Inside Dara
'พิ้งค์กี้'พร้อมคืนตำแหน่งนางเอก

"พิงค์กี้-สาวิกา ไชยเดช" ปฏิเสธข่าวหลังคืนวงการ รับแต่บทแรง อ้างโตขึ้น อยากรับบทท้าทาย พร้อมกลับมาเป็นนางเอก โต้รับบทด้อย ในหนัง "จันดารา" เชื่อ "หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล" ให้โอกาสที่ดี

หลังจากผ่านมรสุมชีวิตลูกโตมา นักแสดงสาวตาคม "พิงค์กี้-สาวิกา" ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน แต่กลับมาคราวนี้ สาวพิงค์กี้กลับได้บทเป็นสาวแรงๆ ทั้งในเรื่อง "ทองประกายแสด" และ "มารยาริษยา" จนหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า พิงค์กี้ไม่สามารถกลับมาเป็นนางเอกแบบเต็มตัวได้แล้ว พอเจอในงาน "มังค์กี้ เซิร์ฟ โกล เพลย์" ณ ลานกิจกรรม โซนน้ำพุ เมกะ บางนา เลยถามและได้คำตอบดังนี้

"ตอนนี้โตขึ้นแล้ว กี้เลยอยากที่จะรับบทที่มันท้าทายมากขึ้น แล้วด้วยสมัยนี้ บทนางเอกก็ไม่จำเป็นต้องเป็นนางเอกใสๆ ซื่อๆ แล้ว อีกอย่างละครสมัยใหม่บทนางเอกพระเอกอาจไม่ใช่บทที่ท้าทายเสมอไปแล้ว กี้อยากที่จะเล่นหลายๆ บทที่ท้าทาย ที่เมื่อก่อนเราไม่เคยเล่น แต่ถามว่าจริงๆ ก็มีบทแบบที่เป็นนางเอกมากๆ เสนอมาเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทั้งของช่อง 3 และช่อง 7 เป็นช่องฟรีทีวี แต่กี้ยังบอกอะไรไม่ได้ เพราะกี้เองก็ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรไปกับทางผู้ใหญ่ (ยิ้ม) ที่มีข่าวเรื่องว่ากี้จะไปเล่นละครให้ช่อง 3 หรือช่อง 7 ค่ายกันตนา ตอนนี้บอกเลยว่ายังไม่มีการติดต่อมาเลย แต่กี้เองพร้อมที่จะร่วมงานกับผู้ใหญ่ทั้งสองช่อง เพราะตอนนี้กี้ก็เป็นนักแสดงอิสระ" นักแสดงสาวแจง

และเมื่อถูกถามว่าได้เล่นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ "จันดารา" แต่กลับไม่ได้รับบทเด่นอย่างบท "คุณบุญเลื่อง" นั้น ดาราสาวเผยว่าแค่ "หม่อมน้อย" ติดต่อให้มาเล่นก็ดีใจมากแล้ว

"ในเรื่องจันดารากี้รับบทเป็นสองตัวคือบทดารา แม่ของจัน (มาริโอ้ เมาเร่อ) และอีกบทหนึ่งคือบทไฮซินธ์ ผู้หญิงที่จันรัก ซึ่งทั้งสองบทนี้เป็นปมของเรื่องนี้ที่ทำให้จันดารามีพฤติกรรมต่างๆ ที่ออกมา กี้ไม่รู้ว่าทำไมหม่อมน้อยถึงเลือกกี้ แต่พอหม่อมน้อยติดต่อมากี้ก็ยินดีรับเล่นเลย ในส่วนที่ว่าทำไมไม่เล่นบทคุณบุญเลื่อง กี้ว่าด้วยวัยวุฒิของกี้คงยังไม่ถึง และอีกอย่างหม่อมน้อยคงมองว่ากี้เหมาะกับสองบทนี้มากกว่า" พิงค์กี้กล่าว

มาอัพเดทเรื่องหนุ่มๆ กันบ้าง เพราะล่าสุดหนุ่ม "ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล" โพสต์รูปคู่กับพิงค์กี้ในอินสตาแกรมถี่มาก จนหลายคนเกิดความสงสัยว่าคู่นี้มีสัมพันธ์พิเศษเกินเพื่อนหรือเปล่า ซึ่งสาวพิงค์กี้ยืนยันว่าเป็นแค่เพื่อนกัน แต่อาจเพราะว่าหนุ่มไมค์เกิดอารมณ์คิดถึงเพื่อนมากกว่า พร้อมเผยว่าตอนนี้ยังไม่มีหนุ่มคนไหนมาเป็นเจ้าของหัวใจ


ส่องหัวใจม่ายสาวพราวเสน่ห์ เร่รักครั้งใหม่เป็นใครกันหนอ

หากได้ขึ้นชื่อว่าเป็น "แม่หม้าย" เชื่อเถอะว่าสาวน้อย สาวใหญ่ ล้วนไม่อยากเฉียดเข้าไปใกล้คำนี้นักหรอก แต่ชีวิตจริงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ฉะนั้นการ "หย่าร้าง" ย่อมเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมนุษย์ ไม่เว้นแม้แต่คนดังในวงการบันเทิงบ้านเรา ถึงแม้ว่าบางคู่จะดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ก็ไม่วายไปกันไม่รอด สุดท้ายลงเอยด้วยการสวมคอนเวิร์สแยกกันเดิน ทางใครทางมัน!! แต่ใช่ว่า "ตกพุ่มม่าย" แล้วชีวิตจะต้องอับเฉา เพราะความสวยแซบเหมือนกระดังงาลนไฟ ครบเครื่องเรื่องเสน่ห์เย้ายวน ทำให้ติดโผได้ชื่อว่า "ม่ายสาว พราวเสน่ห์"

เริ่มกันที่ "ม่ายสาวทรงเครื่อง" อย่าง มาช่า วัฒนพานิช ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เสน่ห์ของเธอไม่เคยลด หลังจากเลิกรากับร็อกมือขวา "หนุ่ย" อำพล ลำพูน มานาน จนลูกชายสุดหล่ออย่าง "กาย" นวพล ลำกูน โตเป็นหนุ่ม แต่เรื่องราวความรักของหม้ายทรงเครื่องอย่างมาช่า กลับถูกจับตามองมาโดยตลอด แม้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ในช่วงพักหัวใจ หลังโดนมรสุมชุดใหญ่ แต่ยังมีกระแสข่าวกับหนุ่มๆ ออกมาให้เห็นกันเป็นระยะ เชื่อว่าหากซ่อมใจเสร็จเมื่อไหร่ คงได้เห็น "หนุ่มคนใหม่" ของมาช่าชัวร์

