Inside Dara
‘แอน’ ดังไกลแต่ใจยังรักลิเก

“ขอบอกว่าแอนไม่มีวันทิ้งลิเกแน่นอน เพราะที่แอนก้าวไปสู่บอลลีวูดหรือค่ายเพลงที่โน่นได้ก็เพราะลิเก คือถ้าแอนเอาแค่เพลงที่แอนร้องได้กับตัวแอนเข้าไปเสนอ เขาไม่สนใจแอนหรอกนะ เพราะผู้หญิงเซ็กซี่มีอยู่ทั่วโลกแล้ว”

นาทีนี้ถ้านึกถึงสาวจากวงการบันเทิงไทย ที่ไปโด่งดังในอินเดีย คงมีชื่อเดียวที่ตอบได้ นั่นคือ แอน มิตรชัย นางเอกลิเกคนดัง ที่ตอนนี้ไปไกลถึงบอลลีวูด ได้เล่นหนังและมีผลงานเพลงออกไปทั่วอินเดียและทั่วโลก ถือเป็นดาราที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย วันนี้ถือโอกาสดีที่สาวแอนได้มาเมืองไทย และมาเยี่ยมเยือน “เดลินิวส์” เพื่อพูดคุยและเจาะลึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต

ไปทำงานบันเทิงที่อินเดีย ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน?

เปลี่ยนเยอะเลยค่ะ หนังเรื่อง อิค แอ็คชัวลี่ (Ishk Actually) ของแอนได้เข้าโรงหนังที่อินเดียเมื่อ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ก็ได้ฉายที่เทศกาลหนังที่เบอร์ลินมาแล้ว มีการโปรโมตเพลงของแอนด้วย กระแสตอบรับดีมาก สื่อก็ให้ความสนใจ ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกที่แอนเข้าไปที่อินเดียตั้งใจจะทำเพลง ไม่ได้ตั้งใจเล่นหนัง จะไปทำเพลงขายในอินเดียและไทย ต่อมาได้รับโอกาสในงานภาพยนตร์ ถือว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ในการทำงาน ซึ่งวงการบอลลีวูดจะหนักมาก ไม่มีเล่น ๆ เลย อย่างบางคนได้เป็นมิสโมเดลด้วยนะ แต่เขาไม่มีโอกาสได้เล่นหนัง ที่นั่นเขารองานกันนานมาก 6-7 ปี เพราะอุตสาหกรรมเขาใหญ่ คนเป็นซูเปอร์สตาร์ก็จะเป็นซูเปอร์สตาร์ตลอดไป เป็นอมตะ เป็นดาวค้างฟ้า แก่แล้วเขาก็ยังเป็นพระเอกได้ แฟน ๆ ก็รักและศรัทธาในตัวศิลปินของเขา คนใหม่ ๆ จึงแทรกเข้าไปได้ยากมาก แอนถือว่าแอนมีโอกาสและโชคดีมากที่แอนได้พบผู้จัดการที่ดี เขารักประเทศไทยมาก แล้วแอนก็มีเพื่อนที่เคยถ่ายหนังด้วยกันติดนางงามด้วยนะ เป็นอันดับ 4 หลายปีก่อน แต่ไม่มีโอกาสได้เล่นหนังทั้ง ๆ ที่ส่งแคสงานเยอะมาก มีแต่งานเดินแบบ ส่วนหนังจะเข้าไปเล่นยาก เพราะที่นั่นนักแสดงที่ร้องเพลงเยอะมาก

ทำไมคนอินเดียให้การตอบรับทั้ง ๆ ที่แอนโนเนมที่นั่น?

