แจ้งเกิดในโลกแห่งมายาในฐานะสมาชิกวง BNK48 รุ่นที่2ที่ได้ติดเซ็มบัตสึ จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน หรือ จูเน่ BNK48 วันนี้ก้าวใหม่ ที่ก้าวแกร่งกว่าก้าวเดิม วางไมค์ในฐานะนักร้องวงไอดอล หันมาโลดแล่นบทถนนสายการแสดง ด้วยการรับบท ครูพี่ลิน ประชันฝีมือกับ เจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน ในละคร “ฉลาดเกมส์โกง” ค่ายจีดีเอช จูเน่ พร้อมถ่ายทอดเรื่องราว มิตรภาพ ความรัก และการโกงข้อสอบที่แสนทึ่ง ในบรรดาคอละครวัยรุ่นบอกเลย ลุ้น! และตื่นเต้นไปกับทุกการโกง ส่วนคอละครรุ่นใหญ่ชมเลยว่า เด็กกลุ่มนี้แสดงดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย
จูเน่ หอบความน่ารัก สไตล์สดใส เป็นอีกคาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนในละคร มาถ่ายแบบ มาลัยไทยรัฐ พร้อมขยับเข้าใกล้แฟนๆ ด้วยการเผยใจถึงงานแสดงให้ฟังว่า “ก่อนหน้านี้หนูเคยดูหนังฉลาดเกมส์โกงแล้ว ส่วนตัวคือประทับใจนักแสดงทั้ง 4 คนในหนัง และชอบวิธีการเล่าเรื่อง ครั้งแรกที่รู้ว่าจะได้มารับบทครูพี่ลินในละครฉลาดเกมส์โกง โอ้โห ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะความฝันของหนูคือการได้เป็นนักแสดง พอมาเล่นเรื่องนี้ทำให้รู้ว่าการแสดงคือศิลปะแขนงหนึ่ง ที่ไม่ได้มีกฎหรือข้อกำหนดตายตัว เราสามารถตีความตัวละครออกมาได้หลายแบบ
เรื่องนี้สำหรับหนูมันปลดล็อกหลายๆ อย่าง บทครูพี่ลินคือท้าทายมาก ได้เข้าซีนดราม่า ร้องไห้ โกรธ เสียใจ มีครบ ค่อนข้างหนัก เพราะต้องใช้ทั้งจังหวะ และความรู้สึกเยอะมาก การแสดงเป็นลินยากตรงที่เขาเป็นคนเก่ง เป็นคนฉลาด เราต้องทำการบ้านเพื่อให้เข้าใจความคิดของตัวละคร เพราะลินเป็นคนที่ภายนอกดูแกร่ง แต่ข้างในเปราะบาง หนูก็เลยพยายามถ่ายทอดให้เห็นทั้งสองมุมนี้ พออยู่ในโรงเรียนจะดูเป็นคนจริงจัง แต่ในเรื่องความสัมพันธ์จะมีมุมที่อ่อนโยน
การทำงานในเรื่องนี้โชคดีที่ได้มาเจอกับทีมนักแสดงที่ซัพพอร์ตกัน อย่างพี่แท่งที่มารับบทพ่อ พอเข้าซีนด้วยกันเมื่อไหร่คือ อุ่นใจทุกครั้ง อย่างพี่ไอซ์กับนาน่าก็ฝ่าฟันฉากยากๆ มาด้วยกันเยอะมาก จนรู้สึกกลมกลืน เหมือนเป็นเพื่อนกันจริงๆ และด้วยความที่เรื่องนี้หนูกับเจ้านายยังใหม่ทั้งคู่ ประสบการณ์การแสดงยังน้อย เลยต้องใช้เวลาในการปรับจูนกันพักใหญ่ แต่สุดท้ายเราก็ทลายกำแพงนั้นออกมาได้ ในเรื่องนี้ตัวละครของเจ้านายคาแรกเตอร์เขาจะค่อนข้างหม่นๆ แต่เวลาอยู่ในกองคือเขาเป็นคนที่สดใสเฮฮามาก ชอบแซวทุกคนบนโลกใบนี้ เรื่องนี้เป็นละครที่ครบทุกรสมากค่ะ ออกอากาศทางช่องวัน 31 ทุกวันจันทร์ และอังคาร เวลา 20.15 น. และดูออนไลน์ทาง WeTV เท่านั้นค่ะ”
ในฐานะจูเน่เป็นนักแสดง ตีแผ่เรื่องการโกง ได้อะไรจากละครเรื่องนี้?“เน่รู้สึกว่าการแสดงมันเปลี่ยนชีวิตเน่ไปเยอะ ในมุมของทัศนคติ แล้วตัวละครมันมีแบ็กกราวด์คล้ายกับชีวิตเราด้วย มันทำให้หนูได้ไปลองแก้ไขสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นในชีวิตจริงของหนูเหมือนกัน อย่างการทะเลาะกับพ่อแม่ ในการแสดงเราได้กระโจนลงไปทำในสิ่งที่ชีวิตจริงเราไม่กล้าทำ จนมันทำให้ชีวิตจริงเรามานั่งนึกดูแล้วเราแบบ โอ้โห เราควรทำสิ่งนี้รึเปล่า ให้เราได้ทบทวน ให้เราได้เห็นคุณค่าของคนรอบตัวเรามากขึ้น เลยเหมือนเอาทริกนี้มาใช้กับชีวิตประจำวันเราได้ เราอยากจะพยายามมองโลกในแง่ดีมากขึ้นกับทุกคน”
