Inside Dara
‘ปุ๊กลุก’ ไม่แคร์หากไร้คู่ ขาดรักดีกว่าขาดงาน

เรียกว่าเป็นอีกสาวที่มีข่าวแรง ๆ มาให้เคลียร์ตลอด 2 ปีครึ่งที่อยู่ในวงการ สำหรับ ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล แต่วันนี้เธอทำให้หลายคนติดอกติดใจในบทผีสาว

เรียกว่าเป็นอีกสาวที่มีข่าวแรง ๆ มาให้เคลียร์ตลอด 2 ปีครึ่งที่อยู่ในวงการ สำหรับ ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล แต่วันนี้เธอทำให้หลายคนติดอกติดใจในบทผีสาว “กาหลง” ในละคร “เรือนกาหลง” ทางช่อง 7 งานนี้ “ดาวต่างมุม” เลยไม่รอช้าขอนัดสาวปุ๊กลุกมาพูดคุยถึงความคิดและทัศนคติในวงการ รวมทั้งเรื่องของหัวใจ ที่ต้องบอกว่าใครอยากรู้จักตัวตนของเธอให้มากขึ้น ห้ามพลาดบทสัมภาษณ์ครั้งนี้เลยทีเดียว

ฟีดแบ็ก “เรือนกาหลง” เป็นอย่างไร เห็นว่าเรตติ้งสูงเหมือนกัน?

“ก็รู้สึกชื่นใจและหายเหนื่อย เพราะว่าละครเรื่องนี้แต่ละฉากค่อนข้างที่จะถ่ายทำลำบากนิดนึง ใช้เวลาถ่ายนาน เกือบครึ่งปีที่เราถ่ายมา และพอละครออนแอร์แล้วฟีดแบ็กดี ก็ทำให้ทีมงานหายเหนื่อย ตอนนี้เรายังถ่ายทำกันอยู่เลยค่ะ เหลืออีกเยอะพอสมควร มันก็เหนื่อยนะ แต่กระแสคนดูชอบก็ทำให้เรามีกำลังใจ ส่วนข้อคิดที่ได้จากตัวละครที่ชื่อ “กาหลง” จริง ๆ ทำให้ได้คิดว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน เราจะมีชีวิตอยู่ถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ ดังนั้นเราไม่ควรที่จะปล่อยให้วันเวลาผ่านเลยไปโดยที่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ เหมือนเตือนสติว่าถ้าวันนี้เราทำให้ดีที่สุด เราก็จะไม่คิดเสียใจในวันข้างหน้าหากมันมีอะไรที่มันไม่คาดฝันเกิดขึ้น สำหรับความเหมือนหรือต่างระหว่างตัวละครนี้กับหนู เอาจริง ๆ กาหลงเขาค่อนข้างศรัทธาในด้านความรัก มีความกตัญญูกับคุณแม่ อย่างตัวหนูมีทั้งความซื่อสัตย์และความกตัญญูนะ แต่ความศรัทธาในด้านความรัก ตัวละครกาหลงมีสูงกว่าเยอะ ถ้าชีวิตจริงเราต้องเลือกระหว่างแม่กับคนที่เรารัก หนูอาจจะเลือกครอบครัวเราดีกว่าค่ะ”

ตั้งแต่เข้าวงการมาจนถึงตอนนี้ ความคิดเรามีความเปลี่ยนแปลงแค่ไหน?

“หนูเข้ามาในวงการบันเทิง 2 ปีครึ่งแล้วค่ะ รู้สึกว่าชีวิตเราโตขึ้นผ่านการทำงาน ผ่านการเจอคนเยอะ ๆ ในแต่ละวันเราเจอคนไม่ซ้ำหน้ากัน ก็ทำให้ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตกับคนกลุ่มใหญ่ เราจะทำยังไงให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุดกับการที่เราต้องทำงานกับคนเยอะ ๆ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่มันเกิดขึ้น คือเราต้องแก้ไขสถานการณ์ตลอดเวลา เราจะทำยังไงให้มันผ่านไปได้ด้วยดีโดยที่เราไม่ทำร้ายน้ำใจใคร และเราต้องป้องกันตัวเองด้วย แต่ก่อนเราจะใช้อารมณ์ของตัวเองเป็นหลัก แต่พอโตขึ้นเราเริ่มเข้าใจในสิ่งที่มันเป็นไป ก็ทำให้เราตัดสินใจในแต่ละเหตุการณ์ด้วยสิ่งที่มันควรจะเป็นมากกว่าอารมณ์ ถามว่า 2 ปีที่แล้วกับวันนี้เรามองวงการบันเทิงแตกต่างกันมั้ย หนูก็ยังมองว่ามันเป็นอะไรที่อยู่ยากนะคะ ต้องใช้ความรักจริง ๆ ในการที่จะอยู่ตรงนี้ ถ้าใครไม่รักก็อาจจะท้อได้ง่าย ๆ บางทีมันก็เหนื่อย ผลงานที่เราก็ต้องสร้าง ทั้งเรื่องกระแสข่าวต่าง ๆ ที่เราต้องเจอ แต่ถ้าเกิดเรามีทั้งความรักและความเข้าใจให้มัน การปรับตัวมันก็จะเกิดขึ้นค่ะ”

เรื่องข่าวต่าง ๆ ที่เข้ามา ข่าวไหนทำให้เราเสียใจที่สุด?