จริง ๆ เขารู้ว่าเรามีชื่อเสียงในประเทศไทยนะ แล้วก่อนหน้านี้แอนได้ถ่ายทำมิวสิกวิดีโอตัวใหม่ จะออนแอร์สิ้นปีนี้ แอนได้นำวัฒนธรรมของไทยอย่างลิเกใส่เข้าไปในเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษ แม้จะเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ แต่เราภูมิใจที่เสนอผู้ใหญ่แล้วเขาเห็นคุณค่าของศิลปะ เขามองงานศิลปวัฒนธรรมเป็นสิ่งเลอค่า เพราะเซ็กซี่มันขายไม่ได้ตลอด แล้วเขารู้ว่าแอนได้รับรางวัลสืบสานวัฒนธรรมจากในหลวงมาหลายปีแล้ว ทั้งพี่เอ (ไชยา มิตรชัย) และแอนเลย เขาสงสัยว่าลิเกเป็นยังไง แล้วเขาก็ได้รับคำตอบแล้วว่าลิเกเป็นสิ่งที่สวยงาม ทุกคนต้องช่วยกันรักษาให้คงอยู่ ทุกคนฮือฮาตอนที่แอนใส่ชุดลิเก เพราะเขาชอบอะไรที่วูบวาบ ตอนถ่ายทำเอ็มวี ฉากที่ใส่ชุดลิเก เขาก็เปิดให้สื่อมวลชนเข้ามาถ่ายรูป ทุกคนสนใจเรามาก ลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งด้วย แอนรู้สึกดี เพราะเขาให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมบ้านเรา ผู้คนต่างให้ความสนใจแอน แล้วอีกอย่างแอนเป็นนักร้องที่เล่นเองร้องเอง เพราะเดี๋ยวนี้คนอินเดียยังร้องเพลงฮินดียากเลย ตอนแรกหลายคนคิดว่าแอนเป็นลูกครึ่งอินเดีย มารู้ตอนหลัง เฮ้ย จริงเหรอ ขนาดฉันร้องเพลงบ้านฉันยังยากเลยนะ คือแอนมีพื้นฐานในการเรียนร้องเพลงและมีพื้นฐานในการเต้น แอนเลยทั้งร้องและเต้นโชว์ ทำให้คนอินเดียเปิดใจรับแอน เท่าที่รู้ปกติเขาเปิดรับคนต่างวัฒนธรรมยากมาก แต่แอนร้องเพลงบ้านเขาได้และเต้นได้ เขาเลยชอบมาก

แฟนคลับอินเดียเหมือนแฟนคลับคนไทยไหม?

จริง ๆ ก็เหมือนกันนะ เพียงแต่ไม่มีป้ายไฟ พวกเขาเป็นกลุ่มมหาชนที่ชื่นชอบและติดตามแอน เข้ามาเขียนเว็บบอร์ด โทรฯ ไปที่บริษัท บางคนบอกไม่เชื่อว่าแอนเป็นคนไทย คิดว่าเป็นลูกครึ่งอินเดีย โอกาสที่เราจะไปพบกับแฟนคลับคงไม่มี เพราะแอนยังถูกเก็บตัว หนังเรื่องแรกของแอนเพิ่งปล่อย แอนจะมีงานเดินสายและโปรโมตตามรายการโทรทัศน์ ในอินเดียศิลปินเป็นอะไรที่เจอได้ยากมาก แอนอยากไปเดินตลาดยังไปไม่ได้เลย มีคนคอยดูแลตลอด เราจะรู้กระแสจากคนที่เข้ามาคอมเมนต์หรือโทรฯ เข้าบริษัทถามเรื่องคิวงานต่าง ๆ

ฝึกภาษาอินเดียยากหรือเปล่า?

ยากนะ แอนไป 2 ปีแล้ว ปีแรกไป ๆ มา ๆ ปีที่สองแอนแทบไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย แอนต้องเรียนแอ๊คติ้ง เรียนภาษา งานมีทั้งหนังและเพลง ซึ่งคนละค่ายกัน ต้องแบ่งเวลาไปซ้อมทั้งสองอย่างค่ะ

ระบบบริหารศิลปินเหมือนบ้านเราไหม?

เขาดูแลศิลปินเหมือนเป็นพระเจ้า แต่อาจไม่ใช่ทุกคน คือเขาทำงานเป็นระบบอินเตอร์ อย่างนักแสดง 4 คน เขาไม่ได้ให้มาอยู่รวมกันนะ แต่จะมีรถคอนเทเนอร์ส่วนตัวอยู่คนละคันเลย กินอยู่อย่างดี คอยดูแลเทคแคร์ตลอด

คาดหวังกับงานในบอลลีวูดมากน้อยแค่ไหน?

