Inside Dara
'ญาญ่า'สุขทั้งงานและหัวใจ ชู'ณเดชน์'คนสำคัญในชีวิต

“พี่ณเดชน์ไม่ใช่แค่เพื่อนในวงการ เขาเป็นหลาย ๆ อย่าง เราต้องขอบคุณเขามาก ๆ ที่อยู่เคียงข้างเรา ถ้ามีปัญหาอะไรคนที่หนูคิดถึงคนแรกก็คือพี่ณเดชน์ คิดอะไรก็จะคิดถึงเขาไปด้วย เหมือนเป็นอีกหนึ่งคนในชีวิตที่สำคัญ...”

แจ้งเกิดเป็นดาวรุ่งเมื่อหลายปีก่อน ณ วันนี้นางเอกสาว ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ก็ยังคงความฮอตไม่มีตก เพราะนอกจากงานโฆษณาจะแน่นเอี้ยดแล้ว ตอนนี้เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส แถมยังมีผลงานละครล่าสุด “หนึ่งในทรวง” ประกบซุป’ตาร์หนุ่ม เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข ให้แฟน ๆ ได้ฟินด้วย งานนี้ “ดาวต่างมุม” จึงขอนัดแนะสาวสวยคนนี้มาพูดคุยกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟถึงมุมมองการใช้ชีวิตในวงการ รวมถึงเรื่องหัวใจกับพี่ชายคนสนิท ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่บอกเลยว่าอยากให้แฟน ๆ ตั้งใจอ่านบทสัมภาษณ์นี้ทุกคำถาม แล้วจะรู้ว่าสาวญาญ่านั้นมีดีกว่าที่เห็นมากทีเดียว บทบาท

“หทัยรัตน์” ใน “หนึ่งในทรวง” เป็นยังไง?

“หนึ่งในทรวงเป็นละครย้อนยุคเรื่องแรกของหนูเลย สำหรับ คาแรกเตอร์ “หทัยรัตน์” หรือ “ปุ้ม” คือคุณพ่อคุณแม่เขาเสียตั้งแต่เด็ก ๆ เขาอยู่กับคุณป้าที่เอาเขามาเลี้ยง และฐานะดั้งเดิมของปุ้มไม่ได้สูงขนาดคนที่รับมาเลี้ยง เขาเลยกลายเป็นเด็กมีปมด้อย รู้สึกไม่ดีพอ โดนคนในสังคมชั้นนี้ดูถูก ทำให้กลายเป็นคนค่อนข้างมีอีโก้สูง มีความมั่นใจ ชอบเอาชนะ เพราะไม่อยากให้ใครดูถูกค่ะ จริง ๆ คาแรกเตอร์นี้ยากมากสำหรับหนู เพราะเป็นละครย้อนยุคด้วย และหนูเป็นคนที่แสดงบทบาทอะไรหน้าตาจะไปหมด แต่ในเรื่องนี้ไม่ต้องการแบบนั้นค่ะ เพราะสมัยนั้นผู้หญิงจะไม่แสดงออกเยอะ เลยรู้สึกต่างจากตัวหนูมาก ๆ ส่วนเรื่องอีโก้หนูว่าทุกคนมีหมดนะคะ แน่นอนว่าทำงานในวงการเราต้องโชว์ศักยภาพของตัวเอง การที่เรามีอีโก้เป็นสิ่งที่ดี เพราะมันจะผลักดันให้เราทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด แต่ของปุ้มเป็นขั้นโคม่ามาก เพราะโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่หนูไม่มีอีโก้ขนาดนั้น”

เล่นคู่ “เจมส์ จิ” เป็นครั้งแรก รู้สึกยังไง? “โอเคเลยนะคะ ตอนแรกอาจต้องใช้เวลาปรับให้เข้ากันค่อนข้างนาน ด้วยตัวหนูเองไม่เคยเล่นพีเรียดมาก่อน จังหวะมันเลยไม่ได้สักที แต่ก็ค่อย ๆ ไปกัน ณ วันนี้เริ่มเข้าจังหวะกันมากขึ้น ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่าเราเกาเหลากับน้องออกมา ก็ไม่ทำให้เราทำงานกันยากขึ้นเลย เพราะเรารู้กันอยู่แล้วว่าอะไรเป็นยังไงค่ะ”

คาดหวังให้คนอินเรื่องนี้แค่ไหน เพราะแฟนบางคนก็ชอบ “ญาญ่า- ณเดชน์” ส่วน “เจมส์” ก็มีคู่จิ้นกับ “เบลล่า ราณี”?

