Inside Dara
ลือหึ่ง !!! ชีวิตในกรงทอง “พิ้งกี้” ไม่หรูอย่างที่คิด

เรียกว่านับตั้งแต่แต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มระดับหมื่นล้าน “เพชร-อิทธิ ชวลิตธำรง” ที่ถือครองสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินกว่าครึ่งของพัทยาอยู่ในมือ ก็ดูเหมือนว่าข่าวคราวของนางเอกตาคม “พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช” ก็ห่างหายไปจากสารบบของข่าวบันเทิง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยยึดครองตำแหน่งดาราหน้าหนึ่งมานาน โดยเฉพาะกรณีเป็นมือที่สาม ที่มาเขย่าขาเตียงคู่ของ “เป๊ก-สัณชัย” กับ “ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล”

ข่าวแรงหนักถึงขนาดที่ทำให้พิ้งกี้หล่นจากบัลลังก์นางเอก วิก 7 สี จนต้องลี้ภัยไปตายดาบหน้า หวังจะมีที่ยืนในช่อง 3 แต่สุดท้ายก็ต้องโดนถอดจากละครกลางอากาศ ทั้งที่แถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงไปแล้ว โชคยังดีที่มีค่ายเอ็กแซ็กท์คอยอุ้มชู ป้อนงานละครให้ได้เล่นอยู่เนืองๆ ควบคู่กับการเป็นนางเอกเจ้าประจำของช่อง 8 ที่ใช้บริการแบบผูกขาด แทบจะเรื่องเว้นเรื่องเลยทีเดียว ล่าสุดก็คือเรื่อง “แหวนทองเหลือง”

มาช่วงหลังแต่งงานที่รู้สึกว่าผลงานจะทิ้งช่วงห่างไปหน่อย คือไม่ถี่ยิบเหมือนเมื่อก่อน จนหลายคนมองว่าเป็นนางเอกที่ใช้ชีวิตแบบนกน้อยในกรงทอง คือมีสามีที่ร่ำรวยระดับที่ใช้เงินทั้งชีวิตก็ไม่หมด จะต้องมาตาดแดด ตากลม เล่นละครทำไมให้เหนื่อยเปล่า

แต่ที่ไหนได้ เพราะแหล่งข่าวจากแวดวงไฮโซละแวกพัทยา ลือกันหนาหูว่าชีวิตในกรงทองของพิ้งกี้ไม่ได้สวยหรู งดงาม เป็นซินเดอเรลล่าในเทพนิยายอย่างที่ใครๆ คิด คือผู้ชายน่ะ รวยจริง แต่รวยแบบเงินในกระเป๋าไม่ค่อยกระเด็น

เจ้ากรมข่าวลือขยายความต่อว่า ทุกวันนี้นางเอกพิ้งกี้ได้รับเงินเดือนจากสามีหมื่นล้านไม่ได้มากมายอะไร เทียบแล้วก็ประมาณพนักงานระดับผู้จัดการ ที่มีรายได้ประมาณอยู่ในหลักครึ่งแสนเท่านั้น คิดดูง่ายๆ ว่ารายรับจะหล่นฮวบขนาดไหน เพราะระดับพิ้งกี้รับงานอีเว้นต์แต่ละที ใช้เวลาทำงานแค่ประมาณชั่วโมงเดียว ก็ได้ค่าตัวมากกว่าที่ได้รับจากสามีทั้งเดือนแล้ว

ยัง.....ข้อห้ามยังไม่หมดแค่นั้น เพราะแหล่งข่าวคนเดิมยังลือต่อว่า ฝ่ายสามียังออกคำสั่งห้ามพิ้งกี้กลับบ้านไปหามารดาอีกด้วย หรือหากมีเหตุที่จำเป็นจะต้องไปจริงๆ ก็ต้องถอดเครื่องประดับประดามีออกจากตัวก่อน พูดง่ายๆ ก็คือไปได้แต่ตัว เพราะป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินกลับสู่มาตุภูมิ

อุทาหรณ์ของนางเอกอยากได้สามีรวย หวังว่าจะถูกหวยไปทั้งชาติ บอกได้เลยว่าไม่เสมอไป เพราะถ้าเจอแบบรวยแต่เหนียวหนี้ ชีวิตก็อาจจะอับเฉา

เรื่องนี้จะจริงเท็จอย่างไร ยังไม่คอนเฟิร์ม !! แต่พอมาไล่ลำดับเรื่องราวแล้ว ก็อดย้อนนึกไปเหตุการณ์เกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ 2 กรณี ที่เคยเป็นข่าวดังอยู่พักใหญ่ แล้วจู่ๆ เรื่องก็เงียบไป โดยไม่มีข้อสรุป ลองพินิจพิจารณากันเองแล้วกัน ว่ามันจะสอดคล้องกับข่าวลือที่ว่าหรือเปล่า

ถ้ายังจำกันได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว มีการแชร์ข้อความกันสนั่นในโลกออนไลน์ โดยออแกไนซ์เจ้าหนึ่งออกมาแฉกรณีที่มีดาราระดับ “นางเอก” เบี้ยวค่าจัดงานแต่งงาน