ส่วนเธอคนนี้ต้องยกดีกรี "ม่ายสาวสุดแซบ" ให้คุณแม่ลูกหนึ่งอย่าง "บุ๋ม" ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หลังจากที่เลิกรากับอดีตสามีนักธุรกิจ "วี" วีรพงศ์ พิพิธสุขสันต์ ก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทยอยกันมาดูแลหัวใจไม่ได้ขาด แต่ที่มาแรงแซงทางโค้ง พากันควงออกสื่อเป็นว่าเล่น เห็นจะมีแต่แฟนหนุ่มรุ่นน้องคนล่าสุด "ติ๊งโน๊ต" ฐิติพงศ์ วโรกร ที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์นักบิด ด้วยวัยที่ห่างกันถึง 13 ปี จนสาวบุ๋มมาวินเข้าแก๊ง "รักเด็ก" หนุ่มน้อยคนนี้ยังถูกมองว่าเป็นเด็กปั้นให้เจ๊บุ๋มดันเข้าวงการ แต่จะเรื่องวัยหรือเรื่องใครดันใครก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะงานนี้เจ๊บุ๋มคอนเฟิร์มแล้วว่า "เราคบกันแล้วสบายใจ" ก็โอเค อู๊ย...อยากถามว่าคาถาเด็กรัก เด็กหลง ยังขลังอยู่ชิมิ

มาถึงม่ายสาวเจ้าของงานเขียน "ลบลายคลาสโนว่า" อย่าง "โบ" ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์ ที่หลังจากเลิกรากับคลาสโนว่าตัวพ่ออย่าง "ฟลุค" เกริกพล มัสยวานิช ก็ไม่เคยเห็นสาวโบเปิดโอกาสให้หนุ่มคนไหนเข้ามานั่งในหัวใจ นอกจากหนุ่มน้อยที่ชื่อว่า "น้องอชิ" หรือ ด.ช.อชิรวัฒน์ มัสยวานิช เลยสักคน หลังจากทุ่มเทเวลาให้กับงานและลูกชายสุดที่รักมานานหลายปี ตอนนี้คงถึงเวลาที่ดอกรักจะบานในหัวใจของสาวโบอีกครั้ง ด้วยฝีมือการรดน้ำ พรวนดิน ของนักแสดงหนุ่ม "เพชร" กรุณพล เทียนสุวรรณ ที่ล่าสุดหนุ่มคนนี้ บินไปเที่ยวญี่ปุ่นพร้อมกับครอบครัวของสาวโบเลยทีเดียว สนิทแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ จริงจริ๊ง

ต่อกันที่ม่ายสาวคนสวยอีกคน "นัท" มีเรีย เบนเนเดดตี้ หลังจากที่ปล่อยให้อดีตสามีอย่าง "เต๋า" สมชาย เข็มกลัด แต่งงานใหม่มีลูกนำหน้าไปถึงสองคนแล้ว ก่อนจะเปิดใจรับรักจากพระเอกหล่อล่ำ "อั้ม" อธิชาติ ชุมนานนท์ เห็นสองคนควงกันไปทำบุญบ่อยๆ แต่พอถามเรื่องแต่งงานทีไร ทั้งคู่ก็ตอบตรงกันว่ายังไม่รีบ งั้นตอนนี้ก็เดินสายตระเวน "ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน" กันไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ

สำหรับอีกหนึ่งสาว "เมจิ" อโณมา ศิศรัณย์ขริน หลังจากยุติความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับ "แมน" ศุภกิจ ตังฑัตสวัสดิ์ ไปได้ไม่นาน ก็มีหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติมาดามใจต่อทันที ซึ่งฝ่ายชายมีอายุมากกว่าถึง 21 ปี แต่งานนี้ความรักลงตัวถึงขั้นลั่นประตูวิวาห์รอบที่สองกันเลยทีเดียว เรียกว่าเรื่องช่องว่างระหว่างวัย ไม่ได้เป็นข้อจำกัดสำหรับม่ายสาวหน้าหมวยคนนี้เลยจริงๆ แถมใจถึงออกปากชวนอดีตสามีอย่างหนุ่มแมนแบบทีเล่นทีจริงว่า "ถ้าจะมาก็ไม่ว่าอะไร" เริ่ดเจ้าค่ะ

มาที่ม่ายสาวอีกคน ที่ระยะหลังมาไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตากันบ่อยนัก สำหรับสาว "คลาวเดีย" จักรพันธ์ มัซเซ็ตติ หลังจากตกพุ่มม่ายตัดสินใจแยกทางกับอดีตสามี "แป๋ม" อรรคพร วิจิตรานนท์ ได้ไม่นานก็มีภาพสวีทสุดสนิทสนมกับหนุ่ม "พุก" ณัฐพัชร์ ลีนุตพงษ์ ออกมาให้เห็นเป็นระยะๆ ทำเอาหลายคนพากันเข้าใจผิดคิดกันไปว่าสองคนนี้กำลังกิ๊กกั๊กกัน แต่แล้วก็ปล่อยให้คนคิดกันไปเองได้ไม่นาน เมื่อสาวคลาวเดียมีภาพสวีทคู่กับหนุ่มตี๋ร่างอวบออกมาให้เห็นและยอมรับแบบไม่มีกั๊กว่าหนุ่มตี๋คนนี้แหละ...หวานใจตัวจริง

ปิดท้ายกับ "ม่ายสาวสุดแบ๊ว" ของวงการเลยก็ว่าได้ เธอคนนี้คือ "นิกกี้" นิโคล เทริโอ หลังจากเลิกรากับร็อกเกอร์อย่าง "แมว" จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ซึ่งมีพยายรักด้วย 1 คน คือ "น้องทิกเกอร์" แม้ช่วงนี้ความรักกับทันตแพทย์หนุ่มใหญ่ "รุจ" จำเดิมเผด็จศึก จะคลอนแคลนไปบ้าง ถึงขั้นแตกหัก เพราะสาวนิกกี้ทำงานเยอะ แต่ดีกรีความแบ๊วของสาวนิกกี้ยังไม่ลดน้อยถอยลง ยังไงก็เอาใจช่วยให้ความรักเป็นสีชมพูในเร็ววัน

การแต่งงานไม่ใช่จุดจบอย่างในละคร ฉะนั้นการความเข้าใจกัน และคิดถึงใจของกันและกัน น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญในการเริ่มต้นชีวิตคู่


'เนย'อ้อมแอ้มมี'พระเอก'จีบ

'เนย-โชติกา' รับมีพระเอกเบอร์ต้นๆ เข้ามาพูดคุย แต่ไม่รู้ว่าจีบหรือเปล่า พยายามไม่พัฒนาความสัมพันธ์ เพราะไม่เคยคบคนในวงการ เหตุชอบคนนอกวงการมากกว่า

