Inside Dara
“จอย” มาถูกทาง...พลิกร้ายจนได้ดี

ตีบท “รัชนก” ในละครเรื่อง “แรงเงา” แตกกระจุย จนขึ้นแท่นนางร้ายน่าตบ และทำให้คนพูดถึงทั้งบ้านทั้งเมือง สำหรับ สาว จอย-ชลธิชา นวมสุคนธ์ และเมื่อสิบกว่าปีก่อนหลายคนคงจะคุ้น ๆ ภาพของเธอกันดีในบทบาทของนางเอกภาพยนตร์ อันดากับฟ้าใส วันนี้ดาวต่างมุมเลยขอมานั่งคุยกับสาวจอย ที่บริษัท “บีอีซี-เทโร เรดิโอ อาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์” เพื่อพูดคุยถึงการพลิกบทบาทครั้งนี้ รวมไปถึงเรื่องต่าง ๆในชีวิตของเธอระหว่างที่หายหน้าหายตาจากการแสดงไปนานทีเดียว

กระแส “รัชนก” เป็นยังไงบ้าง?

“ก็ดีใจค่ะ ไม่ได้คิดว่ากระแสจะแรงขนาดนี้ เรารู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้เป็นละครที่คนรอที่จะดูอยู่ เพราะมีการพูดถึงตั้งแต่ละครเพิ่งเปิดกล้อง ภาคที่ พี่แอน ทองประสม กับพี่เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ เคยเล่นไว้คนก็ยังจำได้ แต่เราไม่ได้คิดว่าตัวละครนี้จะทำให้คนจำได้ คือเรารู้ว่าคนคงเกลียด คนคงหมั่นไส้ แต่ไม่ได้คิดว่าฟีดแบ็กจะดีขนาดนี้ เพราะว่ามีตัวละครอีกหลาย ๆ ตัวที่มีสีสัน อย่าง เจนี่ หรือ เคน-ภูภูมิ พี่ธัญญ่า พี่ปิ๊บ-รวิชญ์ บทเขาเด่นอยู่แล้ว แต่เราไม่คิดว่าเราจะกระโดดขึ้นไปเท่า ๆ กับเขา ทั้ง ๆ ที่มันเป็นตัวละครที่ไม่ได้ออกมาเยอะ นาน ๆ โผล่มาทีนึง วันนึงอาจจะมีแค่ 1-2 ฉาก แต่กลายเป็นว่าคนรอที่จะดูว่า “รัชนก” จะออกมาทำอะไร จะมีแผนการอะไรอีก มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าที่ทำงานมาตลอด 9 เดือนมันหายเหนื่อย”

เหมือนกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง?

“คนใช้คำว่ากลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ก็คงใช่มั้ง เพราะเมื่อก่อนไปไหนมาไหน จนถึง 10 กว่าปีที่ผ่านมา คนก็บอกว่านี่ “จอย อันดากับฟ้าใส” คนที่รุ่นเดียวกับเราหรือเด็กกว่าเรานิดหน่อยก็จะทัน แต่คนที่ไม่ทันก็อาจจะงงว่า เอ๊ะ...เป็นใคร มาตอนนี้คนก็จะเรียกเราว่า “รัชนก” นั่น “น้องนก” ไง คนก็จะจำเราได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง”

มาถูกทางกับบทร้าย?

“ไม่รู้ว่ามาถูกทางหรือเปล่า แต่จอยว่ามันเป็นเรื่องของจังหวะและโอกาส เพราะคนคงไม่คิดว่าเราจะร้ายได้ ตอนที่บรอดคาซท์ติดต่อมาเราก็ยังงง ๆ อยู่ว่าให้เราเล่นร้ายเหรอ แต่เขาเชื่อว่าเราสามารถทำได้ พี่เติม-ชนินทร ผู้กำกับ ค่อนข้างละเอียด แล้วก็บอกทิศทางการแสดงให้เรา ซึ่งไม่เคยเล่นร้ายแบบลึกซึ้งมาก่อนเลย อย่างเรื่อง “ผยอง” จอยก็ร้าย แต่เป็นร้ายแบบเด็ก ๆ”

ห่างจากงานแสดงไปนานทีเดียว อย่างช่วงที่หายไป ทำอะไรมาบ้าง?

“ค่อนข้างนานค่ะ ก่อนหน้านี้เล่นเรื่อง “ผยอง” ไว้ แต่ไม่ได้ออนแอร์ เลยกลายเป็นว่าหายไป 4-5 ปีได้ แต่จอยเป็นดีเจอยู่คลื่น 95.5 เวอร์จิ้น ฮิตซ์ มาหลายปีแล้ว เป็นพิธีกรแต่อาจจะไม่ใช่รายการใหญ่ ๆ เป็นพิธีกรรายการอาหาร เป็นพิธีกรงานอีเวนต์ทั่วไป เป็นพิธีกรสีสันบันเทิงสดทางช่อง 3 ด้วย คือเราไม่ได้หายไปซะทีเดียว ก็ยังมีคนจำได้อยู่ เพียงแต่งานมันไม่ชัดเจนเท่าตอนนี้”

คนทักว่าสวยขึ้นเยอะมาก?

