Inside Dara
พระเอก-นางเอกยอดฮิต มิตร-เพชรา (1) :

โดยพลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

ผู้เขียนต้องขออภัยท่านผู้อ่านในบางช่วงอายุ ที่จะเข้าใจบทความตอนนี้ได้ยากสักนิด เพราะเรื่องของ มิตร-เพชรา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ความปลื้ม ความปีติเฉพาะกลุ่มอายุคนไทย ที่มีความหมายลึกซึ้ง งดงาม มีคุณค่าเกินกว่าหน้ากระดาษนี้จะบรรยายได้หมด

มิตร-เพชรา เป็นดาราชาย-หญิง แสดงภาพยนตร์ร่วมกันแบบพระเอกนางเอกให้คนไทยได้ดูรวมแล้วเกือบ 300 เรื่องครับ คนไทยในช่วงอายุหนึ่ง จดจำผลงานการแสดงของ 2 ดาราคู่ขวัญไม่มีวันลืม มีปฏิทินของดาราคู่นี้แทบทุกบ้าน ทุกร้านค้า ร้านตัดผม ตลาดสด

การโฆษณาภาพยนตร์ วิทยุ และรถติดเครื่องขยายเสียงที่วิ่งไปรอบเมืองจะประกาศชื่อภาพยนตร์ และบอกสั้นๆ ว่า นำแสดงโดย มิตร-เพชรา จนกระทั่งคนรุ่นหลังที่มีชีวิตต่างห้วงเวลาจะเข้าใจว่า มิตร นามสกุล เพชรา

มิตร ชัยบัญชา เป็นพระเอกหนังชายรูปหล่อ สูงใหญ่เพชรา เชาวราษฎร์ เป็นนางเอกหนังแสนสวย ได้รับฉายาว่า “นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง”

มิตร ชัยบัญชา เป็นใคร มาจากไหน?

พลตำรวจ ชม ระวีแสง และ นางสงวน ระวีแสง คือบิดามารดาผู้ให้กำเนิดเด็กชายคนหนึ่งที่ตลาดท่ายาง จ.เพชรบุรี เกิดมาไม่นานพ่อ-แม่แยกทางกัน ชื่อที่เหมาะที่สุดในยุคสมัยนั้น คือ เด็กชายบุญทิ้ง แม่ต้องเอาไปฝากปู่ย่าให้เลี้ยงดู และต่อมาปู่ย่าก็เอาไปฝากอาที่บวชเป็นสามเณรเลี้ยงดูกันต่อไปอีก ชีวิตของ ด.ช.บุญทิ้งซึมซาบความเป็นเด็กวัดที่ต้องรับใช้พระ-เณร ที่วัดสนามพราหมณ์ เพชรบุรี เมื่อแม่ตั้งหลักได้จึงนำบุตรชายเข้ามากรุงเทพฯ อาศัยอยู่แถววัดแคนางเลิ้ง

ด.ช.บุญทิ้งคนนี้สู้ชีวิตทุกรูปแบบ รับจ้างทำงานสารพัด เรียนหนังสือดี เก่งงานศิลปะ เป็นนักกีฬา ชกมวยได้เหรียญทองในรุ่นไลต์เวตและเฟเธอร์เวต ชีวิตของเด็กหนุ่มต้องถูกโอนไปเป็นบุตรบุญธรรม ใช้นามสกุลญาติคนนั้นคนนี้แบบชุลมุนแสนจะวกวน

บุญทิ้งจบมัธยมจาก ร.ร.พระนครวิทยาลัย แล้วไปสอบเข้า ร.ร.จ่าอากาศรุ่น 11 จบแล้วรับราชการในปี พ.ศ.2499 ในกรมอากาศโยธิน กองทัพอากาศ ดอนเมือง จ่าบุญทิ้งเปลี่ยนชื่อเป็น จ่าโท พิเชษฐ์ พุ่มเหม

ในยุคสมัยนั้นมีโฆษณารับสมัครพระเอกหนังกันแบบเปิดเผย ใครอยากเป็นพระเอก ใครคิดว่าหล่อพอ ก็ให้ส่งภาพถ่ายทางไปรษณีย์มาดูกัน จ่าโทสมจ้อยมองเห็นจ่าเชษฐ์เพื่อนร่วมอาชีพมีรูปร่างสูงสง่า หน้าตาดี สุภาพเรียบร้อย หน่วยก้านดี 1 ประเภท 1 เลยส่งภาพเพื่อนรักไปเข้าประกวดกะเค้าด้วย