กลายเป็นนางร้ายสาวขายดี สำหรับ "เนย" โชติกา วงศ์วิลาศ เรื่องความรักเงียบมาพักใหญ่ ล่าสุดมีกระแสว่า พระเอกเบอร์ต้นๆ มาขายขนมจีบ เจอตัวในงาน "สยามวินเทจ อินวิเทชั่น แกรนด์ โอเพนนิ่ง ปาร์ตี้" สอบถามได้ความดังนี้

"เรื่องหนุ่มเข้ามาคุยมีบ้าง แต่ไม่รู้ว่าใครยังไง (พระเอกอันดับต้นๆ) ก็มีนะ มีมาคุย แต่เราไม่ได้คุยกับเขา ไม่ได้อะไรขนาดนั้น เป็นเพื่อนกัน เลยไม่รู้ว่าจะจีบหรือไม่จีบ ถามว่าค่อนข้างดังมั้ย โอเคมั้งนะ ไม่รู้เหมือนกัน เราคุยเป็นเพื่อนกัน อีกอย่างหนูไม่มีเวลาด้วย จะเอาเวลาที่ไหนไปเจอใคร ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนของเพื่อน เขาอาจจะคิดว่าเรามีคนจีบเยอะ ทั้งๆ ที่เราทำงานเสร็จกลับบ้าน เลยไม่ค่อยได้เจอใคร แต่ถ้าหนูเลือกได้ จะไม่เลือกคบคนในวงการหรอก ตั้งแต่อยู่วงการมา 4 ปี ไม่เคยคุยกับคนในวงการเลย (เน้นเสียง) รู้สึกว่าแนวทางไม่ใช่ เรารู้ๆ กันอยู่เนอะ ส่วนกับหนุ่มคนนั้นหนูพูดกับเขาว่า เป็นเพื่อนกันดีกว่า พอบอกไปเขาก็พูดว่า เราไม่รู้อนาคตหรอก แต่หนูบอกว่าจะพยายามไม่พัฒนาไปมากกว่านี้" เนย กล่าว

ถามต่อว่า ทำไมถึงไม่คิดอยากจะพัฒนาไปมากกว่านี้ นักแสดงสาวกล่าวว่า เพราะไม่อยากเลือกคนในวงการ คบใครอยากได้คนที่มีเวลาให้มากกว่า

"หนูบอกเขาว่า พยายามจะไม่เลือกคบคนในวงการ อยากคุยเป็นเพื่อนกัน หนูไม่ได้เปิดใจด้วย และคนในวงการเรารู้ๆ กันอยู่ เรื่องเวลาว่างไม่ค่อยตรงกัน เราคบใครคงอยากได้คนที่มีเวลาให้เรา กับคนนอกวงการมีบ้างที่เข้ามาคุย แต่ไม่ใช่ไฮโซ เราคุยกับคนดีๆ ที่เขาจริงใจ (มีตัวเลือกมากกว่าหนึ่ง) ไม่ได้มีตัวเลือก ไม่ได้เลือกมากอะไรขนาดนั้น แต่ต้องมีเลือกนิดหนึ่ง เพราะเราไม่อยากคบคนนี้แล้วเลิก อยากใช้เวลาในการศึกษา ถามว่าสเปกของหนูเป็นยังไง คือหนูชอบผู้ชายตัวสูง ผิวขาวหน่อย จมูกโด่ง" เนยกล่าวสรุป

ชีวิตที่พลิกผันกับวันอันสดใสของ'กรีน-อัษฎาพร'

เป็นนักแสดงน้องใหม่ ฝีมือเข้าขั้น จนกลายเป็นที่จับตามอง ส่งผลให้มีงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับละครสุดฮิตที่กำลังเรียกเรตติ้งอยู่ในเวลานี้ กับละครเรื่อง "ขุนเดช" ทางช่อง 7 สี วันนี้ จึงพามาเจาะลึกตัวตนของสาวน้อยผู้นี้ กับ "กรีน" อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล


ผลงานละคร
กระแสตอบรับละครเรื่องขุนเดชเป็นอย่างไรบ้าง

พอคนรู้ว่าค่ายพอดีคำ จะทำละครขุนเดชเวอร์ชั่นใหม่ มีพี่วี (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) พี่เวียร์ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) พี่จั๊กจั่น (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) และกรีนเล่น คนก็มาโพสต์ในอินเทอร์เน็ตกันว่าจะรอดูขุนเดช พอละครออนแอร์กระแสตอบรับดีมาก มีคนเข้ามาถามกรีนว่า ใช่บัวทองในเรื่องขุนเดชหรือเปล่า ซึ่งปกติคนจะเรียกเราว่า "กรีนเอเอฟ" แต่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนสรรพนามเป็นบัวทอง สำหรับละครเรื่องขุนเดชไม่ได้ให้ความสนุกอย่างเดียว แต่ยังเป็นละครที่ให้ความรู้ด้วย ด้วยเนื้อเรื่องเนื้อหามันดีอยู่แล้วและยังได้รู้เรื่องราวของคนสมัยก่อนอีกด้วย


การได้ขึ้นแท่นเป็นนางเอกเต็มตัวครั้งแรก

จริงๆ แล้ว อย่าใช้คำว่านางเอกดีกว่า เพราะไม่ได้มีแค่กรีนคนเดียว ยังมีพี่จั๊กจั่นด้วย โดยคาแรกเตอร์ของบัวทอง จะคล้ายกับตัวเราเอง คือเป็นเด็กที่แก่น มีความอยากรู้อยากเห็น แต่สิ่งที่ยากสำหรับกรีน คือภาษา ปัจจุบันวัยรุ่นค่อนข้างจะพูดคำควบกล้ำไม่ชัดและพูดเร็ว ซึ่งกรีนก็เป็นคนที่ติดพูดเร็ว ยังต้องปรับปรุงอีกหลายอย่างทั้งคำพูด มุมกล้อง แอ็กติ้ง ตอนนี้ชั่วโมงบินยังน้อยต้องค่อยๆ เก็บประสบการณ์ไป


ในเรื่องมีฉากเลิฟซีนกับวีเขินบ้างไหม

ไม่เขินนะ แต่อาจจะมีขนลุกบ้าง (หัวเราะ) อย่างฉากที่เพิ่งถ่ายไป เป็นฉากเลิฟซีนที่ขุนเดชขืนใจเรา เราบอกรักขุนเดช เพราะว่าเขาเป็นคนดี เขาก็เลยบอกว่าจะแสดงให้ดูว่าคนดีของบัวทองเป็นยังไง ซึ่งวันนั้นพี่ธง (ธงชัย ประสงค์สันติ) มาด้วย เราก็ขอว่าอย่าจูบจริงเลย พี่เขาก็บอกว่างั้นเอาเป็นใช้นิ้วโป้งบังแล้วกัน ต้องใช้อารมณ์มาก เพราะเราต้องรู้สึกเจ็บใจมากที่อุส่าห์บอกรักเขา แต่ทำไมเขาถึงมาทำกับเราแบบนี้ ถือเป็นฉากที่สนุกและท้าทาย