แอนคาดหวังในเรื่องการยอมรับมากกว่าค่ะ อยากให้แฟน ๆ ที่โน่นรักเรา ซึ่งเขาก็รักเรานะ เรื่องงานคงไปเรื่อย ๆ ไปคาดหวังมากคงไม่ได้ เพราะที่เราได้เข้ามาขนาดนี้ถือว่าโชคดีสุด ๆ แล้ว คนอินเดียเองยังแก่งแย่งกันสุดฤทธิ์ การที่จะได้เล่นคู่กับพระเอกชั้นแนวหน้าคนหนึ่ง เขาจองคิวกัน 5-6 ปี จริง ๆ แล้วแอนขอแค่ได้ทำงานเพลงก็พอ เพราะแอนรักการทำเพลงมาก ตอนนี้มีหนังเรื่องใหม่มาติดต่อด้วย ติดต่อตั้งแต่หนังเรื่องแรกยังไม่ได้ฉาย เพราะเขารู้ว่าถ้าหนังฉาย ค่าตัวเราน่าจะสูงขึ้นอีก เพราะแอนเล่นคู่กับราจีฟ ซึ่งทางผู้จัดการก็กำลังดู ๆ ให้อยู่ บอลลีวูดสร้างหนังเป็นพัน ๆ เรื่อง ก็ต้องดูเรื่องที่ตรงกับคาแรกเตอร์ของเรา ต้องดูว่าเล่นคู่กับใคร อยู่แถวหน้ามั้ย ตอนนี้กำลังคุยกันอยู่ไม่ให้เปิดกล้องชนกับงานเพลงที่เราต้องเดินสายโปรโมตในแต่ละประเทศ เพราะเพลงของเราเป็นเพลงภาษาอังกฤษ ทำตลาดในหลาย ๆ ประเทศค่ะ

โกอินเตอร์ขนาดนี้จะทิ้งลิเกเลยหรือเปล่า?

มีคนถามเยอะ แอนไม่ทิ้งนะ แต่คิดจะนำลิเกไปสู่ตลาดโลก ขอบอกว่าแอนไม่มีวันทิ้งลิเกแน่นอน เพราะที่แอนก้าวไปสู่บอลลีวูดหรือค่ายเพลงที่โน่นได้ก็เพราะลิเก คือถ้าแอนเอาแค่เพลงที่แอนร้องได้กับตัวแอนเข้าไปเสนอ เขาไม่สนใจแอนหรอกนะ เพราะผู้หญิงเซ็กซี่มีอยู่ทั่วโลกแล้ว แต่ด้วยเอกลักษณ์ทางศิลปะที่มีอยู่เฉพาะตัวบุคคล ตรงนั้นที่เขามองแอน แอนโชคดีที่มีความเป็นลิเกอยู่ในสายเลือด ซึ่งเราเอาสิ่งนี้ไปโชว์ เขาสนใจแอนจากตรงนี้ มันจึงทำให้แอนตระหนักว่าถ้ามีโอกาสแอนก็จะเอาความเป็นลิเกไม่มากก็น้อยเข้าไปไว้ในเพลงของแอนด้วย

ชีวิตทุกวันนี้มาไกลเกินฝันหรือยัง?

จริง ๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยฝันนะ แอนทำงานตั้งแต่เด็ก เริ่มแสดงตั้งแต่ 5 ขวบ ไม่เคยหยุดเลย เช้าไปโรงเรียน กลางคืนแสดงลิเกทุกวัน ถามว่ามันอิ่มตัวไหม ก็อิ่มนะ 20 กว่าปีที่มันเหนื่อย มันอยู่บนรถตลอด แต่ตอนนี้เราก็ทำตามความฝันเพราะเราผูกพันกับวัฒนธรรมอินเดียด้วย แอนร้องเต้นอินเดียมา คนให้ความสนใจ แฟน ๆ ชอบ เลยอยากทำเพลงภาษาอินเดียขายในไทย บังเอิญทางโน้นเขาก็สนใจด้วย จนกลายเป็นโปรเจคท์ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งแอนก็ไม่เคยคิดมาก่อน แต่คงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ทำให้ดีที่สุด เพราะถ้าหวังมากมันจะกดดันเราจนไม่เป็นธรรมชาติ ณ ตอนนี้แอนมีผลงานเพลง ได้ทำในสิ่งที่แอนอยากทำคือเอาความเป็นลิเกไปโชว์ แอนภูมิใจมาก ถือว่าผู้หญิงคนหนึ่งได้ทำแล้ว แค่ได้เข้าไปในบอลลีวูดได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้วค่ะ

นี่คือเป้าหมายสูงสุดของแอนแล้วใช่ไหม?

