Inside Dara
“บอย” เหวี่ยงโดนซักจับ “จุ๋ย” เซ็นเอ็กแซ็กท์ โวยไม่ชอบ

“บอย ถกลเกียรติ” เม้งโดนซักจับ “จุ๋ย” เซ็นสัญญาเอ็กแซ็กท์ โวยอย่ายัดเยียดไม่ชอบ รับทาบเล่นละคร แต่คงร่วมงานกันเป็นโปรเจกต์ แย้มมีความเป็นไปได้สูงที่จุ๋ยจะมาเล่นละครให้

มีข่าวว่า “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” จีบนางเอกสาว “จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา” เซ็นสัญญาเข้าสังกัดเอ็กแซ็กท์ แต่พอสอบถามไปเจ้าตัว ก็ชี้แจงว่า ไม่มีการเซ็นสัญญาใดๆ กับสาวจุ๋ยทั้งสิ้น แต่รับมีการพูดคุยกันจริงแต่จ้างเป็นเรื่องๆ ไป พร้อมโวยสื่ออย่าเบี่ยงประเด็น

“ยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญาเลยครับ ไม่ได้มีการเซ็น แต่ก็มีการพูดคุยกัน ถ้าเผื่อเป็นนักแสดงที่สามารถเล่นกับเราได้ เราก็อยากจะร่วมงานด้วยก็เท่านั้นเองครับ กับจุ๋ยจริงๆ รู้จักกันมาตั้งนานแล้วครับ ก็พูดคุยกันอยู่ ก็พอรู้ว่าในเรื่องของงานเขาสามารถมาทำงานร่วมกับเราได้ มันก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เราต้องมองหาโอกาส”

“ส่วนจุ๋ยจะมีผลงานกับทางเอ็กแซ็กท์ไหม ก็น่าจะมีความเป็นไปได้ครับ แต่คงไม่ได้เซ็นสัญญา เพราะว่านักแสดงที่จะสามารถเล่นกับเราได้ มันต้องดูก่อนว่าเขายังไง เพราะว่าเขาก็มีชื่อเสียงอะไรของเขาอยู่มาก่อนแล้ว แล้วเขามาเล่นกับเรา ผมว่าเป็นการดูแลกันในแต่ละโปรเจกต์มากกว่า เรียกว่า เป็นฟรีแลนซ์ไปในแต่ละเรื่องมากกว่า”

“ส่วนเรื่องที่เตรียมไว้ให้ ก็คงต้องรออีกนิด เพราะยังไม่ลงตัว แต่เขาก็ยังเป็นนางเอก และเราก็คุยกันทีละเรื่อง (ถ้าเป็นไปได้ก็อาจจะมีการเซ็นสัญญา?) ไม่ทราบครับ อย่าพยายามเบี่ยงเบน บอกว่าไม่ก็คือไม่ ไม่ต้องเบี่ยงเบน อย่าพยายามเลย ขอร้อง อย่าพยายามยัดเยียดไม่ชอบ ผมพูดไปหมดแล้ว ก็เท่าที่พูด แต่จะฮือฮาขนาดไหน (หัวเราะ) รอดูแล้วกัน ยังไม่ลงตัว อีกนิดนึงครับ ช่วงนี้เปิดละครเยอะมากเลย เดี๋ยวก่อนสิ”


"พลอย"เคืองทีมงาน ปัดมีปัญหา"วู้ดดี้" ยันไม่ใช่คนผิด

ในงาน "CENTRAL SUMMER FEST” : Fly Me To The Moon ที่ บริเวณลานมรกต ห้างเซ็นทรัลชิดลม โดยมีนางเอกสาว ′พลอย′ เฌอาลย์ บุญยศักดิ์ มาร่วมงาน พร้อมกับให้สัมภาษณ์ถึงกรณีไม่พอใจทีมงานของพิธีกรหนุ่ม ′วู้ดดี้′วุฒิธร มิลินทจินดา กับอาการตื๊อแบบไม่มีมารยาททำให้นางเอกสาวไม่ยอมไปร่วมงานประกาศรางวัล "เกิด อวอร์ด"

โดย ′พลอย′ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีปัญหากับพี่วู้ดดี้ แค่พนักงานเขาไม่มีมารยาทแค่นั้นเอง แต่ยังไม่ได้คุยกับพี่เขาเลยเห็นว่าไม่สบายเลยไม่อยากไปรบกวนเขา แล้วอีกอย่างนึงคือตนถูกจี้และถูกกดดันว่าต้องไปงานนั้นก่อนแล้วถึงมางานนี้ เลยคิดว่าตนจะทิ้งงานที่รับไว้แล้วได้ยังไง รู้สึกว่าลูกน้องเขาเห็นแก่ได้ไปนิดนึง โดยที่ไม่แคร์ว่าตนรับงานอื่นอยู่"

