากที่สุดเป็นแบบไหน

เมื่อก่อนผมเคยวางสเปก คนที่จะคบเป็นแฟนไว้ว่า ผู้หญิงคนนนั้นอาจจะต้องสูง ผอม ขาว ขาเรียว แต่ตอนนี้ผมมองว่าบางทีในสิ่งที่เราคิดวาดฝันไว้ มันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราต้องการ เพราะบางครั้งผมอาจจะไปเจอคนคนหนึ่งแล้วเกิดถูกชะตา แต่คนคนนั้นอาจจะไม่ใช่สเปกผมเลย อย่างนี้ก็มีเรื่อยๆ แต่พอโตขึ้นมา ผมชอบผู้หญิงที่น่ารักมากกว่า ไม่ต้องเพอร์เฟกต์อะไรมาก แค่คุยกันรู้เรื่องก็พอแล้ว

หลังกระแสพายุข่าวพัดสงบ
ได้รับบทเรียนจากข่าวที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง

ผมรู้สึกอยากขอโทษกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ขอบคุณทุกๆคนที่เป็นห่วงเรา ตัวผมเองก็รู้สึกผิดจริงๆ บทเรียนกับเรื่องนี้ ถือเป็นครั้งใหญ่สำหรับผม จากนี้การวางตัวต่างๆ ในวงการ ผมก็จะเก็บสิ่งที่ผิดพลาดไว้เป็นบทเรียน และสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ตอนนี้สำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมาผมรู้สึกผิดทุกอย่างที่ทำให้ทุกคนได้รับผลกระทบไปด้วย ความรู้สึกในวันนี้ก็ได้กำลังใจจากครอบครัวและแฟนคลับก็ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนี้ผมไม่ได้กลัวอะไร ถ้าใครจะออกมาพูดอีกมาแฉอะไรอีก ผมยังยืนยันคำเดิมว่า ณ วันนี้เรื่องความรักตัวผมต้องการพักเอาไว้ก่อน และขอทำงานอย่างเต็มที่ เรื่องงานละคร หากผมจะโดนลดบทบาทลง ผมขอให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ทางช่องตัดสินใจทุกอย่าง

นี่แหละตัวตนของผู้ชายชื่อ..."บอมบ์"


เขาคือ ธนิน มนูญศิลป์
ชื่อเล่น บอมบ์
เกิดวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2533
การศึกษา ระดับปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ผลงานที่ผ่านมา ซีรีส์สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรัชชานนท์
ผลงานปัจจุบัน ละครเรื่อง คิวบิก...หนี้หัวใจไม่ได้ก่อ