Inside Dara
‘การ์ตูน’มุ่งทำตามความฝัน เลือกคนที่ใช่ในเวลาที่เหมาะ

ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะพักงานในวงการบันเทิง ไปสานฝันของตัวเอง วันนี้เลยทำให้นักแสดงสาว การ์ตูน-นันท์ฐณิชา ศิริปรีดาวัชร์ กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในขณะที่อายุยังน้อย กับธุรกิจครีมและอาหารเสริม “ชาเม่” ถึงจะเสียดายชีวิตในวงการบันเทิง แต่ก็คุ้มค่ากับสิ่งที่เธอได้มันมา “ดาวต่างมุม” มีโอกาสได้พูดคุยถึงการทำงานของเธอ และเผยเรื่องราวของหัวใจ ที่แม้วันนี้จะเดินหันหลังให้ความรักกับนักร้องหนุ่ม ต้อล-วันธงชัย อินทรวัตร ไปแล้ว แต่เธอยืนยันว่าทุกวันนี้มีความสุขดี และมุ่งหน้าทำตามฝันต่อไป

มัวแต่หันมาทำธุรกิจเลยไม่ได้เห็นหน้าในจอเลย?

จริง ๆ ตูนทำธุรกิจมา 5 ปีแล้ว แต่ก่อนตูนจะเล่นละครไปด้วยควบคู่กันไป 3 ปี ทีนี้พอเข้าปีที่ 4 ธุรกิจมันต้องการกำลังอย่างมาก ในการขยายตัวเพื่อเพิ่มความมั่นคง เลยทำให้ตูนหยุดรับงานละครเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไม่เชิงจะหันหลังให้กับวงการบันเทิง แต่ว่าเราเปลี่ยนโฟกัสมากกว่า เมื่อก่อนเราทำควบคู่ไปด้วย แต่ไม่สุดสักอย่าง ละครก็ไม่กล้ารับเยอะ พอมาถึงจุดหนึ่งมันเหมือนจุดเปลี่ยนที่เราต้องเลือก ตูนก็เลยจำเป็นต้องเลือกสิ่งที่เราสร้างมา ตอนที่ตัดสินใจลำบากมาก เพราะว่ามีผู้ใหญ่ให้โอกาสเยอะมาก และปีที่เราหยุด ดันเป็นปีที่มีละครติดต่อมา 7 เรื่อง เป็นปีที่เยอะที่สุดตั้งแต่เราเข้าวงการมา ปกติจะมีปีละ 3-4 เรื่อง ก็ถือว่าเยอะมาก แต่ตอนนั้นมีติดต่อมาทุกช่องเลย เพราะเราเป็นนักแสดงอิสระไม่มีสังกัด ก็เลยเสียดายโอกาสด้วยหลาย ๆ อย่าง แต่เป็นสิ่งที่เราเลือกเราตัดสินใจแล้ว ก็อยากเดินหน้าทำให้เต็มที่

คุ้มไหมกับการที่หยุดพักงานแล้วมาทำตรงนี้?

ต้องดูว่ามันคุ้มในเรื่องของอะไร ถ้าในเรื่องของรายได้มันคุ้มอยู่แล้วค่ะ คุ้มแน่นอน ตรงนี้เป็นธุรกิจที่เราทำอย่างจริงจัง ยั่งยืน เป็นความมั่นคงด้วย เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เราลงแรงลงใจ และมันก็จะต่อยอดในต่อ ๆ ไปในอนาคตอีก แต่โอกาสในด้านอื่นที่ต้องเสียไป มันก็วัดค่ากันไม่ได้ แต่ว่าทุกวันนี้ตูนมีความสุขดีในสิ่งที่เราเลือก เพราะว่ามันเป็นงานที่เรารัก เราชอบจริง ๆ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสวยความงาม แล้วเวลาลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์เราแล้วชอบแล้วบอกต่อ รู้สึกภูมิใจ พอเห็นเขาสวยขึ้นดูดีขึ้น ก็เป็นคุณค่าทางจิตใจ หลายอย่างวัดกันไม่ได้ด้วยเงิน เอาจริง ๆ ก็คิดถึงงานละครนะ ผู้ใหญ่หลายท่านก็ถามว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเล่นละคร เขายังนึกถึงเรา ได้ยินแล้วก็ปลื้มใจมาก ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ปีนี้ก็ยัง

