Inside Dara
"แซมมี่"ได้"บุปผา"ส่งดัง ตั้งเป้าเป็น"นักแสดงมีฝีมือ"

ร่ายบทร้าย "บุปผา" ในละคร "ไฟหวน" ทางช่อง 7 จนดัง ไปไหนตอนนี้มีแต่คนเรียกนางเอกสาว "แซมมี่ เคาว์เวลล์" ว่า "บุปผา"

วันนี้จังหวะดีที่ละครปิดกล้องและอวสานเจ้าตัวเลยมีเวลามาพูดคุย

ผลตอบรับบท "บุปผา" เป็นอย่างไรบ้าง

แซมมี่ - "กระแสดีเกินคาด หายเหนื่อยเลยค่ะ ซึ่งเริ่มแรกทางช่องส่งเรื่องย่อและบทมาให้อ่าน รู้สึกสนุกมาก อยากเล่น ประกอบกับ คาแร็กเตอร์ตัวนี้ต่างจากเรื่องอื่นๆ ซึ่งไม่ค่อยเห็น คือไม่ใช่แค่ร้ายและเป็นโสเภณีเท่านั้น แต่มันมีอินเนอร์ลึกมากในเรื่องการแก้แค้น ถือว่าหนักมาก หนักกว่าทุกเรื่องที่เคยเล่นมา"

"ซึ่งฉากที่ยากที่สุดน่าจะเป็นฉากที่อยู่ดีๆ หัวเราะ ไม่ได้มีการไล่อารมณ์เพราะไม่ต้องการให้คนดูรู้ทัน เหมือนคนบ้าคนหนึ่งที่สะใจกับการกระทำของตัวเอง แล้วเราเป็นคนหัวเราะไม่เก่ง ไม่ได้หัวเราะอ้าปากขนาดนั้น มันมีเส้นบางๆ คั่นอยู่ระหว่างหัวเราะจริงกับเฟก แซมมี่ว่ามันยากกว่าฉากร้องไห้ ถ่าย 4 เทกถึงผ่าน"

"เรียกว่าบทบุปผานี่เหนื่อยทุกฉาก แม้กระทั่งฉากที่ไม่มีบทพูด แต่ต้องเล่นอารมณ์เยอะมาก ซึ่งจะเจอแทบทุกซีน(หัวเราะ) ก็พยายามพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนจะมาถ่ายละครเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลา เพราะมีถ่าย "บอดี้การ์ดสาว" ด้วย แต่พอเสียงตอบรับออกมาอย่างนี้ก็หายเหนื่อย มีกำลังใจถ่ายทำต่อไป ที่ได้ยินมาเขาจะชมว่าเล่นดี มีพัฒนาการทางการแสดงไม่ยึดติดบทนางเอก ชมว่าผอมและสวยขึ้น"

ที่ดูสวยขึ้น ไปทำอะไรมาหรือเปล่า

แซมมี่ - "ตรงนี้เป็นเพราะโตขึ้นมั้งคะ อายุ 21 ปีแล้ว ช่วงเข้าวงการใหม่ๆ เพิ่งอายุ 16 ปีเอง อ้วนมาก มาตอนนี้โตขึ้นร่างกายยืดขึ้น และความที่เราเป็นสาวขึ้นด้วย พอผอมลงก็มีผลให้ได้รับงานแสดงที่หลากหลายขึ้น เรื่องการดูแลหน้าตามันจำเป็น เพราะเราใช้หน้าตาทำมาหากิน ถ้าหน้าตาไม่ดีหรือพื้นฐานไม่ดีก็เหมือนตัดโอกาสไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยิ่งเป็นลูกครึ่งด้วยหลายๆ อย่างต้องทำ"

"อย่างการลดความอ้วนช่วงแรกทรมานมาก จ้างเทรนเนอร์ไปเข้าฟิตเนสทุกเช้าและเย็น อดอาหาร เวลากินต้องกินน้อย ใช้เวลา 2-3 เดือนที่เห็นชัดว่าผอมลง แต่กว่าจะได้อย่างทุกวันนี้มันจะค่อยๆ มาเรื่อยๆ ช่วงหนักสุดประมาณ 60 โล ตอนนี้น้ำหนักเหลือประมาณ 50 โล จริงๆ อยากให้ลงกว่านี้อีกแต่เดี๋ยวจะกลายเป็นเด็กเอธิโอเปียไป (หัวเราะ) ตอนนี้เวลาจะกินอะไรก็ระแวงว่าถ้าไม่กินเดี๋ยวจะผอมลงแล้วซูบทำให้ไม่มีแรงทำงาน แต่ถ้ากินก็ต้องรู้จักยั้งปากเดี๋ยวจะอ้วนอีก ต้องกินแบบมีสติค่ะ"

