Inside Dara
"พอร์ช ศรัณย์" พระเอกอารมณ์ดี

หากนับจำนวนปีที่เด็กหนุ่มชื่อ “พอร์ช ศรัณย์ ศิริลักษณ์” ได้มีโอกาสเดินเข้ามาสู่ถนนสายบันเทิงอย่างเต็มตัวจากภาพยนตร์เรื่อง “เการักที่เกาหลี” ก่อนจะแจ้งเกิดอย่างงดงามจากละคร "หยกเลือดมังกร" นั้นต้องบอกว่าเป็นห้วงระยะเวลาที่ค่อนข้างจะน้อยทีเดียว

แต่ถึงแม้จำนวนปีจะไม่มากมายอะไร ทว่าถึงวันนี้ชื่อของเขาก็กลายเป็นที่รู้จักของใครต่อใครกระทั่งขึ้นแท่นใช้คำว่า "พระเอกยอดนิยม" ไปแล้ว

ด้วยบุคลิกที่ค่อนข้างจะเงียบ ง่ายๆ หลายคนอาจจะเข้าใจว่าตัวตนจริงๆ ของเขานั้นคงจะเข้าถึงยาก ซึ่งในความเป็นจริงนอกจากจะไม่ยากแล้ว ต้องถือว่านักแสดงหนุ่มคนนี้เป็นอีกคนที่คุยสนุกและมีแง่มุมของชีวิตที่น่าสนใจทีเดียว

เล่าเรื่องชีวิตตอนเด็กให้ฟังหน่อย?

“ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กเรียบร้อยมาก เรียกเพื่อนว่านาย นายครับ ตอนแรกย้ายไปอยู่ที่จันทบุรีนะ บอกนายๆ ทำของตกครับ จริงๆ นะ(หัวเราะ) เด็กเรียบร้อย..."

ไม่ใช่คนจันทบุรีโดยกำเนิด?

"ตอนแรกผมอยู่กรุงเทพฯ ครับแล้วย้ายไปอยู่จันทบุรีตอนป.3 พออยู่จันทบุรีปุ๊บอยู่กับลูกคนงานที่สวนเอาเลย ปีนต้นไม้ ปั่นจักรยานไปตีรังผึ้ง โอ้โหเยอะมากนะ ตอนเด็กๆ จะเฮ้วๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร เล่นกับเพื่อนแสบๆ เยอะครับ เลยกลายเป็นเด็กไม่เรียบร้อยไปเลย จากเรียบร้อยมากนะ(หัวเราะ)”

แล้วมาเข้าวงการได้อย่างไร?

“ก็คือไปกลับจันท์ - กรุงเทพอยู่แล้ว มีมาซื้อของที่กรุงเทพฯ ด้วย มีเพื่อนที่กรุงเทพฯ ด้วย แล้วผมก็ได้มาเจอโมเดลลิ่งก็ชวนไปทำงาน แล้วก็ขยับไปเรื่อยๆ ผมมาเซ็นสัญญากับทางช่อง 7 เพราะมีผู้ใหญ่ที่พาเข้าไปแหละครับ ตอนแรกผมเริ่มมาจากหนังก่อน มีพี่พาเข้าไปคุยก่อนตอนแรก ก็เข้าไปเทสต์หน้ากล้อง ง่ายๆ ชิวๆ เพราะเราก็อยากเข้าช่อง 7 ด้วย"

"เข้ามาตอนนั้นที่มีกระแสข่าวว่าผมจะมาแทนพี่ป๋อ(ณัฐวุฒิ สะกิดใจ) แต่ผมไม่ได้มาแทนหรอกครับ ผมมาตามรอยพี่เขา จริงๆ แล้วเรื่องนักแสดงมันไม่ได้อยู่ที่ใครจะมาแทนใคร เราทำงานของเราก็โอเค เพราะว่าถ้าเราเป็นผู้ตามมากเกินไปมันก็ไม่ดีนะครับ ฉะนั้นเราก็ทำงานของเราให้เป็นตัวเรา อย่างคาแรกเตอร์ของผมชิวๆ สบายๆ เป็นตัวของตัวเองก็พอแล้วครับ”

เห็นว่าตอนเด็กอยากเป็นนักร้อง?