“ช่วงก่อนนี้ข่าวมันก็แรงทุกข่าวมาตลอด หนูว่ามันอยู่ที่ความเข้าใจในสิ่งที่มันเกิดขึ้นมากกว่า ข่าวที่จะทำให้เสียใจได้คือข่าวที่รู้สึกว่าหนูทำผิดจริง ๆ แต่ถ้าข่าวที่เราไม่ได้ทำผิด แต่เป็นการที่คนอื่นพูดเชื่อมโยงมาถึงเราในทางที่ไม่ดีหรือข่าวที่มันไม่ได้เกิดจากเรา อันนั้นหนูจะไม่เสียใจเลย แต่จะพยายามเข้าใจมนุษย์ว่าทุกคนก็มีอารมณ์ของเขา ถ้าเขายังคิดไม่ได้ มันก็เป็นเรื่องที่เราต้องสงสารเขามากกว่าที่เขาเป็นแบบนั้น วิธีรับมือกับข่าวไม่ดีต่าง ๆ ที่เข้ามาของหนู คือมันต้องตั้งสติว่าเราควรทำอะไรมากกว่าที่เราใช้อารมณ์ทำค่ะ เราไม่ได้โกรธเขา แต่ถ้ามีการพาดพิงที่มันแรงเกินไป เราก็ต้องมีการออกมาพูดเพื่อให้ศักดิ์ศรีของเรายังถูกยกชูไว้อยู่ เพราะบางทีที่เราถูกก้าวเข้ามาในเส้นชีวิตของเรามากเกินไป มันก็ต้องมีการปกป้องสิทธิของเราบ้าง แต่ทั้งนี้เราต้องไม่ทำด้วยความรู้สึกโกรธแค้นในการออกมาตอบคำถามแต่ละครั้ง คือมันไม่ได้ใช้คำว่าให้อภัยหรอกนะ แต่เป็นความเข้าใจเขา เพราะบางเรื่องมันก็แรงเกินกว่าที่จะให้อภัยเขาในวันนี้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าอนาคตเราจะให้อภัยเขาไม่ได้ เราก็แค่เข้าใจในสิ่งที่เป็นมากกว่าค่ะ ส่วนเรื่องบั่นทอนกำลังใจเราเพราะข่าว คือหนูว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่กับนักแสดง ถ้ามองในแง่ดี ก็ถือว่าคนเขาคิดถึงเรา แต่หนูไม่ได้รู้สึกแย่อะไรกับตรงนั้น เพราะว่าเราอาจจะผ่านเรื่องราวที่มีเหตุผลที่หนักมากกว่านี้มาเยอะแล้ว อย่างบางเรื่องเราไม่ได้ทำอะไรผิด มันเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป หนูก็ถือว่าเราไม่ได้ทำไม่ดี ก็ไม่มีอะไรที่เอาผิดเราได้”

ปุ๊กลุกเป็นอีกคนที่ตอบคำถามค่อนข้างตรงไปตรงมา คิดว่ามันมีข้อดีข้อเสียสำหรับเรายังไง?