พร้อมกับเล่าต่อว่า มีวันนึงเขาตามมาสัมภาษณ์แล้วเขาบอกว่าจะตั้งกล้องเฉยๆ แล้ววันนั้นตนวิ่งสองงาน พอตนมาถึงเขาก็เร่งสัมภาษณ์ๆ ตนก็บอกว่างานจะเริ่มอีกครึ่งชั่วโมง ผมก็ยังไม่ได้ทำ เขาก็ไม่สนใจจะติดไมค์ขอสัมภาษณ์ก่อน อยากขอบคุณพี่วู้ดดี้ที่ให้ตนได้รางวัลครั้งนี้ด้วย แต่ตนไม่สามารถไปร่วมงานได้จริงๆ เพราะติดงาน แล้วก็อีกอย่างนึงเขาก็เพิ่งติดต่อมาไม่นานนี้ด้วย อยู่ดีๆ ก็ต้องไปแล้วโทรจิกตนตลอดเวลา จิกจนมือถือผู้จัดการแบตหมดซึ่งตนก็สงสารเขามาก

ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่าได้คุยกับ ′วู้ดดี้′ หรือยัง นางเอกสาวตอบ ยังไม่ได้คุยกันเลย แล้วพี่เขาก็คงยังไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ถามว่ากลัวถูกเข้าใจผิดมั้ย ตนว่าคนเราก็ต้องรู้ข้อเสียของตัวเองด้วยว่าจุดไหนผิด จุดไหนถูก พี่วู้ดดี้ไม่ผิดแน่นอนแต่ว่าลูกน้องผิด เราก็ต้องคุยต้องมองว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าตนก็มีพยานเยอะ

ต้องโทรไปเคลียร์กันเลยไหม "พลอยคงไม่เคลียร์ค่ะ เพราะเราไม่ใช่ฝ่ายผิด คงต้องแล้วแต่ว่าเขาอยากหรือเปล่า จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องของเราแล้ว แล้วไม่เกี่ยวด้วยว่าไม่อยากขึ้นเวทีร่วมกับพี่โดม(ปกรณ์ ลัม) พลอยไม่ได้มีปัญหากับพี่โดม ไม่มีปัญหากับใครเลยแต่เราแค่เคืองทีมงานเขาเท่านั้นค่ะ"

ด้านพิธีกรหนุ่ม ′วู้ดดี้-วุฒิธร′ กล่าวถึงเรื่องนี้หลังจากเสร็จสิ้นงานประกาศรางวัลว่า ไม่มีปัญหาเพราะพลอยเขาพูดชัดเจนว่างานฟรีรอไปก่อน ซึ่งตนก็เข้าใจน้องเป็นคนน่ารัก คิดว่าน้องอาจแค่งานเยอะเลยหงุดหงิดมากกว่า และตนได้ทราบจากทีมงานว่าพลอยไม่พอใจ ไม่แฮปปี้ แล้วก็ไม่คุยด้วย ก็โอเคไม่มีปัญหาน้องคงยุ่ง ตั้งแต่เกิดเรื่องตนก็ยังไม่ได้คุยกับพลอย และคิดว่าคงไม่ต้องเคลียร์เพราะถ้าน้องมีอะไรคงโทรมาหาตนเอง

“วู้ดดี้ว่าเดี๋ยวต้องให้ทีมงานคุยกับพลอยเองดีกว่า เพราะผมก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะสามารถยกหูหาพลอยได้ เพราะเขาก็ยังไม่ได้โทรหาผมเหมือนกัน เคสนี้เขาไม่ได้โทรถ้ามันใหญ่เขาจะโทร นี่คือเหตุผลที่เขาไม่มาร่วมงานเหรอครับ เขาแค่ไม่แฮปปี้ ไม่ใช่เขาติดงานเหรอครับ (หันไปถามนักข่าว) คือ เขาติดต่อกลับมาว่าสาเหตุที่มางานนี้ไม่ได้เขาเสียใจ เพราะติดงานงานนึง นี่คือเหตุผลที่เขาให้เราครับ" พิธีกรหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย

สดใสสวยสมวัยกับดาวดวงใหม่'พรีม-ริณิดา'

หากใครเคยเห็นสาวน้อยลูกครึ่ง ไทย-อิตาลี ที่กำลังมีผลงานละครคอมเมดี้แนวครอบครัวเรื่อง "แม่ยายที่รัก" โชว์เสน่ห์ความน่ารัก แม้จะไม่สมบูรณ์เต็มร้อยในเรื่องการแสดง แต่ความตั้งใจของสาวน้อยวัย 15 ปี อย่าง "พรีม" รณิดา เตชสิทธิ์ เกินร้อยแน่นอน แถมต้องมาประกบพระเอกมากความสามารถ ชาคริต แย้มนาม พร้อมแม่ยายสุดเฮียบ ฝีมือฉกาจอย่าง "หมิว" ลลิตา ศศิประภา วันนี้ จะพาไปรู้จักกับสาวน้อยคนนี้ ที่ขอบอกว่าความคิดของเธอโตเกินวัยจริงๆ นางเอกใหม่แกะกล่อง