การทำเพลงมันควรไปให้ถึงตลาดโลกนะ แอนอยากให้เพลงไปสู่สายตาชาวโลกมากกว่านี้ เพลงในอัลบั้มใหม่นี้จะโปรโมตทั่วโลกเลย ทีนี้ทุกคนทั่วโลกก็จะได้เห็นเอกลักษณ์ในเพลงของแอน เขาจะรู้จักแอน มิตรชัย ว่าทำไมแต่งตัวแบบนั้นแบบนี้ ทุกคนจะรู้จักความเป็นลิเกจากแอน ตรงนี้เองที่แอนตั้งเป้าหมายไว้

ใช้ชีวิตลำบากขึ้นบ้างไหม เพราะต้องไกลบ้าน บินไปบินมา?

ชีวิตเปลี่ยนไปมาก กลับมาเมืองไทย 5 วันหวังว่าจะได้กลับบ้าน 3 วันไปอยู่กับพ่อแม่ สุดท้ายได้เจอแค่แป๊บเดียว อยู่ที่โน่นแอนไม่มีปัญหาอะไรเลยนะถึงแม้ไลฟ์สไตล์จะต่างกัน แต่แอนโอเคเพราะแอนเตรียมใจไว้อยู่แล้ว มีอย่างเดียวที่เป็นปัญหาคือแอนจะคิดถึงการแสดง คิดถึงเวที คิดถึงพี่เอและครอบครัว เพราะเวลาเราไปแสดงที่ไหนเราจะไปกันสองคนพี่น้องตลอด มันเลยป่วยใจ ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนต้องแลกนะ ไม่มีของฟรี บางอย่างที่เราได้มาเช่นชื่อเสียง มันอาจต้องแลกมาด้วยความเหน็บหนาว หรืออย่างนักแสดงดัง ๆ ในบอลลีวูด เขาต้องอยู่กับบอดี้การ์ดมากกว่าครอบครัวเสียอีก แอนคงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ด้วยงานที่แอนทำมันก็ยุ่งแบบนั้นนะ ด้วยคิวงานที่มากมาย แล้วเราเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่โน่นตลอด บางทีว่างแค่ 4 วันก็ขอกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัวบ้าง แต่บางครั้งกลับมามันก็ยังมีงานด่วนตามมา ก็ต้องกลับก่อนกำหนด อยู่ที่โน่นจะมีพี่สาวที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย แอนก็อยู่ในคอนโดกับพี่สาว 2 คนนี้เอง คนอื่นนอกจากนี้จะเป็นทีมของบริษัทที่มาคอยดูแลแอน

งานเยอะและยุ่งขนาดนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องผิดหวังจากความรักหรือเปล่า?

ก็ไม่เชิงนะคะ ใครก็ตามที่มีแฟนก็สามารถเลิกกันได้อยู่แล้ว อย่างแอนคงไม่ได้ถือว่าล้มเหลวอะไร เพราะตอนนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน ยังติดต่อกันอยู่ ถือว่ายังแฮปปี้ ถามว่ามีคนเข้ามาจีบไหม ก็มีนะ แต่ใจเรามันยังไม่พร้อม เราเพิ่งจะก้าวเข้าไปทำงานเองก็ควรจะทุ่มเทให้งานก่อน เพราะถ้ามีเรื่องความรักเข้ามามันจะไม่สบายใจ แอนเป็นคนจริงจังกับงานด้วยมั้ง ส่วนความสัมพันธ์กับแฟนมันเริ่มเปลี่ยนแปลง คือเขาไม่ค่อยอยากให้แอนทำงานตรงนี้เพราะอยากแต่งงาน แต่แอนบอกแต่งไม่ได้เด็ดขาด ยังไม่พร้อม เขาเป็นนักธุรกิจก็อยากแต่งงานเป็นหลักปักฐาน แต่พอคุยกันแล้วเขาก็โอเค เขาเข้าใจในเมื่ออีกคนไม่พร้อมจะให้ทำยังไง ไม่เป็นไรงั้นเราก็เป็นเพื่อนกัน ทำธุรกิจด้วยกันต่อไปก็ได้

ทำงานอินเตอร์แบบนี้ สเปกต้องอินเตอร์ด้วยไหม?