ประทีป โกมลภิส คือผู้สร้างและผู้กำกับภาพยนตร์ ที่ต้องชะตาเข้าอย่างจังกับจ่าหนุ่มสูงใหญ่คนนี้ โดยเมื่อประทีปตั้งคำถามให้ตอบ ข้อ 1 “ในชีวิตสิ่งใดสำคัญที่สุด” จ่าพิเชษฐ์ตอบว่า “เพื่อนครับ” ผู้กำกับประทีปชอบใจบอกว่า “เพื่อน คือ มิตร รักเพื่อนก็ดี ให้ใช้ชื่อใหม่ว่า มิตร ก็แล้วกัน”

ยุคสมัยนั้น ชื่อพระเอก-นางเอก เป็นเรื่องคอขาดบาดตายครับ ชื่อพระเอกต้องสั้น พยางค์เดียว หรือ 2 พยางค์ ถึงจะเท่ ชื่อ-นามสกุลต้องหล่อล้อตามชื่อ และต้องจดจำได้ง่าย ชื่อเดิมไม่สำคัญ ตัดทิ้งไป ให้ใช้ได้เฉพาะในสำมะโนครัว ชื่อ-นามสกุลแบบฝรั่งหรือลูกครึ่งฝรั่งในยุคนั้นยังไม่กล้าเปิดหน้า เปิดตัว เพราะเขินอายที่แม่ไปได้ผัวฝรั่ง

พระเอก-นางเอกต้องหน้าตาคมเข้มและมีอวัยวะเป็นของจริงทั้งเรือนร่าง ไม่มีของปลอมเจือปน ศัลยกรรมตกแต่งทำหน้า ทำนม ทำผม ยังมาไม่ถึงโลกใบนี้

ผู้กำกับประทีปทดสอบทัศนคติของจ่าเชษฐ์ต่อไปอีก โดยตั้งคำถามข้อ 2 ว่า “ในชีวิตเกิดมาภูมิใจสิ่งใดมากที่สุด” จ่าเชษฐ์อมยิ้มเท่แบบพระเอก แล้วตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ผมเคยได้รับหน้าที่อัญเชิญธงชัยเฉลิมพลของหน่วยในพิธีสวนสนามวันปิยมหาราชครับ”

แน่นอนที่สุดครับ ทหารคนที่ได้ทำหน้าที่อัญเชิญธงชัยเฉลิมพลของหน่วยจะต้องผ่านการคัดเลือกในเรื่องรูปร่าง ลักษณะที่สง่างาม ธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหารเปรียบเสมือนหลักชัยของหน่วย ที่จะต้องเทิดทูนปกปักรักษาไว้ด้วยชีวิต ในหน่วยทหารจะต้องมีห้องเก็บรักษาธงอย่างดี จะอัญเชิญธงนี้ไปในเฉพาะพิธีการสำคัญ ทหารทุกนายจะได้รับการสั่งสอนอบรมเรื่องของธงชัยเฉลิมพล ในเรื่องแบบแผนและการปฏิบัติต่อธงอย่างเข้มงวด

พิธีการที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “สวนสนามสาบานธง” นั่นแหละคือพิธีการทางทหารที่จ่าเชษฐ์ได้รับมอบให้เป็น “ผู้เชิญธง” ซึ่งตัวธงมีน้ำหนักพอสมควร คนถือจะเป็นลมล้มคว่ำกลางแดดไม่ได้เป็นอันขาด ไอ้พวกตัวเตี้ยผอมแห้งแรงน้อยที่เรียกว่า “อวบ อกโรย” จะไม่มีวันได้เป็นคนเชิญธงอันทรงเกียรตินี้

สมัยก่อนจัดพิธีสาบานธงใน 25 มกราคม ของทุกปี ต่อมาเปลี่ยนเป็นวันที่ 18 มกราคม ซึ่งตรงกับวันที่พระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพม่าในปี พ.ศ.2135

เรื่องการอัญเชิญธงชัยเฉลิมพล จ่าเชษฐ์กินขาดทุกเรื่อง ถือเป็นเกียรติยศสูงสุด และเขาได้ทำหน้าที่นี้ทุกปีตลอดการเป็นทหาร และคำตอบดังกล่าวทำให้ผู้กำกับประทีปตั้งนามสกุลให้พระเอกอย่างเป็นสิริมงคลว่า “ชัยบัญชา”

มิตร ชัยบัญชา ก้าวสู่วงการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือเรื่อง ชาติเสือ บทประพันธ์ของเศก ดุสิต กำกับโดยประทีป โกมลภิส เป็นเรื่องแรกที่มิตรได้ประกบกับนางเอกที่มีชื่อเสียงในขณะนั้นถึง 6 คน เช่น เรวดี ศิริวิไล นัยนา ถนอมทรัพย์ ประภาศรี สาธรกิจ และน้ำเงิน บุญหนัก เป็นภาพยนตร์ที่เริ่มถ่ายทำในปลาย พ.ศ.2500 และเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เดือนมิถุนายน พ.ศ.2501 ภาพยนตร์ทำรายได้กว่าแปดแสนบาท ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต้อง “ตกใจตาย” ของคนสมัยนั้น เรื่องชาตินักเลง หรืออินทรีแดง เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สอง หนังเรื่องนี้ทำรายได้เกิน 1 ล้านบาท เป็นเรื่องใหญ่สำหรับการสร้างภาพยนตร์ในเมืองไทย

