Inside Dara
ชีวิต 9 ปีในถนนมายาเวลาเป็นตัวพิสูจน์'เวียร์-ศุกลวัฒน์

กำลังเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ในบทขององครักษ์ "คามิน" ในละครเรื่อง "ล่ารักสุดขอบฟ้า" สำหรับพระเอกหนุ่มมาดเข้ม "เวียร์" ศุกลวัฒน์ คณารศ ที่เรื่องนี้โคจรกลับมาพบกันอีกครั้งกับ "มิน" พีชญา คู่จิ้นฟินแลนด์แห่งวิกหมอชิต วันนี้ "บันเทิง คม ชัด ลึก" จะพาไปพูดคุยกับหนุ่มเวียร์กับชีวิตบนเส้นทางบันเทิงตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา

บทบาทใหม่
กับบทบาทใหม่องครักษ์ "คามิน" เป็นยังไงบ้าง

คามินเป็นองครักษ์ของเจ้าชาย ภายนอกเขาจะดูแข็งแกร่ง เข้มแข็ง เป็นชายชาติทหาร แต่ลึกๆ ในใจเขาจะมีความอ่อนไหว โดยในใจคามินเขาจะมีปมในเรื่องของชาติกำเนิด ที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร คามินมีเพียงสิ่งเดียวที่ตั้งมั่นอยู่ในใจเขา คือ ชีวิตเขามอบให้ราชบัลลังก์

ในความรู้สึกของเวียร์ เสน่ห์ของ "คามิน" คืออะไร

ผมว่าเสน่ห์ของคามิน อยู่ที่เป็นผู้ชายที่ค่อนข้างนิ่งๆ ตรงๆ เสน่ห์ของเขาอยู่ตรงที่เขาเป็นคนไม่ยอมใคร แต่เขากลับมายอมนางเอก ถ้าในฐานะของคนดู ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ของความเป็นผู้ชายที่เก่งมาตลอด แต่หวั่นไหวให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพราะเป็นผู้หญิงที่เขารัก

"คามิน" กับ "เวียร์" มีความใกล้เคียงกันบ้างไหม

ถ้าให้ผมมอง ผมว่าไม่มีนะ เพราะคามินเป็นคนนิ่งๆ แต่ผมเองไม่ได้เป็นคนนิ่งขนาดนั้น แต่ถามว่ามีอะไรที่ใกล้เคียง ผมว่าน่าจะเป็นบุคลิกภายนอก แต่ในตัวตน คามินกับผม ไม่มีอะไรเหมือนเลยนะ เพราะคามินเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีในผู้ชายปกติทั่วๆ ไป

คู่จิ้นรีเทิร์น
รู้สึกยังไง ที่เป็นคู่ขวัญ-คู่จิ้น ที่หลายคนรอคอยให้กลับมาร่วมงานกันอีก หลังจากเรื่อง "ปิ่นอนงค์"

เรื่องแรกที่เล่นด้วยกัน คือละครเรื่องปิ่นอนงค์ ค่อนข้างสร้างความประทับใจให้คนดูพอสมควร ซึ่งแฟนละครในตอนนั้น ไม่เคยเห็นเราสองคนเล่นด้วยกันมาก่อน แต่เมื่อการแสดงของเรา รวมถึงบทละคร และองค์ประกอบต่างๆ ที่ทำให้คนดูชอบ แล้วเขาจับคู่ให้เราเป็นคู่จิ้นกัน แฟนละครบางคน ก็อาจจะอยากให้เรารักกันจริงๆ ในชีวิตจริง เพราะในละครเรามีฉากเลิฟซีน ฉากพ่อแง่แม่งอน ฉากปกป้องระหว่างพระเอกนางเอก แต่นั่นคือบทบาทในละคร ทำให้คนดูเริ่มทำให้มีแฟนคลับที่เป็นแฟนคลับบ้านคู่ ซึ่งถึงละครจบแฟนคลับกลุ่มนี้ก็ยังอยู่ตลอด เพื่อที่จะรอว่าเมื่อไหร่เราจะกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เท่าที่ผมทราบ ทางแฟนละครกลุ่มนี้ ก็มีเขียนจดหมายไปทางช่องตลอด หรือในโซเชียลต่างๆ ว่าอยากให้เราสองคนกลับมาร่วมงานกัน จนมาถึงวันที่ทุกอย่างลงตัวก็คือเรื่อง "ล่ารักสุดขอบฟ้า" เรื่องนี้