ตัวละครครูพี่ลินเป็นเด็กเก่งอัจฉริยะ แล้วในชีวิตจริงเราเป็นยังไงบ้าง?“เป็นเด็กเรียนไม่ได้เก่งค่ะ แต่ว่าเป็นเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่อนุบาลละค่ะ เป็นพิธีกรโรงเรียน เป็นนางรำ เชียร์ลีดเดอร์ ชอบทำกิจกรรมจิตอาสามาตลอด แม่หนูใช้คำว่า หนูมีความเป็นศิลปินสูง เราค่อนข้างใช้ชีวิตขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ความรู้สึก เราจะทำตามความรู้สึก ความเชื่อของเรา”
จูเน่ เผยว่า “มันก็เป็นความฝันอย่างหนึ่งด้วยความที่เราชอบแฟชั่นมากๆ และก็ชอบแต่งตัว เราก็อยากมีแบรนด์เสื้อผ้าที่เป็นเสื้อผ้าของเรา”
หนุ่มๆ ทำใจนิดนึง จูเน่แต่งตัวไม่นาน แต่แต่งหน้าเธอว่า มีเวลาให้เท่าไหร่ก็เท่ากัน ทั้งวันเธอก็แต่งได้ ว่างชอบเอาแปรงมาปัดหน้าเล่น แต่ถ้าวันสบายๆ ไม่แต่งเลย สรุปจูเน่ย้อนแย้งในตัวเอง (ฮา)
ความลับอีกอย่าง จูเน่ชอบอะไรแปลกๆ?“หนูชอบเสียงเครื่องดูดฝุ่นกับไดร์เป่าผม แล้วก็เสียง air compressor สรุปหนูชอบเสียงเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรก็ตามที่มีลมออกมาค่ะ ตอนนั้นหนูไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่รัสเซีย หนูนั่งอยู่ที่โซฟาแล้ว Host Mom เขาก็กำลังดูดฝุ่น หนูนั่งไปสักพักก็ตาเยิ้ม แล้วก็ค่อยๆหลับไป คือมันฟินมากเลยค่ะ เครื่องดูดฝุ่นกับไดร์เป่าผมทำหนูฟินมาก ทุกวันนี้หนูมีเพลงเครื่องดูดฝุ่นอยู่ในมือถือด้วยนะ” แปลกจริ้งงง
มุมมองความรักของจูเน่เป็นอย่างไร?“คำแรกที่เข้ามาในหัว คือครอบครัว ประหลาดใจตัวเองเหมือนกันที่ตอบครอบครัว เพราะเมื่อก่อนเราเป็นคนที่ไม่ได้เห็นคุณค่าเขาขนาดนั้น ในช่วงเวลานึงที่เป็นวัยรุ่น เรารู้สึกว่าเราเบื่อในสิ่งที่เขาพูดเพราะไม่เข้าใจเจตนาของเขา แต่ตอนนี้หลังจากเราได้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปและหนูได้ค้นพบว่า สุดท้ายแล้วคนที่อยู่กับหนูที่เป็นหนูจริงๆ รักที่หนูเป็นหนูก็คือครอบครัว เพราะว่าสุดท้ายแล้วในวันที่เราไม่มีใคร เรามีเขา
สุดท้ายมันคือรักที่ไม่มีเงื่อนไข ช่วงนี้คุณแม่ก็เครียดจะต้องจ่ายค่าเทอม หนูเลยบอกเดี๋ยวหนูรับผิดชอบเอง ครอบครัวเป็นพื้นฐานสำหรับทุกอย่างจริงๆ ก่อนที่หนูจะมาพูดวันนี้มาหนูรักครอบครัว หนูก็ผ่านเรื่องแย่ๆมาเหมือนกัน หนูเข้าใจในมุมของคนที่กำลังพยายามต่อสู้กับปัญหาครอบครัว เพราะทุกๆครอบครัวก็มีปัญหาที่แตกต่างกันไป อย่างน้อยอยากให้มองสิ่งที่ดี มองเห็นคุณค่าของคนรอบตัวเรา ถ้าเราอยากให้คนอื่นเห็นว่าเราทำดีกับเขา เราก็พยายามมองสิ่งดีๆ ที่เขาทำให้เราเหมือนกัน มันคือทฤษฎีการ reflecting (สะท้อน)”
เป็นคนกลัวความรักไหม?“หนูว่าหนูเป็นคนไม่มีหัวใจตอนเด็กๆ ก็ไม่เชิงแต่หนูเป็นคนเซนซิทีฟ และขี้น้อยใจ สุดท้ายแล้วลึกๆหนูเชื่อว่าเราต้องการความรักอยู่ตลอด มันเป็นสิ่งที่ดี ใครๆก็รู้สึกดีเวลาได้รับความรักดีๆ เน่ว่า”.
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012