Inside Dara
นานๆ ทีจะยิ่งใหญ่กว่าพี่สาว “แนท” ไม่เข้าข้าง “นิต้า” ประกวดมิสยูนิเวิร์สฯ เคยแนะเวทีอื่นแต่อีกฝ่ายไม่ยอมไป

“แนท อนิพรณ์” เผยเคยแนะ “นิต้า” เวทีประกวดมีหลายเวที สร้างทางเลือก แต่พี่สาวอยากสมัครมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ยันยินดีซัปพอร์ตแนะเทคนิคพิชิตมง แต่วอนอย่าคาดหวังว่าตนและพี่สาวต้องเหมือนกัน ไม่หวั่นคำครหาลำเอียงเหตุเป็นกรรมการเพราะยุติธรรม นานๆ จะยิ่งใหญ่กว่าพี่สาว

เป็นปีที่ฮือฮาไม่น้อย เพราะปีนี้ “นิต้า อนิพรรณ เฉลิมบูรณะวงศ์” อายุ 25 ปี พี่สาว “แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 โดดลงเวทีขาอ่อนซึ่งเป็นเวทีเดียวกับที่น้องสาวคว้ามงกุฎ อีกทั้งงานนี้แนทยังเป็นคณะกรรมการด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่าพร้อมซัปพอร์ต แต่ก่อนหน้านี้เคยแนะนำว่าเวทีประกวดขาอ่อนเมืองไทยมีอีกหลายเวที

“แนทมองว่ามันเป็นสิทธิส่วนบุคคล เขาอยากทำอะไร เราเป็นคนในครอบครัวเราก็อยากซัปพอร์ต และสนับสนุนเต็มที่ค่ะ เขาก็มาปรึกษานะคะ เขาบอกว่าจะมาปีนี้เพราะว่าเดี๋ยวอายุจะเกินแล้ว (นิต้าอายุ 25 ปี) แล้วเราก็ถามว่าไม่ไปเวทีอื่นเหรอ มันมีเวทีอื่นอีกมากมาย เขาก็บอกว่าเขาอยากจะมาประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ซึ่งเราก็เคยพูดไปแล้วว่าเวทีอื่นก็มีนะ แต่เขาก็บอกว่าเขาตั้งใจอยากจะมาที่นี่ เราในฐานะน้องสาวก็ซัปพอร์ตค่ะ”

“ถามว่าทำไมแนะเวทีอื่น เพราะเวทีนี้ใหญ่ไปและมีโอกาสได้ตำแหนงยากหรือเปล่านั้น แนทมองว่าเวทีนางงามของไทยมันมีหลายเวที การที่เราบอกว่าให้ไปเวทีอื่นมันเป็นการสร้างทางเลือกให้เขา เพราะแต่ละเวทีสไตล์มันไม่เหมือนกัน เราคิดว่าการสร้างทางเลือกมันเหมือนเวลาเราจะซื้อของสักอย่าง แต่มันมีให้เลือกหลายร้าน ร้านไหนที่ถูกและดี ซึ่งมันแล้วแต่จริตคน เราก็แนะนำเหมือนเป็นทางเลือกให้เขามากกว่า ไม่ได้ต้องฟิกซ์ว่าต้องมาที่นี่นะ”

“ซึ่งพอเราแนะนำเขาก็บอกว่าไม่ไป จะมาประกวดมิสยูนิเวิร์ส เราก็เลยบอกว่าอืม โอเค รู้เรื่อง (ยิ้ม) เพราะว่านิต้าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเด็ดขาด แล้วเขาโตกว่าเราเยอะ การจะไปพูดโน้มน้าวใจเขามันยากมากๆ การที่เราแนะนำเวทีอื่นเหมือนเป็นการสร้างทางเลือกให้มากกว่า”

เผยเทรนด์เรื่องการเดิน ปัจจัยภายนอกไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงอะไร

“น่าจะเป็นในเรื่องของการเดินค่ะ ส่วนมากจะเป็นปัจจัยภายนอกมากกว่า เพราะว่าปัจจัยภายในเราไม่อยากไปเปลี่ยนแปลงอะไรในความเป็นเขา เพราะว่ายังไงคนสองคนก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เราสองคนก็ถูกคนพูดมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นพี่น้องที่ไม่เหมือนกันเลย ทั้งบุคลิก ทั้งอะไรต่างๆ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากเอาความเป็นนางงามที่สังคมคาดหวังไปยัดเยียดใส่ตัวพี่นิต้า อยากให้สังคมยอมรับในแบบที่เขาเป็นโดยที่เขาสามารถเข้ากับสังคมได้”

แนะเทคนิคพิชิตมงที่อาจทำให้โดนด่า แต่ไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง

“ถามว่าเราได้แนะเทคนิคพิชิตมงกุฎยังไง จริงๆ แนทก็มีความเป็นนางงามน้อยนะ ตอนได้ตำแหน่งใหม่ๆ ก็โดนคนด่าเยอะมากๆ ด้วยความที่เราเป็นตัวเองมากเกินไป แต่เราก็มีความรู้สึกว่าการที่เป็นตัวของเราเองมันก็นำพาให้เราประสบความสำเร็จ โดยที่เราก็ฟังคนรอบข้างนะคะ ทำทุกอย่างแต่อย่าสูญเสียความเป็นตัวเอง ซึ่งความเป็นตัวเองของเราก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มันถูกกับสังคมด้วยค่ะ”