สิ่งที่ต้องพูดถึงสำหรับคู่จิ้น "เวียร์-มิน" คือเรื่องของฉากเลิฟซีน ฉากเลิฟซีนเรื่องนี้ต่างจาก "ปิ่นอนงค์" อย่างไร

เรื่องปิ่นอนงค์ นางเอกจะดูน่าสงสาร ส่วนเราในเรื่อง คุณใหญ่จะออกเป็นแนวซาดิสต์นิดๆ แต่เรื่องนี้นางเอกคือน้องมิน จะแก่นๆ หน่อย ส่วนผมจะนิ่งๆ ไม่ได้โหดทำร้ายนางเอกเหมือนตอนคุณใหญ่ ในปิ่นอนงค์ ฉากเลิฟซีนในเรื่องจะเป็นฉากกุ๊กกิ๊กๆ น่ารักๆ เป็นการบรรจงจูบ ไม่ได้เป็นแบบกระชากลากถูเหมือนตอนปิ่นอนงค์ ความฟินในฉากเลิฟซีนในเรื่องนี้จะแตกต่างจากเรื่องที่แล้ว เพราะความรักในบทบาทของคามินกับมัทนา จะเป็นแบบที่แสดงออกไม่ได้ จะจูบทีก็ไปจูบตามมุมตึก ไปจูบตอนกลางคืน ก็จะให้ความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง

กระแสตอบรับจากแฟนคลับคู่จิ้นชอบเลิฟซีนแบบไหน ซาดิสต์แบบคุณใหญ่ หรือนุ่มนวลแบบคามิน

จริงๆ ตอนเลิฟซีนคุณใหญ่ ก็ไม่ใช่ว่ามาถึงจะเลิฟซีนแบบฉุดกระชากลากถู มันก็มีเรื่องราวมา ส่วนในเรื่องนี้เนื้อเรื่องก็เป็นอีกแบบหนึ่ง คือผมว่ามันเป็นความฟินในคนละแบบ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าแฟนคลับผมเขาชอบแบบไหน ชอบแบบรุนแรง หรือชอบแบบนุ่มนวล แต่เท่าที่เห็นน่าจะชอบทั้งสองแบบ (หัวเราะ) เขาก็มีมาบอกว่า "ขอให้เฮีย (สรรพนามที่แฟนคลับใช้เรียกเวียร์) ทำยังไงก็ได้ จะรุนแรงหรือนุ่มนวล เขาก็ยอม เขาขอไปสิงร่างมินก่อน" เวลาอ่านข้อความที่แฟนคลับส่งมา ก็ตลกดี น่ารักดี

เล่าถึงความประทับใจของ "เวียร์" กับแฟนคลับให้ฟังหน่อย

พูดถึงเรื่องของงานแสดงคู่กับน้องมินแล้วกัน คือตอนที่เล่นปิ่นอนงค์ด้วยกัน ตอนนั้นแฟนคลับของผมก็จะมีสรรพนามเรียกแทนตัวเองกันว่า "เมีย" จะมีแบบเมียน้อย เมียหลวง เมียเยอะมาก เขาก็ไปจัดอันดับกันว่าเขาเป็นเมียอันดับที่เท่าไหร่กันบ้าง อย่าถามว่าผมมีเมียกี่คน เพราะนับไม่ถ้วนเลย (หัวเราะ) ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องราวที่ตลกดีนะ แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจ เพราะเรารู้ว่ามีพวกเขาคอยสนับสนุน คอยติดตามผลงาน มันทำให้เราอยากทำงานออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้เขาได้ดูกัน