“อันนี้บอกไว้เลยนะคะ หลาย ๆคนที่ถามว่าไปทำอะไรมาสวยขึ้น ไปทำศัลยกรรมมาแน่เลย คือจอยเข้าใจ เพราะว่าคนไม่เห็นเรานานแล้ว เพราะเราทำงานวิทยุ อาจจะไม่ได้ออกสื่อให้เห็น แต่รูปเก่า ๆ ที่คนเอามาเปรียบเทียบกันคือรูปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คนเราผอมลง อ้วนขึ้นมันก็เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอด หลายคนบอกไปทำตา ทำคาง ทำจมูก ทำทั้งหน้า เอาง่าย ๆ ถ้ารู้ว่าจอยไปทำหน้าที่ไหนก็บอกด้วย อยากรู้เหมือนกัน บางคนบอกไปร้อยไหมมา คือเรายังไม่ถึงวัยที่หน้าเหี่ยวหรือหน้าคล้อยขนาดนั้น แต่ก็มีไปนวดหน้า ไปเลเซอร์ ตามที่ผู้หญิงทั่วไปเขาก็ทำกัน ล่าสุดคุณพ่อจอยยังมาถามว่า ไปทำอะไรมาหรือเปล่า คือมีคนถามแล้วก่อนหน้านี้ว่าจอยไปทำจมูกมา จอย ก็คิดว่าถ้าทำแล้วจะทำให้เบี้ยวทำไม คุณพ่อก็บอกว่าเพื่อนคุณพ่อยังบอกว่าจอยไปทำมา แล้วคือเราไม่เจอกัน 7 ปีแล้ว ตอนนี้จอยอายุ 29 ปีแล้ว มันไม่มีใครที่อายุ 30 กับตอน 10 ขวบจะเหมือนกัน แต่ถ้าหลาย ๆ คนทักว่าสวยขึ้นเราก็ขอบคุณ ถือว่าเป็นคำชม”

ตัวตนจอยจริง ๆ ที่ไม่ใช่ “รัชนก” เป็นยังไง?

“เมื่อก่อนจอยเป็นคนพูดน้อย อาจเพราะเราเข้าวงการมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยไม่รู้ว่าเราจะพูดยังไงกับใคร แต่พอเราอยู่ในวงการมานาน ๆ แล้วมาทำงานวิทยุ ตอนจัดรายการคนเดียวก็ไม่รู้จะไปตลกกับใคร พอมาจัดรายการคู่กับพี่บอย-ฌาฆฤณ ก็ทำให้รู้ว่าตัวเองเป็นคนปากไวเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่คือถ้าไม่ได้ทำงาน จอยจะเป็นคนเฉย ๆ นิ่ง ๆ ดูเหมือนเป็นคนเข้าถึงยาก ถ้าไม่ยิ้มจอยจะดุมาก แต่คือจริง ๆ เป็นคนไม่ค่อยคิดอะไร”

อยู่วงการบันเทิงมา 10 กว่าปีแล้ว มีอะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำอีก?

“ทำมาเกือบหมดทุกอย่างแล้ว ที่อยู่ในวงการบันเทิง (หัวเราะ) แต่มันคงมีอะไรที่เราทำไม่ได้อย่างเดินแบบ เพราะเราเตี้ยไง ตอนเด็ก ๆ ก็เคยถ่ายแบบแล้ว แต่ที่อยากทำตอนนี้ก็คือถ่ายแบบนิตยสารสวย ๆ เก็บไว้ แต่จอยว่าเดี๋ยวมันก็คงมีโอกาสดี ๆ เข้ามา”

แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยถ่ายเซ็กซี่กับเอฟเอชเอ็ม?

“จะบอกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดก็คงไม่ใช่ แต่เราลืมไปว่าเราไม่ได้เหมาะกับทุกอย่างบนโลกใบนี้ แล้วตอนนั้นมันทำให้คนมองว่าจอยถ่ายโป๊ หรือถ่ายเซ็กซี่ ซึ่งมันไม่ใช่ไง มันเหมือนเป็นการตัดสินใจที่เราไม่ได้คิดให้ดี คิดน้อยไปนิดหนึ่ง ก็เป็นบทเรียนว่าเวลาจะทำงานอะไรต้องตัดสินใจให้ถี่ถ้วนกว่านี้”

นอกจากงานในวงการบันเทิงมีธุรกิจอะไรอีกไหม?