กระแสตอบรับละคร แม่ยายที่รัก เป็นอย่างไรบ้าง

ฟีดแบ็กดี ทุกคนจะบอกว่าเป็นละครคลายเครียด สนุกสนาน ตลกดี บางคนบอกว่าหนูยังเล่นแข็ง แต่บางคนจะบอกว่าพูดถือว่าโอเคสำหรับนางเอกใหม่ แต่สำหรับหนูพอใจกับผลงานที่ออกมานะ


ได้ร่วมงานกับนักแสดงมากฝีมือทั้ง "หมิว" ลลิตา "ก้อง" สหรัฐ และชาคริต รู้สึกอย่างไรบ้าง

ตอนแรกหนูจะตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน เพราะปกติเราจะอยู่แต่กับเพื่อน ไม่รู้จะทำตัวยังไงเวลาที่ต้องอยู่กับผู้ใหญ่ และยังไม่รู้ว่าพี่ๆ เขานิสัยเป็นยังไง กังวลว่าหนูจะเข้ากับพี่เขาได้มั้ย แต่พอได้เข้าฉากกันรู้สึกว่าทุกคนน่ารักมาก ทั้งพี่หมิว พี่ก้อง พี่ชาคริต รวมทั้งแม่ตุ๊กด้วย (ดวงตา ตุงคะมณี) ทุกคนช่วยหนูรับส่งบท และช่วยแนะนำทั้งวิธีการพูด มองตา ขยับตัว พี่เขาจะแนะนำว่าเวลาเล่นให้ทำตัวกระฉับกระเฉงขึ้น เพราะหนูจะตื่นเต้นและเกร็ง ทำให้ทุกอย่างดูช้า ทุกวันนี้เวลาเข้าฉากยังยังตื่นเต้นอยู่เลย แต่ควบคุมตัวเองได้แล้ว เริ่มรู้สึกชินมากขึ้นเรื่อยๆ


พรีมเป็นลูกครึ่งมีปัญหาเรื่องภาษาไหม

มีเหมือนกัน ที่ลำบากเพราะหนูใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอิตาลีมา 11 ปี เพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทย ปีนี้เป็นปีที่ 4 เพราะต้องมาอยู่กับพี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) แต่ยังติดพูดเหน่อบ้าง (หัวเราะ) ด้วยความที่บทเป็นภาษาไทย เราต้องพยายามทำความเข้าใจให้มากขึ้นว่า เวลาที่พูดประโยคนี้หมายความว่ายังไง อาจต้องเปิดดิกชั่นนารีช่วยด้วย แต่ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ จะแปลเป็นภาษาอิตาลี เพื่อให้ตัวเองเข้าใจมากขึ้น


ครั้งแรกที่เข้าฉากรู้สึกอย่างไร

คือวันนั้นพี่ๆ เขาบอกหนูให้ไปเรียนรู้วิธีการทำงานในกองถ่ายเฉยๆ ไปดูการแสดงของพี่ๆ ก่อน แต่ปรากฏว่าพี่เขาเรียกหนูเข้าฉากเลย ทั้งๆ ที่หนูไม่ได้เตรียมตัว เตรียมใจเลย เพราะคิดว่าจะไม่ได้เข้าฉาก ซึ่งฉากแรกหนูต้องเข้ากับแม่ตุ๊ก ตื่นเต้นมาก ตอนนั้นพูดภาษาไทยไม่ชัดเลย ทั้งสีหน้าแววตา ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (หัวเราะ) แต่ถือว่าได้ทำความสนิทสนมกับแม่ตุ๊กเป็นครั้งแรก


เข้าฉากกับชาคริต เขามาทำเจ้าชู้ใส่เราไหม

(หัวเราะ) ไม่มีหรอก เพราะเขาเป็นพี่ที่ดี และกำลังจะแต่งงานแล้ว หนูรู้สึกดีใจกับพี่เขามากๆ เวลาเข้าฉากกับพี่คริตเขาเป็นคนเล่นละครเป็นธรรมชาติ จะส่งอารมณ์ให้หนูดีมากๆ เลย บางครั้งพี่เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยพูดคุยด้วย แต่เขาแอบให้กำลังใจเรานิดหนึ่ง เวลาที่ต้องเข้าฉากยากๆ พี่คริตจะพูดให้กำลังใจว่า เล่นไปเลยจะกี่เทกก็ได้ ไม่ต้องกลัว ทำให้เราไม่รู้สึกกดดันว่าพี่เขาต้องมารอเรา