เม้าท์ถึงนักแสดงในเรื่อง

พี่ทุกคนน่ารักมาก อย่างพี่เวียร์จะชอบมาแกล้งกรีน เราเลยแกล้งแซวกลับไปว่า อยากกินแพนเค้กจัง (หัวเราะ) ส่วนพี่วีจะชอบมีมุกฮาๆ มาเล่าให้ฟัง กรีนก็จะมีแซวเขาบ้างด้วยการร้องเพลง "เช็กเรตติ้ง" (หัวเราะ)ให้เขาฟัง พี่เขาก็จะบอกว่าอะไรไม่มีแล้ว ทุกวันนี้คนชอบหาว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนี้ผมอยู่ในศีล กินมังสวิรัต คือ พี่เขาดีมากเราสามารถปรึกษาเรื่องต่างๆ กับเขาได้ ส่วนพี่จั๊กจั่นน่ารักมาก และด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงด้วยกัน เขาก็จะคอยดูแลเราเป็นพิเศษ อย่างเวลาเห็นกรีนขนตาหลุด พี่จั่นเขาจะช่วยติดให้ คอยดูแลเรื่องความสวยความงามให้ตลอด พี่ๆ ทุกคนในกองดีมากและทุกคนจะคอยให้คำแนะนำคำปรึกษาที่ดีกับเรา


ต้องไปตะลุยต่างจังหวัดตามป่าเป็นอย่างไรบ้าง

ในกองก็จะต้องอยู่ต่างจังหวัด อยู่ตามเขา ก็มีถูกแมลง สัตว์กัดต่อยบ้างอย่างตอนนั้น ถ่ายละครอยู่ เจอเห็บหรือหมัดนี่แหละเกาะอยู่ที่เสื้อ ก็เอาออกไปไม่มีอะไร แต่เราก็เริ่มรู้สึกคันจนอีกวันตื่นเช้ามาขาลายหมดเลย เป็นลอยจุดๆแดงๆ ตอนแรกเป็นจุดแดงและรอบๆ เป็นจุดขาวน่ากลัวมาก ตกใจมาก คือคิดว่าไม่สามารถใส่ขาสั้นได้อีกเลย ตอนนี้ก็พยายามทายาอยู่ ก็ดีขึ้นมาหน่อยแต่มันก็ยังเป็นจุดแดงๆ เต็มขาเลย


ล่าสุดได้เล่นหยกเลือดมังกรคาแรกเตอร์เป็นอย่างไร

คาแรกเตอร์จะพลิกไปเลย เป็นสาวเปรี้ยว ใส่ชุดกี่เพ้า กระโปรงสั้นจุ๊ดเลย เป็นคนเอาแต่ใจ เป็นเรื่องราวในตระกูลคนจีน อยู่ตามตรอก ตามศาลเจ้า แต่ว่าในเรื่องกรีนจะชื่อดุจแพร เป็นเด็กเอาแต่ใจ แต่สุดท้ายไม่สมหวังในความรัก อยากฝากให้ติดตามเล่นกับน้องพอร์ช (ศรัณย์ ศิริลักษณ์) และมิน (พีชญา วัฒนามนตรี)


ผลงานเพลง
จะมีงานเพลงออกมาให้ได้เห็นบ้างไหม

ผลงานอย่างอื่นตอนนี้ยังไม่มี เพราะติดคิวถ่ายละครและติดเรียนด้วย การทำเพลงไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทั้งคนแต่งเพลงโปรดิวเซอร์ ห้องอัดทุกอย่าง ใช้เวลาเยอะและต้องคิดเยอะหลายเรื่อง แต่จริงๆ แล้วกรีนก็ยังมีสัญญากับค่าย (ทรู แฟนเทเชีย) อยู่ ซึ่งคนในค่ายก็ยังมีคนที่เสียงดี เสียงเพราะหลายคน ส่วนเราก็มาจับเส้นทางละคร คนที่ร้องได้ก็จับเส้นทางเพลง ต้องดูว่าใครมีความสามารถด้านไหน


บทบาทที่ชอบ
ร้องเพลงกับแสดงชอบอะไรมากกว่ากัน

จะหาว่าโลภมากไหม คือ ชอบทั้ง 2 อย่างเลย เพราะว่างานเพลงก็เป็นอีกแบบหนึ่ง งานละครก็อีกแบบหนึ่ง อย่างเวลาร้องเพลงเราจะรู้สึกสบายผ่อนคลาย พอเล่นละครมันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง คือเขาเตรียมทุกอย่างไว้ให้เราอยู่แล้ว อยู่ที่เราแอ็กติ้งแสดงอารมณ์ออกไป ซึ่งก็เป็นอะไรที่ท้าทาย


จะมีโอกาสได้เห็นถ่ายชุดว่ายน้ำบ้างไหม

จริงๆ หนูมีงานเดินแบบบ้าง เป็นงานที่ชอบเหมือนกัน แต่ถ่ายชุดว่ายน้ำ ดูจากสภาพแขนหนู หลังก็ยาว ขาสั้น คอยาว คือ ไม่ค่อยโอเค ขอเก็บไว้ก่อนดีกว่า เพราะด้วยหุ่นเราก็ไม่ได้อยู่แล้ว ผอมมีแต่กระดูกกะร่องกะแร่งมาก และด้วยใจเราไม่สันทัดเรื่องนี้อยู่แล้ว คงไม่คิดจะถ่าย


ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงในวงการบันเทิง
ชีวิตเป็นอย่างไรหลังจากได้เข้ามาในวงการบันเทิง

ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก จากเมื่อก่อนที่เราเดินถนน ขึ้นรถเมล์ปกติ แต่ทุกวันนี้เราทำงานตรงนี้ไปไหนมาไหน คนจับตามองว่าเราจะทำอะไร การใช้ชีวิตทุกอย่างจึงเปลี่ยนไปหมด เมื่อก่อนออกจากบ้านจะแต่งตัวยังไงก็ได้ แต่งหน้าไม่เป็น แต่เดี๋ยวนี้ด้วยความที่ว่าเวลาเราไปไหนไม่สามารถมีช่างแต่งหน้าได้ทุกวัน ก็เลยต้องหัดแต่งหน้าเองใช้วิธีครูพักรักจำ แต่ก็ไม่ได้แต่งอะไรมาก การที่เราได้เข้ามาทำงานในวงการตรงนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่หลายคนเขาอยากเข้ามา แต่ไม่มีโอกาส อย่างกรีนมีน้องอีก 2 คน เขาก็จะคอยเป็นห่วงเราและเป็นห่วงกลัวเราจะไม่มีเงินให้เขา (หัวเราะ) เขาชอบมาขอเงิน แต่กรีนก็เต็มใจให้เพราะถือว่าเราได้มีโอกาสทำงานตรงนี้ซึ่งบางทีน้องเขาก็อาจจะ เพราะฉะนั้นหากเราสามารถที่จะแบ่งอะไรให้เขาได้ เราก็จะแบ่งและรู้สึภภูมิใจที่มีโอกาสได้ให้กับคนที่เรารัก


