Inside Dara
"พิม" มีรักไม่คาดหวัง ดำเนินไปตามครรลอง

ก่อนหน้านี้เรามักจะคุ้นเคยกับภาพแบ๊ว ๆ ใส ๆ ของ สาว พิม-พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร หรือ “พิม ซาซ่า” แต่ล่าสุดกับบทบาทร้ายที่คนดูเกลียดไม่ลงในละครแนวพีเรียด “เรือนเสน่หา” ก็ทำให้แฟน ๆ พูดถึงฝีมือทางการแสดงของเธอที่พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง วันนี้เลยขอนัดสาวพิมมานั่งพูดคุยกันที่ “ปิยรมย์ สปอร์ตคลับ” เพื่ออัพเดทถึงเรื่องงาน และเรื่องหัวใจกับหนุ่ม ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์ ที่หลาย ๆ คน คงอยากรู้

ฟีดแบ็กละครเป็นยังไงบ้าง?

“ฟีดแบ็กดีมากเลยค่ะ ด้วยแนวละคร ด้วยความละเมียดละไมของเนื้อเรื่อง เสื้อผ้า หน้า ผม ทุกอย่างลงตัว สำหรับบทบาทของพิมในเรื่องนี้ก็แซบมาก จี๊ดจ๊าด (หัวเราะ) ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร เพราะตัวละคร “เอื้องคำ” มีหลายอารมณ์มาก มีการพัฒนาของตัวละครเยอะมาก แค่เริ่มต้นก็ปรี๊ดแล้ว เหลืออีกครึ่งทางพิมก็ยังเดาไม่ออกเหมือนกัน เพราะเราทำงานพร้อมกับบท แต่รับรองว่าเกินบรรยาย จริง ๆ เรื่องนี้พิมร้ายแบบน่าสงสาร มีมุมที่โดนกระทำเหมือนกัน ทุกครั้งที่ร้ายก็จะแสดงความโง่ออกไปด้วย เพราะตัวละครจะมีความซื่อนิดนึง เลยเป็นที่เอ็นดูว่า โถ...อยากจะร้ายก็เสียท่าเขาอีกแล้ว”

ดูพิมไม่ค่อยยึดติดกับบทนางเอกเท่าไหร่?

“ใช่ค่ะ พิมปลดล็อกความรู้สึกเหล่านั้นไปสักพักนึงแล้ว ก่อนหน้านี้เราจะติดภาพใส ๆ ด้วยวัย ด้วยเวลา ภาพที่ผู้ใหญ่มองเลยเป็นแบบนั้น แต่พอพิมโตขึ้นเรารู้สึกว่าเราจะทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว มันไม่มีช่องว่างสำหรับคนที่ทำงานมาในระยะเวลาหนึ่ง แล้วมันไม่เดินไปข้างหน้า พิมต้องหาตัวเองให้เจอว่าจริง ๆ เราชอบอะไร คือพิมรู้สึกว่าตอนนี้พิมเป็นนักแสดง พิมอยากจะทำงานที่เรารู้สึกว่าเราทำแล้วได้ฟีดแบ็กจากคนดู ได้ทำอะไรใหม่ ๆ พิมเล่นละครมา 15 ปี พอออกเทปก็เล่นละครเลยค่ะ เพราะฉะนั้นพิมเลยโตมากับงานสองอย่างนี้คู่กัน เพียงแต่ตอนนี้ความเป็น “ซาซ่า” หยุดไป ด้วยวัย ด้วยเวลา มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่ว่าการแสดงมีอะไรให้พิมทำอีกเยอะมาก เราเลยคิดว่าเราสามารถพัฒนาตัวเองจากอาชีพตรงนี้ได้”

15 ปีในวงการของพิม เป็นยังไงบ้าง?

“พอเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 พิมก็เริ่มทำงานไปด้วยเลย เพราะฉะนั้นพิมโตมากับวงการนี้ เรารู้ว่าอะไรที่มันดี อะไรที่มันไม่ดี มันไม่ได้มีแต่ข่าวฉาว ๆ อย่างที่ทุกคนเห็น แต่ก็ไม่ได้มีแต่พาร์ทที่มันสวยงาม ทุกอย่างมันมีทั้งแง่ดีและแง่ลบ แต่พิมรู้สึกแค่ว่าเราสามารถเลือกหยิบจับสิ่งที่เหมาะกับการดำเนินชีวิตของตัวเอง พิมไม่ใช่คนหวือหวา ไม่ใช่ดาราที่ออกอีเวนต์

เดินพรมแดงตลอดเวลา เพราะฉะนั้นพิมคิดว่าเจอจุดสบายใจ เจอจุดที่เราทำงานแล้วมีคนที่ชอบในการแสดงของเราจริง ๆ แล้วเห็นเราพัฒนามาเรื่อย ๆ”

ช่วงนี้งานเพลงของเราเป็นยังไงบ้าง?