พรีมต้องมาร่วมงานในละครของผู้จัดอย่าง "นก" จริยา รู้สึกอย่างไรบ้าง

ตอนแรก หนูไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าจะได้มาเล่นละครเรื่องนี้ หนูได้อ่านเรื่องย่อมาคร่าวๆ รู้สึกว่าเรื่องราวสนุกสนาน ดำเนินเรื่องเร็ว ไม่น่าเบื่อรู้สึกว่าน่าเล่นมากๆ หนูรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เล่นละครของพี่นก เพราะพี่เขาเป็นคนละเอียดในการทำงานมาก ในเรื่องการทำงานพี่นกจะติหนูเรื่องภาษา แต่จะบอกว่าไม่ต้องไปซีเรียสกับมันมาก ให้เล่นตามอารมณ์ที่เรารู้สึก พี่นกจะค่อนข้างใส่ใจว่า หนูรู้สึกยังไง คอยถามว่าหนูแฮปปี้มั้ยเวลาอยู่ในกองถ่าย


ฝึกฝนก่อนเป็นนางเอก
อยู่ในบ้านผู้จัดการอย่าง "เอ" ศุภชัย มีการฝึกฝนอย่างไรบ้าง

พี่เอจะมีการจัดคอร์สสำหรับเด็กในบ้าน จะมีเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเดินแบบ ร้องเพลง เต้น และแอ็กติ้ง ซึ่งการเรียนแอ็กติ้งสำคัญมากที่สุด จะมีทุกวัน วันละ 4-5 ชม. ซึ่งตอนแรกที่หนูเข้ามาในบ้านพี่เอใหม่ๆ หนูไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย พูดภาษาไทยได้แย่กว่านี้มาก เสียงเหน่อมาก เว้นวรรคไม่ได้ ทำให้ไม่กล้าพูดคุยกับคนอื่นๆ พอได้มาเรียนแอ็กติ้ง ทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น เมื่อก่อนเวลาที่คุยกับใคร เราจะรู้สึกว่าตัวเล็กนิดเดียว แต่หลังจากที่เรียนแอ็กติ้งเสร็จ ทำให้เรารู้สึกตัวโตขึ้น


ส่วนใหญ่เด็กของ "เอ" ศุภชัย จะถูกพาไปเปลี่ยนชื่อก่อนเข้าวงการ พรีม ได้มีการเปลี่ยนชื่อมาก่อนหน้านี้ไหม

หนูมีแต่ชื่อเล่นที่เปลี่ยน เพราะตอนหนูอยู่ที่อิตาลี จะมีชื่อเล่นเป็นภาษาอังกฤษอีกชื่อหนึ่งคือ "เจนนี่" เพื่อนเก่าตอน ป.6 หรือ ม.1 จะเรียกหนูว่าเจนนี่ แต่ถ้าเป็นเพื่อนใหม่ตอนที่เริ่มเข้ามาในวงการจะเรียกหนูว่า พรีม ซึ่งตอนที่ย้ายมาอยู่เมืองไทยใหม่ๆ แม่บอกว่า ความจริงหนูมี 2 ชื่อนะ คือ พรีม กับ เจนนี่ หนูเลยเลือกใช้ชื่อ พรีม ในวงการ เพราะฟังดูเข้ากับตัวเองและไม่ซ้ำกับคนอื่นด้วย


ชีวิตในโรงเรียน
ตอนนี้เรียนอยู่ที่ไหน

เรียนอยู่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศรังสิต เพราะบ้านหนูอยู่แถวรังสิต อยู่ชั้น ม.3 เร็วๆ นี้หนูจะขึ้น ม.4 วางแผนไว้ว่าจะเรียนต่อทางด้านภาษา เลือกเรียนศิลป์ภาษาจีน แต่ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า (หัวเราะ) ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว ทำให้มีเวลาทำงานมากขึ้น


มีความฝันอยากเป็นอะไรบ้างไหม

ตอนนี้หนูมีความฝันอยากที่จะทำอะไรหลายอย่าง อันที่จริงฝันอยากเป็นผู้จัดการโรงแรม เพราะหนูเป็นคนชอบคุย แต่ที่อยากเป็นผู้จัดการโรงแรม เพราะคุณแม่ของหนูเป็นมัคคุเทศน์ ต้องไปติดต่อตามโรงแรมบ่อยๆ ทำให้หนูรู้สึกว่าอยากจะทำงานในสถานที่สวยๆ แบบนี้บ้าง แต่ตอนนี้ไม่ได้โฟกัสในเรื่องนี้มาก แค่รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างชอบในเรื่องภาษา


ทำไมถึงชอบด้านภาษา

คือตอนที่หนูมาประเทศไทยใหม่ๆ ยังพูดภาษาไทยไม่ได้เลย แล้วต้องหัดเรียนภาษาไทยให้ได้ภายใน 3 เดือน ทั้ง ฟัง พูด อ่านและเขียน หนูต้องเรียนทุกวันจนกว่าจะได้ พอเริ่มพูดได้ เรารู้สึกว่าสนุกดี การที่หนูได้พูดภาษาที่มันยาก และไม่ใกล้เคียงกับภาษาอังกฤษเลย เวลาที่คนอื่นๆ อาจจะฟังไม่ออก ทำให้หนูรู้สึกดี รู้สึกเท่ (หัวเราะ)