“มันถูกเรียนรู้ผ่านแต่ละวันที่เราโตขึ้นในวงการบันเทิง ถ้าเมื่อก่อนที่เรายังเด็ก ๆ เราก็ตอบตรงแต่ว่าบางทีมันไปกระทบคนอื่นที่เขาอาจจะไม่ได้หวังดีกับเราจริง ๆ แต่เราก็ไม่ควรพาดพิงถึงเขากลับไปกลับมา เพราะมันจะทำให้เรื่องไม่จบ ในวันนี้หนูรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น หนูยังคงเป็นคนที่ตรงอยู่ คือเราตอบความจริง แต่คำพูดเราไม่ได้ใช้อารมณ์ในการตอบคำถาม ข่าวมันก็จะจบเร็วขึ้นค่ะ คือจากทุกข่าวที่ผ่านมาก็ทำให้เราโตขึ้นเยอะ แต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราก็พยายามเรียนรู้กับสิ่งที่มันเป็น แต่ก่อนที่เราไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง มีอะไรเกิดขึ้นก็มีคนรับรู้แค่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ ณ วันนี้เราเป็นคนที่ทุกคนรู้จัก แต่ละเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างแฟนคลับเขาก็จะรู้สึกว่าทำไมมีข่าวแบบนี้กับเราอีกแล้ว หนูอยู่เพื่อคนที่เขารักเรา ไม่ได้อยู่เพื่อคนที่เขาทำร้ายหนู เวลาที่มีข่าวเกิดขึ้น หนูก็จะนึกถึงคนที่ดีกับเรา เวลาที่ตอบอะไร เราจะซอฟต์ลงค่ะ เวลาแคร์คนที่เรารักก็ทำให้เรามีสติในการตอบมากขึ้น มันเหมือนว่าเราไม่อยากทำให้เขาเสียใจ เพราะว่าตัวหนูก็เจอข่าวมาเยอะแล้ว เลยค่อนข้างที่จะเข้าใจในแต่ละข่าวที่มันเกิดขึ้น ว่าเดี๋ยวมันจะเป็นแบบนี้แล้วก็ผ่านไป เราไม่ได้ถึงกับแข็งแกร่งในวงการนะ เวลาที่มีข่าวมาก็ยังมีความรู้สึกอยู่ แค่เราเข้าใจมันมากขึ้น และเร็วขึ้นมากกว่าค่ะ”

คิดว่าวงการนี้มันให้อะไรเรามากที่สุด สรุปแล้วมันมีข้อดีหรือข้อเสียมากกว่ากัน?

“ตอนแรก ๆ ที่หนูเข้าวงการมันก็มีเรื่องเข้ามานะ แต่มันอยู่ที่เราจะมองมากกว่า หนูรู้สึกว่าโอกาสที่หนูได้รับก็เยอะมาก แต่ข่าวที่เข้ามามันเป็นเหมือนกราฟที่ทำให้เราต่ำลงเรื่อย ๆ เข้ามาหนูก็โดนหลายอย่าง คนที่ไม่ได้รู้จักเราก็ตีความไปต่าง ๆ นานา แต่ ณ วันนึงที่เราได้ใช้ชีวิตให้คนเรียนรู้ว่าตัวตนเราเป็นยังไงจริง ๆ เขาก็เข้าใจเรามากขึ้น ดังนั้นข่าวที่มันแรง ๆ ก็ค่อย ๆ ซาลงเรื่อย ๆ โอกาสดี ๆ หนูก็ยังได้รับจากผู้ใหญ่เสมอค่ะ สำหรับวิธีคิดในการทำงาน ในช่วงเวลายากลำบาก หนูเชื่อแค่ว่าถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิด มันผ่านมาเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ชีวิตคนเรามันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มตลอด ชีวิตมันต้องมีฝนสาดเข้ามาอยู่แล้ว อยู่แค่ว่ามันเข้ามาช่วงไหน แต่ถ้าเราใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกครั้งที่มีฝนเข้ามาก็รอแค่ว่าวันนึงมันจะหยุดแค่นั้นเอง แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เพราะชีวิตเราก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันไม่ดีอยู่แล้ว หนูเชื่อว่าในทุกวัน ทุกคนที่ผ่านเข้ามา เขาได้เรียนรู้หนู สิ่งที่มาก กว่าภาพที่ออกสื่อคือการพูดปากต่อปาก ใครได้เจอเราแล้วพูดต่อไปว่าเราไม่ได้เป็นคนแบบในข่าวนะ คนส่วนใหญ่ที่เจอเราก็รักและเข้าใจเรามากขึ้น เมื่อมีข่าวอะไร เขาก็จะไม่เชื่อ หนูเชื่อว่าถ้าเป็นคนดี วันนึงทุกอย่างเคลียร์เองว่าเราเป็นคนยังไงค่ะ”

ถามถึงหัวใจหน่อย เห็นมีข่าวกับ “แจ็ค-เมธัส ตรีรัตนวารีสิน” สรุปเป็นตัวจริงรึยัง?