ครานั้นมีดาราที่ตกอยู่ในข่ายเป็นผู้ต้องสงสัยหลายคน ทั้ง “บุ๋ม-ปนัดดา” , “กระแต-ศุภักษร” , “ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์” รวมไปถึงคู่ของพิ้งกี้ก็ไม่รอด แต่สุดท้ายเรื่องก็จบไปแบบงงๆ โดยไม่มีการเฉลยว่าแท้จริงแล้ว เป็นดาราคนไหนกันแน่ ที่เบี้ยวเงินค่าจัดงานแต่ง นัยว่าออแกไนซ์ที่มาพิมพ์แฉ ก็ไม่กล้าระบุชื่อตรงๆ เพราะเกรงจะถูกฟ้องร้อง แต่จาก “คีย์เวิร์ด” ของข้อความที่พิมพ์ว่า “ของชำร่วยงานแต่งเป็นการ์ด” ก็เดาได้ไม่ยากอยู่แล้วว่าเป็นผู้ใด ??

มาจนเรื่องที่นางเอก “ซูซี่-สุษิรา แน่นหนา” ออกมาให้ข่าวว่าถูกเบี้ยวค่าตัว จากงานแสดงภาพยนตร์เรื่อง “Hugger mugger” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่พิ้งกี้กับสามีเป็นผู้ลงทุนสร้าง และได้เดินทางไปถ่ายทำกันถึงประเทศฝรั่งเศส แต่สุดท้ายก็มีเหตุให้ระงับการถ่ายทำกลางคัน โดยไม่ทราบสาเหตุ ก็เลยออกมาทวงถามถึงค่าตัวที่ยังได้ไม่ครบตามที่ตกลง เพราะพยายามติดต่อไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ

“ถามว่ามีปัญหาไหมก็รออยู่ค่ะ เขาก็ไม่ได้ติดต่อมาค่ะ ผู้จัดการพยายามโทร.หาเขานะ แต่ยังรอเขาติดต่อกลับมาอยู่นะคะ ถามว่ากลัวเบี้ยวไหมก็นิดหนึ่ง แต่ก็พยายามคิดในทางที่ดีไว้ ตอนนี้ยังไม่ได้เจอใครเลย ทีมงานบางคนก็บอกว่าทางเขาออกไปแล้วไม่ได้รับค่าตอบแทนอะไรเลย ก็รอดูค่ะ จริงๆ ถ่ายเกือบเสร็จแล้วเหลือแค่คิวเดียว ก็หวั่นใจนิดหนึ่งแต่ทำอะไรไม่ได้ จะดำเนินการอะไรไหมก็ต้องดูว่าคุ้มหรือเปล่า ต้องลองดูค่ะ”

โดนขนาดนี้ คู่สามี-ภรรยา ก็เลยต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงความจริง ว่าเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด และเป็นทาง ซูซี่เอง ที่ไม่ติดต่อเข้ามารับค่าตัวทั้งที่เตรียมเช็คไว้ให้แล้ว พร้อมกับขอให้อีกฝ่ายออกมาขอโทษผ่านสื่อ เพื่อให้เรื่องยุติ ส่วนเหตุที่จำต้องระงับการถ่ายทำภาพยนตร์นั้น ก็ไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างที่หลายคนคิด แต่เพียงเพราะยอมรับว่าไม่มีความสามารถในการสานต่อภาพยนตร์ให้สมบูรณ์แบบตามที่ตั้งใจไว้ได้

ไปๆ มาๆ เรื่องก็เงียบหายเป็นคลื่นกระทบฝั่งเหมือนเดิม จนเมื่อมีข่าวลือเรื่องชีวิตในกรงทองของพิ้งกี้ที่ไม่ได้สวยหรูอย่างภาพที่ใครๆ คิด คนก็เลยโยงกลับมาที่เรื่องนี้อีกครั้ง เพราะเห็นว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เหมือนกัน

แต่ทั้งหมดทั้งมวล ของแบบนี้ก็ต้องฟังหู ไว้หู อย่าเพิ่งไปด่วนสรุป เพราะข้อมูลหลายอย่างก็ดูจะสวนทางกับโปรไฟล์ของเพชรที่คนในวงสังคมรับรู้กันมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องการเป็น “พ่อบุญทุ่ม” ที่เวลาปลื้มใคร ก็จะเปย์ไม่ยั้ง ทั้งรถ ทั้งคอนโดฯ เรียกว่าปรนเปรอกันแบบอิ่มกันไปทั้งชาติ แล้วไหนจะเรื่องของรสนิยมส่วนตัว ที่ถือเป็นคนใช้เงินซื้อความสุขให้ตัวเองแบบเต็มเหนี่ยว ไม่เว้นแม้แต่รถหรูเฟอร์รารี่ราคากว่า 30 ล้าน ก็ถอยมาประดับบารมีมาแล้ว

โปรไฟล์ระดับนี้ มีหรือที่จะจ่ายเงินเดือนให้ภรรยาแค่เดือนละไม่ถึงครึ่งแสน แถมยังห้ามถ่ายเททรัพย์สมบัติกลับไปให้ฝั่งแม่ยายอีก

แต่ก็อีกนั่นแหละ เรื่องแบบนี้....ถ้าไม่มีมูลฝอย สุนัขก็คงมี่ขี้....หรอก

เอาเป็นว่าขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่านแล้วกัน !!

ปล. แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็บอกได้เลยว่าสม.... เอ๊ย สงสารพิ้งกี้ !!