มิตร ชัยบัญชา แจ้งเกิดในสังคมไทยสนั่นเมือง ลั่นทุ่ง เจ็ดคุ้งแม่น้ำ แผ่นโปสเตอร์โฆษณาหนังที่ไปแปะทุกที่ทั่วประเทศ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์มีรูปของมิตร ชัยบัญชา และนางเอกสาวสุดสวย และตัวประกอบ คิวแสดงของมิตรทะลักเข้ามาแน่นเอี้ยด อินทรีแดง จ้าวนักเลง ทับสมิงคลา แสงสูรย์ นวนิยายในอดีตที่เป็นเพียงแค่หนังสือเก่าเก็บบนหิ้ง ถูกขุดมาสร้างเป็นภาพยนตร์เพราะหนุ่มหล่อที่ชื่อ มิตร ชัยบัญชา

เมื่อพระเอกหนังกลับเข้าหน่วยทหาร เขาจะเป็นจ่าโท พิเชษฐ์ พุ่มเหม อันเป็นที่รักของเพื่อนๆ และผู้บังคับบัญชา

นาทีทองของวงการภาพยนตร์ไทยได้มาถึงแล้ว โดยมีมิตร ชัยบัญชา เป็นพระเอกหมายเลข 1

มิตรดังไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ มิตร ชัยบัญชา จ่าโททหารอากาศ แสดงได้ทั้งบทบู๊ บทรัก รันทด ตลก เชย เฟอะฟะ เด๋อด๋า ชีวิตเศร้าเคล้าน้ำตา คนไทยให้การยอมรับในตัวพระเอกหนุ่มคนนี้

การถ่ายทำภาพยนตร์มีปัจจัยสำคัญประการ 1 คือ การตรงต่อเวลา ผู้แสดงจะต้องให้เวลากับงานถ่ายทำ จนกว่าผู้กำกับจะพอใจ อาจจะถ่ายซ้ำแล้วซ้ำอีก พระเอกหนุ่มชื่อมิตรเป็นดาราที่ตรงต่อเวลา ทุ่มเท ให้เกียรติกับทีมงานตลอดชีวิตการแสดง ซึ่งดาราอื่นๆ หลายคนลืมตัวลืมตน เป็นที่น่ารังเกียจของเพื่อนร่วมงานยิ่งนัก

พ.ศ.2506 ภาพยนตร์เรื่อง ใจเพชร ทำรายได้สูงสุด ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่มีมิตรแสดงทำรายได้เกินล้านบาท

พ.ศ.2508 ภาพยนตร์เรื่อง เงิน เงิน เงิน ทำเงินได้ 3 ล้านบาทในเวลา 1 เดือน และมิตรเข้ารับพระราชทานรางวัลดาราทอง ต่อมา พ.ศ.2509 ภาพยนตร์เรื่อง เพชรตัดเพชร ก็โกยเงินไปอีกมหาศาล

พ.ศ.2513 ภาพยนตร์เรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง ของรังสี ทัศนพยัคฆ์ เป็นภาพยนตร์เพลงลูกทุ่งที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่วงการภาพยนตร์ไทย ทำรายได้มากกว่า 6 ล้านบาทและยืนโรงได้นานกว่า 6 เดือนในกรุงเทพฯ ทำรายได้ทั่วประเทศกว่า 13 ล้านบาท

มิตร ชัยบัญชา เป็นพระเอกที่ทำรายได้เป็นอันดับ 1 ของประเทศแบบไม่มีใครมาเบียดแทรก มิตรใช้ชีวิตเรียบง่าย ประหยัดมัธยัสถ์ ชอบช่วยเหลือผู้คนทั่วไป แสดงหนังแล้วบางทีก็ได้เงินไม่ครบ ให้เพื่อนยืมเงินแล้วเพื่อนหายตัวได้ ชอบทำบุญโดยเฉพาะวัดแคนางเลิ้ง ที่กินข้าววัดมาแต่เด็ก มิตรดูแลวัดนี้เป็นพิเศษ

ชีวิตของมิตร ชัยบัญชา มีแต่คนรัก ชื่นชม นับถือโดยไม่ต้องปรุงแต่ง มีนางเอกผ่านเข้ามาในชีวิตการแสดงถึง 29 คน

ตอนต่อไป จะนำท่านผู้อ่านไปติดตามเรื่องราวของมิตร ชัยบัญชา ที่แสดงหนังคู่กับคุณเพชรา เชาวราษฎร์ ครับ