Inside Dara
‘แอน-สิเรียม’ แฮปปี้วิวาห์หนุ่มอังกฤษ ไม่ห้าม ‘นนนี่’ มีคนรู้ใจ

กระโดดมารับบท “ดาริกา” ใน “ดาวเคียงเดือน” ซึ่งเป็นละครแนวคอมเมดี้ครั้งแรกของเธอ ก็ทำเอาหลายคนหลงเสน่ห์กันเป็นแถว สำหรับสาว น้ำตาล-พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยต้องนัดแนะสาวคนนี้มานั่งพูดคุยกันแบบสบาย ๆ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว รวมถึงพลาดไม่ได้เลยก็คือเรื่องหัวใจ ที่กำลังเป็นสีชมพูสดใสอยู่กับหนุ่ม ไผ่-พาทิศ พิสิฐกุล ใครอยากรู้จักตัวตนนางเอกสาวคนนี้ให้มากกว่าที่เคย ห้ามพลาดบทสัมภาษณ์นี้โดยเด็ดขาด

ถามถึงฟีดแบ็ก “ดาวเคียงเดือน”?

“ฟีดแบ็กดีมากเลยค่ะ ทุกคนคิดไม่ถึงว่าตาลจะเล่นคอมเมดี้ได้ เราก็ดีใจมากที่แฟน ๆ ชอบ ซึ่งมันเป็นครั้งแรกที่ตาลได้รับบทแบบคอมเมดี้ จริง ๆ เล่นยากมาก คือพี่เติม ผู้กำกับบอกว่าเขาดึงบางส่วนในตัวตาลออกมา นอกจอตาลก็เป็นคนสนุกสนาน และพี่เติมเขาเห็นคาแรกเตอร์ “ดาริกา” ในตัวตาล แต่ตาลดึงส่วนนั้นออกมาใช้ไม่ได้ เพราะว่าตาลเล่นคอมเมดี้ไม่เป็น แต่พอเราได้เล่นสักพักก็ปรับตัวได้ ได้ร่วมงานกับพี่นักแสดงที่เก่ง ๆ ก็รู้สึกสนุกค่ะ”

บท “ดาริกา” เหมือนน้ำตาลตรงไหน?

“นี่แหละคือตัวตาล (หัวเราะ) ชีวิตตาลเป็นแบบนี้เลย เป็นผู้หญิงห้าว ๆ สนุกสนาน คือพื้นฐานชีวิตของดาริกาอาจจะแตกต่างจากเรา แต่ลักษณะนิสัยของตัวละครนี้เหมือนเรามากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ จริง ๆ บท “ดาริกา” สอนตาลได้เยอะเลยค่ะ ทั้งเรื่องความกตัญญูกับครอบครัว และเขาเป็นคนที่ไม่อายว่าตัวเองมาจากไหน แม้ว่าเขาจะเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ แต่ก็ไม่เคยอายที่จะบอกว่าตัวเองเป็นหลานของสัปเหร่อ แล้วก็กลับมาช่วยแม่ค้าขาย ตาลว่าตรงนี้มันเป็นสิ่งสำคัญกับอาชีพนักแสดงมาก อย่างตาลเองก็ไม่เคยอายเลยที่จะบอกว่าตัวเองเป็นเด็กบ้านนอก คือเราดูเหมือนคนที่มีโอกาสน้อยกว่าคนอื่น และพอได้รับโอกาส เราก็ควรทำให้ดีที่สุด ซึ่งก็เหมือนกับตัวดาริกาค่ะ”

เข้าวงการ 2 ปี มุมมองในวงการบันเทิงเปลี่ยนไปจากวันแรกมากน้อยแค่ไหน?

“เปลี่ยนไปมากทีเดียวค่ะ ตาลคิดว่าตัวเองโตขึ้นด้วย มาแรก ๆ ตาลรู้สึกท้อมาก ร้องไห้บ่อย ไม่อยากทำงานแล้ว คือเราเหนื่อย และเราก็ไม่มีคุณพ่อคุณแม่มาคอยดูแลเราที่กรุงเทพฯ จริง ๆ ตาลเป็นคนที่ติดครอบครัวมาก แต่ตอนนี้เราโอเคขึ้นมาก มีมุมมองในการทำงานและการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป เมื่อก่อนเราทำงานเพราะเราได้โอกาส แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าเรารักการแสดง อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ และเราก็รู้ว่าเราทำเพื่อครอบครัวค่ะ”

สำหรับการวางตัว พอเป็นดาราเต็มตัว ต้องปรับเรื่องอะไรบ้าง?

