Inside Dara
อร BNK48 – นัท พิสูจน์ความสามารถในหนังเรื่องแรก App War แอปชนแอป

ถือว่าเป็นนักแสดงหน้าใหม่ด้วยกันทั้งคู่สำหรับ นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต และ อร ฺBNK48 – พัศชนันท์ เจียจิรโชติ ที่ได้โคจรมาเจอกัน และร่วมพิสูจน์ฝีมือกันในภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต App War แอปชนแอป อ่านบทสัมภาษณ์แล้วจะรู้ว่า ทั้งคู่ตั้งใจกับเรื่องนี้มากๆ และที่สำคัญหนังเรื่องนี้สนุกมากจนคนดูร้องว้าวแบบไม่คาดคิดกันเลยล่ะ

อร BNK48 – นัท พิสูจน์ความสามารถใน App War

บทและคาแรคเตอร์

บอมบ์: เป็นโปรแกรมเมอร์แบบฟูลสแต็กที่สามารถเขียนโค้ดได้ทุกประเภท ของทีม INVITER เขาเป็นคนธรรมดาที่มีความชอบหลายอย่าง แต่อาจจะไม่ได้ตรงกับเพื่อนที่อยู่รอบตัว เลยทำให้เขาต้องมีเพื่อนหลายกลุ่ม พอมีหลายกลุ่มปั๊บ ทำให้เขาต้องดีลกับหลายอะไรหลายๆ อย่าง เจอกับตัวละครอีกหลายคนเราก็ต้องมาดูว่า เขาจะดีลกับแต่ละเหตุการณ์อย่างไร

อร: รับบทมายด์ค่ะ เป็นนักศึกษาฝึกงานกศึกษาฝึกงานของทีม AMJOIN เป็นแนวเน็ตไอดอล มีความสดใส คล่องแคล่ว ฉลาดทันคน แต่ขาดเป้าหมายในชีวิต

ความสนุกของ App War

อร: คนไทยยังไม่ค่อยรู้ว่า Startup คืออะไร จ การทำแอพคือ… เรื่องนี้จะบอกทุกอย่าง และสะท้อนสังคมยุคนี้ คนส่วนใหญ่ใส่ใจโซเชียลเน็ตเวิร์คมากกว่าแอพพริเคชั่น ดูเหมือนกจะเข้าใจยากหรือเปล่า แต่หนูว่าไม่นะคะ มันอยู่ในชีวิตของเราทุกคนในยุคปัจจุบันนี้เลย

นัท: เรื่องราวมันเกิดขึ้นกับ สองบริษัท ที่ชิงความเป็นสุดยอดของทีมสตาร์ทอัพแห่งปี ชิงรางวัล 100 บาท มันเป็นเรื่องการแข่งขันทางไอเดีย ทางธุรกิจ ทั้งทีมผม INVITER และทีม AMJOIN ต่างก็คิดว่าไอเดียของตัวเองดีมาก อันนี้ก็ต้องมาลุ้นกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

อร: จริงๆ หนูอยู่ทีม AMJOIN แต่แฝงตัวมาเป็นเด็กฝึกงานในทีม INVITER เพื่อเข้ามาสืบราชการลับ คือโดนอีกฝั่งหนึ่งส่งมาค่ะ (ยิ้ม)

เล่นหนังเรื่องแรกเป็นอย่างไรบ้าง

นัท: ยากหลายๆ อย่างเหมือนกันนะครับ ตอนอ่านบทครั้งแรกก็เข้าใจตัวละครอย่างหนึ่ง พอเวิร์คช็อปไปเรื่อยๆ ความเข้าใจก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วผมก็รู้ว่า ตัวผมคิดเยอะ และทำให้มันวุ่นวายเอง ตัวละครบอมบ์ เขาเป็นแค่คนธรรมดา มีความต้องการเหมือนคนทั่วไป เราไปกดดันตัวเองให้มันยากเอง มากกว่า สำหรับจุดที่ผมมองว่าอยาก ก็คือ ด้วยความมีหลายตัวละคร เวลามีซีนใหญ่ ต้องพาตัวละครทั้งหมดให้ไปด้วยกันได้