“เดี๋ยวจะมีคอนเสิร์ต แกรมมี่ แฮปปี้ เฟซ ติวัล (Grammy Happy Face Tival) ค่ะ 31 ส.ค.นี้ ตื่นเต้นกันมาก ร้างราเวทีไปนาน แต่ละคนยังฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่นะคะ ทุกคนยังเป๊ะกันอยู่เลย มีแต่พวกเรา “ซาซ่า” ที่ต้องฝากเนื้อฝากตัว เราประหม่ากันเยอะสุด แต่รับรองสนุกมาก มีเซอร์ไพร้ส์แน่นอน เราทำการบ้านกันหนักมาก พยายามฟิตร่างกาย เพราะขึ้นไปหอบบนเวทีก็คงไม่ดี แต่ยังแดนซ์ไหว สบายค่ะ (หัวเราะ) คือเวลาเราหาย ๆ ไป คนจะชอบถามว่าเมื่อไหร่จะกลับมารวมตัว แต่ยุคพวกเราไม่เคยมีคอนเสิร์ตรวมกันเลย เพราะฉะนั้นใครที่บ่นว่าคิดถึงกัน คราวนี้ก็จัดแล้วนะคะ”

ความรักล่ะหัวใจตอนนี้เป็นยังไง?

“ดีนะคะ หมายถึง เราไม่ได้มีความรักที่หวือหวา ด้วยความที่ชีวิตเราไม่ใช่คนที่ชอบความหวือหวา เพราะฉะนั้นพิมก็ปล่อยให้มันไปตามที่มันควรจะเป็น ตามระยะเวลา ตอนนี้เราก็ศึกษา คบหา ดูใจ พูดคุยกัน แต่ยังไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นแบบไหน แต่ทุกวันนี้พิมพยายามดำเนินชีวิตของพิมตามครรลองครองธรรมที่มันควรจะเป็น”

ช่วงหลัง ๆ ดูพิมรีแลกซ์กับเรื่องความรักมากขึ้น?

“รีแลกซ์ค่ะ จริง ๆ พิมเป็นคนใช้ชีวิตสบาย ๆ อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป ไม่ชอบหลบสายตาคนอื่น แต่แรก ๆ เราก็มีเกร็ง ๆ นิดหนึ่ง เพราะพิมไม่ค่อยได้คบใครจริงจังเปิดเผย เป็นเรื่องเป็นราว ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราไม่แน่ใจ เรายังไม่อยากพูด ถ้าเกิดพูดไปแล้วมันมีปัญหาก็ต้องออกมาพูดอีก มันเหมือนมีหลายขั้นตอนในการดำเนินชีวิตคู่ วันนี้เราเลยพยายามทำให้มันสบาย ๆ เป็นแบบที่ตัวเราชอบ เป็นแบบที่เขาชอบ ไม่ได้แบบไปทำน่าเกลียดในที่สาธารณะให้คนอื่นเห็น เราก็แคร์ตรงนั้นเหมือนกัน คุณแม่เป็นห่วงตามประสา เป็นห่วงตลอด เป็นห่วงอย่างเดียวเลยว่า อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว คนอื่นเขาแต่งงานกันไปหมดแล้ว (หัวเราะ) แต่แม่ก็รู้ว่าพิมดูแลตัวเองได้ เพราะฉะนั้นเขาไม่ค่อยพูดบ่อย นาน ๆ ทีจะพูด คือเขาคงอยากให้เรามีคนดูแลแหละ แต่เราเป็นผู้หญิงสมัยนี้ ก็ต้องดูแลตัวเองเป็นหลัก อย่าไปหวังพึ่งคนอื่น”

มีแอบคิดแวบ ๆ ไหมว่าอยากแต่งเหมือนกัน?

“จริง ๆ เคยนะ ช่วง 3-4 ปีที่แล้ว เรารู้สึกเหมือนกันว่าพอผู้หญิงเข้าเลข 3 แล้ว ต้องคิดเรื่องนี้ไหม แต่พอเห็นคนรอบข้างแต่งงานแล้ว เรารู้สึกว่าเราสบายตัวจะแย่ คนอื่นต้องรีบกลับบ้าน มีสามีรอ ภรรยารอ แต่เรารู้สึกว่ายังทำอะไรที่อยากทำได้อยู่ ไม่ต้องเร่งรัดตัวเอง เพราะพิมยังสนุกกับงาน พิมก็ยังสนุกกับชีวิตแบบนี้ พิมรู้สึกว่ามันต้องเป็นวันที่เราพร้อมจริง ๆ พร้อมที่จะเสียสละให้กับการแต่งงาน ให้กับชีวิตคู่”

มุมมองความรักเปลี่ยนไปเยอะไหม?

“เปลี่ยนไปเยอะค่ะ ตามกาลเวลา ตามประสบการณ์ เมื่อก่อนเราเด็ก ๆ ก็อะไรก็ได้ คุยสนุกสนาน แต่วันนี้เราคิดมากขึ้น พิมเชื่อว่าทุกความสัมพันธ์ไม่มีใครอยากคบแล้วเลิก เราอยากจริงจังกับคนที่เรารู้สึกว่าเราเลือกแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องไม่ยึดติดและไม่คาดหวัง พิมก็พยายามบอกตัวเองแบบนั้น เพราะพอเสียใจแล้ว มันจะเฟลล์”

ดู“ว่าน”เขาน่าจะเป็นคนโรแมนติก เป็นนักดนตรีแต่งเพลง?