9 ปีในวงการมายา
9 ปีกับชีวิตในวงการมายาของ "เวียร์" เป็นยังไงบ้าง

ก้าวเข้าสู้ปีที่ 9 ก็เป็นเลขดี อย่างปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่งที่เป็นปีที่ดีของผม ที่ผ่านมา 9 ปี สำหรับผมส่วนใหญ่จะเป็นปีที่ดีนะ 9 ปีที่ผ่านมา วงการนี้ก็ทำให้เราโตขึ้น การทำงานก็ดี แต่งานก็อาจจะไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน อย่างเรื่องของงานละคร จะมีละครมาเสนอ แล้วเราก็มีการพิจารณามากยิ่งขึ้น เพราะการที่เราเล่นละครมา 9 ปีบทบาทที่เราเล่นมา มันแทบจะหมดแล้ว ยิ่งในบทของความเป็นพระเอก เพราะพระเอกก็คือพระเอก บทบาทที่จะได้เล่นก็น้อยลง ซึ่งทางผู้ใหญ่เอง ก็จะพิจารณาให้ว่า มีบทบาทไหนที่อยากให้เวียร์เล่น หรืออยากให้คนดูได้เห็นเวียร์ในมุมที่แตกต่าง ทำให้ต้องมีการเลือกนิดหนึ่ง และรับละครได้ประมาณปีละ 2 เรื่อง

การตัดสินใจในการรับงานละครเป็นแบบไหน

เป็นการพูดคุยกันระหว่างผมกับทางช่อง 7 ซึ่งเป็นการคุยกันแบบตรงไปตรงมา อย่างบางทีละครบางเรื่องผมไม่เล่น จะแจ้งกับทางช่องไปเลย ซึ่งทางช่องเองก็ให้สิทธิการตัดสินใจกับผม หรือบทไหนที่ทางช่องเสนอมา บอกว่าอยากให้ผมเล่นจริงๆ ทางช่องก็จะบอกเลย แต่ส่วนใหญ่ทางช่อง 7 จะพิจารณาละครมาให้เราดีอยู่แล้ว บทบาทไหนที่เราเคยเล่นแล้ว ถึงเราจะเล่นให้แตกต่างแค่ไหน คนดูก็จะสัมผัสได้อยู่แล้ว ซึ่งทางช่องเองก็พยายามหาบทบาทที่ไม่เคยเล่น หรือเป็นบทที่เวียร์ห่างมานาน

มีบทบาทแบบไหนที่ "เวียร์" อยากลองเล่น เพื่อท้าทายตัวเอง

จริงๆ ก็มีเยอะนะ เพราะบทบางบทเราเองก็ยังไม่เคยเล่น ซึ่งอาจจะไม่ใช่บทพระเอก อย่างบทที่แสดงอารมณ์เยอะๆ ใช้ท่าทาง หรือใช้สายตาในการแสดงออกมากๆ แต่ด้วยตอนนี้เราเองมีภาพของความที่เป็นพระเอกอยู่ ทำให้รับบทได้ไม่หลากหลายมากนัก แต่ถามว่าบทไหนที่อยากเล่น เอาจริงๆ ผมเล่นได้หมดนะ แต่ผมแค่รู้สึกว่าบทที่จะให้เราเล่น มันต้องมีอะไรให้เราเล่นได้ ให้เราได้ท้าทายความเป็นนักแสดง

ส่วนตัว "เวียร์" ยึดติดกับบทบาทความเป็น "พระเอก" ไหม

จริงๆ ไม่นะ ถ้าในความคิดส่วนตัวของผมนะ ผมบอกกับตัวเองเสมอว่า ผมเป็นนักแสดง แต่ด้วยสถานะตอนนี้ที่คนมองมา ผมเป็นพระเอก การจะรับงานเราก็ต้องคิดย้อนกลับไปหาคนที่เขาดูเราด้วย อนาคตผมอาจจะไม่ได้เป็นพระเอกตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจะเป็นอยู่ คือเป็นนักแสดง ผมจะเล่นได้หลายบทบาท

อยู่ในวงการนี้มา 9 ปีรับมือกับเรื่องราวของข่าวอย่างไงบ้าง

ผมเองไม่ค่อยได้รับมืออะไรกับสิ่งที่เข้ามา ทั้งเรื่องข่าวและเรื่องต่างๆ มาก ส่วนใหญ่ผมจะนิ่งๆ มากกว่า มันเหมือนว่าเรารู้ในที่ๆ เราอยู่ว่ามันเป็นยังไง เรารู้ว่าเราอยู่ในโลก หรือสังคมแบบไหน เราสามารถรับมือได้ เพราะเรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร อย่างข่าวต่างๆ ที่ออกมา ถ้ามันเป็นเรื่องไม่จริง แป๊บเดียวมันก็ไป มันอยู่ไม่นานหรอก หรือถ้าเป็นเรื่องจริง มันก็เป็นเรื่องจริง ก็แค่นั้น เวียร์ไม่ได้เป็นคนที่ไปกลัว หรือไปตื่นเต้นหรือตื่นตะหนกกับข่าวต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ผ่านเข้ามา