แบ่งเวลาเรียนกับทำงานอย่างไร

สำหรับหนู ถ้าเรารู้ว่าพรุ่งนี้ต้องทำงาน เราจะเตรียมท่องบทไปให้ดีที่สุด ทำได้หรือไม่ได้ไม่เป็นไร เพราะเรารู้ว่าตั้งใจดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าพรุ่งนี้ต้องสอบ หนูจะทิ้งเรื่องการอ่านบทละครไป แล้วตั้งใจอ่านหนังสือ ถ้าสอบไม่ได้ไม่เป็นไร จะไม่โทษว่าสอบไม่ได้ เพราะทำงานเยอะ หรือเราเข้าฉากแล้วแสดงไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่า เพราะเราเรียนเยอะ เหมือนเราอยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำให้ดีที่สุด เวลาทำงานหนูทำเต็มที่ ส่วนเวลาเรียนหนูก็เรียนเต็มที่ ทำทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเราให้ดีที่สุด


เพื่อนๆ ตื่นเต้นกับเราไหมที่เป็นดารา

เขาจะแซวตลอดเลย อย่างบางเรื่องที่หนูไม่รู้ แต่เขารู้ก่อนหนูอีก อย่างทีเซอร์ละคร แม่ยายที่รัก ออกมา หนูยังไม่รู้เลย เพราะไม่มีเวลาได้ดูทีวี แต่เพื่อนวิ่งมาบอกว่า เห็นหนูออกทีวีแล้วนะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานอะไรเพื่อนจะติดตามตลอด เขาจะดูและแซวหนูทุกตอนเลย จะคิดโน่นคิดนี่ เพ้อเจ้อไปใหญ่แซวไปเรื่อยๆ บางครั้งจะแกล้งบอกว่าไม่ดูละครของหนูหรอก แต่ความจริงแล้วทุกคนจะให้กำลังใจหนู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบ้านหรือเรื่องสอบ ทุกคนจะช่วยจดงานให้ หนูจะได้ตามงานได้ง่ายขึ้น


หลังขึ้นแท่นเป็นนางเอก
ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม มีคนจำได้บ้างหรือยัง

ตอนนี้หนูไม่ค่อยได้ออกไปไหน แค่ไปถ่ายละครแล้วก็กลับบ้าน ยังไม่น่าจะมีคนจำได้เท่าไหร่ ยิ่งเวลาที่หนูแต่งหน้ากับไม่แต่งหน้า แล้วใส่ชุดนักเรียนจะกลายเป็นเด็กกะโปโลธรรมดาเลย (หัวเราะ)

ต้องดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นไหม

อาจจะมีเรื่องที่เราต้องเสริมบุคลิกภาพให้กับตัวเอง แต่ไม่ใช่ว่าการที่เราได้เป็นดารา แล้วต้องเริ่มดูแลตัวเอง แต่เป็นเพราะเราโตขึ้น เมื่อก่อนหนูไม่ได้ออกไปเจอสังคมมากเท่าไหร่ จะอยู่ที่บ้าน อยู่กับแม่และเพื่อนๆ หนูจะติดทำตัวสบายๆ แต่การที่หนูได้เข้ามาทำงานและต้องไปเจอคนเยอะๆ ทำให้ต้องดูแลตัวเอง การทำงานทำให้เรามีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นด้วย กล้าที่จะใส่ส้นสูง กล้าแต่งตัวมากขึ้น แต่ยังมีความเป็นตัวตนของพรีมอยู่ดี


มุมมองต่อวงการบันเทิง
ก่อนจะเข้ามาในวงการบันเทิง มองภาพไว้อย่างไรบ้าง

หนูมองว่าเป็นสิ่งที่อยู่ไกล และแตกต่างจากตัวหนูมาก ด้วยความที่เมื่อก่อนหนูจะเป็นคนสบายๆ ทำให้หนูรู้สึกว่าวงการบันเทิงมันดูเทพ คือดูห่างไกลจากตัวหนูมากๆ เพราะต้องเจออะไรเยอะ ทั้งแฟชั่น การแต่งตัว และการแสดง


พอได้เข้ามาแล้วความรู้สึกเปลี่ยนไปไหม

เปลี่ยนไป เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราคิดมันใกล้ตัวเรามากขึ้น เพราะตอนนี้หนูได้เข้ามาทำงานจริงๆ แต่กลับมีความรู้สึกว่าคนที่อยู่ในวงการนี้ เขาไม่ได้เป็นคนที่ถือตัว หรือว่าต้องเทพ ไม่จำเป็นเลย แค่เป็นคนที่มีเอกลักษณ์ หรือจุดเด่นของตัวเอง เหมือนเวลาที่เราเจอคนอื่นๆ จะรู้สึกว่าแต่ละคนไม่มีอะไรเหมือนกันเลย จะมีความเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดที่ไม่เหมือนกัน