“เล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ อย่างช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่าง ๆ ไม่รู้จะทำอะไร เลยทำกระโปรงขาย ปรากฏว่าคนก็ใส่กันเนอะ (หัวเราะ) แต่ไม่ได้ทำเยอะ 10-20 ตัวต่อ 1 แบบ ขายผ่าน อินสตาแกรม คือเราไม่ได้กะว่าจะรวยจากตรงนี้ แค่ลองทำดูว่าเป็นยังไง ถามว่าคิดจะขยายไลน์ไหม ก็คิดค่ะ แต่เสื้อผ้าเป็นอะไรที่ยากมาก คือเราต้องรู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร อย่างบางคนเขาเป็นแฟชั่นไอคอน เวลาทำอะไรออกมาคนก็จะตามอยู่แล้ว แต่เราไม่ใช่ไง และคู่แข่งมันเยอะมาก ไหนจะของก๊อบ เพื่อน ๆ ดาราที่ทำก็เยอะ เราก็ไม่ได้มีหัวด้านนี้ ไม่รู้ทิศทางแฟชั่น ส่วนอีกอย่างที่อยากทำก็คืออยากเปิดร้านอาหาร คิดว่าน่าจะมีโอกาสได้ทำมากที่สุด เพราะคุณพ่อกับคุณป้าทำกับข้าวอร่อย เลยรู้สึกว่าน่าสนใจ แต่ก็ต้องดูเรื่องที่ทางและเงินที่จะลงทุนด้วย”

มีคติที่ใช้ในการดำเนินชีวิตยังไงบ้าง?

“เราอยู่ในวงการมานานเนอะ 10 กว่าปี ชีวิตมันขึ้น ๆ ลง ๆ คนที่รู้จักจอยจะรู้ว่าเราเคยอยู่จุดที่สูงมาแล้วก็เงียบไป มันเรียกว่าเป็นจังหวะและโอกาสของชีวิต เพราะฉะนั้นจอยคิดว่าถ้าเรามีโอกาสอะไรอย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ เพราะอย่างงานวิทยุตอนแรกจอยไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่สุดท้ายเราก็อยู่กับมันมาตั้งหลายปี เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสทำอะไรใหม่ ๆ เราก็ทำอย่างเต็มที่ จะได้รู้ว่าสิ่งนั้นมันเหมาะกับเราหรือเปล่า จอยเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 13-14 ปี เราเรียนรู้และผ่านอะไรมาเยอะ มันก็สอนเราว่าอะไรก็ไม่แน่นอนในชีวิต ที่เขาบอกว่าคนจะรักษาความดังไว้ได้นาน ๆ มันยาก คนที่มาเพื่อจะดังแล้วจะอยู่นานมันมีไม่เยอะ”

แล้วความรักกับ หนุ่มตูน-มนัสวี บุญยะวณิช โปรแกรมไดเร็กเตอร์ คลื่น 95.5 เวอร์จิ้น ฮิตซ์ ล่ะ?

“เหมือนเดิมค่ะ ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังไม่แต่งงานตอนนี้ (หัวเราะ) ก็มีคุยกันบ้าง เพราะเรารู้จักกันมา 6 ปีแล้ว แต่ยังเป็นการคุยกันเล่น ๆ ตอนนี้ยังทำงานอยู่ เรายังเอนจอยกับการใช้ชีวิตแบบนี้ พี่เขาก็เฉย ๆ บอกว่าถ้าพร้อมก็แต่ง เพราะความสำคัญมันไม่ได้อยู่แค่กระดาษแผ่นเดียว บางทีเราอยู่แบบนี้แล้วมันแฮปปี้กว่า แต่งกันไปแล้วอาจจะเลิกกัน แต่ไม่ใช่ว่าคบกันไปเรื่อย ๆ นะ คือแต่ถ้าเราคบกันแล้วมันไม่ดี แล้วเราต้องดูว่าจะก้าวไปในทิศทางไหน พี่เขาอาจไปเจอคนที่เหมาะสมกว่ามันก็เป็นไปได้ แต่ก็ยังเป็นความสัมพันธ์พี่น้องที่ดีต่อกัน ผู้ใหญ่ก็มีถาม เพราะว่าคบกันมานาน แต่เขาก็รู้แหละว่าถึงเวลาแล้วเดี๋ยวก็แต่งเอง เพียงแต่คุณพ่อจอยเขาจะเป็นห่วง เพราะเราเป็นลูกสาว แล้วพี่ชายจอยแต่งงานไปแล้ว คุณแม่จอยเสียแล้ว คือคุณพ่อก็มีอายุแล้ว เขาก็กลัวว่าจะให้ใครมาดูแลเรา แต่จอยก็บอกว่าไม่ต้องเป็น ห่วงเรายังดูแลตัวเองได้ ถ้าเราพร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวก็ต้องแต่งเอง ถ้าแต่งไปแล้วเลิกกันเดี๋ยวลำบาก”

มีแฟนอยู่ที่ทำงานเดียวกันเป็นยังไงบ้าง?