เวลาที่มีปัญหาในวงการบันเทิงจะปรึกษาใคร

ส่วนใหญ่จะปรึกษาเพื่อน โดยเฉพาะกับรอน เอเอฟ (ภัทรภณ โตอุ่น) เขาสามารถให้คำปรึกษาได้ดีมาก มีปัญหาอะไร ไปร้องไห้ ไประบายกับรอนก็ได้และรู้สึกสบายใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ซึ่งเราสนิทกันมาตั้งแต่ตอนที่เข้ามาเอเอฟและสนิทกันมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันทุกวัน แต่เราก็ยังคุยกัน ติดต่อกันทางโทรศัพท์ตลอด


การเรียน
แบ่งเวลาการเรียนกับการทำงานอย่างไร

จริงๆ แล้วกรีนว่ามันไม่ได้เยอะอะไรเลย มีคนที่ลำบากกว่าเราอีก เราต้องมองว่ามีคนที่เขาไม่ได้เรียน แต่เขาต้องมาทำงาน เขาเหนื่อยกว่าเราเยอะ บางครั้งถูกหลอกไปบ้างก็มี แต่เรามีโอกาสได้เรียน ได้ทำงาน เพราะฉะนั้นอย่าไปมองว่ามันเป็นสิ่งที่หนัก อาจจะมีเหนื่อยบ้าง เพราะกรีนเรียนออกแบบภายในการบ้านค่อนข้างจะเยอะ แต่ก็โชคดีมีน้องคอยช่วยเหลือบ้าง ส่วนการทำงานเราก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว แต่ยังไงก็จะเน้นเรื่องเรียนเป็นหลัก พยายามไม่ขาดเรียนเลยถ้าไม่ได้ทำงาน แต่มีไปสาย (หัวเราะ) เราก็ขอโทษอาจารย์ ขอชดเชยเรียนวันอื่นแทน ตอนนี้เหลืออีกประมาณ 2 ปีก็จะเรียนจบ

เรื่องราวความรัก
ความรักกับคำนิยาม "คู่รักต่างวัย" เป็นอย่างไร

กับพี่เคลลี่ (ธนะพัฒน์) ปกติดี ส่วนนิยามคู่รักต่างวัย ถือว่าเป็นคำที่ตรงที่สุดแล้ว แต่ทั้งนี้ มันก็ขึ้นอยู่ที่ความรู้สึกของคนมากกว่า ส่วนใครจะตั้งชื่อคู่รักว่าอะไรก็แล้วแต่คนจะมอง ตอนนี้พี่เขาก็มีถ่ายละคร ซึ่งเขาก็มีส่วนที่ทำให้เรารู้จักกับทีมงานได้ง่ายขึ้น เพราะจริงๆ กลัวมากที่ต้องไปเจอกับทีมงาน แต่เขาช่วยแนะนำให้ ซึ่งตอนแรกพี่ธงชัย (ประสงค์สันติ)ไม่รู้จักกรีนเลย พี่เคลลี่บอกนี่ไงที่จะไปแคสติ้งขุนเดช เขาก็อ๋อ ขึ้นมาทันที เป็นส่วนที่ทำให้เราได้มีโอกาสมาเล่นละครเรื่องนี้ด้วย นอกจากนี้เขายังช่วยแนะนำการแสดงให้ด้วย อย่างฉากงอนเขาบอกว่ามันดูดุไป ต้องแยกความโกรธกับโมโหและเรื่องการเดินควรเดินเป็นผู้หญิงหน่อย อย่าเปรี้ยวมาก (หัวเราะ) แต่จริงๆ ทุกคนก็ช่วยแนะนำการแสดงให้เราหมด เราก็ต้องพยายามต่อไป


เคลลี่ชื่นชมว่ากรีนมีความคิดเป็นผู้ใหญ่

เป็นในบางเรื่องที่โต แต่บางเรื่องก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ การที่เราได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุเท่านี้ ก็มีส่วนช่วยให้เรามีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ว่าเพื่อนกรีนหลายคนเขาก็มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน กรีนว่ามันมาจากพื้นฐานการเลี้ยงดู ความรู้จากการเรียน แต่ที่เข้ามาทำงานตรงนี้เราอาจจะได้รับความรู้ที่มากขึ้นจากคนหลายประเภท เพราะเราต้องเจอผู้คนที่หลากหลาย ทำให้เราได้มีโอกาสอะไรที่หลากหลายมากกว่าคนอื่นๆ


ที่บ้านไฟเขียวมากขนาดไหนกับความรักครั้งนี้

อันนี้ต้องถามคุณแม่ดีกว่า(หัวเราะ) แต่จริงๆ เขาอยากให้เราเรียนจบก่อน และอนาคตจะทำอะไรคบกับใครก็ค่อยว่ากัน แต่เขาก็เตือนจะเป็นห่วงตามประสาพ่อแม่ โดยเฉพาะกับเรื่องการทำงาน เขากลัวว่าการที่เราเข้ามาทำงานตรงนี้ บางทีเราอาจจะหลงไปกับแสงสีเสียง จึงคอยเตือนว่าอย่าหลงลืม ให้รู้จักการวางตัว เราอาจจะมีอารมณ์เหนื่อยบ้าง แต่ไม่ว่าจะรู้สึกเหนื่อย โกรธแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะแสดงอารมณ์เหล่านั้นออกมาให้ทุกคนเห็น


ดูแลแฟนคลับอย่างไรบ้าง

จริงๆ กรีนไม่ได้ดูแลอะไรเขาเลย เขาจะเป็นฝ่ายดูแลกรีนมาตลอด มีเฟซบุ๊กก็ไม่เคยตอบ เพราะบางทีขี้เกียจ บางทีเราคิดว่าเขาอุตส่าห์มาหาเรา เอาอาหารมาให้ แบกกล้อง แบกน้ำมา เพื่อเจอเราเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ก็รู้สึกไม่ดี เขาบอกให้เล่นทวิตเตอร์เราก็เล่นไม่เป็น ไอโฟนก็ไม่ได้ใช้ ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าควรจะศึกษาเรื่องนี้บ้าง จะได้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์กกับเขาบ้าง