เข้ามาทำงานในวงการ พรีมตั้งรับกับกระแสข่าวอย่างไรทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี

หนูตั้งรับไว้ว่า ถ้าเราทำดีแล้ว ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย แต่สิ่งที่เราคิดต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ ไม่ใช่ขโมยของแล้วคิดว่าตัวเองทำดีแล้ว อันนั้นไม่ใช่ (หัวเราะ) เพราะโดยส่วนตัวหนูแยกแยะได้ว่า อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ถ้ามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ก็เดินต่อไป แต่เวลาที่คนอื่นพูดอะไร เรารับฟังแต่ต้องพิจารณาด้วยว่าเกินจริงมั้ย ถ้าเราเป็นจริงตามที่เขาบอก คงต้องปรับปรุงตัวเอง แต่ตอนนี้หนูมั่นใจว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด และในอนาคตถ้ามีกระแสข่าวออกมาในเรื่องที่ไม่จริง หนูก็จะบอกไปเลยว่าไม่ได้ทำ หนูเชื่อว่าคนที่พูดความจริง จริงใจ และซื่อสัตย์กับมัน คนจะดูออกว่าเราพูดจริงหรือไม่จริง


เวลาที่ท้อแท้ ครอบครัวให้กำลังใจพรีมอย่างไร

คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยกดดันหนู ไม่เคยถามว่าทำไมหนูถึงทำไม่ได้ ไม่ตั้งคำถามว่า ทำไมๆๆ ปล่อยให้หนูตั้งสติ และไม่มาซ้ำเติม เพราะเวลาที่หนูเกิดปัญหาจะลองแก้ไขด้วยตัวเองก่อน อยู่กับตัวเอง ถ้าแก้ไม่ได้ค่อยให้คุณพ่อคุณแม่ช่วย


ทำงานในวงการคุณพ่อคุณแม่ห้ามอะไรไว้บ้างไหม

ที่บ้านไม่ได้ห้าม แต่จะเตือนหนูไว้ว่าตัวเองเป็นยังไงให้เป็นแบบนั้น อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่ง ให้คิดไว้เสมอว่าในโลกนี้ มีทั้งคนที่เก่งกว่าเราและด้อยกว่าเรา ให้เป็นตัวของตัวเอง และไม่ใช่ว่าเราเข้ามาในวงการแล้วคิดว่า ตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่น เพราะถ้าไม่มีคนอื่น เราคงมายืนตรงจุดนี้ไม่ได้ สิ่งที่เรามีทุกวันนี้เป็นเพราะจังหวะและโอกาส หนูโชคดีที่ได้โอกาสนี้เอาไว้


ตัวตนจริงๆ ของพรีมเป็นคนอย่างไร

เป็นคนร่าเริงมากๆ แต่ตอนนี้ยังถือว่าไม่ร่าเริง (หัวเราะ) เพราะต้องโฟกัสกับเรื่องภาษาด้วย ไม่อย่างนั้นจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ปกติจะเป็นคนตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ที่เจอตลอด


ผลงานชิ้นต่อไป
เห็นว่าพรีมจะได้เล่นละครเรื่อง สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ด้วย

ใช่ ในเรื่องนี้หนูเล่นเป็น "มะปราง" ต้องปลอมตัวเป็นผู้ชาย เป็นหม่อมหลวง หนูตื่นเต้นนะ อยากปลอมตัวเป็นผู้ชาย เพราะปกติหนูเป็นคนที่ชอบแต่งตัวสบายๆ พร้อมที่จะวิ่งได้ตลอด วันที่ฟิตติ้งต้องใส่วิกปลอมตัวเป็นผู้ชาย หนูไหว้ใคร ไม่มีใครจำหนูได้เลย แสดงว่าประสบความสำเร็จ (หัวเราะ)


เปิดหัวใจสาววัยกระเตาะ
พรีมอายุ 15 แต่คิดว่าคงต้องเคยมีความรักป๊อบปี้เลิฟ ตอนนี้มีหนุ่มๆ ที่คุยด้วยบ้างไหม

ห้องเรียนของหนูส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนผู้หญิง ผู้ชายจะไม่ค่อยอะไรมาก ส่วนใหญ่ผู้ชายจะเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่ ม.1 ไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนคนอื่นๆ จะไม่มีใครมาจีบเลย เนื้อหอมมากขึ้นไหม

ยังไม่มีอะไรมาก แค่ตอนนี้บางคนอาจจะเดินผ่านไปผ่านมา แล้วรู้สึกสะดุดตาบ้าง หันมามองแต่ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น (ยิ้ม)


