Inside Dara
ฝ่าม่านหมอกชีวิตของ"กิ๊ฟท์ซ่า"สู่ท้องฟ้าอันสดใสในวันนี้

หากคุณยังจำข่าวนักร้องสาวเมาแล้วขับ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้ แน่นอนคุณต้องนึกถึง "กิ๊ฟท์ซ่า" ปิยา พงศ์กุลภา วันนี้เธอขอเปิดใจถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา รวมถึงบทเรียนที่เธอได้รับ ขออาสาพาทุกท่านไปสัมผัสอีกหนึ่งตัวตนของเธอคนนี้

จากเรื่องเมาแล้วขับ
ผ่านพ้นมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ไปแล้ว ช่วงนี้ชีวิตเป็นอย่างไร

หลังจากเกิดเรื่องที่ผ่านมา คิดว่าตัวหนูเองก็ว่างมากๆ (หัวเราะ) ส่วนชีวิตประจำวันปกติ หนูได้ใช้เวลาว่างนี่แหละอยู่กับตัวเองมากขึ้น เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม เป็นวันเกิดของหนู เดิมตั้งใจไว้ว่าจะถือศีล 5 หนูก็ได้ทำ และปฏิบัติมาระยะหนึ่ง รวมถึงกินเจด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้เรามีสติมากขึ้น มีสัมปชัญญะ คือการระวังคำพูดมากขึ้น คิดก่อนพูดมากขึ้น เพราะเราจะพูดจาเพ้อเจ้อก็ไม่ได้ ถือว่าดีกับตัวเราด้วย

การได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้ได้ค้นพบอะไรบ้าง

ปกติเราเป็นคนที่สนใจ เกี่ยวกับเรื่องหลักธรรมทางธรรมอยู่แล้ว เพราะเราเป็นพุทธศาสนิกชน เป็นคนที่อ่านหนังสือธรรมะและปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว แต่แค่ผิวเผินเท่านั้น พอวันหนึ่ง เราได้มาปฏิบัติอย่างจริงจัง แล้วเราได้ค้นพบว่า การที่เราได้อยู่กับชีวิตมากขึ้น มันทำให้เราได้หลายๆ อย่างที่ดีกลับคืนมา และเราเกิดความเข้าใจ เช่นปกติเราชอบคิดว่าการถือศีลหลายคนคิดว่าเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้ง่าย แต่พอได้มาปฏิบัติอย่างจริงจังบอกได้เลยว่ามันเป็นเรื่องยาก

ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นบ้างหรือยัง

จากตอนนั้นต้องยอมรับเลยว่าสภาพจิตใจของหนูค่อนข้างแย่มากๆ เพราะเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น หนูเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง พอข่าวมันออกมาแน่นอนต้องถูกโจมตีหลายๆ ด้าน ซึ่งมันดูไม่ดีอยู่แล้ว พอเวลาผ่านไป เราได้คิดกับตัวเองและทบทวนอะไรด้วยตัวเองอย่างจริงจังถึงหลายสิ่งที่เกิดขึ้น มาถึงตอนนี้สภาพจิตใจของหนูดีขึ้นมากๆ จากจุดนั้นที่ผ่านมา และจะพยายามไม่ให้เรื่องราวร้ายๆ แบบนั้นกลับมาหลอกหลอนจิตใจตัวเองอีก กับสิ่งที่ผ่านเข้ามา เราจะถือว่าผ่านมาแล้วก็ผ่านออกไป ไม่ได้ไปยึดติดมันให้เสียสติอีก ก็หาแง่มุมดีๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อให้ได้เห็น และคิดอะไรใหม่ๆ บ้าง และถือว่าเป็นการไปพักผ่อนเติมพลังให้แก่ตัวเองบ้าง

วลีเด็ด "ขอน้ำสามขวด" หรือ "ไม่เมาไม่เป่า" หลังจากเรื่องราวผ่านไปแล้ว พอได้ยินอีกรู้สึกอย่างไร