“จริง ๆ ละครทุกเรื่องไม่ว่าจะเล่นกับใคร ความต้องการของนักแสดงคือให้คนดูแล้วอิน ก็หวังว่าคนดูจะชอบนะคะ เพราะเรื่องนี้เนื้อหาค่อนข้างเบา เป็นแนวลูกกวาด ดูง่าย เด็กหรือผู้ใหญ่ดูได้ ส่วนคาดหวังว่าหนูกับน้องเจมส์จะเป็นคู่ขวัญคู่ใหม่เลยรึเปล่านั้น ส่วนตัวหนูอยากให้ทุกอย่างออกมาดีหมด และถ้าได้ถึงขนาดนั้นก็ยินดีเลยค่ะ ถ้าคนดูเราแล้วจำเราได้ไปตลอด”

เข้าวงการมากี่ปีและได้เรียนรู้อะไรจากวงการบ้าง?

“จริง ๆ หนูเข้าวงการมานานแล้วนะคะ รวม ๆ ตอนนี้จะ 7 ปีแล้ว คือตอนซีรีส์ “4 หัวใจแห่งขุนเขา” ออนแอร์ก็ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้หนูมีงานเดินแบบ ส่วนเรื่องที่ได้เรียนรู้จากวงการก็คือ หนูว่ามันมหัศจรรย์มาก คนอื่นที่ไม่ได้เข้ามาทำงานตรงนี้คงไม่มีประสบการณ์แบบนี้ สำหรับอายุเท่านี้นะคะ หนูได้เห็นอะไรที่เยอะมาก ได้รู้ความเป็นมนุษย์มาก ทำให้เราเปิดใจยอมรับคนได้มากขึ้น เพราะเราได้เจอคนหลายแบบ ได้เรียนรู้ในเรื่องความรับผิดชอบที่สูง ความคิดเราก็โตไปด้วยค่ะ”

มุมมองวงการบันเทิงของเราจากก้าวแรกจนถึงวันนี้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน?

“เปลี่ยนแปลงค่ะ วันแรกที่เราเข้ามาในวงการ เราจะรู้สึก โอ้โห! ว้าว! ตื่นตาตื่นใจ เพราะว่าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน แต่พอเราค่อย ๆ ทำงานไป ก็เริ่มเข้าใจในวงการว่าทีมเวิร์กเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไปค่ะ”

ยึดติดกับคำว่า “นางเอก” มั้ย?

“ไม่ค่ะ หนูว่ามันเป็นคำที่สามารถตีความได้หลายอย่าง สำหรับหนูคำว่านักแสดงคือการเป็นนางเอก นางร้าย หรือการเป็นอะไรก็ตาม มันเป็นแค่คำโดยนัยเฉย ๆ ฉะนั้นการเป็นนักแสดงมันต้องเป็นได้ทุกอย่าง หนูไม่ได้ยึดติดคำว่านางเอกเลย ส่วนเรื่องคลื่นลูกใหม่ หนูว่ามันเป็นวงจรของวงการบันเทิง เราเลยไม่ได้เอามาคิดอยู่แล้ว ยังไงมันก็ต้องมีคนเข้ามาใหม่เรื่อย ๆ ก็ถือเป็นประสบการณ์ใหม่แล้วกันที่จะได้ทำงานกับคนใหม่ ๆ ด้วยค่ะ”

เราเคยหลงไปกับชื่อเสียงที่เข้ามาบ้างรึเปล่า?

“มีบ้างนะคะ หนูไม่เชื่อนะว่าใครจะไม่มีจุดนี้ หนูทำงานตรงนี้มันจะเป็นความรู้สึกที่คนรู้จักเราเยอะ เราเลยตั้งเป้าหมายตัวเองไว้สูง และตอนที่ไม่ได้ดั่งใจ ก็จะรู้สึกนิดนึง แต่โมเมนต์นี้เป็นอะไรที่สอนเราว่าเราจะทำแบบนี้ไม่ได้ค่ะ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีความสุขในการทำงาน ฉะนั้นหนูคิดแบบความจริง ทุกวันนี้บอกกับตัวเองแค่นี้ ไม่ได้คาดหวังอะไรมากขนาดนั้น ซึ่งเรื่องนี้เราคิดได้เอง เพราะมันเป็นแค่เสี้ยวเวลาเดียวที่เราเป็นแบบนี้ และเราก็บอกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะเป็นค่ะ”

วางเป้าหมายในช่วงวัยทำงานตัวเองไว้ยังไง?

“อยากให้คนดูแล้วคิดว่าเราเป็น นักแสดงมืออาชีพ ที่หนูคิดแบบนี้มากกว่าเรื่องชื่อเสียง ก็เพราะหนูคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับงานที่หนูทำก็คือการแสดง ฉะนั้นหากเราทำตรงนี้ได้ไม่ดี อนาคตเราก็จะไม่มีหรอกค่ะ เราต้องทำตรงนี้ให้มันดีที่สุด”

อยากเป็นดาวค้างฟ้ามั้ย?

“เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นเป้าหมายที่เราสามารถตั้งเองได้ ต้องเป็นสิ่งที่คนอื่นมอบให้เรา แต่ถ้าถามหนูมันก็เป็นเป้าหมายที่สูงเกินไป หนูเอาแค่วันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ ถามว่า ณ วันนี้หนูพอใจกับจุดที่ยืนของตัวเองในวงการรึยัง หนูว่าหนูขอมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ ชั่วโมงบินของเราค่อนข้างน้อย เลยรู้สึกว่าโชคดีมาก ๆ สำหรับแต่ละโอกาสที่เข้ามา เกินเป้าหมายแล้วค่ะ”

เวลามีเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ มีวิธีรับมือยังไง?

“หนูเข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่ายังไงก็ตามในโลกนี้มันต้องมีทั้งคนที่รักและไม่รักเรา ฉะนั้นเราก็เลยไม่ได้ซีเรียสขนาดที่เอามานอยด์ค่ะ แต่เราก็เอาใจเขามาใส่ใจเรา ดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่บกพร่อง และเราเอามาปรับตัวเองได้ แต่ไม่ได้เอามาคิดให้ตัวเองนอยด์ เพราะว่าหนูบอกตัวเองตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในวงการเลยว่าหนูจะคิดทุกอย่างแบบความจริง เชื่อในตัวเอง สำหรับคติประจำใจในการทำงาน คือ ณ วันนี้ทุกครั้งที่เราทำอะไร ก็ต้องทำอย่างเต็มที่ เพราะว่ามันเป็นหน้าและชื่อของเราที่แสดงออกไปให้คนเห็น การเป็นนักแสดงเวลาที่เราทำอะไรก็อยากให้คนดูประทับใจ อยากให้คนดูสนุกไปกับเราด้วย เลยทำทุกอย่างให้เต็มที่ค่ะ”

ถามถึงคู่จิ้นกับ “ณเดชน์” ที่บอกว่าเป็น “เพื่อนสนิทที่สุด” นิยามคำนี้ในความคิดญาญ่าให้ฟังหน่อย?

“พี่ณเดชน์ไม่ใช่แค่เพื่อนในวงการ เขาเป็นหลาย ๆ อย่าง เราต้องขอบคุณเขามาก ๆ ที่อยู่เคียงข้างเรา ถ้ามีปัญหาอะไรคนที่หนูคิดถึงคนแรกก็คือพี่ณเดชน์ คิดอะไรก็จะคิดถึงเขาไปด้วย เหมือนเป็นอีกหนึ่งคนในชีวิตที่สำคัญ เราเริ่มต้นในวงการพร้อม ๆ กัน มันผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากค่ะ”

ใกล้คำว่าแฟนรึยัง?

“จริง ๆ หนูอยากให้คนดูเองดีกว่าค่ะ (หัวเราะ) อยากให้คนคิดกันเองมากกว่า แต่ถ้าถามหนูก็จะบอกว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดค่ะ จริง ๆ คำว่าแฟนมันก็สำคัญนะคะ สำหรับหนูพ่อแม่ไม่เคยห้ามเรื่องนี้ ความรักมันเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิต ทุกคนที่อยู่ในชีวิตหนูก็รักหมดเลย ทุกคนก็เป็นคนที่สำคัญหมดค่ะ”

แปลว่าวันนึงทั้งคู่อาจจะใช้คำว่าแฟน เพียงแต่รอเวลาเหมาะสม?

“ไม่ต้องรออะไรแล้วค่ะ (ยิ้มเขิน) ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด”

เห็นสองครอบครัวค่อนข้างสนิทกัน สำหรับ “ณเดชน์” แม้ไม่เรียกแฟนแต่ใช้คำว่าสนิทเหมือนครอบครัวเดียวกันใช่มั้ย?

“แน่นอนค่ะ หนูมีหลายคนที่อยู่ในครอบครัว เพื่อน ๆ หนูก็อยู่ในครอบครัว จริง ๆ ครอบครัวเราสนิทกันมาก ถามว่าเรื่องนี้ทำให้เราเข้ากันได้ง่ายขึ้นด้วยมั้ย คือสำหรับหนูและพี่ ณเดชน์ครอบครัวสำคัญมาก แต่เราเข้ากันได้ด้วยตัวตนเราสองคนด้วยค่ะ”

คุณแม่ปลา แม่เรามีเชียร์ “ณเดชน์” เป็นพิเศษรึเปล่า?