จากเวทีการประกวดร้องเพลง จนได้มีโอกาสเข้ามาโลดแล่นสู่วงการแสดงมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนอื่นๆ แต่กลับเป็นเรื่องที่สุดแสนจะพลิกล็อกสำหรับกรีน นางเอกน้องใหม่มาแรงคนนี้จริงๆ


ชื่อ : อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล
ชื่อเล่น : กรีน
วันเกิด : วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2532
คติประจำใจ : ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
ศึกษา : จบมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 จาก ร.ร.เขมะสิริอนุสสรณ์ ปัจจุบันศึกษา :
ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาลัยเทคโนโลยีศิลปอุตสาหกรรม สาขาการออกแบบภายใน
ผลงานที่ผ่านมา : รองชนะเลิศ อันดับ 5 จากเวที Academy Fantasia Season 5, ละครเวที จากวันนั้น…ถึงวันนี้ 30 ปี กฤตานุสรณ์, ภาพยนตร์ มิดไมล์ Racing Love, ละครหอบรักมาห่มป่า ฯลฯ
ผลงานปัจจุบัน : ละครขุนเดช, หยกเลือดมังกร
"เฌอเบลล์"พิสูจน์ตัว ลองสิ่งใหม่-รักษาโอกาส

กําลังเข้มข้น สำหรับละคร "ดอกโศก" ทางททบ.5 และยังส่งผลให้นางเอกสาว "เฌอเบลล์" ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ แห่งค่ายเอ็กแซ็กท์ ที่รับบท "ดอกโศก" เป็นที่กล่าวขวัญถึงอีกต่างหาก วันนี้เลยไม่พลาดไปทำความรู้จักกับเธอ


เข้าสู่วงการได้อย่างไร?

เฌอเบลล์ - "เล่นมิวสิควิดีโอเพลง "ต่อให้เธอจะลืม" ของพี่นัททิว เอเอฟ 5 (ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม) โดยพี่ต้นผู้จัดการพี่นาวินต้าร์ไปเจอหนูที่ภูเก็ตและชวนให้มาเล่น จบเอ็มวีพี่นัท ก็เล่นเอ็มวีเพลง "lovely girl" ของสิงโต เดอะสตาร์ ต่อ"

"จากนั้นเอ็กแซ็กท์ก็ติดต่อให้ไปแจมในคอนเสิร์ต "เลิฟไม่กลัว กลัวไม่เลิฟ" ของพี่บี้ เดอะสตาร์ แล้วก็ให้เซ็นสัญญา 5 ปี โดยลงเล่นละครเรื่องแรก ลิขิตฟ้าชะตาดิน ซึ่งมีนางเอก 3 คน พอจบ "ลิขิตฟ้าชะตาดิน" ก็มาเป็นนางเอกเต็มตัวในละคร "ดอกโศก" ตอนนั้นถ่ายสองเรื่องนี้พร้อมกัน เด็กใหม่อย่างหนูถือว่ายาก ทำให้เครียดมาก"


เห็นว่าเครียดจนต้องไปบวชเลยเหรอ?

เฌอเบลล์ - "อันนี้ก่อนเล่นละคร ตอนนั้นเพิ่งรู้ว่ากำลังจะเซ็นสัญญากับเอ็กแซ็กท์ ต้องปรับอะไรหลายอย่างเยอะมาก เครียดจนหนีไปบวช ตอนแรกคิดแค่มาถ่ายเอ็มวีเล่นๆ เพื่อได้เงินค่าขนม วันนึงอยู่ดีๆ ได้มายืนในวงการเต็มตัว ทุกอย่างเร็วมาก เหมือนสึนามิที่มาโครมเดียว ก็กลับไปตั้งสติ จนขอออกไปอยู่วัด พอเหยียบเข้าไปในวัด (วัดป่าเจริญราช ลำลูกกา) รู้สึกสงบขึ้น ทุกอย่างช้าลง สบายใจ นั่งสมาธิ สงบสติอารมณ์ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ค่อยๆ คิดไปทีละสเต็ป"


เล่นละคร "ดอกโศก" ประกบ "ป้อง-ณวัฒน์" ตื่นเต้นไหม?

เฌอเบลล์ - "วันแรกที่มากองเกร็งมาก ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดกับใครยังไง ตื่นเต้นไปหมด เครียดมาก ไม่รู้จังหวะการเล่น จนตอนหลังดีขึ้น พี่ๆ นักแสดงช่วยบอกช่วยสอน อย่างพี่ป้องจะคอยบอกให้ยืนมุมนี้ ซีนนี้ต้องพูดแบบนี้ถึงน่ารัก ต้องขอบคุณทุกคนค่ะ อย่างเรื่องนี้มีซีนดราม่าเยอะ ก่อนหน้านี้เคยถามพี่นก (สินจัย เปล่งพานิช) ว่าซีนร้องไห้ควรทำยังไง พี่นกก็บอกว่าขอแค่เชื่อในตัวละครนั้นจริงๆ น้ำตาจะไหลมาเอง พอหนูฟังเลยเอามาปรับใช้ แล้วก็ทำได้จริงๆ"


มีฉากเลิฟซีนจูบจริงกับป้อง ทำการบ้านยังไง?

เฌอเบลล์ - "ก็พยายามถามแอ๊กติ้งโค้ชว่าต้องทำยังไงให้รู้สึกว่าหนูรักคู่ที่เล่นกับหนูให้ได้ เขาแนะนำให้ไปหาหนังรักแนวดราม่ามาดูเยอะๆ เล่นเลิฟซีนสมองต้องว่างเปล่า เปิดรับสิ่งที่ผู้กำกับฯ สั่งให้ทำ ตอนเข้าฉากเลิฟซีนก็จะขำๆ จั๊กจี้มากกว่า (หัวเราะ) พี่ป้องชอบเรียกหนูไอ้ทอม ไอ้กะเทย ทำให้สนิทกันไว ไม่เขินตอนเล่นเลิฟซีน"

"ถามว่าเล่นฉากเลิฟซีนด้วยกันกลัวเป็นข่าวมั้ย ไม่ค่ะ เพราะเขามองหนูเป็นน้อง หนูเองก็มองเขาเป็นพี่"


ฟีดแบ็กละครเรื่อง "ดอกโศก" ดีไหม?