เอาจริงๆ ตอนนี้ยังได้ยินอยู่สำหรับประโยคนี้ ขอบอกเลยว่าบางทีเราอาจจะไม่ได้ขำไปกับสิ่งที่เราทำออกไป แล้วมีคนสวนกลับมาให้เราดูตัวเองนะ คือจะอธิบายว่าถ้าอยู่ ณ จุดนั้น คำพูดที่เราพ่นออกมามันดูแย่มาก อันนี้เรายอมรับจริงๆ แต่พอเราลองมองในอีกแง่มุมหนึ่ง สมมุติว่า ถ้าเราเป็นคนที่นั่งดูข่าวนั้น ถามว่าหนูจะขำตัวเองมั้ย บอกได้เลยว่าตลกตัวเองมากและจะเกิดความสงสัยขึ้นทันทีในหัวว่าทำไม ผู้หญิงคนนั้นต้องพูดต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย ตลกจังเลยประมาณนี้ แล้วเราคงจะเอาคำพูดนั้นไปเล่นตลกหรือล้อเลียนเหตุการณ์นั้นเหมือนกัน ล่าสุดในละครยังมีการหยิบเอาคำพูดเราไปใช้อยู่เลย ซึ่งถ้าหากคนเหล่านั้นมองเป็นเรื่องขบขันเราเองไม่ซีเรียสหรอก แต่อยากให้มองอีกมุมหนึ่งว่าเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นกับหนูนั้น มันเป็นอุทาหรณ์ขั้นดีที่สังคมควรจะได้เห็น

ผู้ใหญ่ในอาร์เอส เรียกคุยถึงเรื่องการพักงาน

พอหลังจากเกิดเรื่อง เมาแล้วขับ แน่นอนผู้ใหญ่ทางต้นสังกัดก็เรียกคุย ในส่วนของเฮียฮ้อ ท่านเป็นผู้ใหญ่เราเองก็โตแล้ว จึงเป็นการเรียกเข้าไปทำความเข้าใจกันมากกว่า เพราะเฮียบอกไว้อยู่คำหนึ่งว่า การดื่มเหล้า มันไม่ผิดกฎหมายหรอกนะ แค่ผิดศีลเท่านั้นเอง แต่การดื่มเหล้าจนเมาแล้วขับรถมันผิดหลายอย่าง ทั้งผิดกฎหมาย ผิดศีล แถมเสื่อมเสียอีกหลายอย่าง ซึ่งเราเองก็เข้าใจ

บทบาทในการบำเพ็ญประโยชน์ที่บ้านนนทภูมิ

บอกได้เลยว่า เหนื่อยและหนักจริงๆ สำหรับการไปบำเพ็ญประโยชน์ที่บ้านนนทภูมิ หนูทำทุกอย่างเลยนะ ตั้งแต่ไปอ่านหนังสือให้น้องๆ ที่นั่นฟัง เลี้ยงข้าวเสิร์ฟอาหาร ทำกับข้าว จนถึงการถูเช็ด และล้างจานล้างถาดอาหารของเด็กๆ ที่นั่นอย่างจริงจังมากๆ เมื่อก่อนการมาทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์กับทางสังกัด ก็จะมากันแบบยกค่ายบ้าง หรือมากันหลาย ๆคน และทำกิจกรรมแบบเบาๆ เราได้รู้เลยว่า ทั้งหมดที่ทำไปนั้น มันดูหยิบโหย่งมากจริงๆ พอได้มาสัมผัสกับงานแบบนี้มันทำให้เราได้เห็นได้ทำอะไรหลายอย่าง แง่คิดดีๆ จากน้องๆ ที่บ้านนนทภูมิที่เขาไม่ต้องไปไขว่คว้าหาหรือต้องการอะไร มากกว่าความสุขที่มาจากตัวเอง เราจึงได้ลองมาย้อนดูตัวเราเองว่า ที่ผ่านมานั้นเราจะเหนื่อยไปเพื่ออะไรกับหลายๆ สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มาถึงวันนี้ ชื่อเสียง เงินทอง ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ทำให้เรารู้ว่าเราสามารถจะสร้างความสุขได้ด้วยตัวของเราเอง กิ๊ฟท์ยืนยันเลยว่ามันทำได้จริงๆ