คุยกับพี่ที่ดูแลว่า ถ้าเคลียร์ทุกอย่างลงตัวได้ ปลายปีนี้น่าจะเล่นได้สักเรื่อง ถ้าได้บทที่โอเค ท้าทาย ก็น่าจะลอง ถ้าตูนกลับไปเล่นละคร ตูนต้องไปเรียนการแสดง ต้องทำให้ดีกว่าเดิม ถ้าไปแล้วเล่นไม่ดีอย่าเล่นเลย สงสารคนดู เมื่อก่อนปีหนึ่งมี 2-3 เรื่องเราก็รับ ๆ ไปได้ แต่ตอนนี้ปีหนึ่งเราอาจจะเล่นได้เรื่องเดียว เรื่องนั้นมันควรจะคุณภาพจริง ๆ คือรับน้อยแต่หนักหน่อย

ในการเป็นนักธุรกิจต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มมากขึ้น?

เรียนรู้เรื่อย ๆ เลย ไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้เลย เราทำมา 5 ปี เราอาจจะมีประสบการณ์มากกว่าดาราบางท่านที่เข้ามาทำธุรกิจ แต่ถ้าเทียบกับนักธุรกิจจริง ๆ เรายังเด็กและประสบการณ์น้อยมาก เราก็ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ มีคอร์สอบรมอะไร ตูนก็พร้อมที่จะเข้าร่วมเสมอ ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง จะอ่านหนังสือ ดูอินเทอร์เน็ต ศึกษาข้อมูลตลอด รวมถึงบินไปดูงานที่ต่างประเทศ พัฒนาตัวเอง ตูนชอบและสนุกกับการเรียนรู้ขึ้นทุก ๆ วัน

ตอนแรกที่คิดทำนี่แค่เป็นอาชีพเสริมหรือทำจริงจัง?

เป็นคนคิดใหญ่อยู่แล้วค่ะ แต่เริ่มทำเล็ก มันเป็นมุมมองของนักธุรกิจใหญ่ ๆ ที่เราศึกษาและเรียนรู้มาว่า เวลาคิดต้องคิดใหญ่ แต่ค่อย ๆ ทำ ตูนก็คิดไว้แล้วว่าตูนจะเดินมาถึงจุดนี้ เพราะวางแผนไว้แล้ว ตูนทำตั้งแต่สมัยอยู่ปีหนึ่งแล้ว ตอนนั้นก็เด็กเกินไป และก็เรียนหนังสือ เล่นละคร เป็นพรีเซ็นเตอร์หลายตัว ก็ยังมีรายได้หลักจากตรงนั้น และงานตรงนี้ก็ยังไม่ก่อเกิดรายได้มากเหมือนตอนนี้ ตูนก็ค่อย ๆ ทำไป แต่ตูนคิดไว้อยู่แล้วว่า ถ้าวันหนึ่งเราเรียนจบ ธุรกิจค่อย ๆ มั่นคง เราจะเปิดเป็นบริษัท เราวางแผนของเราไว้อยู่แล้ว

ดูภายนอกเหมือนเป็นเด็กแต่จริง ๆ ดูเป็นคนวางแผนชีวิตดีมาก?