“ผมเคยประกวดร้องเพลงอยู่ ซึ่งเด็กมากอายุ 15 เพราะว่าส่วนตัวแล้วชอบร้องเพลง มีวงอยู่แล้วแต่วันนั้นที่ไปมีเพื่อนชวนเพราะว่ามีเพื่อนประกวดแล้วบอกว่า เฮ้ย มาประกวดเป็นเพื่อนหน่อย เราก็ไป ตอนนั้นหัวเกรียนเลยนะ"

"ผมอยากเป็นนักร้องนะในตอนนั้น ตอนเด็กๆ ผมร้องเพลงตามร้านอาหาร ผมเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะว่าคุณพ่อก็เป็นนักดนตรี เราชอบดนตรีมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่พอมีอะไรใหม่ๆ มาให้ทำผมก็ชอบไง ผมเป็นคนแบบนี้แหละ ชอบอะไรที่มันกดดัน”

ตอนนี้อยากกลับไปร้องเพลงมั้ย

“คือพอได้มาแสดงตรงนี้ก้ดีครับ แต่ถ้าร้องเพลงไปด้วยได้ก็ยิ่งดีครับ เอาเป็นว่าทำทั้งสองอย่างเลยได้ไหม แต่ว่า ณ ตอนนี้อินกับการแสดงไปแล้วครับ แต่ถามว่าอยากร้องเพลงไหมก็อยาก แต่ความสุขของนักร้องคือเราร้องเพลงแล้วทุกคนร้องตาม ทุกคนให้ความสนุกกับเรามากกว่า แต่ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าให้ทำก็ดีครับ ใครสนใจติดต่อได้นะครับ(หัวเราะ)”

“แต่พอเราได้มาทำงานด้านนี้เราเลยรู้สึกว่ามันมีอะไรหลากหลายกว่าการที่เราเอาแต่ร้องเพลง ร้องเพลงวันหนึ่งเราก็แค่ซ้อมร้องเพลงไปวันๆ หนึ่งถึงเวลาก็ร้องเพลงมีความสุขที่ได้อยู่บนเวที แต่ว่าพอเรามาทำงานตรงนี้เรารู้สึกว่ามันมีอะไรหลากหลาย มีอะไรใหม่ๆ ได้เจอคนใหม่ๆ มีบทอะไรใหม่ๆ แล้วก็อย่างน้อยเราเป็นนักแสดงเราไปโชว์ตัวต่างจังหวัดเราก็ได้ร้องเพลง เราก็มีความสุขในการมอบเสียงเพลงให้ฟัง”

เขาบอกวงการบันเทิงมีแต่ความเป็นมายา ยากที่จะหาความจริงใจ แล้วเรามองวงการบันเทิงอย่างไร?

“ผมมองวงการแบบเฉยๆ มากเลยนะ มีบางคนอาจจะคิดว่ากลัวใครจะมาตลบหลังเรา แต่ผมเฉยๆ มากเลยนะ ใครชอบก็ชอบ ใครจะเกลียดก็เกลียด เกลียดผมผมก็ไม่เกลียดคุณ คุณเกลียดผมคุณก็ปวดหัวเอง เพราะฉะนั้นเราทำงานของเราไปครับ คนเกลียดเราแล้วมานั่งด่าเราก็ด่าไปเลย เครียดก็เครียดไป แต่คุณจะมานั่งเครียดทำไม ถึงมีข่าวแรงๆ ออกมาก็ชิวครับ คือผมอยากจะบอกว่ามีข่าวออกมาก็มีไปเลย อยากรู้ให้มาถามผม คือมันไม่มีอะไร ถ้ามีผมบอกเลย เราปวดหัวเรื่องงานดีกว่าอย่าไปปวดหัวเรื่องข่าว”

“ผมไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมายืนตรงนี้ ตอนแรกที่ทำงานก็แค่คิดว่ามาทำงานมันให้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเราก็ทำออกมาให้เต็มที่..."

คิดว่ามาถึงจุดนี้เร็วมั้ย?