“แรก ๆ ที่เข้ามาตาลเป็นคนปิดตัวเอง เพราะเราไม่รู้ว่าสังคมบันเทิงเป็นแบบไหน แต่ตอนนี้ใครเข้ามา เราก็คุยหมด เอาความจริงใจเข้าแลก ในการคบคนตาลให้ไปเลย 100 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นก็ดูผลตอบรับจากเขาว่าจะเป็นยังไง ตาลเป็นคนจริงใจ และเราก็ทำให้เขาเห็นในสิ่งที่เราเป็น ไม่ต้องนั่งเฟกค่ะ”

เข้าวงการแรก ๆ น้ำตาลเองก็มีข่าวกับหนุ่มเยอะเหมือนกัน จริง ๆ เราเป็นคนเจ้าชู้รึเปล่า?

“ตอนแรกเราก็งงว่าบางคนเราแค่ร่วมงานและถ่ายรูปด้วยกัน ก็กลายเป็นข่าวไปแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าทำไมใช้ชีวิตยากจังเลย การที่เราจะมีเพื่อนร่วมวงการสักคน มันดูเป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าสำหรับข่าวที่เกิดขึ้น คือทุกคนมีวิจารณญาณในการรับข่าวอยู่แล้ว เดี๋ยวเขาก็เข้าใจเองว่ามันไม่มีอะไร ซึ่งข่าวต่าง ๆ ที่เข้ามาก็เหมือนเป็นบททดสอบตาลเหมือนกันนะ พอคุณพ่อตาลเห็นข่าวก็คิดว่าทำไมถึงมีแบบนี้ เขาไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้เลย แต่ตอนนี้เขาเข้าใจเราแล้ว ก็มองเป็นขำ ๆ ไป แต่ส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่ก็รู้จักเพื่อนตาลทุกคน เวลามีอะไรตาลเล่าให้ที่บ้านฟังตลอด ส่วนเรื่องเจ้าชู้สำหรับตัวตาลน้อยมากเลย คือตาลเป็นผู้หญิงแบบแมน ๆ หน่อย เพื่อนตาลส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชาย ตาลโตมากับคุณพ่อที่เป็นตำรวจ ตาลมีพี่น้องส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย มีพี่ผู้หญิงก็เป็นทอมอีก คือเราเติบโตด้วยสิ่งแบบนี้ ตาลเลยอาจไม่ชอบเสียงผู้หญิงที่เจ๊าะแจ๊ะ แล้วเพื่อนผู้หญิงบางคนก็ขี้น้อยใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ผู้ชายอะไรก็โอเค ตาลเลยชอบนิสัยแบบผู้ชายค่ะ”

คิดมั้ยว่าวันนึงตัวเองจะก้าวมาเป็นนางเอกของช่อง 3 ได้?

“จริง ๆ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาอยู่ในวงการบันเทิงแบบนี้ ตอนเด็ก ๆ เราดูข่าวบันเทิงน้อยมาก ตาลเป็นนักวิ่ง ชอบว่ายน้ำ เคยเตะบอลด้วย ชีวิตเราก็เล่นกีฬามาตลอด จุดเปลี่ยนที่ทำให้เราก้าวเข้าวงการได้ คือการที่เราไปเรียนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วเราได้เป็นดาวคณะและเชียร์ลีดเดอร์ เลยได้ทำกิจกรรมคณะมากยิ่งขึ้น และก็เริ่มดูแลตัวเอง จากนั้นเราก็มีรูปตามอินเทอร์เน็ต ต่อมาก็มีผู้จัดการติดต่อเข้าวงการ จนได้ทำงานถึงวันนี้ เมื่อก่อนเรามีความฝันที่จะเป็นครูอย่างเดียว แต่พอเราได้ทำงานตรงนี้ ก็หลงรักอาชีพการแสดง มีความสุขที่ได้ทำค่ะ ส่วนอนาคตในวงการ คือตาลไม่คิดว่าวันนึงข้างหน้าตัวเองต้องดังมาก ๆ และเราอยู่ในวงการตลอดไป ตาลแค่อยากเล่นให้ครบทุกบทบาท อยากพัฒนาตัวเองให้สมกับคำว่าเป็นนักแสดง ตาลไม่ได้ยึดติดว่าเราต้องเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา หรือเป็นเจ้าแม่คอมเมดี้ไปตลอด ตาลอยากให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้สามารถเล่นได้หลายบทบาท และทุกคนก็เชื่อว่าเราเป็นตัวละครนั้นจริง ๆ ส่วนในอนาคตตาลอาจจะทำธุรกิจที่ทำให้เราได้มีเวลาใช้ชีวิตกับครอบครัวได้มากยิ่งขึ้น เพราะครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เราเสียเวลาให้กับการทำงาน แต่เราก็รู้ว่าทำเพื่อครอบครัว แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าเราเอาครอบครัวมาอยู่กับเราได้ด้วยค่ะ”