ใช่ค่ะ ตูนเป็นคนชอบคิดถึงเรื่องอนาคตมาก ตูนจะบอกคนรอบข้างมาก ถึงเรี่องการเก็บตังค์ การไม่ประมาทในชีวิต ตูนชอบศึกษาชีวิตของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เขาจะผ่านประสบการณ์การล้มละลาย ธุรกิจมีปัญหาบ้าง จนมาถึงตอนนี้ทุกคนยิ่งใหญ่ประสบความสำเร็จหมด เราเลยรู้สึกว่า ทำไมต้องรอให้เราผิดพลาดก่อนแล้วค่อยประสบความสำเร็จ ทำไมเราถึงไม่เรียนรู้สิ่งที่เขาผิดพลาด และมาปรับใช้และค่อย ๆ เดินมาจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จดีกว่า ไม่จำเป็นต้องสะดุดก่อนแล้วค่อยเรียนรู้ บางทีเราไม่ต้องเจ็บเอง เราค่อย ๆ เรียนรู้จากสิ่งที่คนอื่นเขาผ่านมาแล้วดีกว่า บุคลิกตูนอาจจะดูจริงจังกับเรื่องงาน แต่จริง ๆ แล้วตูนก็ยังมีความเป็นเด็ก ยังต้องการการดูแล เวลาไปทำงานต่อให้เราวางมาดยังไง ด้วยอายุเรามันก็เท่านี้ หน้าตาเราก็เป็นแบบนี้ มันยากที่เราจะทำให้เขารู้สึกว่าเราโต ตูนจะบอกพนักงานตูนเสมอว่า ไม่ต้องเคารพว่าตูนเป็นเจ้านายเขา แต่ให้เคารพในการทำงานดีกว่า พนักงานทุกคนก็จะเคารพและเกรงใจตูนตรงที่เขาเห็นว่า เราสามารถบริหารองค์กรมาได้ขนาดนี้ สามารถดูแลพวกเขาได้ มีทิศทางที่เติบโตไปได้มากกว่านี้ เขาก็เริ่มเชื่อมั่นในตัวเรา และเคารพเราเอง

ถือว่าตูนประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วนะ?

อยากจะให้เป็นแบบนั้นค่ะ มันเป็นเหตุผลที่เราเลือกพักงานในวงการบันเทิงก่อนใคร ก่อนที่จะไม่มีงานแล้ว อายุเยอะแล้วค่อยหันไปทำธุรกิจ เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ตอนนั้นก็ยังไม่พร้อมด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราไม่เริ่มตั้งแต่วันนั้น เราจะไม่มาถึงวันนี้ตูนก็เริ่มคลำทางมาเรื่อย ๆ อาศัยปรึกษาคนที่เคยรู้ อาจารย์ รุ่นพี่ ที่สำคัญก็ต้องกล้าเสี่ยงด้วย ตอนนั้นถ้าเราผิดพลาด อีกขาหนึ่งตูนก็ยังมีละคร แต่เราก็ไม่ได้ทุ่มทั้งชีวิตทั้งหมด พอธุรกิจเริ่มไปได้เราก็ต้องเลือกที่จะหยุดอันใดอันหนึ่ง ไม่เลือกไปทั้งสองทางพร้อมกัน เพราะมันอาจจะไม่สุดทั้งคู่

สำเร็จเรื่องงานแต่ไม่สำเร็จเรื่องความรัก?

จริง ๆ จะเรียกว่าไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่เชิง เพราะว่าเราเลือกที่จะให้เป็นแบบนี้เอง มันไม่ใช่ว่าเราโดนทิ้ง แต่เราเลือกที่อยากจะทำงานก่อนมากกว่า เหมือนเป็นวัยที่อยากสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว และเป็นวัยที่เราอยากอิสระและค้นหาชีวิตไปเรื่อย ๆ ค่ะ ไม่ได้หมายความว่าเรามีเขาแล้วไม่อิสระนะคะ แต่ว่ามันสะดวกในการเดินทางและการใช้ชีวิตมากกว่า ตัวเขาเองก็เหมือนกัน เขาก็ได้เต็มที่ในสิ่งที่เขาชอบ เหมือนเราเดินไปตามฝันของแต่ละคนไปก่อน

มีโอกาสที่จะกลับมาคบกันใหม่ไหม?

มันก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า ณ ตอนนั้นเราอยู่จุดไหน เขาอยู่จุดไหน เป็นจุดที่เรายังคุยกันรู้เรื่องอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นจุดที่เราเดินแยกกันไปคนละทางกันเลย มันก็ยากค่ะ แต่มันก็ต้องดู อนาคตมันยังตอบไม่ได้ค่ะ

คบกันมา 4 ปีกว่าเสียดายช่วงเวลานั้นไหม?