"ผมว่ามันอยู่ที่ความตั้งใจของแต่ละคน อย่างผมก็พยายามทำงานให้ออกมาดี พยายามทำงานของตัวเอง ไม่ได้คิดว่าจะไปแข่งกับใคร ไม่ได้คิดว่าเราต้องเก่งนะ ต้องหล่อกว่าคนนี้ ไม่มีครับ สำหรับตัวผมเล่นแค่เอาตัวเองเชื่อในซีนที่เราเล่น เราไม่ได้คิดอะไรถึงขนาดนั้นแค่ทำงานของเราครับ”

รับประกันไม่มีภาพหลุดเหมือนดาราคนอื่นๆ

“รับประกันเลยครับว่าภาพหลุดผมมไม่มีแน่ เพราะว่าผมลบทิ้งไปหมดแล้วครับ ไม่ใช่(หัวเราะ) ผมเป็นคนไม่ถ่ายรูป ส่วนใหญ่รูปในอินสตาแกรมพี่เขาให้ผมถ่ายรูปลงนะ ถ่ายกล้องหน้า สังเกตในอินสตาแกรมจะมีหน้าแค่นิดเดียวยกแขนถ่าย เพราะว่าผมเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูปตัวเอง แต่ก็ไม่มีแน่นอนครับ”

มีใครเป็นไอดอล?

“ผมมีไอดอลเหมือนกันนะครับ แต่ผมชอบดาราฝรั่งนะ ไม่ได้ชอบดาราไทยเลย คือผมชอบจอห์นนี่ เดปป์ ผมว่าเซอร์ๆ ดี เท่ห์ดี ผมก็เซอร์เหมือนกันครับ เซอร์ถุน(หัวเราะ)”

ฟังดูแล้วชีวิตเหมือนสบายๆ มาโดยตลอด?

“ก็มีช่วงหนึ่งที่บ้านลำบากมากเป็นหนี้ แต่ไม่ถึงขนาดอดมื้อกินมื้อครับ แค่รู้สึกว่าอะไรที่เราเคยมี อะไรที่เราอยากได้มันไม่ได้มันไม่มี แต่ตอนนี้หนี้หมดไปนานแล้วครับ หมดก่อนที่ผมจะเป็นดาราอีกครับ พ่อจัดการหมด คือที่บ้านจะทำงานเกี่ยวกับขายประกัน ก็มีหมู่บ้านจัดสรร แต่พอย้ายไปอยู่จันทบุรีก็ไปทำสวน แต่ตอนแรกๆ มันไม่ค่อยดีทำสวนมาแล้วมันไม่ดีประมาณปีกว่าๆ แต่หลังจากนั้นสวนก็ดีขึ้น ตอนนี้ก็ดีแล้วครับยังดีอยู่ครับ”

พูดถึงเรื่องแฟนหน่อย...

“แฟนตอนนี้ไม่มีครับ ดูๆ อยู่ครับ (หัวเราะ) ไม่มีหรอกครับ ไม่มี เราทำงานไปก่อนตอนนี้ ต้องเริ่มมาจากเพื่อนคือเวลาผมชอบคนๆ หนึ่ง เวลาผมคุยแล้วผมชอบจริงๆ แต่ไม่เคยเป็นแฟนเลยนะ ผมว่าผมชอบโดยที่ไม่รู้ตัวมากกว่า ถ้าซี้กันเราก็คุยกันแบบเป็นเพื่อนเลย เฮ้ยว่าไง เล่นกันแบบสนิท เพื่อนสนิท"

"มันจะมีฟิวส์ที่แบบว่าเล่นไปเล่นมาแล้วกลับมานั่งคิด ชอบหรือเปล่าว่ะ ทำไมวันนี้มันน่ารักว่ะ เข้าใจป่ะ มันรู้สึกว่าเฮ้ยทำไมมันน่ารักว่ะ น่ารัก หรือบางทีผมจะรู้สึกว่าชอบคนนี้ผมจะรู้ตัวเลย มันจะมีฟิวส์ว่าคิดถึงนั่งเล่นโทรศัพท์ยิ้ม เดินไปซื้อของซื้อให้มันเลยนะ (เคยเกิดขึ้นในวงการหรือยัง?) ไม่บอกหรอก (หัวเราะ)”

ตั้งเป้าชีวิตครอบครัวไว้บ้างมั้ย?

