Inside Dara
สมเพชตัวเอง อยู่ผิดที่! “อ๊อฟ” รับโพสต์ดรามาด่าแกรมมี่แค่อารมณ์ชั่ววูบ ยังไม่สรุปจะอยู่หรือจะไป

“อ๊อฟ ปองศักดิ์” เผยที่มาโพสต์ดรามา “สมเพชตัวเอง อยู่ผิดที่” บอกแค่อารมณ์ชั่ววูบ 12 ปีใต้ชายคาแกรมมี่ไม่ได้เนรคุณ แค่อยากอยู่ในจุดที่สบายใจ แนวโน้มอยู่หรือไปยังไม่สรุป ถอดใจเพลงขายยากขึ้น ยันหน้าเปลี่ยนแค่ฉีดโบท็อกซ์

ถูกทักเกรียวกราวว่าหน้าตาเปลี่ยนไป ล่าสุด “อ๊อฟ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์” ได้เปิดใจในงานแถลงข่าว Stage Fighter Round 2 Concert ณ บริเวณล็อบบี ชั้น L อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ยันแค่ฉีดโบท็อกซ์ ก่อนเผยกระแสโพสต์ดรามาน้อยใจต้นสังกัดแกรมมี่ ระบุว่า สมเพชตัวเองอยู่ผิดที่ ต้องไปเซฟรูปที่โปรโมตเพลงตัวเองจากไอจีคนอื่น

“เรื่องของการทำศัลยกรรม เราทำมาตั้งแต่แรกแล้วทำตั้งแต่เข้าวงการมา 3 ปีแรก เราก็เริ่มทำจมูกแล้ว มันเป็นเรื่องปกติมากเลยนะถ้าให้เทียบกับรูปเก่าดู ก็ยอมรับว่าเราทำ แต่เราทำมานานมากแล้ว แต่ด้วยความที่เราโตขึ้นด้วยมั้งเราคงจะดูดีขึ้นไปตามวัย เราไม่ได้เติมเลย อาจจะมีทำโบท็อกซ์บ้างแต่ว่าโบท็อกซ์ก็ไม่ได้ทำให้หน้าเปลี่ยนขนาดนั้นแค่กระชับส่วนที่มันเกินๆ มาเท่านั้น อ๊อฟก็ชอบนะ เพราะว่าชอบที่ตัวเองมีแก้ม แต่ว่าเราแค่รู้สึกว่าเราอึดอัดเวลาที่เราทำงานเท่านั้นเองเวลาเราเต้นหรือทำท่าอะไรต่างๆ อย่างรูปในโปสเตอร์ชุดนี้เหมือนกันแต่ตอนถ่ายติดกระดุมได้ตอนนี้ติดกระดุมไม่ได้แล้วเราก็อ้วนขึ้นจริงๆ 5 - 6 กิโล”

“คนรอบข้างเขาจะทักเรื่องทรงผมมากกว่า เพราะเมื่อก่อนเราไม่เคยตัดผมสั้นขนาดนี้มาก่อน คนเลยรู้สึกว่ามันแปลกตาไปนิดหน่อย ที่เราตัด มันเริ่มต้นจากเราไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วคืนนั้นมันก็รู้สึกแฮงค์ๆ มาส่องกระจกดูหน้าตัวเองเรารู้สึกว่าอยากตัดผมก็เลยโกนผมเลยคืนนั้น จะบอกว่าตื่นนอนขึ้นมา ก็ตกใจว่าตัวเองทำอะไรลงไปวะ ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายผมด้านข้างก่อนนะเราถ่ายตรงกลางก่อนเลยแล้วก็มารู้สึกตัวว่ามันแก้ไม่ได้แล้วน้องจากจะต้องโกนเลย”

เผยโพสต์ดรามาน้อยใจต้นสังกัดแค่อารมณ์ชั่ววูบ ตกใจขาวไปไกลแต่ไม่ลบออก บอกสื่อสารคลาดเคลื่อน

“ข่าวไปไกลมากเลยเพราะจริงๆ เฟซบุ๊ก มันเป็นไพรเวตของเรานะ เราก็เลยงง แต่ไม่ลบออกนะเพราะทำไมเราต้องลบ จริงๆ มันเกิดจากการที่เราขาดการคุยกันมากกว่าและเป็นอารมณ์ชั่ววูบของอ๊อฟด้วย เพราะอย่างที่อ๊อฟบอก ใครที่ตามอ๊อฟ ก็จะรู้ว่าเรากำลังจะมีเพลงใหม่เราก็อยากจะพูดถึงเพลงตัวเอง แต่ว่าเราไม่มีไฟล์ภาพ หรือไฟล์เพลงที่เราจะพูดถึงเลยเราก็เลยต้องไปเซฟรูปต่างๆ ในอินสตาแกรมหรืออินเตอร์เน็ต แล้วเอามาโพสต์แต่ว่ามันก็มีอันหนึ่งที่เราอยากได้ถือเป็นไฟล์วิดีโอที่เราจะเอามาโพสต์ลงอินสตาแกรมของตัวเอง เพราะตัวอ๊อฟก็รู้สึกว่าอ๊อฟอยากได้มันคงเป็นเรื่องของการไม่ได้คุยกันมากกว่า”