คำถามนี้เป็นคำถามที่หลายคนถามเยอะมากว่าเสียดายเวลาไหม แต่ตูนกลับมองว่าไม่เสียดายนะคะ เพราะทุกอย่างในชีวิตที่ผ่านมามันเป็นประสบการณ์ให้เราได้เรียนรู้ได้จดจำ มันทำให้เราได้เป็นเราในวันนี้ ทำให้เราเข้มแข็ง แข็งแกร่งและได้รู้ว่ามันมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอเป็นสิ่งดี ๆ ที่น่าจดจำ ตูนไม่ได้รู้สึกเสียดายเพราะถ้าย้อนเวลากลับไปตูนก็ยังจะใช้ชีวิตแบบเดิมค่ะ

การไปเดินตามฝันของตัวเองเป็นความฝันของทั้งสองคนหรือเปล่า?

ตูนไม่รู้ว่าคู่อื่นเขาคิดหรือวางแผนกันยังไง แต่บางคนอาจจะคิดว่ามันก็สามารถฝันร่วมกันได้ แต่ตูนเองก็มีความฝันที่ชัดเจน สิ่งที่ตูนทำ ตูนคิด ตูนวางแผนชัดเจนมาก มันค่อนข้างยากที่จะทำให้ใครคิดเหมือนเรา นอกจากว่าเขาจะคิดคล้ายกับเรามาตั้งแต่แรก ทางเขาเองก็มีความคิดของเขา ทำให้เราค่อนข้างมีมุมมองในการใช้ชีวิตข้างหน้าที่ต่างกันค่ะ

แสดงว่าเพิ่งมาเห็นความต่างในช่วงก่อนจะเลิกกัน?

ไม่ค่ะ เหมือนเราโตขึ้นเรื่อย ๆ ระยะเวลาในตอนนั้นตูนก็ยังเล่นละคร เขาก็ยังเป็นศิลปิน ซึ่งมันยังใกล้เคียงกัน แต่ ณ วันหนึ่งตูนก็เดินไปอีกสาย เขาเองก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นในงานของเขา อะไรหลาย ๆ อย่างภาพมันก็จะชัดขึ้น ๆ

มองเรื่องความรักต่อไปยังไง?

เขาบอกว่าคนที่ใช่จะต้องมาเจอเราในเวลาที่ใช่ด้วย ถึงจะเรียกว่าใช่ ถ้าเขามาเจอเราในเวลาที่เรายังไม่พร้อม ตูนก็ยังถือว่าไม่ใช่ค่ะ มันต้องเป็นจังหวะที่เรารู้สึกว่า เราต้องการใครสักคน แล้วเขาก็เข้ามาและทุกอย่างมันลงตัว คิดคล้าย ๆ กัน มีอะไรที่มันไม่ต้องปรับจูนกันมากและเราไม่เหนื่อยมาก เพราะงานเราก็ค่อนข้างจะเหนื่อยและมีความรับผิดชอบที่ค่อนข้างใหญ่อยู่แล้วค่ะ

โตขึ้นเงื่อนไขเรื่องความรักเยอะมากขึ้นไหม?

อาจจะไม่นะคะ เพราะเราเยอะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดว่าน่าจะเป็นคนที่เรารู้สึกว่าเข้าใจ มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ มีความเป็นผู้นำสามารถเป็นที่ปรึกษาให้เราได้อะไรประมาณนี้ เพราะเวลาเราทำงานเราต้องเข้มแข็ง เราต้องแข็งแกร่ง เป็นผู้นำ แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงยังไงเราต้องมีมุมอ่อนแอ มุมเด็ก เราก็อยากเจอคนที่เขาเอ็นดูเรา รู้สึกทะนุถนอม ดูแล ซัพพอร์ตเราค่ะ

อยากแต่งงานไหม?