แอนไม่มีสเปกหรอก แต่ทุกคนชอบถามว่าแอนชอบฝรั่งใช่มั้ย คือแอนชอบคนผิวขาว แล้วแอนไม่ค่อยอยู่เมืองไทยด้วย หนุ่มไทยเลยไม่มีโอกาสได้เจอแอนไง แอนว่าเรื่องของความรักมันคงไม่สามารถบอกเผ่าพันธุ์ ชาติ หรือภาษาหรอกว่าฉันต้องการคนชาตินี้ภาษานี้ ความรักมันมีอะไรมากกว่าสิ่งเหล่านี้ มันอาจเป็นพรหมลิขิต บังเอิญเจอแล้วมันใช่ หรือคนนี้นิสัยดีนะ เป็นผู้ใหญ่ที่ดูแลเราได้

ดาราที่อินเดียห้ามเปิดเผยเรื่องการมีแฟนหรือเปล่า?

ไม่เลยค่ะ เขาฝรั่งกันมากเลย ดาราดัง ๆ มีแฟนหมด แอนว่าเราคบกันถูกต้องก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังใคร แอนมีแฟนแอนก็บอก ไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไร คนไม่มีแฟนสิน่าจะดูแปลก (หัวเราะ)

แอนตั้งเงื่อนไขมากขึ้นไหมหากจะมีความรักครั้งใหม่?

ไม่ได้เลือกเยอะนะ แต่ไม่มีเล็ดลอดเข้ามาเอง (หัวเราะ) เพราะแอนมีคนดูแลรายล้อมมากเลย ทั้งผู้จัดการ ผู้ช่วย คนขับรถ คนประสานงานอีก 2 คน ตอนออกงานต่าง ๆ ก็มีบ้างที่หนุ่ม ๆ จะเข้ามาถ่ายรูป บางคนเข้ามาจีบ ๆ

นิยามความรักของแอนเป็นอย่างไร?

แอนมีกลอนหนึ่งบทที่จำได้มาตลอดทำนองว่า ความรักเปรียบเป็นสีของดอกไม้ใด ๆ มิได้ เพราะความรักมิได้มุ่งหาความบันเทิงแต่เพียงอย่างเดียว แต่ความรักรวมอยู่ในความเสียสละและการให้ แล้วมองทุกอย่างในแง่ดีด้วย แอนมองว่าความรักคือทุกอย่างที่เป็นด้านบวก คนมีความรักควรมีความปีติยินดีอยู่ในความรัก ไม่ใช่มีรักแล้วต้องมีทุกข์ ให้มองในด้านที่ดีต่อกัน ถ้ารักมากจนเหมือนเสียสติ เช่น หึงกัน ตบตีกัน ฆ่ากัน อย่างนี้มันไม่ใช่ความรัก ความรักต้องเป็นได้ทุกรูปแบบ ถ้ามองว่าเป็นแค่ผัวเมียกันมันจะจำกัดมากเลย อย่างเธออย่าทำแบบนี้นะ ฉันยอมรับไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แบบนี้เป็นได้แค่ผัวเมีย แต่ถ้าคนที่เป็นสามีภรรยา เปลี่ยนมุมมองของตัวเองเป็นพี่น้องหรือเป็นเพื่อนได้บ้างในบางเวลา คู่รักแบบนี้จะมีความสุขมาก เพราะเขาจะเป็นกันได้ทุกอย่าง เขาจะมองแฟนเขาในบางเวลาว่าเป็นน้องสาวได้ แอนมองว่าตรงนี้คือความรัก มันคือมิตรภาพ เป็นความคิดในด้านบวก

สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ

ณ ตอนนี้ถือว่าแอนได้ทำงานที่ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจ ทั้งตัวเองที่ภูมิใจ ทั้งครอบครัว รวมไปถึงคนที่รักแอนที่คอยติดตามผลงานของแอนมาตลอด แอนก็ขอฝากผลงานเพลงลัคกี้ทูไนท์ และที่สำคัญคืออัลบั้มเพลงที่กำลังจะออกปลายปีนี้ที่เป็นเพลงสากล แอนสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง อยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้แอน แล้วแอนก็จะมุ่งเอาวัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่เท่าที่กำลังของแอนจะทำได้ด้วยค่ะ

ต้องบอกว่า...ถึงจะไปโด่งดังในต่างแดน แต่ก็ไม่ลืมรากเหง้าของวัฒนธรรมไทย น่าชื่นชมมาก ๆ ยังไงก็ขอเอาใจช่วยให้หนูแอนโด่งดัง และได้นำพาลิเกไปไกลสู่ตลาดโลกตามที่ฝันนะจ๊ะ.