“เราก็บอกเขาว่าเป็นตัวของตัวเองได้นะ แต่ต้องเป็นตัวของตัวเองในฐานะที่สังคมเขายอมรับ ซึ่งบางคนใช้คำว่าเป็นตัวของตัวเองมากเกินไป คือบางทีการเป็นนางงามมันทำไม่ได้ เช่นมาประกวดคุณแต่งตัวมาไม่สุภาพ แล้วบอกว่า อ๋อ...หนูเป็นตัวของตัวเองค่ะ การเป็นตัวของตัวเองมันก็โอเค แต่ว่าคุณเป็นตัวของตัวเองแบบไม่ถูกกาลเทศะไง คุณมาประกวดมิสยูนิเวิร์ส คุณศึกษาเวทีมาหรือเปล่า คุณพร้อมหรือเปล่า”

ลั่นผู้เข้ามาสมัครนางงามยังไม่เห็นใครมั่นใจซักคน ไม่มีแพทชั่นในการพูด

“มั่นใจทุกคนมั่นใจอยู่แล้ว แต่ว่าแท้ๆ แล้ว ทุกอย่างมันจะออกจากอินเนอร์ เมื่อกี้ 40 คนมั่นใจหมด แต่แนทเห็นกลับยังไม่มีใครมั่นใจเลยสักคนเลย มันจะออกมาทางสีหน้าแววตา หลายๆ อย่าง เราเลยบอกเขาว่าเวลาเราจะพูดจะคิดจะตอบอะไร ให้ตอบมาจากข้างใน ถ้าเราพูดลอยๆ ใครก็รู้ว่าพูดลอยๆ บอกว่าหนูอยากช่วยสังคมค่ะ เพราะว่าหนูรักเด็ก แบบนี้คือมันไม่มีแพทชั่นในการพูด อย่างเราเรียนสังคมสงเคราะห์ หนูรักเด็ก ผู้สูงอายุค่ะ แล้วหนูชอบทำงานกับเด็ก แล้วกิจกรรมที่หนูทำส่วนมากเป็นจิตอาสา แล้วหนูก็ทำมันจริงๆ ค่ะ ไม่ใช่เพิ่งเริ่มทำ หนูทำมานานแล้ว แบบนี้ เราก็บอกเขาว่าให้ตอบทุกอย่างออกมาจากข้างใน ถ้าตอบไม่ได้ก็บอกไปเลยว่าตอบไม่ได้”

บอกนานๆ ทีจะยิ่งใหญ่กว่าพี่สาว

“จริงๆ ตอนเราประกวดเราไม่เคยตื่นเต้นเลยนะคะ เพราะเราจะเป็นคนที่เตรียมความพร้อมมาดี ฝึกมาหนัก ไปร้องไห้ไปเสียใจตอนเทรนมาตลอด พอถึงเบื้องหน้า เราจะไม่มีความเกร็งใดๆ มันทำให้เราไม่ตื่นเต้นหน้างาน แต่สำหรับตัวเขา เราตื่นเต้นนะ เราตื่นเต้นแทน ตอนเช้าเราก็แต่งหน้าทำผมก่อนเขาเพราะเราเป็นกรรมการ นานๆ ทีเราจะได้ยิ่งใหญ่กว่าพี่ตัวเอง (หัวเราะ) เราก็บอกเขาว่าวันนี้หนูเป็นกรรมการ แล้วก็มองเขาด้วยหางตา ส่วนนิต้ามาเป็นผู้สมัคร (หัวเราะ) ก็ตื่นเต้นกว่าเราสมัครเองอีก เพราะเราไม่รู้ว่าข้างในเขาพร้อมแค่ไหน คือต่อให้มีกรรมการเหมือนหนูอยู่ที่บ้าน สุดท้ายแล้วถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่พร้อมก็คือไม่พร้อม”

ไม่หวั่นคำครหาลำเอียงเพราะเป็นคนยุติธรรม

“หนูเป็นคนยุติธรรมนะ เราดูหน้างาน เพราะหนูรู้สึกว่าความตั้งใจของแต่ละคนมันมาไม่เหมือนกัน บางคนเขาตั้งใจมาเต็มร้อย แล้วเราไม่ให้เขาผ่าน คือเราเรียนสังคมสงเคราะห์ค่ะ เรารู้สึกว่าเรามีจรรยาบรรณ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้เป็นนักสังคมสงเคราะห์จริงๆ แต่เรารู้สึกว่าคนเราทุกคนต้องมีจรรยาบรรณ ไม่ลำเอียงแน่นอน เพราะว่าหนูทะเลาะกับพี่นิต้าบ่อยมาก เราชอบพูดความจริง เช่น แต่งหน้ารองพื้นผิดเบอร์มากเลย แล้วเราก็ทะเลาะกัน แม่ก็รู้ ซึ่งเราหวังดีกับใครเราก็จะพูด บางทีเสื้อผ้าที่ใส่นี่ไม่เข้ากันเลย ถ้าเราเป็นกรรมการเราก็ไม่ให้คะแนนหรอก เราเที่ยงธรรมแน่นอน ทุกคนมาเท่ากันหมด คือหนูเป็นส่วนเล็กๆ ค่ะ กรรมการข้างหน้าน่ากลัวว่าหนูเยอะ เราเป็นแค่ 1 ใน 18 ค่ะ คะแนนเข้ารอบมาจากหลายคนแน่นอนค่ะ”