“ตอนนั้นเราแค่น้อยใจนะว่าจริงๆ มันเป็นงานของเรา เราก็อยากจะพูดถึงงานของเราบ้างเราอยากให้คนที่เป็นแฟนๆ ที่ตามเราในไอจีในแฟนเพจเฟซบุ๊กให้เขาได้เห็นเพลงของเราและผลงานของเราบ้าง แล้วซึ่งทีมงานก็มาขอโทษเรานะ ด้วยความที่ตอนนี้ระบบมันเปลี่ยนไป เปลี่ยนใหม่หมดเลยทำให้มีคนทำงานน้อยลงเพราะคนทำงานน้อยลงศิลปินในค่ายก็มีเยอะบางทีเราอาจจะทำให้พลาดไปในบางเรื่องหรือบางครั้ง”

“แต่อย่างที่ออกบอกถ้าเกิดว่าเราไม่ได้ไฟล์วิดีโอเราพูดไปประมาณ 2 วันก่อน แล้วเขาถึงส่งมาให้แต่พอผ่านไปอีกวันหนึ่งเขาก็ลงรูปอีกรูปหนึ่งในไอจี ซึ่งเราก็ยังไม่ได้เหมือนกัน โอเคมันอาจจะเป็นเรื่องของการไม่ได้สื่อสาร หรือไม่ได้พูดคุยกันมั้ง ถ้าตามหลักความเป็นจริงของการทำการตลาดระหว่างไฟล์วีดีโอ อ๊อฟฟิเชียลของค่ายมีคนตามไม่กี่หมื่นคน กับยอดไอจีของเรา คนตามอยู่ 1 ล้าน 1 แสน จะเลือกทำการตลาดอย่างไร แต่นั่นแหละมันอาจจะเป็นเรื่องของการขาดการสื่อสารกันมากกว่า จริงๆ เราก็ได้คุยกันเพราะในตอนนี้ระบบมันมีการเปลี่ยนแปลง มันก็มีการรวมค่ายกัน พอมีการรวมค่ายการกระจายงานก็อาจจะมี การพลาดกันไปพลาดกันมาและงานก็อาจจะไม่ได้ออกมาตรงตามเวลาที่เราจะต้องแชร์”

ลั่น! แยกความรู้สึกส่วนตัวกับงานไม่ออก บอกน้อยใจ...สัญญาใกล้หมด

“ก็อย่างที่บอกแหละ ตามความรู้สึกของอ๊อฟก็คือน้อยใจ แต่ต้องพูดตามตรงว่าในเดือนมีนาคมนี้ อ๊อฟจะหมดสัญญาแล้ว มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเพลงของเรากำลังจะปล่อยในเดือน ก.พ. แล้วในปลายเดือนหน้า (มี.ค.) สัญญาของเราก็จะหมดลงแล้ว มันอาจจะมีอะไรหรือเปล่า เราก็ไม่รู้ไงจะพอเราได้มาคุยกันแล้วก็เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ว่าความรู้สึกส่วนตัวกับการทำงานบางทีมันต้องแยกกัน เพราะตอนแรกต้องบอกตามตรงว่าอ๊อฟแยกไม่ได้จริงๆ เพราะว่ามันเป็นอารมณ์ชั่ววูบของอ๊อฟ ซึ่งเราก็

โพสต์ดรามาแค่อารมณ์ชั่ววูบ 12 ปีใต้ชายคาแกรมมี่ ไม่ได้เนรคุณ แค่อยากอยู่ในจุดที่สบายใจ แนวโน้มอยู่หรือไปอยู่ในขั้นตอนการตกลง

“อีกอย่างหนึ่งคืออยู่กับที่นี่มา 12 ปีแล้ว มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากจะโต แต่เราก็ไม่ได้ลืมหรือเนรคุณนะ เราแค่รู้สึกว่า เราอยากจะอยู่ในจุดที่เราสบายใจ เราทำงานมา 12 ปี เราก็รู้สึกว่าเราอยากจะทำในสิ่งที่เราอยากทำ อยากเลือกในสิ่งที่เราอยากเลือก อยากอยู่ในจุดที่เราสบายใจ”

“ส่วนแนวโน้มที่จะอยู่หรือจะไปก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการคุยกันถ้าดูว่าข้อตกลงจะเป็นยังไง แต่พูดตรงๆ อ๊อฟรักที่นี่มาก แต่ว่าในบางเรื่องที่เรารู้สึกว่าเราอยากจะอยู่ แล้วมันต้องมาเจอกันครึ่งทาง ไม่ใช่ว่าเราต้องเดินไปหาเขา หรือเขาต้องเดินมาหาเราอย่างเดียวมันต้องเจอกันครึ่งทางถามว่าอยากเป็นศิลปินอิสระมั้ย ปัจจุบันนี้อ๊อฟคิดว่าเรื่องของเพลงเราพูดกันตรงๆ นะขายยากมาก เพราะว่าคนฟังเพลงเปลี่ยนวิสัยของการฟังเพลงไปแล้ว ส่วนใหญ่เขาจะฟังจากโซเชียลและการแชร์ในยูทูป แล้วศิลปินส่วนใหญ่ก็อยากจะได้งานโชว์เยอะๆ แต่ว่าการที่จะมีงานโชว์มันก็ต้องมีงานเพลงที่ดีก่อน แล้วตัวตนของเราจริงๆ ชอบคิดว่าถ้าเราคุยกันได้ตกลงกันได้ก็เจอกันครึ่งทางออกก็สบายใจที่จะอยู่มากๆ”