แหม...น่ารักสมวัย ตามแบบฉบับ "พรีม" รณิดา จริง...จริ๊ง


ชื่อ : รณิดา เตชสิทธิ์
ชื่อเล่น : พรีม
เกิด : 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539
การศึกษา : ระดับมัธยมศึกษาโรงเรียนศึกษา สารสาสน์วิเทศ รังสิต
ผลงานที่ผ่านมา : เอ็มวีเหวี่ยงก็รัก
ผลงานปัจจุบัน : แม่ยายที่รัก
โดนเมาท์ตั้งใจโชว์หวอ “ชมพู่” ย้อนจำเป็นมั้ย! ยันชุดไม่พอเลยต้องใส่ชุดนั้น

“ชมพู่” ยันไม่ตั้งใจโชว์หวองานมิสทิน ย้อนขาเมาท์จำเป็นมั้ย! แจงชุดที่ตั้งใจใส่ตอนแรกไม่ใช่ชุดนี้ แต่ชุดไม่พอเลยต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ยันเซฟแล้ว พร้อมลั่นไม่ดูรูป เพราะไม่อยากคิดมาก บอก “น็อต” ยังไม่รู้ แต่เชื่อแฟนเข้าใจ เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

ทำเอาอึ้งกันทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ หลังหลายวันก่อนนางเอกแถวหน้า “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” โชว์หวอในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ “มิสทิน” ที่เจ้าตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ ทั้งที่ที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันว่า ชมพู่เป็นคนระวังตัว และไม่เคยพลาดเรื่องแบบนี้มาก่อน งานนี้ทำเอาเจ้าตัวโดนเมาท์แหลก ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ หรือเจ้าตัวตั้งใจให้เกิด ซึ่งชมพู่ได้ออกมายืนยันในงาน “Evita Peroni Autumn 2012 Fashion Show” ณ สยามสมาคม ถนนอโศก ว่า ไม่ได้ตั้งใจ

“ไม่ได้ดูภาพเลย เพราะเสร็จจากงานนั้น ก็ไปงานต่อที่ต่างจังหวัด แต่ก็มีคนมาเล่าให้ฟัง ก็คิดว่าไม่ดูดีกว่า มันผ่านมาสัปดาห์นึงแล้ว ก็นานแล้ว วันนั้นเซฟมาค่ะ พองานเมื่อเช้า (ช่วงเช้าวันเดียวกัน ชมพู่ไปงาน อุ่นใจได้แต้มปี 4 ของเอไอเอส) ลงมาแบ็กดรอปนักข่าวก็ถามกันเรื่องรูป ฮือฮากันใหญ่เลย เอารูปมาให้ชมดู ก็แล้วแต่จะคิดก็แล้วกันค่ะ”

“ปกติก็ระวังตัวที่สุดแล้ว นั่นก็ใส่กางเกงขาสั้นแล้ว จริงๆ งานในวันนั้น มันมีอะไรที่ฉุกละหุกหลายอย่าง ชุดที่จะใส่ในงานแถลงข่าวไม่พอ ชุดนั้นก็เป็นชุดที่เราแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากัน เราเองก็ไม่ได้เตรียมพร้อมมากับสถานการณ์นั้น แล้วชุดเองมันก็ไม่ได้แนบไปกับสะโพก ฉะนั้น เวลานั่งมันก็จะ...นะ ชมเองก็ลืมคิดตรงนี้ไป เพราะตอนแรกชุดที่ตั้งใจจะใส่มันเซฟ แต่พอมันเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นก็เลยไม่ได้ใส่ชุดนั้น”


ยืนยันว่า ไม่ได้ตั้งใจโชว์ตามที่โดนเมาท์?

“มันจำเป็นมั้ย แต่ก็จะทำไงได้ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็มองไปข้างหน้าดีกว่า เราก็เลือกที่จะไม่ดู ไม่รับรู้ เพราะถ้าดูแล้ววิตกก็อย่าดูเลย มันจบไปแล้ว เราทำอะไรไม่ได้ (น็อตว่าไงบ้าง?) เขาอยู่ต่างประเทศ ถ้าเขาเห็นเขาก็คงไม่ว่าอะไร เขาก็รู้อยู่แล้วว่าใครจะอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”


ส่วนความคืบหน้าละครเวที “เรยา เดอะมิวสิคัล” ชมพู่ เผยว่า.....