เฌอเบลล์ - "ค่อนข้างดี ไปไหนคนเรียกดอกโศก ดีใจที่คนติดตามผลงาน มีเพื่อนช่วยเช็กกระแสให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะวิจารณ์เรื่องบิ๊ก อายส์ หรืออย่างในเรื่องทำไมหนูต้องใส่คอนแท็กต์เลนส์สีม่วงตลอด คือคอนแท็กต์เลนส์ธรรมดาแบบสายตามันหายาก เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ ใส่แต่บิ๊ก อายส์ พยายามหาแบบธรรมดาแล้วแต่ไม่มี ซึ่งถ้าใครอ่านบทประพันธ์ดอกโศก จะทราบว่าดอกโศกมีนัยน์ตาสีม่วงตามกรรม พันธุ์คุณพ่อและคุณย่า หนูเลยต้องใส่สีม่วง พยายามหาแบบตัดขอบแล้ว แต่พออยู่ในกล้องแล้วเลนส์มันไม่ชัด ก็เลยต้องใส่แบบนี้"


มีข่าวว่าไปเติมจมูกมาจริงไหม?

เฌอเบลล์ - "ค่ะ เพราะจมูกตรงปลายมันหักๆ หน่อย มีไปฉีดเติม อะไรที่บุ๋มลงไปก็เติมให้เรียวเข้ากัน ถามว่าซีเรียสมั้ยที่เป็นข่าว ไม่เลย ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แค่ไปทำให้ดูดีขึ้น ไม่ได้ไปทำมาเยอะจนคนจำหน้าเก่าไม่ได้ แค่แก้ไขบางส่วนที่ไม่ค่อยดีเท่านั้น"


นักแสดงบางคนเลือกที่จะปิดเรื่องการทำศัลยกรรม ทำไมเราถึงยอมรับ?

เฌอเบลล์ - "การที่เราโกหกคนยิ่งอยากรู้ อยากไปหารูปเก่าๆ มาเปรียบเทียบ การที่หนูทำศัลยกรรมปิดไม่ได้หรอก อย่างน้อยๆ เพื่อนเก่าๆ ก็จำหน้าหนูได้ โกหกไปไม่มีอะไรดีขึ้น จะรู้สึกแย่ด้วย สู้บอกไปเลยดีกว่า ง่ายกว่าเยอะ และหนูไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ไปฆ่าใคร เงินก็เงินหนู งานก็งานหนู มันไม่ผิดที่หนูจะทำให้ตัวหนูดีขึ้น"


ที่ผ่านมาเครียดกับข่าวไหนมากที่สุด?

เฌอเบลล์ - "ข่าวเรื่องครอบครัวค่ะ ถ้าเป็นข่าวตัวเองจะไม่ค่อยคิดอะไร พอมาเป็นเรื่องครอบครัวมันเซ็นซิทีฟ เช่น มาพูดเรื่องพ่อแม่หนู บางคนบอกอ้าว พ่อแม่แต่งงานใหม่ บางคนถามพ่อแม่ทำงานอะไร จริงๆ มันเป็นเรื่องส่วนตัว ทำไมต้องเอาเขามาเกี่ยว อยากให้เกียรติท่าน ให้เกียรติงานที่หนูทำ (ทำหน้าเศร้า) หนูเครียดเรื่องนี้มาก ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีหนูในวันนี้ พอมีคนมาแตะ หนูเลยรู้สึกยอมไม่ได้"


มีมุมมองในวงการบันเทิงอย่างไร?

เฌอเบลล์ - "หนูฝันอยากเป็นนักแสดงที่ดีและเป็นต้นแบบในการแสดง ตอนนี้ตั้งใจทำงานและพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าการแสดงไม่มีวันสิ้นสุด การได้ลองทำอะไรใหม่ๆ มากเท่าไหร่คือบทพิสูจน์ตัวหนูมากเท่านั้น หนูได้รับโอกาสที่ดีในวันนี้ ก็จะเก็บและรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด และจะตั้งใจทำให้ดีสมกับที่ผู้ใหญ่มอบโอกาสให้ค่ะ" เพราะโอกาสไม่ได้มีกันได้ง่ายๆ


ที่รัก

"ชื่อ "เฌอเบลล์" คุณพ่อเลี้ยงที่เป็นคนเบลเยียมเป็นคนตั้งให้ โดยจะเรียกหนูว่า "เฌอ" ที่แปลว่า "ที่รัก" แล้วจะเรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสประมาณว่า ที่รักคนสวย เลยกลายเป็นชื่อ "เฌอเบลล์" ค่ะ" นางเอกสาว "เฌอเบลล์"ลัลณ์ลลิน เตจะสาเวศซ์ เผยถึงที่มาของชื่อเล่น

จากนั้นก็เล่าประวัติย่อๆ ให้ฟังว่า "หนูเป็นลูกสาวคนเดียว เกิดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2535 สูง 168 ซ.ม. หนัก 47 ก.ก. ปัจจุบันกำลังจะเข้าศึกษาชั้นปีที่ 1 มหา วิทยาลัยรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ค่ะ"

"ตอนแรกเรียนที่มหา วิทยาลัยรามคำแหง แต่ตอนนี้ดร็อปไว้ เพราะตอนนั้นถ่ายละคร 2 เรื่องติดกันทำให้ไม่สามารถไปเรียนต่อได้ อ่านหนังสือสอบไม่ทันด้วย แต่หนูก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องอายุ เพราะตอนเรียนรามฯ หนูอายุ 18 เรียนอยู่ชั้นปี 3"

ดาราสาวรับว่า "สำหรับหนูคิดว่าเรียนเร็วไป เพราะต้องเรียนกับรุ่นพี่ที่มีอายุมากกว่า เวลาเรียนในคลาสเป็นน้องเล็กสุด ทำให้ความรับผิดชอบอาจจะน้อยกว่าเขา"


อารมณ์ติสต์ขึ้นลง ยังไม่พร้อมคบใคร

เห็นหน้าตาเรียบร้อยแต่นางเอกสาว "เฌอเบลล์-ลัลณ์ลลิน" บอกแท้ที่จริงแล้วเธอนั้นเป็นคนห้าว เลยไม่ค่อยมีหนุ่มกล้าเข้ามายุ่งเท่าไหร่

"หนูเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำอะไรที่เป็นผู้หญิงจ๋า สมัยเด็กๆ เป็นคนซน เป็นผู้หญิงลุยๆ เลยไม่ค่อยมีคนมาสนใจหรอก(หัวเราะ) แต่ก็มีคนเข้ามาจีบบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นคุยด้วยหรืออะไร"