“ผมไม่เคยตั้งเป้าครับว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ ถ้าผมเจอคนที่ใช่ แต่ผมเป็นคนที่ต้องใช้เวลานะ ผมเป็นคนที่ต้องใช้เวลาศึกษาทุกคน ทุกคนต้องมีช่วงโปรโมชั่น ช่วงโปรโมชั่น ผมนะไม่ใช่คนดีมากหรอก แต่ผมสม่ำเสมอครับ(หัวเราะ) ทุกคนต้องมีทั้งดีและเลวอยู่ในตัว ไม่มีใครดีที่สุดอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราเข้าใจและรับกันได้มากแค่ไหน ผมเคยมีแฟนตอนอนุบาลนะ คบเป็นแฟนเลย(หัวเราะ) ชื่อน้องแป้ง จำได้เลย ก็รักแบบเด็กๆ แต่เคยเป็นแฟนเลยนะ”

เห็นว่าเป็นคนชอบ "สัก" ด้วย?

“สักข้างหลังก็ไม่ค่อยเห็นหรอกครับ ไม่มีปัญหาอะไรกับการทำงานครับ จริงๆ มันอยู่ข้างหลังเราไม่ค่อยได้ถอดเสื้อเท่าไหร่คงไม่เห็นหรอกครับ คือผมชอบศิลปะพวกนี้อยู่แล้วครับ ผมสักมานานแล้วหลายปีแล้วครับ สักมาก่อนที่จะเข้าวงการอีกครับ แต่คงไม่ไปสักเพิ่มแล้วครับเจ็บ(หัวเราะ)"

"ที่ตอนนั้นคิดสักเพราะว่าผมเป็นคนที่ชอบงานศิลปะพวกนี้ครับ จริงๆ แล้วมันก็ไม่เห็นแปลกเลยเพราะว่าเราไม่ได้ออกมาข้างนอก ไม่ได้สักไปถึงแขนหัวกะโหลกหน้าอะไรไม่มีก็เอาไว้ดูคนเดียวครับ”

ได้ข่าวว่าตอนนี้กลายเป็นเจ้าพ่อที่ดินที่เมืองจันท์ไปแล้ว?

“ผมซื้อตั้งแต่ตอนมันถูกๆ แต่ว่าที่ของคุณแม่ที่จันท์ ก็มีแล้วนะ ซื้อมาก็ซื้อมาเก็บ แต่ตอนนี้คนก็ไปซื้อที่ที่จันท์เยอะ ที่ส่วนใหญ่เป็นของญาติหมดเลยนะเขาไม่ขาย เพราะที่ผมไปอยู่มันติดกันเป็นญาติๆ หมดเลยนะ พี่น้องแม่ แต่อยากไปดูที่ที่มันติดทะเล แต่มันแพงนะ ตอนนี้ผมก็ได้ทำบ้านที่จันท์ไว้ครับ เรื่องงบไม่ได้ตั้งครับ แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่ครับทำไปเรื่อยๆ ครับ ไม่ได้เป็นบ้านเดิมครับ เป็นบ้านสร้างใหม่ ก็สร้างไปเรื่อยๆ ครับ งบจะบานปลายยังไงก็ไม่เป็นไรครับ เพราะว่าเราก็ทำไปเรื่อยๆ ก็ถ้าพ่อกับแม่อยากทำอะไรก็ให้ทำเลยกับบ้านนะครับเราจ่ายเอง”

“นอกจากที่แล้วก็อยากทำอะไรที่มันเป็นของตัวเอง ก็อยากเปิดร้านอาหาร แต่จริงๆ ก็มีอยู่แล้วนะ อันนั้นเขาเปิดเพื่อสนองความต้องการของเขาอีกแล้วครับ เปิดร้านมาเล่นกีต้าร์เอง ร้องเพลงเองในร้าน ผมก็ร้องที่ร้าน จริงๆ แล้วสนองความต้องการของเราล้วนๆ เลย เราอินดี้มาก ร้านไม่เคยขาดทุน บางทีลูกค้ามาสั่งของอ๋อ ไม่มีของไม่ได้ซื้อ บางทีลูกค้ามานั่งกินถึงเช้าเราก็เปิด บางที 4 ทุ่มปิดเราก็เช็คบิลเลย ขออนุญาตเช็คบิลครับปิดร้านแล้ว ก็แค่อยากเปิดเพื่อสนองความต้องการของตัวเองมากกว่าครับ ไม่มีอะไรมากครับ”