ตูนว่ามันเป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงทุกคนว่าอยากแต่งงาน อยากมีครอบครัว อยากมีลูกน่ารัก ๆ แต่ตอนนี้เรายังมองภาพนั้นไม่ออกเลยว่าจะเมื่อไหร่ดี เพราะยังไม่เจอใครคนนั้นที่เราจะตกลงแต่งงาน ให้เป็นพ่อของลูก และตูนคิดว่าอีกปีสองปีให้งานมันลงตัวกว่านี้ค่อยว่ากัน

ทุกวันนี้ฝันของตูนคืออะไร?

มีหลายอย่างมากเลยค่ะ สิ่งที่ตูนทำอยู่ตอนนี้ยังไม่ถึงครึ่งทางความฝันตูนเลยนะ ถ้าเทียบกับธุรกิจนี้มันอาจจะเดินมาเกินครึ่งแล้ว แต่ตูนคิดไว้หลายแบบ อยากต่อยอดขยายมากไปกว่านี้อีก อยากขยายให้ครบอาเซียนทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ก็ไปบางประเทศ ยังเจาะไม่ครบทุกประเทศค่ะ ซึ่งมันก็ต้องใช้ความพยายามอีก อยากให้แบรนด์ของตูนมีความเป็นสากลมากขึ้น อยากจะส่งออกไปบางประเทศในยุโรป จะได้ภูมิใจว่าเป็นแบรนด์ไทยที่สามารถไปอยู่จุดนั้นได้ แต่เราก็ต้องค่อย ๆ ก้าวไปเรื่อย ๆค่ะ ตูนก็ฝันว่าอยากมีโรงงานเป็นของตัวเองด้วย อย่างที่บอกว่าที่ทำมายังไม่ถึงครึ่งทางในความฝันของตูนเลย ตูนยังอยากไปเรียนต่อเมืองนอกอีก ถึงได้บอกว่าถ้ามีใครเข้ามาตอนนี้มันไม่รู้จะยังไงดี เป็นจังหวะที่ยังไม่เหมาะที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ ๆ กับใคร ตูนว่าความสัมพันธ์ถ้าเป็นคนที่รู้ใจกันอยู่แล้วมันยังพอเป็นไปได้ แต่ถ้าต้องมาเริ่มต้นใหม่เลยมันยากค่ะ

ทำไมไม่หาคนที่มาช่วยเราทำตรงนี้เลย?

คนนั้นก็ต้องเป็นคนที่มีความฝันคล้าย ๆ เราใช่ไหมคะเราถึงจะดึงเขามาได้ แต่ถ้าฝันคนละแบบแต่เราดึงเขามามันก็ดูเห็นแก่ตัวเกินไป

แสดงว่าคนที่จะเข้ามาเป็นแบบศิลปินนี่ไม่ได้แล้ว?

ไม่หรอกค่ะ ตัวเขาเองเขาก็มีมุมน่ารัก ๆ ของเขา เพียงแต่ว่าเรามีมุมมองที่แตกต่างกัน ตูนชอบทำธุรกิจและชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วด้วย

สุดท้ายฝากถึงแฟน ๆ ที่อาจจะรอเรากลับไปเล่นละคร?

จริง ๆ ตูนก็คิดถึงแฟน ๆ ละครนะคะ บางทีไปเจอแฟน ๆ ก็ยังเข้ามาทักทายกันได้ ถ้าจำตูนได้นะคะ ตูนเองก็อยากจะกลับไปเล่นละครยังไงก็ฝากติดตามกันด้วย คงอีกไม่นานเกินรอ คงอาจจะมีโอกาสได้กลับไปเล่นให้หายคิดถึงบ้าง ขอบคุณที่ยังถามไถ่และติดตามกันมาตลอดบางคนก็ทักในเฟซบุ๊ก ในไอจี ตูนก็ดีใจและขอบคุณมากค่ะ

คิดใหญ่ ฝันไกล แล้วไปให้ถึง คงเป็นคำจำกัดความที่เหมาะกับ ผู้หญิงคนนี้จริง ๆ.