“ตอนแรกจอยมองว่าจะไม่มีแฟนที่ทำงานที่เดียวกัน แต่มันเริ่มมาจากเราทำงานอีกคลื่นหนึ่ง เขามาชอบเราตอนนั้น มาจีบ แต่ตอนแรกเราไม่อยากจะอะไรเท่าไหร่ แต่พี่เขาเป็นคนดี เป็นคนเสมอต้น เสมอปลาย เขาโอเค แต่ยอมรับว่าการที่เราต้องทำงานภายใต้ผู้บังคับบัญชาที่เป็นแฟนเรา เป็นคนรู้จักเรา ก็วางตัวลำบาก เราโดนจับตามองมากกว่าคนอื่น เพราะหนึ่งเราเป็นลูกน้อง คนจะมองว่าเรามีสิทธิพิเศษมากกว่าคนอื่น ซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก เพราะพี่เขาก็มีเจ้านายอีกทีหนึ่ง เราไม่อยากให้เขาโดนว่าหรือต้องมาปกป้องเรา ก็พยายามทำงานในการเป็นลูกน้องให้ดี แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว เพราะแค่เราคบกันคนก็จับตามองอยู่แล้ว ถึงเขาจะไม่พูดแต่เราก็รู้แหละ”

แล้วแบบนี้มีวิธีเติมเต็มความหวานกันยังไง?

“ถามว่าหวานไหมก็ไม่ได้หวานมาก เพราะมัน 6 ปีแล้ว แค่เรานึกถึงกันและกันมันก็โอเคแล้ว คือบางทีเราเห็นว่าพี่เขาชอบกินขนมอันนี้ก็ซื้อมาให้ วันไหนอยากทำกับข้าวให้เขาทานเราก็ทำ แต่มันไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่หรือใหญ่โต ไม่ใช่เธอต้องซื้อกระเป๋าให้ฉันนะ คือเราอยู่กันแบบเพื่อน แบบพี่น้องมากกว่า ไม่ได้คบเป็นแฟนทุกวัน”

อายุที่ห่างกันเป็นอุปสรรคไหม?

“จอยชอบคนที่อายุมากกว่า เราเคยคุยกับคนที่อายุแก่กว่าปีหนึ่งแล้วมันไม่รอด เหมือนว่าเราต้องไปวิ่งตามเขา แต่พอมาคบกับผู้ใหญ่ก็สบายใจกว่า นิ่งกว่า คือชีวิตแต่ละวันเราเจออะไรที่มันวุ่นวาย มันปวดหัวมากแล้ว แล้วเราต้องมาปวดหัวเรื่องแฟนอีกเหรอ มันก็ไม่ใช่ไง คือการจะคบกับใครสักคนหนึ่ง เพื่อให้ชีวิตเรามีความสุข เอาง่าย ๆ คนที่คุยแล้วเข้าใจ บางทีเราอาจจะไม่ได้ชอบเหมือนกันทุกอย่าง แต่คิดว่าคนนี้อยู่กับเราได้ คนนี้รู้จักตัวตนของเราขี้วีนไหม ขี้โวยวายไหม ขี้งอนหรือเปล่า คือถ้าต่างคนต่างรู้จักซึ่งกันและกัน แล้วแบบนี้เรารับได้ ก็จะรู้ว่าถ้าใช้ชีวิตด้วยกันจะทำให้ปัญหาการทะเลาะกันลดลง”

สุดท้ายฝากอะไรถึงแฟน ๆ หน่อย?

“ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุก ๆ คนเลยที่ติดตามผลงานจอยมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับจอยสมัยที่เข้าวงการแรก ๆ จนมาถึงตอนนี้ รวมไปถึงแฟนคลับใหม่ ๆ ที่ชอบในตัวละคร “รัชนก” จอยจะมีข่าวดีเรื่องละครใหม่เร็ว ๆนี้ หวังว่าจะติดตามไปเรื่อย ๆ นะคะ แล้วก็ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสจอยทำงานที่ทำงานดี ๆ แบบนี้ ที่ทำให้คนจำเราได้และนึกถึงเราอีกทีหนึ่งค่ะ”

...และนี่คือตัวตนของจริง ๆ สาว “จอย-ชลธิชา” ที่ไม่ใช่ “รัชนก” นางร้ายแอ๊บแบ๊วที่หลาย ๆ คนรู้จัก...