“โสดค่ะ หนุ่ม ๆ ที่เป็นข่าวหนูก็ไม่ได้อะไรกับใครค่ะ อย่างล่าสุดกับพี่แจ็ค ก็เป็นพี่น้องกัน ไม่มีอะไร ถามว่ามีคนเข้ามามั้ย มันก็มีเรื่อย ๆ แต่เราไม่ได้มีเวลามาเชื่อมต่อในทุก ๆ ความสัมพันธ์ เพราะอาชีพเรามีเวลาไม่แน่นอน มันก็ยากที่อยู่ดี ๆ เราจะไปคลิกกับใคร แล้วหนูไม่ได้ยึดติดว่าชีวิตที่มีแฟนถึงจะมีความสุข คือหนูมีความสุขได้ในทุกวัน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีใคร ดังนั้นเลยไม่ได้เร่งตัวเอง มันไม่ได้ทรมานหรือทุกข์ใจที่ไม่มีแฟน ทุกวันนี้ชีวิตเราก็มีความสุขอยู่แล้ว ถ้ามีก็มี ไม่มีก็ไม่เป็นไร เราก็ไม่ได้ปิดใจนะ แต่ที่ไม่มีใครเพราะเรายังไม่มีเวลามากกว่า และหนูก็เลือกเยอะด้วย เป็นผู้หญิงการที่จะให้ใครเข้ามาในชีวิตก็ต้องสกรีนพอสมควรค่ะ”

ความรักครั้งก่อนสอนบทเรียนเราเยอะ?

“หนูเชื่อว่าทุกคนที่เคยมีประสบการณ์ความรัก อดีตมันต้องมีผลต่อปัจจุบันอยู่แล้ว มันสอนให้เราโตขึ้น แต่ก่อนเรามองว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ไม่ได้มีอะไรที่แย่เลย แต่จริง ๆ แล้วหนูว่าความรักมันมีทั้งมุมที่ดีและไม่ดี เราก็ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติตลอดเวลา เรามีความรักโอเคเรามีความสุขแต่เราก็ต้องเตรียมใจกับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นข้างหน้าด้วย ณ วันนี้เราคบกับใครมันก็ยากที่จะลงเอยด้วยการแต่งงาน มันต้องมีวันเลิกราอยู่แล้ว ซึ่งการเลิกราก็ทำให้เราเสียใจ มันทำให้เราเข้าใจ

ในความรักและเตรียมใจรับกับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นค่ะ”

ตอนนี้ผู้ชายแบบไหนที่จะเอาชนะใจเราได้?

“หนูไม่ค่อยมีเวลาได้ทำความรู้จักใคร ถ้าเอาชนะใจก็ขอแค่เรามีเวลาได้เจอและได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้กัน เราคงไม่อินเลิฟกับใครผ่านไลน์ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วสำหรับหนู มันต้องเทคไทม์ แต่ไม่มีใครก็ไม่เหงาเลยค่ะ เรามุ่งที่งาน เพราะว่ามันเป็นอนาคตเราค่ะ การมีแฟนไม่ได้หมายความว่าอนาคตเราจะดีขึ้น แต่การมีงานมันทำให้อนาคตเราดีขึ้น ฉะนั้นไม่มีแฟนกับไม่มีงาน หนูเลือกไม่มีแฟนดีกว่า สำหรับเรื่องพรหมลิขิต หนูไม่เชื่อเลย เราเชื่อว่าการที่ได้เจอใครสักคนต้องมีเวลาได้เรียนรู้กับเขา ไม่ใช่แบบเราเกิดมาเพื่อกันและกัน

คือเกิดมาเพื่อกันและกัน แต่ถ้าเราไม่เข้าใจกัน สุดท้ายก็ต้องแยกทางกันอยู่ดี รักแรกพบเป็นไปไม่ได้เลย เจอแล้วปิ๊งกันหนูอยากใช้คำว่าถูกชะตามากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องลองใช้ชีวิต เรียนรู้ด้วยกันว่าเขาเป็นยังไง เราเป็นยังไง ลองปรับตัวเข้าหากัน มันถึงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้”

พูดถึงนิยามรักแท้ในแบบฉบับปุ๊กลุกให้ฟังหน่อย?

“รักแท้คือความเข้าใจ สุดท้ายแล้วถ้าเราคบกันไปนาน ๆ ดูจากคุณพ่อคุณแม่เรามันก็ไม่ได้มีความหวานมากมาย แต่เขามีความเข้าใจกันมากกว่า ฉะนั้นหนูมองว่าความรักคือความเข้าใจว่าเขาเป็นยังไง เขาเหนื่อยแค่ไหน พอเราเข้าใจเขา เราก็อยากทำเพื่อเขา รวมทั้งมีเรื่องของการให้ มันไม่ใช่ตั้งรับว่าเราจะได้อะไรจากเขา แต่เรามีความสุขที่เราได้ให้ มันคล้าย ๆ กับความรักที่พ่อกับแม่มีให้เรามากกว่าความรักหนุ่มสาว เพราะว่าความหวานเดี๋ยวมันก็ไปค่ะ”

เรียกว่าเป็นการได้เห็นอีกหนึ่งมุมมองดี ๆ ของสาวสวยคนนี้ ยังไงก็ขอให้เธอได้เจอกับคนที่เข้าใจเร็ว ๆ นะจ๊ะ.