Inside Dara
"อายส์"ดาวใหม่วีก3 เลือกอยู่โลกมายาให้เป็น

กลายเป็นละครม้ามืด แถมยังแจ้งเกิดนางเอกหน้าใหม่อีก 4 คน สำหรับ"เดอะ ซิกธ์ เซ้นส์ สื่อรักสัมผัสหัวใจ" ทางช่อง 3

โดย 1 ใน 4 นางเอกน้องใหม่ที่เตะตาคงไม่พ้น สาว "อายส์"กมลเนตร เรืองศรี ด้วยคาแร็กเตอร์ ห้าว ติสต์ ไม่ยอมคน ดูโดดเด่น รับบท "สุคนธรส" สาวที่สัมผัสวิญญาณได้ด้วยกลิ่น

เพราะความดังสนั่นมาถึงประสาทสัมผัสแห่งเสียง วันนี้เลยพลาดไม่ได้ที่จะพูดคุยกับเธอ

เข้าวงการมาได้ยังไง

อายส์ -"จริงๆ ไกลตัวมาก บ้านอยู่พระราม 2 มันยากมากที่จะมีโอกาสมาเจอคนในวงการ ชีวิตมีแต่บ้าน โรงเรียน เรียนพิเศษ ส่วนสยามสแควร์ในชีวิตเด็กม.ปลาย มา 3 ครั้งได้ เป็นอีกโลกที่ไม่เคยเจอ จนได้ไปดูหนังรอบสื่อที่ได้จากการเล่นเกมรายการวิทยุ แล้วมีโมเดลลิ่งไปงาน มาเจอรุ่นน้องที่ไปกับหนู ซึ่งหน้าตาดีโมเดลลิ่งเลยทาบทาม แล้วก็ขอเบอร์หนูไว้ด้วย จากนั้นก็ไปทำโปรไฟล์ ซึ่งวันนั้นมีแคสต์งานอยู่พอดีเลยลองไปแคสต์ก็ได้เป็นงานโฆษณาออกน้อยมาก"

"แต่หลังจากนั้นแคสต์งานอะไรก็ไม่ได้เลย จนมาได้โฆษณาธนาคารกสิกรไทย ทำให้มีคนรู้จักมากขึ้น กระทั่งได้มาแคสต์ละคร เดอะ ซิกธ์เซ้นส์ฯ"

ตอนได้เงินก้อนแรก รู้สึกอย่างไร

อายส์ -"ภูมิใจและดีใจมาก ได้เงินมาหมื่นกว่าบาท เยอะมาก บอกพ่อว่าหนูจะจ่ายค่าเทอมเอง และขอทำงานนี้ต่อไป พ่อก็บอกให้ดูดีๆ และอย่าทิ้งการเรียน"

"หลังจากวันแรกที่เข้าเรียนปี 1 จนปัจจุบันหนูจ่ายค่าเทอมเองตลอด จนรู้สึกเราเริ่มรับผิดชอบตรงนี้ได้อยากดูแลเขา แม่พูดว่าเหมือนแม่ถูกรางวัลที่ 1 มีลูกอย่างนี้แม่โอเคแล้ว ไม่มีน้อง แม่รู้สึกโชคดี"

"ส่วนพ่อ วันที่ละครจะออนเขาโทร.มาคุยว่ารู้ว่าเหนื่อยมามาก เขาไม่ได้โฟกัสว่าจะดังไหม ตอนนี้เขาเห็นว่าเราทำงานได้ เขาขอแค่ 2 อย่าง คือเรียนให้จบรับปริญญา วันนั้นจะเป็นวันที่พ่อภูมิใจ และวันที่มีครอบครัว เขาไม่ได้หวังจะให้เราโด่งดัง มีเงินทองมากมาย แต่อยากให้หนูเรียนจบ"

ตอนมาแคสต์ละคร เดอะ ซิกธ์เซ้นส์ฯ เป็นไงบ้าง

อายส์ -"พูดตรงๆ พอมาเจอคู่แข่งยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่หนูเลย ตอนนั้นมีดารามาแคสต์กัน ตอนแรกแอบคิดว่าละครอาจไม่ใช่ทางเรา ใช่ที่ของเราเหรอ แต่พอทำไปเรื่อยๆ จากตอนแรกที่กะว่าเข้าวงการมาเพื่อหาเงินช่วยพ่อแม่ มันเริ่มตกหลุมรักการแสดง พอเข้าใจการแสดงแล้วมันสนุก รู้สึกรักอาชีพนี้ 1 ปีที่ผ่านมาสอนหนูมากทำให้โตขึ้น"

กับละครเรื่องแรกยากไหม

อายส์ -"ยากมาก จากตอนแรกที่รู้ว่าได้ละครเรื่องนี้ดีใจ แต่ไม่ได้มองเลยว่าแสดงได้ไหม มองแค่ว่าเล่นโฆษณา เล่นเอ็มวีมาไม่น่ายาก เปิดกล้องวันแรกใช้เวลาครึ่งวันในซีนที่พูดว่า "คุณอย่าเข้าไปมันอันตราย" เล่นแล้วกลวง ไม่มีอะไรจากข้างใน ต้องปรับความเข้าใจกันใหม่ แล้วพอเปิดใจรับที่เขาใส่และนำมาปรับปรุงก็ดีขึ้น"