มุมความรักของเวียร์
ความรักของ "เวียร์" ตอนนี้เป็นยังไง

ความรักของผมก็เหมือนเดิมนะ ถ้าถามว่าโสดไหม ก็โสด ยังไม่ได้แต่งงาน (หัวเราะ)

สถานะกับ "เบลล่า" ตอนนี้ยังคุยกันอยู่ไหม

ยังคุยกันอยู่ แต่แค่ว่าเราต่างคนต่างทำงาน น้องเองก็มีละคร 2 เรื่อง ผมเองก็เหมือนกัน แต่ถ้ามีเวลาว่างที่ตรงกัน เราคุยกันในแบบที่เราไม่ได้บอกว่าเราต้องเดินหน้า จริงจัง ผมเองอยู่วงการนี้มานาน และก็ผ่านเรื่องนี้มาเยอะ ผมเองสบายๆ กับเรื่องนี้ แต่ส่วนน้องเขา ผมก็บอกเขาว่าอย่าไปสนใจกับข่าวมาก ให้เขาตั้งใจทำงาน

ช่วงนี้ "เบลล่า" เจอข่าวเยอะ มีเป็นห่วงเขาไหม

ผมมองว่าดาราเป็นข่าวถือว่าเป็นเรื่องปกตินะ ถ้ารับกับเรื่องข่าวไม่ได้ ก็อยู่วงการนี้ไม่ได้ ผมก็บอกเขาตลอดว่า ไม่ต้องสนใจกับข่าว ยิ่งข่าวไหนที่มันไม่จริง เดี๋ยวมันก็หายไป เพราะผมมีความเชื่อว่า คนที่จะอยู่ในวงการบันเทิงได้ ต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ ซึ่งผมก็บอกเขา แต่เอาจริงๆ เขาเป็นคนเก่ง เป็นผู้หญิง เป็นลูกคนเดียว ทำงานดูแลครอบครัว เขาสามารถผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้

มีคนจับตามองเรื่องความรักของ "เวียร์" มาก รู้สึกยังไง

เป็นปกตินะ เพราะว่าคนรู้จักเรา เรื่องของผลงานเขาก็ติดตามเรา เรื่องส่วนตัว เรื่องหัวใจ เรื่องแฟน เขาก็อยากที่จะรู้มันเป็นเรื่องธรรมดา ผมเองชอบพระเอกฮอลลีวู้ด ผมก็อยากที่จะรู้ในเรื่องส่วนตัวของเขา ว่าเขามีแฟนหรือยัง มันเป็นแค่ความอยากรู้ แต่ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายวุ่นวาย

มองอนาคตครอบครัวไว้อย่างไง อยากแต่งงานไหม

ผมว่าผู้ชายทุกคนก็คงอยากแต่ง มันเป็นเรื่องของการสร้างครอบครัว ผมเองก็คิดอยากจะมีครอบครัวเหมือนกัน ผมอยากมีลูก พ่อกับแม่ผมตอนนี้ก็มีเหลือผมคนเดียว ผมก็ต้องมีหลาน มีคณารศต่อไป ถามว่าอยากแต่งตอนอายุเท่าไหร่ ผมว่าน่าจะประมาณอายุ 33-34 ปี


นี่แหละ!! ผู้ชายในแบบ "เวียร์" ศุกลวัฒน์
ชื่อ : ศุกลวัฒน์ คณารศ
ชื่อเล่น : เวียร์
เกิด : 18 เม.ย. 2528
การศึกษา : จบการศึกษา อนุบาล-มัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มอดินแดง) จบการศึกษาจากภาควิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ผลงานที่ผ่านมา : พลิกดินสู่ดาว, พระจัทร์ลายพยัคฆ์, ปิ่นอนงค์, นักสู้มหากาฬ