คนมองว่าละคร "ไฟหวน" บท "แซมมี่" กลบ "โบ-ธัญญะสุภางค์" นางเอก

แซมมี่ - "จริงๆ บทแตกต่างโดยสิ้นเชิง ทาร์เก็ตก็ไม่เหมือนกัน บทพี่โบจะทำให้คนดูรู้สึกสงสาร ส่วนบทของแซมมี่คนดูดูแล้วต้องเกลียด ส่วนจะกลบหรือเปล่าแล้วแต่มุมมอง ต่างคนต่างทำหน้าที่กันเต็มที่ค่ะ"

หลังผ่านบทยากในละคร "ไฟหวน" แล้ว คิดว่าการแสดงเป็นอย่างไรบ้าง

แซมมี่ - "คิดว่ามีพัฒนาการและมั่นใจมากขึ้น แต่ไม่ได้คิดว่าเก่งที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้าต้องเจออะไรที่ยากกว่านี้ ต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุดแค่นี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ เราพร้อมเปิดรับทุกอย่างของทุกๆ คนมา แล้วก็เอามาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองที่สุดค่ะ"

"ซึ่งการที่เราเล่นละครได้ดีขึ้น ต้องขอบคุณพี่ต้อ (มารุต สาโรวาท) ผู้กำกับฯ ไม่คิดว่าการเล่นละครจะมีรายละเอียดมากขนาดนี้ มันต้องเป็นคนๆ นั้นจริงๆ ถามพี่ต้อว่าถ้าระหว่างฉากสมาธิหลุดต้องทำอย่างไร พี่ต้อบอกว่ามันต้องอาศัยระยะเวลาในการฝึก รวบรวมสมาธิให้เร็วที่สุด ต้องใช้เวลาและประสบการณ์ อีกหน่อยถ้าเราเก่งมันจะเหมือนมีลิ้นชักในตัวเรา สามารถหยิบอันนั้นอันนี้มาใช้ได้ค่ะ"

จากนี้ถ้ามีบทหนักๆ แรงๆ ติดต่อเข้ามาอีก จะเล่นหรือเปล่า

แซมมี่ - "ต้องอยู่ที่บทด้วยค่ะ ถ้าคาแร็กเตอร์ซ้ำกับเรื่องนี้ก็ต้องเว้นระยะ เล่นอะไรที่แตกต่าง เพราะไม่อยากให้คนคิดว่าเล่นแนวนี้ดีแล้วก็เล่นแต่แนวนี้ อยากให้เห็นว่าเราเล่นแนวอื่นได้ด้วย เล่นได้ทุกแนว เพราะเราเป็นนักแสดงที่ไม่ได้เป็นได้แค่นางเอกหรือนางร้ายอย่างเดียว อนาคตอยากให้คนพูดว่าแซมมี่เป็นนักแสดงที่มีฝีมือ ตอนนี้ประสบการณ์ยังน้อยมาก ต้องฝึกฝนและหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ"

เข้ามาทำงานในวงการกี่ปีแล้ว

แซมมี่ - "ประมาณ 5 ปีค่ะ ตอนนี้สัญญาช่อง 7 เหลือประมาณหนึ่งปี และเพิ่งเซ็นเพิ่มไป 5 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมาช่อง 7 ดูแลดีมากๆ ให้โอกาสตลอด ให้งานต่อเนื่อง เขาเห็นเราอยู่ในสายตาตลอด แบบนี้จะไปไหนเพื่ออะไร"

ตอนนี้มีน้องๆ นางเอกใหม่เกิดมากมาย หวั่นจะมาแชร์งานจากเราไหม

แซมมี่ - "ทำใจไว้อยู่แล้ว ต้องมีเด็กใหม่ๆ มาอยู่เรื่อยๆ และเด็กสมัยนี้โตเร็ว หน้าตาดี สวยๆ เยอะมาก ถือว่าเป็นวัฏจักร จุดนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกหวั่นหรือนอยด์ แต่กลับเป็นจุดที่ทำให้ฮึดขึ้นมาด้วยซ้ำ ไม่ใช่อยู่ตรงไหนแล้วย่ำอยู่กับที่ ยิ่งมีเด็กใหม่เข้ามาต้องพัฒนาฝีมือการแสดงของเรา ควรเป็นรุ่นพี่ที่ให้รุ่นน้องเคารพ"