“เหรอ (หัวเราะ) คือภาพการทำงานกับความจริง อาจจะไม่ใกล้เคียงกัน ว่านเขาเป็นคนอารมณ์ดีค่ะ เหมือนจะโรแมนติกในงาน แต่พิมว่าเขาไม่ ว่านไม่เคยมีอะไรเซอร์ไพร้ส์ ไม่เคยทำอะไรแล้วคิดแผน เขาเป็นคนซื่อ ๆ ตรง ๆ อยากทำอะไรก็บอก ไปไหนก็บอก จะไม่มีเซอร์ไพร้ส์ว่าวันนี้จะพาไปกินข้าวที่นี่ไม่มีเลย พิมว่าผู้หญิงทุกคนน่าจะชอบเซอร์ไพร้ส์ แต่เราก็เข้าใจในความเป็นตัวเขา”

อะไรที่พิมประทับใจว่านมาจนถึงทุกวันนี้?

“ว่านเขาเป็นคนซอฟต์เป็นคนใจเย็น ยิ่งหลังจากบวช ต้องยกความดีความชอบให้พระพุทธศาสนาเลย เพราะใจเย็นลงเยอะ แล้วก็ทำอะไรดูมีสติมากขึ้น เขาเป็นคนที่ไม่อยากมีปัญหา มีเรื่องกับใคร แต่อาจจะเป็นคนดื้อนิดหน่อย ซึ่งตรงนี้ก็ค่อย ๆ แก้ไขกันไป ปกติ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

ล่าสุดไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกันมาเป็นยังไงบ้าง?

“ถือว่าเป็นทริปแรกค่ะ รู้จักกันมา 3 ปีแล้วเพิ่งมีโอกาสได้ไปเที่ยวด้วยกัน ช่วงนั้นเหมือนเราตั้งใจไว้แล้วว่าจะไป มีพี่ ๆ เพื่อน ๆ ไปอยู่แล้ว เลยตามไปเที่ยวกัน ก็สนุกดีค่ะ เหมือนการไปพักผ่อนทั้งคู่ ถามว่าได้เรียนรู้กันมากขึ้นไหม พิมยังไม่รู้เหมือนกัน รอเอาไว้ให้มีสัก 3-4 ทริปแล้วค่อยมาเล่าใหม่”

คิดจะทำอะไรร่วมกันบ้างไหมอย่างธุรกิจ?

“ยังหาสิ่งที่ชอบเหมือนกันไม่เจอค่ะ ว่านเขาเป็นนักดนตรีเขาจะชอบอะไรที่มันเป็นเครื่องหมุน ๆ ฟัง ๆ คือพิมไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาชอบ เขา จะชอบส่งมาให้ดูว่าอันนี้เท่ไหม เราก็รู้สึกว่ากีตาร์มันก็เหมือนกันทุกอัน คงเหมือนกับเวลาพิมส่งรูปรองเท้าไปให้เขาดู เขาก็บอกว่ารองเท้ามันก็ใส่เหมือนกัน ทำไมต้องซื้อหลายคู่ (หัวเราะ) เวลาอยู่ด้วยกันเถียงกันตลอด คือเราต้องหัดเข้าไปสู่โลกของเขาบ้าง เขาก็ต้องปรับตัวมาสู่โลกเราบ้าง พิมก็มีพาเขาไปชอปปิง เขาก็หน้าเมื่อย ๆ แต่ต้องอดทน ต้องรอ แต่เวลาเขาไปลองกีตาร์พิมก็ต้องไปนั่งรอหน้าเมื่อย ๆ (หัวเราะ) สลับกัน”

จะมีโอกาสได้เห็นพิม-ว่าน ร้อง ฟีเจอริ่ง กันสักเพลงไหม?

“จริง ๆ ไม่เคยรังเกียจที่จะร่วมงานด้วยกัน แต่ว่ามันยังไม่มีอะไรที่น่าสนใจ เรื่องฟีเจอริ่งเพลงก็น่าสนใจ ถ้ามีโปรเจคท์อะไรที่น่าสนใจก็อาจจะมีแจม”

สุดท้ายฝากถึงแฟน ๆ หน่อย?

“ก็ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่ติดตามงานทุกงานของพิมเลย ไม่ว่าจะเป็นละคร เรื่องของงานเพลงที่คิดถึงกัน พิมดีใจที่ทุกคนให้โอกาสพิมได้ทดลองทำทุกอย่าง ก็สัญญาว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังค่ะ”

ถึงแม้สาวพิมจะออกตัวว่าเป็นคนไม่ชอบใช้ชีวิตหวือหวาเหมือนใคร ๆ แต่เราเชื่อว่าการไม่ยึดติดและไม่คาดหวัง จะทำให้เธอมีความสุขทั้งกับเรื่องงานและความรัก...