อร: เป็นครั้งแรกที่หนูได้ทำงานแสดงจริงจัง เหมือนเราเป็นน้องใหม่ และทุกคนเป็นมืออาชีพมากๆ เลย ดังนั้นเราก็ต้องเป็นมืออาชีพไปด้วย สิ่งที่ยากสำหรับหนูคือ การจำบท (หัวเราะ) เจอซีนหนึ่งเข้าฉากกับบอมบ์ม ยากมากค่ะ ไดอะร็อก 3 หน้า แล้วซีนนั้นมายด์จะเป็นฝ่ายรุก พูดเยอะ มีการเปลี่ยนผ่านของอารมณ์เยอะในซีนนั้น

นัท: มันเป็นซีนที่ดีนะครับ คือผมเป็นคนที่มีกำแพงเรื่องดราม่าสูงประมาณหนึ่ง ผมไม่ค่อยชอบเล่นดราม่า เพราะชีวิตประจำวันเราจะไม่พยายามสวิงอารมณ์ตัวเองเยอะ หนังก็จะไม่ดูอะไรที่สุดโต้ง จะชอบอะไรกลางๆ แต่ซีนนั้นด้วยความที่เราอยู่กับตัวละครมาพักหนึ่ง เข้าใจประมาณหนึ่ง แต่มายด์ต้องเข้ามาคุยกับเรื่องสำคัญ เหมือนเราไม่ต้องแทนค่าอะไรเลย เราแค่ค่อยๆ ไต่จากสิ่งที่น้องพูด ผมรู้สึกว่ามันออกมาโอเคเลย อยากให้ดูซีนนั้น

อร: ภาพสวยมากเลยครับ เราถ่ายกันซีนยาวๆ เลย ประมาณ 3- 4 รอบ จำยาก คีพอารมณ์ก็ยาก

หนูดีใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้นะคะ เพราะก่อนหน้านี้ เคยไปแคสต์งานแสดงมาบ้าง เคยแคสต์ซีรี่ส์ ตอนนั้นเป็น BNK48 แล้ว แต่วงยังไม่ถึงจุดพีค เคยแคสต์แต่ไมได้ ถึงขั้นเคยถามว่ามีคนอื่นมั้ยในวง ค่อนข้างเจ็บนะคะกับจุดนี้ ยังไม่ได้ดูเราแคสต์เลย เรียกว่าตอนนั้นคนยังไม่ยอมรับในวงการ จนกระทั่งได้มีโอกาสเล่นละครเวทีของ ฺBNK นั่นคือ จุดเปลี่ยนที่สำคัญรู้สึกว่าชอบการแสดง แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นจริงจังมาก จนได้มาเล่น App War ได้เรียนรู้ว่าเป็นศาสตร์การแสดงที่ลึกมาก ที่เราเอาตัวเราไปในบท

นัท: ความเข้าใจต่อการแสดง มากขึ้นตามลำดับ โฟกัสชัดมากขึ้น เราชอบบรรยากาศการทำงาน เราชอบเวลานักแสดงทำการบ้านแล้วมาคุยกัน ตีความกันแบบนั้นแบบนี้ ทำให้การทำงานสนุก ผมชอบกองถ่าย ผมนอนออฟฟิศที่ใช้ถ่ายอยู่วันหนึ่งเลย วันนั้นเสร็จดึก รุ่งขึ้นก็นัดเช้า เลยถามทีมว่าเปิดออฟฟิศได้มั้ย ขอนอนเลย