คิดหรือเปล่าว่าตัวเองจะก้าวมาถึงจุดนี้

แซมมี่ - "ไม่คิดเลย ตอนแรกไม่อยากเล่นละครเลยด้วยซ้ำ อยากแค่ประกวดไทยซูเปอร์โมเดลอย่างเดียว ตอนแรกเหมือนโดนบังคับ แต่ก็มาคิดว่าในเมื่อได้โอกาสมาแล้วอย่างไรก็ต้องทำ แทนที่จะทำให้มันแย่ก็ทำให้ดีไปเถอะ แล้วได้ซึมซับการแสดงมาเรื่อยๆ ทำให้ชอบ เริ่มสนุกกับการเล่นละครตั้งแต่ตอนเล่นเรื่อง "บันไดดอกรัก" ซึ่งเล่นกับพี่อ๋อม-อรรคพันธ์ กับพี่มิน-พีชญา ซึ่งพี่อ๋อมเล่นเป็นฝาแฝด แซมมี่เล่นเป็นทอมบอย เรื่องนี้สนุกทำให้เริ่มอยากทำงานแสดงมากขึ้น เริ่มมีไฟ หลังจากนั้นก็มีบทอื่นที่หลากหลายท้าทายความสามารถ ทำให้ยิ่งอยากไปกองถ่ายทุกวันค่ะ"

ที่ผ่านมาจะมีข่าวแรง อย่างล่าสุดมีข่าวว่าเป็นเด็กเสี่ย โดยมี "ไอซ์-อภิษฎา" แนะนำ รู้สึกอย่างไร

แซมมี่ - "สนุกดีค่ะ(หัวเราะ) ไม่เครียดกับข่าวเลย คนที่มีข่าวด้วยก็รู้จักกัน เป็นแก๊งเดียวกัน เหมือนพี่ไอซ์เป็นแม่เล้าเลย แซมมี่ไม่ซีเรียสและคุณแม่ก็เฉยๆ ข่าวไม่ได้บั่นทอนจิตใจเพราะมันไม่ใช่เรื่องจริงก็ไม่เห็นต้องใส่ใจ แซมมี่โดนข่าวแรงๆ มาครบทุกอย่างแล้ว ตั้งแต่เข้าวงการแรกๆ จนถึงตอนนี้ (หัวเราะ) ทั้งข่าวมั่วยา ท้อง ทำแท้ง เป็นมือที่สาม ขึ้นห้องมีอะไรกับพี่อ้วน-รังสิต กับพี่เติ้ล-ธนพล ข่าวเยอะมากจนคิดว่าก็ดีนะคะ โดนแรงๆ ตั้งแต่เข้ามาใหม่ๆ จนตอนนี้มีภูมิแล้ว ข่าวต่างๆ พวกนี้เป็นเรื่องตลก ไม่อยากเอามาใส่ใจ ควรเอาเวลาไปโฟกัสเรื่องงาน เรียน และเรื่องครอบครัวมากกว่า"

เกิดข่าวแรงบ่อยๆ ทำให้คนมองลุกส์เราเป็นผู้หญิงแรง

แซมมี่ - "ตรงนี้แล้วแต่คนมอง ไม่สามารถไปบังคับใครได้ แต่ถ้าใครรู้จักเราจริงๆ จะรู้ว่าเราเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ค่อยคิดอะไรกับใคร เป็นคนตรง อะไรที่ไม่แฟร์แซมมี่จะไม่ชอบ และจะลุยเลย"

"เมื่อก่อนเป็นคนหน้างอหน้าหงิก คนอาจมองว่าเป็นคนแรง ตอนนี้พยายามพัฒนาตัวเอง ที่หน้าหงิกจริงๆ ไม่มีอะไร เขินมากกว่า เพราะถ้ามีอะไรที่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมจะลุยทันที ไม่ได้แค่หงิกอย่างเดียว คืออารมณ์แซมมี่ขึ้นแล้วลงยาก รู้ตัวว่าอันตราย ก็พยายามปรับค่ะ"

ตอนนี้การแสดงรุ่งแล้ว เรื่องรักกับ "กอล์ฟ"อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา ล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง

แซมมี่ - "เหมือนเดิมค่ะ ยังไม่มีอะไรพัฒนาขึ้น แซมมี่ไม่เคยบอกว่าเป็นแฟนกับพี่กอล์ฟ แต่ด้วยเราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเวลาไม่ได้ทำงานก็อยากใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปเลยไม่ได้กังวลว่าคนจะมองเราแแบบไหน ไปบังคับความคิดไม่ได้ แต่เรารู้ว่าเราเป็นอะไรกัน แซมมี่รู้จักพี่กอล์ฟหลายปีแล้ว ร่วมงานกันเรื่องแรก "สวรรค์สร้าง" เมื่อ 3 ปีก่อน และมาเจอกันอีกครั้งเรื่อง "รักร้อยล้าน" บางทีความสัมพันธ์อาจจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ได้ หรือบางทีอาจจะพัฒนาหรือไม่พัฒนาก็ได้"

ที่ความสัมพันธ์ยังไม่คืบ มันติดตรงไหน

แซมมี่ - "ไม่ได้ติดตรงไหนค่ะ เราโฟกัสงานมากกว่า ต่างรับผิดชอบงานตัวเองให้ดีที่สุดก่อน เรื่องความรักจะมาเมื่อไหร่เดี๋ยวก็มาเอง บางทีอาจไม่ใช่คนนี้ก็ได้ ซึ่งตอนนี้การคบกันก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ค่ะ"

มุมมองความรักในวัย 21 ปี เรามองว่าอย่างไร

แซมมี่ - "ก็ไม่ได้มองว่าจะต้องมีใครเป็นพิเศษ แต่ก็แค่โอเค ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องมีแฟนถึงจะมีกำลังใจ กำลังใจมีได้หลายรูปแบบมาก"

ที่ยังไม่มองเรื่องความรัก เพราะคุณแม่หวงหรือเปล่า

แซมมี่ - "ไม่นะ แม่จะห่วงมากกว่า เขารู้ว่าแซมมี่เป็นคนหน้าหงิก ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาหรอก ตัดตรงนี้ไปได้ แต่เขาจะห่วงเรื่องการเดินทาง กลัวไม่ปลอดภัย และตอนนี้แซมมี่ขับรถเองค่ะ ถ้าไม่ใช่เวลางาน เวลาไปเรียน ออกกำลังกาย หรือไปซื้อของก็จะขับรถเอง แต่เวลาไปกองถ่ายแม่จะไปด้วย"

สเป๊กหนุ่มเป็นอย่างไร

แซมมี่ - "ไม่ได้วางสเป๊กหรือฟิกซ์ว่าต้องเป็นแบบไหน แค่อย่างแรกคือเข้าใจกัน ให้เกียรติกัน ทั้งแซมมี่และที่บ้านแซมมี่ก็โอเคแล้ว แซมมี่เชื่อว่าไม่มีใครจะเข้ากันได้ 100% โดยไม่มีการปรับตัวเข้าหากัน เรื่องบุพเพสันนิวาสและเนื้อคู่แซมมี่ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ คิดว่าหนึ่งในล้านถึงจะเจอและเราคงไม่โชคดีขนาดนั้น ขอไปเรื่อยๆ ก่อนดีกว่า ตอนนี้บอกเลยว่าไม่ได้โฟกัสเรื่องรัก อยากทำแต่งานให้สุดๆ ก่อนค่ะ"

ตอนนี้ถือว่าชีวิตมีความสุขแล้ว

แซมมี่ - "แซมมี่จะคิดเสมอไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องอะไรก็ตาม เราไม่ได้หวังกับการที่จะมีความสุข เราหวังแค่ไม่ทุกข์ก็พอ ถ้ามัวแต่อยากหาความสุขระหว่างนั้นคือเรากำลังทุกข์อยู่ ทุกวันนี้เราไม่ต้องมานั่งร้องไห้ ไม่ต้องมานั่งเครียดก็โอเคแล้ว แค่นี้พอ ถ้าความสุขมันจะเข้ามาเดี๋ยวมันก็เข้ามาเอง ไม่จำเป็นต้องโหยหา แนวคิดนี้ได้จากการอ่านหนังสือของคุณนิ้วกลมค่ะ ซึ่งทุกเรื่องที่อ่านมามันเป็นเรื่องจริงหมด ก็ค่อยๆ ซึมซับมาเรื่อยๆ และเอามาปรับใช้ในการทำงานของเราด้วยค่ะ อ่านแล้วก็ได้แนวคิดดีๆ เพิ่มขึ้น"

"อย่างเมื่อก่อนจะมองอะไรไกล ตอนนี้มองอะไรที่ใกล้ตัวก่อนค่ะ"