แล้วความรักตอนนี้ที่อยู่ช่วงวัยรุ่นล่ะ น้องหนูกล่าวว่า "ถามว่ามีคนคุยด้วยมั้ย ก็มีบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่ไม่ถึงขั้นตกลงเป็นแฟน ส่วนใหญ่ผู้ชายที่เข้ามาออกแนวจีบๆ แล้วก็ไป เพราะหนูเป็นคนที่ไม่โรแมนติกเลย วันไหนอยากคุยก็คุย วันไหนนึกไม่อยากจะรับโทรศัพท์ ก็ไม่รับ จริงๆ หนูเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง อยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเอง เป็นคนอินดี้ๆ ติสต์ๆ หน่อย เวลาทำอะไรไม่แคร์สายตาใคร และด้วยนิสัยพูดตรง ผู้ชายส่วนใหญ่ที่เข้ามาจะคิดว่าหนูไม่อยากคุยด้วย ก็ถอยๆ หายๆ ไป มักจะมาและก็หายไปเอง(หัวเราะ)"

มีหนุ่มๆ จีบเยอะไหม นางเอกสาวยิ้มเขิน "ก็มีบ้างแหละตามประสา แต่เป็นคนนอกวงการซะส่วนใหญ่ ถ้าให้คบเป็นแฟนตอนนี้ยังไม่พร้อมจะคบใครหรอก ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำ"


ทำไมถึงยังไม่พร้อมจะคบใครจริงจัง เฌอเบลล์อธิบายว่า "หนูคิดว่าหนูเป็นคนที่ผู้ชายที่อยากจะเข้ามาเขาต้องรับสภาพความเป็นตัวเองของหนูให้ได้ เพราะหนูเป็นคนขึ้นๆ ลงๆ นึกจะคุยก็คุย นึกจะหายก็หาย ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาเขาก็จะคิดว่าหนูเบื่อเขา ไม่ชอบเขาหรือเปล่า แล้วเขาก็จะเป็นฝ่ายเดินจากไปเอง"


อย่างนั้นสถานภาพหัวใจตอนนี้แสดงว่าโสดน่ะสิ เจ้าตัวย้ำ "เรียกว่าโสดสนิทเลยค่ะ"

ว่าแต่สเป๊กผู้ชายของ "เฌอเบลล์" เป็นอย่างไรกัน น้องหนูหัวเราะก่อนจาระไน "เคยคิดว่าชอบคนที่ขาวๆ ตี๋ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีสเป๊ก ขอแค่เข้าใจหนู รับความเป็นหนูให้ได้แค่นั้นพอแล้ว ไม่ขออะไรเลย หนูก็เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนนึง สักวันถ้าจะมีความรักหนูก็ขอเลือกอยู่กับคนที่หนูรักเขาและเขาก็เข้าใจหนูแค่นั้นพอค่ะ"

แล้วถ้าให้ตั้งนิยามความรักของตัวเองล่ะ เจ้าตัวรีบบอก "หนูมองว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ ถึงแม้อดีตที่ผ่านมาจะเป็นยังไง แต่ถ้าหนูได้รักและเคยรักเขา มันก็เป็นความสุขที่ไม่มีวันที่จะลืม"


"อยากให้มองความรักเป็นเรื่องที่ดีค่ะ" นางเอกสาวกล่าวทิ้งท้าย


ดอกโศก

นอกจากจะร่ายบท "ดอกโศก" ในละครแล้ว ชีวิตจริงในวัยเด็กของนางเอกสาว "เฌอเบลล์" ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ ก็ยังดูคล้ายคลึงกับตัวละครในเรื่องอีกด้วย

โดยเฌอเบลล์เล่าว่า "ชีวิตหนูแอบคล้ายดอกโศกบ้างตรงที่พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่หนูยังเป็นทารก จริงๆ คุณพ่อคุณแม่หนูเป็นคนไทยทั้งคู่ หลังพ่อแม่แยกทางกัน คุณแม่ก็ย้ายมาทำงานที่ภูเก็ต ทำให้มาเจอคุณพ่ออุปถัมภ์ ซึ่งเป็นชาวเบลเยียมในร้าน เบเกอรี่ของคุณน้า ตอนนั้นแม่ไปช่วยงานเป็นแคชเชียร์ให้คุณน้า แล้วเขาเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่มาอุดหนุนของที่ร้าน"

"เขามาเห็นหนูเขาก็บอกแม่ว่า เด็กคนนี้ต้องมีพ่อนะ เขาเลยรับเลี้ยงอุปถัมภ์หนูเป็นลูก ซึ่งเขาก็เลี้ยงหนูมาตั้งแต่เด็กมากจนปัจจุบันนี้ก็ยังอยู่ด้วยกัน ซึ่งพอคุณแม่ยอมให้เขารับเลี้ยงหนูเป็นลูก เขาก็พาคุณแม่และหนูไปอยู่ที่เบลเยียมเลยค่ะ"

โดยตอนนี้นางเอกสาวถือสัญชาติเบลเยียม หลายคนเลยอาจเข้าใจว่าเธอเป็นลูกครึ่ง แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย

นางเอกสาวยังเล่าอีกด้วยว่า เธอนั้นเกิดที่จ.เชียงใหม่ มีราก ฐานเป็นคนเหนือ โดยคุณแม่เป็นคนจ.เชียงราย แต่ไปทำงานเป็นพนักงานโรงแรมอยู่ที่เชียงใหม่ หลังจากนั้นก็ย้ายมาทำงานอยู่ที่จ.ภูเก็ต

"เฌอเบลล์" ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก กลับมาอยู่เมืองไทยอีกครั้งตอนอายุประมาณ 10 กว่าขวบ ภาษาแรกที่พูดได้คือภาษาฝรั่งเศส เนื่องจากตอนอยู่เบลเยียม จึงเติบโตมาเหมือนเป็นเด็กฝรั่งคนหนึ่ง


ชีวิตวัยเด็ก ดาราสาวเล่าว่า ไม่มีฉายแววการแสดงเลย

"หนูเป็นคนที่ชอบหนีกิจกรรมของโรงเรียน เพราะไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย คนเยอะๆ งานโรงเรียนจริงๆ ก็มีโอกาสได้เป็นดรัมเมเยอร์ แต่เป็นได้ไม่กี่ปีเพราะหนูไม่อยากเป็น แต่คุณครูจะบังคับว่าถ้าเธอไม่เป็นฉันจะหักคะแนน เลยจำใจต้องเป็น แต่ตอนหลังๆ หนูดื้อ ไม่สนใจ จะหักคะแนนก็หักไป เพราะหนูไม่ค่อยชอบ (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะชอบหนีไปทำป้าย ทำงานเบื้องหลังมากกว่า เวลาที่เขาให้ไปทำงานละครโรงเรียนหนูก็ชอบไปทำฉาก นั่งวาดฉาก ไปดูแลนักกีฬาโรงเรียนอะไรประมาณนี้"

แต่อย่างว่าถึงจะไปทำงานเบื้องหลังอย่างไร คนจะได้เป็นนักแสดงที่ต้องมาอยู่เบื้องหน้าซะอย่าง ยังไงก็ยั้งไม่อยู่