อร: การแสดงเป็นศาสตร์ที่ท้าทาย อรเป็นคนไม่ชอบอยู่กับที่ ถึงวง BNK48 จะเป็นที่รู้จักแล้ว คนส่วนใหญ่มองว่าประสบความสำเร็จแล้ว ภาพรวมประสบความความสำเร็จ แต่ตัวบุคคลยังไม่ขนาดนั้น ดังนั้นหนูจึงอยากจะพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ หนูไม่อยากอยู่กับที่ อยากให้คนรู้จักอรอีกหลากหลายมุม เออ… อร แสดงหนังได้ด้วย ซึ่งหนูอยากลองทุกอย่างในวงการเลยค่ะ ทั้งถ่ายแบบ ทำงานเบื้องหลัง อาจจะดูโลภ แต่หนูจะทำทุกโอกาสให้ดีที่สุดค่ะ

นัท: ก่อนหน้าที่มาเล่น ทุกคนมีแบ็คกราวด์ของตัว แต่อรมาที่กองแบบเป็นนักแสดง และทุกคนทีกองทรีตเขาแบบนักแสดง มันเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ไม่ได้มีใครมองเขาว่าศิลปิน เป็นไอดอล

อร: เป็นการทำงานที่แฮปปี้มาก หนูชอบกินข้าวกองมาก อร่อยมาก น้ำพริกอร่อย หอยดอง ก็อร่อย

บรรยากาศเบื้องหลังการทำงาน

นัท: สนุก เฮเฮา มาก นักแสดงรุ่นราวคราวเดียวกัน วันที่สนุกคือ วันที่มากันครบหมด วุ่นวายจริงๆ

อร: พี่บอมบ์ กับพี่นัท… หนูชอบเรียนชื่อจริงกันชื่อในหนัง สลับ มีฉากที่พี่นัทต้องนั่งเต้นคนเดียว ฟีลเด็กเนิร์ดนั่งเหงาคนเดียว หนูนั่งหน้าจอกับผู้กำกับกับ ผู้กำกับก็บอกนัทเต้นแรงอีกๆ คือออกนิดเดียวมั้ง แต่ให้เต้นนานมาก เต้นอีกๆ เต้นแรงๆ พี่เขาก็ดูแข็งๆ ตลกมาก (หัวเราะ)

นัท: ทำไมออกนิดเดียวล่ะ เพิ่งรู้ความจริง เสียความรู้สึกนะเนี่ย (ยิ้ม)

ฉากประทับใจ

อร: ฉากวิ่งที่สยามตอนกลางคืน วิ่งไล่ตามกัน หนูทำบางอย่างผิดพลาด แล้วพี่บอมบ์วิ่งตาม วิ่งตามแบบเขาจะฆ่าหนู 555 สนุกนะ หนูชอบ

นัท: วิ่งกันหน้าตั้งมาก เซ็ตผมกัน 25 นาที ทรงผมพังตั้งแต่ 2-3 ก้าวแรก ถ่ายเสร็จปวดขาไป 2-3 วัน

อร: หนูก็เจ็บ ไปโรงพยาบาลเลย เพราะเราบาดเจ็บสะสมมาจากการเต้นด้วย

ฝากผลงาน

นัท: เรื่องนี้เหมือนถูกเล่าผ่านเรื่องยาก สตาร์ทอัพบ้าง แอพพริเคชั่นบ้าง เรื่องธุรกิจ แต่การมีตัวละคร 7 ตัว จะช่วยพาไปเรื่องเข้าใจง่ายขึ้น บางคนต้องการเงิน บางคนต้องการชื่อเสียง บางคนต้องการการยอมรับ บางคนแค่อยากมีเท่าเพื่อน ดูแล้วอาจจจะสะท้อนกลับว่า เราหาอะไรในชีวิตตัวเราเองอยู่หรือเปล่า

อร: ครบรสค่ะ คนที่กำลังหาเป้าหมายบ้างอย่างในชีวิต หรือรู้สึกเคว้ง น่าจะได้แรงบันดาลใจบางอยางกลับไป แล้วมีกำลังใจเดินหน้าต่อค่ะ