งานอดิเรกคืออะไร?

“ตาลชอบอ่านหนังสือค่ะ มันทำให้เราได้เห็นมุมมองโลกมากขึ้น และตาลก็ชอบปฏิบัติธรรม ตาลเป็นลูกศิษย์ท่าน ว.วชิรเมธี มา 3 ปีแล้ว ไปช่วยงานบุญท่านตลอด เรารู้สึกว่ามันเหมือนการต่อบุญตัวเราเองและช่วยเหลือสังคมด้วย คือการที่เราเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงก็มีส่วนทำให้เราช่วยเรื่องนี้ได้มากขึ้น พอเรามีชื่อเสียง เราก็สามารถประชาสัมพันธ์ให้คนมาร่วมทำบุญได้ ซึ่งการปฏิธรรมก็มีส่วนช่วยในการทำงานของตาลได้เยอะมาก เมื่อก่อนตาลจะนอยด์ง่าย เซ้นสิทีฟกับคำพูดคน อย่างคนที่ไม่รู้จักมาด่าเรา เราก็จะคิดว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ แต่พอเราดึงธรรมะมาก็ช่วยให้เราเย็นลง สิ่งหนึ่งที่ตาลนำมาใช้อยู่เสมอคือ “มีสติอยู่กับปัจจุบัน” คือเราอย่าไปคาดหวังอนาคต และอย่ากังวลกับอดีต ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันค่ะ”

ถามถึงหัวใจกับ “ไผ่-พาทิศ” บ้าง?

“ตอนนี้เรื่อย ๆ เลยค่ะ ตาลว่าเรารู้จักกันมานานแล้ว เราอยู่ในกลุ่มเดียวกัน คู่เราเลยไม่ได้หวือหวามากมาย ส่วนที่ตาลไม่ค่อยพูดถึงความรักเท่าไหร่ คือด้วยความที่เราเข้าวงการมาแค่ 2 ปี ก็อยากให้คนจับตาเรื่องการแสดงมากกว่า อยากให้คนติดตามและรู้จักผ่านทางผลงานเรา ไม่ใช่ข่าวหรือเรื่องความรัก ไม่อยากให้คนเห็นว่าเราไปเกาะกระแสใครหรือดังเพราะเรื่องข่าว จริง ๆ ตาลไม่ปากแข็งหรอกนะ ตาลไม่ใช่คนที่ปิดตัวเองในเรื่องนี้อยู่แล้ว ตาลว่าทุกคนคงเข้าใจ มันเป็นพื้นฐานชีวิตของมนุษย์อยู่แล้วที่จะต้องมีความรัก มีครอบครัว เพียงแต่ตอนนี้ตาลให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนและการทำงานเยอะกว่าค่ะ”

สำหรับไผ่ เรียกว่าแฟนได้รึยัง?