“แม่รักพี่ณเดชน์จะตายไป แต่เรื่องเชียร์ไม่มีค่ะ เพราะทุกอย่างที่เกี่ยวกับความรัก เพื่อน หรือคนร่วมงาน แม่ค่อนข้างไว้ใจให้หนูตัดสินใจหมด”

ประทับใจ “ณเดชณ์” ที่ตรงไหน?

“หนูว่าเขาเหมือนเดิมค่ะ เขาเป็นคนที่ดีจากข้างในจริง ๆ คือเรารู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว เราก็น่าจะรู้ถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ซึ่งมันไม่เปลี่ยนเลย มันมั่นคงมาก ๆ ฉะนั้นความดีของเขามันไม่ใช่แค่ดีกับเรา แต่เขาก็ดีกับคนอื่นด้วย มันมาจากข้างใน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หายากค่ะ”

ณ วันนี้ ญาญ่ามีมุมมองความรักยังไงบ้าง?

“ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับทุกคน ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่ด้วยความคิดเราที่โตขึ้น ความรักก็อาจต้องมีเรื่องความไว้วางใจกันเข้ามาด้วยค่ะ”

แล้วสเปกของญาญ่าล่ะ?

“สเปกมันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ค่ะ ส่วนมากมันจะมีอิทธิพลมาจากหนัง ดูพระเอกคนนี้หล่อจัง แต่พอถึงที่สุดหนูเชื่อว่าหนูไม่ได้ดูคนจากหน้าตา มันอาจจะฟังดูแล้วเชื่อยาก แต่หนูไม่ได้เน้นหน้าตา แต่ขอแค่เป็นคนที่นิสัยดีค่ะ”

เสมอต้นเสมอปลายแบบ “ณเดชน์” ตรงสเปกมั้ย?

“แน่นอนค่ะ ขอแค่นิสัยได้ครึ่งหนึ่งของพี่ณเดชน์หนูว่าก็โชคดีแล้วค่ะ (ยิ้ม)”

นอกจากคู่จิ้น เรายังเป็นคู่บุญกับ “ณเดชน์” ด้วย เพราะทำบุญร่วมกันบ่อยด้วย?

“ก่อนหน้าจะเจอพี่ณเดชน์เราไม่ได้มีโอกาสที่จะไปวัดบ่อยเท่านี้ ต้องขอบคุณแม่แก้ว (แม่ณเดชน์) ที่ชวนหนูไป ส่วนการทำบุญยิ่งเป็นการหนุนนำคู่เรารึเปล่านั้น คือความตั้งใจเราทั้งสองคนไม่ได้เป็นแบบนั้น เราก็แค่ไปหาเวลาให้กับตัวเองด้วย ทุกครั้งที่เราทำบุญเราก็ทำเพื่อตัวเอง และหวังว่ามันจะเป็นบุญที่ส่งไปถึงแฟนคลับ เพราะทุกครั้งที่เราไปทำบุญ แฟนคลับก็ไปเยอะมากค่ะ”

เป็นอีกคู่แฟนคลับ “เอ็นวาย” (ชื่อแฟนคลับณเดชน์-ญาญ่า) ค่อนข้างหวง อึดอัดบ้างรึเปล่า?

“ไม่ขนาดอึดอัดค่ะ เพราะว่าสุดท้ายเราก็รู้ว่าคืออะไร หนูว่าที่เขาหวงมันก็เป็นปกติที่แฟนคลับทุกคนจะหวงศิลปินของเขา ไม่ใช่เฉพาะแค่คู่เรา หนูไม่เคยไปบอกหรือห้ามแฟนคลับเรื่องนี้เลย เพราะสุดท้ายเขาก็เป็นกำลังใจให้เราอยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะร่วมงานกับใครค่ะ”

ฝากถึงแฟนคลับที่คอยให้กำลังใจเรามาตลอด?

“ต้องขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ถ้าไม่มีแฟนคลับสนับสนุน เราก็จะไม่มีวันนี้แน่นอน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กันมาตลอด แฟนคลับเหมือนเป็นอีกครอบครัวนึงที่เขามอบความรักให้กับเรา ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักเรามาก่อน หนูไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรมาถึงได้รับความรักขนาดนี้ เป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ ค่ะ”

งั้นสุดท้ายต้องทำให้แฟนคลับฟินด้วยการรับ “ณเดชน์” เป็นแฟน?

“ดูไปเรื่อย ๆ ค่ะ (หัวเราะเขิน)”

ได้รู้จักตัวตนของสาว “ญาญ่า” แล้ว ต้องบอกว่าแนวคิดการทำงานเธอช่างเลอค่า ส่วนหัวใจกับ “ณเดชน์” ก็เป็นความรักที่งดงาม แม้จะไม่ใช้คำว่าแฟนก็ตาม.