“ละครเวที เรยา เดอะมิวสิคัล ความคืบหน้าก็ตามที่อัปเดตไปล่าสุดค่ะ ชมน่าจะได้เริ่มซ้อมจริงๆ ก็คงพฤษภาคมไปแล้ว ตอนนี้รอเคลียร์คิวก่อน กับการเตรียมตัวชมก็คงต้องไปเรียนร้องเพลงเพิ่มเติมค่ะ แต่ว่าตอนนี้ยังติดถ่ายละครอยู่ แล้วก็หลังสงกรานต์มาเคลียร์ละครให้ได้ 2 เรื่องก่อน จากนั้นก็คงเริ่มเรียนร้องเพลงค่ะ”

“ไม่ใช่ละครเวทีเรื่องแรกค่ะ ชมเคยเล่นเมื่อหลายปีก่อนละครเวที แต่อันนี้เป็นมิวสิคัลเรื่องแรก ถามว่า กดดันไหมมัน ก็มีความท้าทายเยอะเหมือนกัน เพราะว่านักแสดงร่วมตัวอื่นๆ เป็นนักร้องที่มีระดับ จะคนละวงการกับเรา เป็นนักร้องคุณภาพแบบโอเปร่า ลักษณะนั้นเลย แล้วเราเป็นคนเดียวที่เรียกว่าเป็นดารา เราก็ไม่ได้มีพื้นฐานมากมาย เพราะฉะนั้นก็คงต้องสปีดตัวเอง ต้องพยายามทำให้เต็มความสามารถที่สุด”


ไม่กลัวถูกจับตามอง เพราะอย่างน้อยก็เป็นกระแสให้ละคร

“ก็อย่างที่บอก คือ จริงๆ แล้วตามจุดประสงค์ของอาจารย์ถ่ายเถา และทีมผู้ผลิตทุกคน เขามีมาตรฐานมีภาพในใจ แล้วให้ออกมาค่อนข้างลักษณะบรอดเวย์ เพราะฉะนั้นจะมีการร้องเยอะพอสมควร นักแสดงอื่นๆ ที่เล่นเป็นนักร้องจริงๆ ชมถือว่าเราเองได้รับเกียรติมากที่เขาให้เกียรติเรา และโอกาสเราในการที่มาลองทำอะไรใหม่ๆ ที่มันท้าทายขนาดนี้ ถามว่า โดนจับตามองไหม ก็คงมีบ้าง แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่ง ชมว่าก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็เป็นกระแสให้ละคร ก็มาดูกันเยอะๆ แต่ว่าทำได้แค่ไหนก็พยายามเต็มที่อยู่แล้ว ตัวชมเองก็น้อมรับทุกคำติชม”


ปัดงานล้นมือจนมีผลกระทบกับธุรกิจที่เพิ่งเปิดใหม่

“ไม่มีหรอกค่ะ อันนั้นเราไม่ได้ทำคนเดียว เรามีทีม ก็จัดการเวลา ประชุมกันเท่านั้นเท่านี้ นัดเจอกันที่ไหนก็ได้ ยกหูหากัน โซเชียลเน็ตเวิร์ก ก็ทำได้ ถ้าทำคนเดียวก็คงไม่รอด แต่เรามีทีมที่โอเค เพื่อนๆ ในวงการก็ช่วยกันอุดหนุนหลายคนก็น่ารักดี”


บอกถึงจะทำงานเยอะแต่ความรักกับ “น็อต” ก็ไม่มีปัญหาเพราะว่างแล้วก็หาเวลาเจอหน้ากัน

“มันก็เป็นช่วงเวลาที่ต่างคนต่างต้องไปทำอะไรของเรา ชมว่า ก็เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย คุณน็อตเองก็ยุ่ง แต่ว่าเอาเป็นว่ามีเวลาก็มาเจอกัน วันไหนเลิกเร็วก็โทรหา พี่อยู่ไหนน้องอยู่ไหน” ส่วนกรณีที่ “ชมพู่” ปฏิเสธไม่ไปร่วมงาน “เกิด อวอร์ด” ของ “วู้ดดี้” ทั้งที่ซี้กันมาก เพราะไม่มีชื่อได้รับรางวัลนั้น ชมพู่เคลียร์ว่า...

“ชมติดงานที่เขาใหญ่ เราไปตั้งแต่วันพฤหัสฯ ก็ไปอยู่ 4 วัน อยู่ยาว ส่วนที่หลายคนมองว่า ที่ปีนี้ชมไม่ไปร่วมงานเกิด อวอร์ด จริงๆ ปีก่อนๆ ชมไม่เคยได้เสนอชื่อชมก็ไปให้ตลอดเลย ก็ถ้าพูดอย่างนี้ก็น้อยใจเหมือนกัน เพราะว่าเราไปทีก็ตัดชุด เราก็จัดเต็ม ออกงานทีก็หลายตังค์ คือถ้าว่างชมก็ไปให้ทุกคน แต่ก็ไม่เป็นไร โอกาสหน้าฟ้าใหม่ ชมกับพี่วู้ดดี้ ชม เชื่อว่า ยังมีอะไรที่สามารถทำด้วยกันได้ อาจจะไม่ใช้เฉพาะอันนี้ เราก็ร่วมงานยังเจอกันอีกได้ เพราะว่าเป็นเรื่องที่คุยได้”