“ยังดีกว่าค่ะ เป็นแบบนี้มันก็ดีแล้ว พอมาถึงตอนนี้ตาลมองเห็นคนที่ให้กำลังใจเรา เหมือนเราทำในสิ่งดี ๆ ให้กันมานานแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่เขาคนเดียวด้วย แต่มันเป็นเหมือนกลุ่มเพื่อนที่พร้อมจะให้กำลังใจกันตลอดเวลา ตาลว่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้แล้วค่อย ๆ ศึกษากันเรื่อย ๆ ดีกว่า ถามว่าคำว่า “แฟน” สำคัญกับตาลรึเปล่า จริง ๆ คำว่าแฟนมันก็เหมือนคำจำกัดความในการเรียกความรักของแต่ละคนว่าจะเป็นแบบไหนมากกว่า แต่สำหรับตาลถ้าเรายังไม่รีบร้อนขนาดนั้น ก็ยังไม่อยากเอาคำนี้มาผูกมัด ตาลว่าเราเป็นพี่น้องกันไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ค่อย ๆ ดูแลซึ่งกันและกันไป แล้วโอกาสข้างหน้ามันจะพัฒนาไปมากแค่ไหน เราก็ไม่มีการปิดกั้นอยู่แล้ว ถ้าวันนึงมันใช่แล้ว ตาลเจอคนที่เราจะใช้ชีวิตด้วยกันไปนาน ๆ ตาลต้องบอกทุกคนอยู่แล้ว แต่ถ้าเรายังอยากค่อยเรียนรู้กันอยู่ ก็ปล่อยให้เป็นแบบนี้ก่อนดีกว่า เพราะวันนึงเกิดเลิกราขึ้นมามันเจ็บปวดทั้งคู่ ส่วน ณ วันนี้เราทั้งคู่ยังเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาอยู่มั้ย จริง ๆ ก็ได้นะ (หัวเราะ) แต่คือตาลเป็นคนที่จะค่อย ๆ พัฒนาไปทีละคนค่ะ กับพี่ไผ่ตอนนี้ตาลขอเรียกเขาว่าเป็นพี่ที่สนิทที่สุดค่ะ”

ณ วันนี้ไผ่ยังดูแลเราดีเหมือนเดิมมั้ย?

“ก็เสมอต้นเสมอปลายนะคะ เขาเป็นคนดี ด้วยความที่เราอาจจะมีคาแรกเตอร์และการใช้ชีวิตที่เหมือนกัน อย่างที่บอกว่าตาลเป็นคนลุย ๆ

แมน ๆ กลุ่มเพื่อนตาลก็จะง่าย ๆ สบาย ๆ รวมถึงเขาด้วย จะไม่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยกับเรา สำหรับเรื่องราวประทับใจที่มีต่อพี่ไผ่คือเขาดูแลดีไม่ใช่เฉพาะแค่เราคนเดียว แต่เขาดูแลทุกคน มันทำให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่น่ารัก เข้ากับคนทุกคนได้”

ความสัมพันธ์ที่เรียกว่า “ใช่” สำหรับตาล เป็นยังไง?

“ตาลอยากประสบความสำเร็จกับด้านใดด้านหนึ่งก่อน เราทำงานตรงนี้ เราก็อยากให้คนแฮปปี้กับอาชีพนักแสดงของเรา ในส่วนของการเรียนมันก็มีบางอย่างที่ยังไม่ลงตัว ตาลเลยยังไม่อยากจะเครียดกับอีกหลายอย่าง เพราะสิ่งที่ตามมากับความรักก็คือความคาดหวัง พอเราคาดหวังอะไรจากคนคนนึงแล้วเขาทำไม่ได้ในสิ่งที่เราหวัง มันก็จะทำให้เรากังวล และหลายอย่างก็พังไปได้ ดังนั้นเราอยู่ตรงจุดนี้ ค่อยเรียนรู้และไม่คาดหวังซึ่งกันและกัน มันก็มีความสุขดีค่ะ สำหรับคนเราถ้ามีความคาดหวังต่อกันสูงเกินไปก็จะไม่แฮปปี้ เหมือนอย่างความรักในครอบครัว เราไม่เคยคาดหวังว่าแม่และพ่อจะทำให้เรามากมายขนาดนี้ ความรักระหว่างแฟนก็เหมือนกัน เราไม่ควรคาดหวังว่าผู้ชายคนนี้ต้องดีถึงที่สุด แต่เราก็มองแค่ว่าเขาทำเพื่อเรา เขารักเรา จริงใจกับเรา แค่นี้ก็ดีแล้วค่ะ”

สุดท้ายความรักดี ๆ ในแบบที่เราต้องการเป็นยังไง?

“ตาลเป็นคนชอบความจริงใจ มันเป็นพื้นฐานแบบเดียวกับความไว้ใจ หากเราเสียไปแล้วก็คงไม่สามารถที่จะเรียกกลับมาต่อคืนได้เหมือนเดิม ดังนั้นความรักอยู่บนฐานของความจริงใจ ไว้ใจ และให้อภัยซึ่งกันและกัน มันจะอยู่ได้ยาว ซึ่งถ้าพี่ไผ่ทำได้แบบนี้ ก็เดี๋ยวค่อยมาดูกันต่อไปค่ะ (ยิ้ม)”

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้สาวคนนี้ทั้งเรื่องงานและความรักนะจ๊ะ.