ได้บทเรียนอะไรบ้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้

สำหรับบทเรียนที่ได้รับในเหตุการณ์ครั้งนี้เหรอ หนูคิดว่าตัวเองได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง และได้รู้อะไรเยอะเกี่ยวกับใจของคนที่อยู่รอบๆ ตัว เราได้รู้ว่ามีใครบ้างที่รักและเป็นห่วงเรา มีคนรอบๆ ข้างคนไหนจริงใจกับเราบ้าง อันนี้เป็นอีกมุมดีๆ ที่เราได้เรียนรู้ว่าถึงแม้จะมีผู้คนรายล้อมตัวเองอยู่มากมายก็ใช่ว่าทั้งหมดนั้นพร้อมที่จะยื่นมือออกไปช่วยคุณ ในยามที่เรากำลังลำบาก จริงมั้ย

เข้าสู่ชีวิตครอบครัว
คำสั่งสอนของพ่อแม่ที่จำได้ขึ้นใจคือ

ที่บ้านของกิ๊ฟท์เป็นครอบครัวจีน แต่คุณแม่จะเป็นคนที่ควบคุมทุกอย่างไว้และคอยกำกับตลอด อย่างเวลาอยู่บ้านเมื่อถึงเวลาทานข้าวต้องไปทาน ได้เวลาอาบน้ำก็คือต้องอาบ บ้านช่องก็จะสะอาดมากๆ และมีคำสอนของแม่ที่จำได้ขึ้นใจเลยคือ ทำตัวเป็นคนดีไม่เบียดเบียนใคร และอย่าให้ใครเบียดเบียนเรา อีกอย่างคือต้องตั้งใจเรียน

วีรกรรมในวัยเด็กแบบเด็ดๆ เป็นยังไงบ้าง แสบ ซน แค่ไหน

แต่ก่อน บ้านอยู่แถวจรัญสนิทวงศ์ ทำให้การเดินทางมาโรงเรียนสตรีวิทย์ มีหลากหลายหนทางมากๆ 1.รถเมล์ 2.แท็กซี่ 3.เรือ แล้วต่อรถตุ๊กๆ เพื่อจะหาวิธีการมาโรงเรียนที่เร็วที่สุดเพื่อหลีกหนีอาจารย์ฝ่ายปกครอง เพราะ 7 โมงครึ่งจะมีคนคอยตรวจเครื่องแบบหน้าโรงเรียน ซึ่งหนูทำผิดระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า และตอนนั้นเลือกวิธีการที่ 3 พอลงตุ๊กๆ ได้ดันไปสะดุด เข่าลากไปกับพื้นจนหนังเปิดเลือดไหลเดินเข้าโรงเรียน ตอนแรกนึกว่าจะรอด เพราะเราบาดเจ็บ แต่ในที่สุดก็โดนทำโทษอยู่ดี แต่ถึงแม้หนูจะดื้อ จะเปรี้ยวแค่ไหนหนูเรียนไม่เคยเกรดต่ำว่า 3 เลย

ว่ากันด้วยเรื่องผลงาน
ก่อนหน้าที่จะถูกโทษพักงาน 6 เดือน มีผลงานอะไรติดค้างไว้หรือไม่

เรื่องผลงานก่อนหน้าที่หนูจะถูกพักงาน ตอนแรกมีละครเรื่องหนึ่งวางไว้ แต่ยังไม่ได้สรุปรายละเอียดใดๆ เรื่องมาเกิดขึ้นซะก่อน แต่พอหลังจากนี้อีกประมาณ 3 เดือน ก็จะมีละครเรื่อง กากับหงส์ คิดว่าน่าจะได้ดูกันประมาณเดือนธันวาคม เรื่องนี้ได้พิงค์กี้ (สาวิกา ไชยเดช) เป็นนางเอก ผู้จัดก็เป็นพี่ก้อง ปิยะ ส่วนบทของตัวเองจะออกแนวร้ายๆ หน่อย จะออกมาเป็นยังไงต้องติดตามได้ที่ช่อง 8


เกิร์ลกรุ๊ปเบอร์ต้นๆ ของ "อาร์เอส"
พูดถึงวง "เกิร์ลลี่เบอร์รี่" บ้าง อยากให้พูดถึงเพื่อนแต่ละคนในวง

เรื่องเพลง จะพักๆ ไว้ก่อน ตอนนี้กิ๊บซี่เขาเพิ่งกลับมาจากเรียนต่างประเทศ ส่วนแนนนี่ เบล เขาจะเป็นคนแบบติ๋มๆ การใช้ชีวิตของ 2 คนนั้น เขาจะเป็นคนละแบบกับหนูและกิ๊บซี่ ที่เป็นคนเปรี้ยวๆ ปรี๊ดๆ ประมาณนี้

