Inside Dara
ฟิล์ม เข้าปรึกษา บอย ถกลเกียรติ หวั่นกระแสละครไม่ปัง รับขึ้นค่าตัว

ที่จีเอ็มเอ็มสตูดิโอ ตึกแกรมมี่ มีงานแถลงข่าว “one สนั่นจอ ตุลาคม” ซึ่งมี ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ ดาราหนุ่ม มาร่วมงาน พร้อมเปิดใจหลัง “บอย ถกลเกียรติ” ผู้บริหารช่องวัน ให้สัมภาษณ์ว่าตนเข้าไปคุย บอกกลัวเรื่องต่อไปจะไม่ปังเท่ากระแส เมีย 2018 จริงหรือ? พร้อมแจงค่าอีเวนต์หลักแสน รวมถึงค่าพรีเซนเตอร์ 5 ล้านต่อชิ้นจริงหรือไม่?

โดย ฟิล์ม เผยว่า “ด้วยความที่กระแสเมีย2018 และทุกๆ อย่างมันได้จังหวะพอดีไปหมด เราเลยแค่กลัวว่าคนดูจะติดภาพบอสวศิน เลยต้องทำการบ้านอย่างหนัก และคิดว่าคงต้องทำการบ้านอย่างหนัก คุยเรื่องการแสดงว่าเราจะทำยังไงให้คนเชื่อและลืมภาพตัววศินไปให้ได้”

เรานอยด์ใช่ไหม

“ไม่ได้นอยด์ครับ มันเป็นความท้าทายนี้แหละ มันเป็นอะไรที่ควรค่าแก่การที่จะเอาชนะ เป็นการท้าทายตัวเองและพัฒนาตัวเองไปมากกว่าครับ”

แล้วถ้าเรื่องใหม่ไม่ปังเท่ากระแสเมีย2018 เราจะรู้สึกยังไง

“ไม่ได้รู้สึก คือถ้าไม่ปังเท่าเมียฯ แต่เราเล่นได้ดีขึ้น ผมจะไม่รู้สึกเสียใจเลย มันแค่อาจจะไม่ถูกจังหวะกับความชอบของคนดูมากกว่า แต่ถ้าเราเล่นได้แย่กว่าเรื่องที่แล้ว อันนั้นคือสิ่งที่เราจะเสียใจมากกว่า”

แบบนี้จะกดดันตัวเองไหม

“ถ้าเรื่องการแสดงมีบ้างนิดหน่อยแต่เราก็พยายามทำการบ้าน หาอะไรมาเติมให้ตัวเรามีความแปลกใหม่และพัฒนาไปเรื่อยๆ”

น่าจะมีความกังวลเรื่องกระแสไหม ถึงขั้นเข้าไปคุยกับคุณบอย

“ไม่หรอกครับ มีคุยบ้างเป็นประเด็นปกติมากกว่า ไม่ได้ซีเรียส คุณบอยสอนเรื่องการใช้ชีวิตและการวางตัวในวงการ ไม่ใช่แค่เรื่องการแสดงอย่างเดียวแต่มันสามารถนำไปใช้ได้กับทุกๆ เรื่อง”

ช่วงนี้งานยัง 7 วันอยู่ไหม

“ก็ 7 วันแต่เป็นถ่ายละครครับ เพราะถ่าย 7 วัน ส่วนอีเวนต์มีบ้าง คือเรากลับไปที่จุดเริ่มต้นของเรา เราเข้ามาเป็นนักแสดง ส่วนอย่างอื่นคือโบนัสของเรามากกว่า”

ได้ข่าวว่าอีเวนต์ตอนนี้ก็หลักแสนแล้ว

“ต้องถามผู้จัดการครับ เรามีหน้าที่ทำก็ทำอย่างเดียว ส่วนจะมีค่าตัวขึ้นจริงมั้ย ก็ต้องถามผู้จัดการอีกนั่นแหละครับ คือมันแล้วแต่งาน ไม่ได้เท่ากันทุกงานเพราะแล้วแต่ดีเทลงาน”

แบบนี้ค่าตัวละครเราขึ้นไหม จากเรื่องแรก

“อาจจะมีบ้างแหละ แต่ต้องถามผู้ใหญ่เพราะละครยังไม่ออน เราก็ไม่รู้”

เป็นตามสเต็ปว่าดังแล้วขึ้นค่าตัว

“ผมว่ามันหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ความดัง แต่มันคือฝีมือ ว่านักแสดงคนนั้นพัฒนาฝีมือตัวเองเหมาะกับที่จะได้ค่าจ้างราคานี้หรือเปล่า ถ้าเราเล่นฝีมือเท่าเดิมแต่เขาต้องมาจ่ายแพงขึ้น มันก็ไม่แฟร์กับคนที่ต้องจ่ายเงิน”

ตอนนี้พรีเซนเตอร์กี่ตัวแล้ว

“7 ตัวครับ เป็นครั้งแรกที่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ รู้สึกดีใจที่ลูกค้าทุกคนชื่นชอบในผลงานและตัวตนของเรา ให้โอกาสผมได้ไปร่วมงานกับเขา”

มีวิธีประคับประคองตัวเองยังไง ถ้าวันนึงต้องมีขึ้นมีลง

“ผมว่ามันเป็นสัจธรรมของโลก ทุกสายอาชีพ มีขึ้นลงปกติ เราวางแผนชีวิตตัวเองดีกว่าว่าจะทำยังไงให้อยู่รอดไปตลอด ผมว่าถ้าเรามีฝีมือไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คนก็ยังจ้างงานเรา อย่างเราได้เห็นนักแสดงรุ่นใหญ่หลายคนก็ยังทำงานตั้งแต่เด็นจนแก่แล้ว แต่เขาก็ยังเป็นนักแสดงได้อยู่ ซึ่งอยู่ได้เพราะฝีมือจริงๆ”

ได้ข่าวว่าพรีเซนเตอร์ตัวนึงไม่ต้ำกว่า 5 ล้าน

“โอ้ยไม่ถึงหรอก ไม่ได้แพงขนาดนั้น”

มีกระแสว่าเขาจะดันขึ้นให้แทนที่พระเอกรุ่นพี่อย่าง ฌอห์ณ จินดาโชติ

“ผมว่าไม่หรอก ทุกคนมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง ไม่สามารถไปแทนใครได้”

คิดว่าเราก้าวกระโดดไวไปไหม

“ถ้าเรื่องการเป็นที่รู้จักก็อาจจะใช่ แต่ในส่วนของเรื่องฝีมือและประสบการณ์ เรายังต้องพัฒนาอีกเยอะ คงไม่ไปเทียบเขาไม่ได้หรอก”

กลัวตัวเองจะหลงระเริงกับสิ่งที่ขึ้นไวไหม

“สำหรับตัวเองอาจจะมีกังวลบ้าง กลัวตัวเองหลงไป แต่สุดท้ายเรายังเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า จริงๆ เราเริ่มจากอะไรมากกว่า ยังใช้ชีวิตปกติทุกอย่าง ไม่ได้ใส่แว่นดำอะไร แต่ก็พิสูจน์กันด้วยผลงานครับ”