กิ๊ฟท์ซ่าคิดว่า ส่วนไหนในร่างกายของเราที่ดูเซ็กซี่ที่สุด

เอาตรงๆ เลยนะ หนูคิดว่าทั้งตัวหนู ไม่มีส่วนไหนที่ใกล้เคียงกับคำว่าเซ็กซี่เลยจริงๆ(หัวเราะ) มาไล่ดูกันไปทีละส่วนดู จะเห็นได้ว่า หนูเป็นคนที่ไม่มีหน้าอก แขน ขาใหญ่ สะโพกก็เพิ่งจะมามีเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว เพราะร่างกายมันเจริญเติบโต แต่หนูคิดว่าคนที่มองว่าวงเราต้องเซ็กซี่เขามองกันที่ภาพลักษณ์ และการแสดงออกมากกว่าที่จะดูไปตามร่างกายนะ


หัวใจของสาวเปรี้ยว
สถานะหัวใจที่หลายคนอยากทราบ กับหนุ่มไฮโซนัท ณัฐพล สารสาส สรุปแล้วคือ

กับนัท จริงๆ แล้วเราเป็นเพื่อนกันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลย เขาเองเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์กับเราด้วย แต่ไม่ขอพูดถึงนะ สำหรับที่ผ่านมา เขาเองก็ให้กำลังใจเราอยู่ไม่น้อยเลย นัทเขาเป็นคนที่อัธยาศัยดี ดูเหมือนมีพิษมีภัยแต่เขาเป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่งเลยนะในฐานะเพื่อน(ยิ้ม)


เส้นทางบันเทิง
วางแผนชีวิตบนเส้นทางบันเทิงไว้อย่างไร

อนาคตในเส้นทางบันเทิงของกิ๊ฟท์เหรอ หนูเองก็ยังไม่ได้มองไปไกลในจุดนั้น เพราะมันเป็นเรื่องอนาคตที่หนูคิดว่าบางครั้งที่เราวางแผนไว้มันอาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่ฝันนะ แต่นาทีนี้หนูยังเป็นเกิร์ลลี่เบอร์รี่อยู่ หนูก็จะขอยืนอยู่ตรงนี้ และเดินไปกับเพื่อนๆ อีก 3 คนต่อไป สำหรับวงการเป็นอะไรที่ไม่แน่นอนนะ บางทีหนูอาจจะหันไปจับเรื่องราวแวดวงละครก็ได้ เพราะหนูเรียนมาทางด้านสายนี้ ลึกๆ แล้วก็อยากทำนะ

ชีวิตในวงการบันเทิงได้ให้แง่คิด และสอนอะไรบ้าง

จะบอกว่ามีหลายอย่างมาก ที่กิ๊ฟท์ได้จากชีวิตที่อยู่ในวงการบันเทิง มีหลายอย่างที่ทำให้เรารู้ว่าเวลาที่เราโด่งดังมีชื่อเสียง และเวลาที่เราตกลงมาชื่อเสียงลดน้อยลง มีคนแบบไหนบ้างเข้ามาในชีวิต ได้ศึกษาจิตใจคนที่อยู่รอบๆ ตัวเอง ได้ใช้ชีวิตในที่แจ้งที่มีสายตาหลายคู่จับจ้องเราต้องวางตัวอย่างไร และควรรู้กาลเทศะในการวางตัวให้ถูกที่ถูกทางเป็นยังไง อีกทั้งวิธีรับมือกับคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ทำให้หนูรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน

เมื่อวันเวลาอันเลวร้ายผ่านไป ดอกไม้ ท้องฟ้าที่สดใสจะกลับมา และนี่อาจเป็นฟ้าหลังฝนของเธอคนนี้


ชื่อจริง : ปิยา พงศ์กุลภา
ชื่อเล่น : กิ๊ฟท์ซ่า
เกิด : 3 ตุลาคม 2527
การศึกษา : ปริญญาตรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) และปริญญาโท วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผลงานที่ผ่านมา : หนึ่งในสมาชิกวง "เกิร์ลลี่เบอร์รี่", ภาพยนตร์ "สามย่าน"