กับฟีดแบ็กละคร ข่าวว่าดีมาก

อายส์ -"ค่ะกระแสดีมาก ไปไหนคนเรียก "สุคนธรส" หลายคนบอกเป็นละครม้ามืด วันแรกที่ออนแอร์ทีมงานเช็กในเว็บพันทิปปรากฏว่ากระแสดี แม่บอกว่าอย่าเหลิง แต่มันคือกำลังใจ ทำให้รู้ว่าที่เราเหนื่อย คนดูดูแล้วชอบแบบนี้นี่เอง แม้ว่าเขาจะบอกว่า 5 สาวอยู่ด้วยกันแล้วเจี๊ยวจ๊าว แต่องค์รวมทุกคนบอกละครสนุก ตัดต่อดี ภาพสวย มุมกล้องแปลก เนื้อเรื่องไม่เคยดู ที่สำคัญคือมันตลก นี่แหละคือรางวัล หนูภูมิใจที่สุด"

การร่วมงานกับเพื่อนๆ น้องๆ ที่เป็นมือใหม่ด้วยกันเป็นอย่างไรบ้าง

อายส์ -"ตอนแรกยังเกร็งๆ ด้วยความที่ใหม่กันหมด แต่พอเรารู้จักกันจริงๆ พอคนนึงมีปัญหาเราไม่ทิ้งกัน ทุกคนอยู่ ทุกคนซัพพอร์ต ทำให้เรารักกันจริงๆ เลยทำให้ภาพที่ออกมาคนมองว่าเด็ก 5 คนนี้รู้จักกันมาก่อนเหรอ ทำไมถึงเล่นแล้วดูเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ ซึ่งต่างคนต่างมา และอายุต่างกันจริงๆ"

"อย่างพี่จ๊ะ(จิตตาภา) เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำให้หนูเปิดใจ สัมผัสได้ว่าเขาเป็นคนดี และเรามีอะไรคล้ายๆ กัน นิสัย ความชอบ-ไม่ชอบ รู้สึกรักเขาจริงๆ ทั้งๆ ที่เราไม่เคยมีพี่สาว"

รู้สึกอย่างไรที่ก่อนหน้านี้ มีคนปรามาสว่า"นางเอกใหม่" จะไหวเหรอ

อายส์ -"เคยได้ยินเหมือนกัน นางเอกใหม่ไม่สวย ไปขุดมาจากไหน รู้ตัวไม่สวย ไม่เซ็กซี่ อาจดูไม่เหมือนนางเอก แต่อยากให้ดูที่ผลงานที่ทุ่มเท หนูอาจเป็นทางเลือกใหม่ของคนที่ไม่สวยก็ได้ หนูรู้สึกว่าทุกคนต้องมีเสน่ห์ มีความสามารถต้องดึงมันออกมาใช้ อย่าไปนิยมคนสวย-หล่อ ไม่อย่างนั้นคนที่เกิดมาไม่สวย ไม่หล่อก็หมดหนทางเหรอ"

"หนูมองว่าความสวย-หล่อเป็นสิ่งปลอม แต่งหน้าสวยก็ได้แล้ว หนูว่าเราต้องมองผ่านหน้าตา และมองกันที่ความสามารถ ความมีเสน่ห์ หนูเองไม่ได้สวยดึงดูดสายตาคน แต่สิ่งที่จะพรีเซ็นต์หรือผลงานของเราจะต้องเป็นสิ่งที่ทำให้คนรัก รักเราจากผลงาน อย่ารักเราจากภายนอก หรือแค่เพียงบางสิ่งบางอย่างที่เห็นกันแบบฉาบฉวย"

ชอบไหมที่ตอนนี้คนเรียกว่านางเอกแล้ว

อายส์ -"คำว่านางเอกแลดูสูงส่งสำหรับหนู หนูเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่อยากพัฒนาฝีมือให้ดีไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าเรื่องต่อไปจะได้เล่นเป็นอะไร เล่นคู่ใคร อย่างนั้นเรียกหนูเป็นนักแสดงจะดีกว่า สิ่งที่คิดคือต้องแข่งกับตัวเอง เพราะอายส์ที่เล่นเรื่องที่สอง ต้องดีกว่าอายส์ที่เล่นเรื่องแรก คนดูเท่านั้นจะเป็นคนตัดสินเราว่าพัฒนา"

ก่อนเข้ามามองวงการบันเทิงอย่างไรบ้าง

อายส์ -"มองเป็นวงการที่ฉาบฉวย มีแต่คนที่หลงในรูปลักษณ์ภายนอก สิ่งของแพงๆ ภาษีสังคมสูงๆ และไม่รู้ว่าจริงใจกันหรือเปล่า กระทั่งมาสัมผัสเอง ซึ่งสิ่งที่พูดก็มีนะ แต่ในมุมที่ดีคนที่ดีก็มี คนที่เข้ามาเพราะรัก ศรัทธาในศิลปะการ แสดงจริงๆ ก็มี พอมาสัมผัสแล้วเรามองในทางด้านดีไม่ดี แล้วเลือกใช้ เลือกจะอยู่กับมันให้ได้"

วางอนาคตในวงการอย่างไรบ้าง

อายส์ -"ไม่ได้วางแผนไกลเลย วางแค่มีถ่ายละคร 2 เรื่อง "เดอะ ซิกธ์เซ้นส์ฯ" จบไปแล้ว เหลือ "เหนือเมฆ" คิดแค่ว่าทุกคิวที่กำลังจะถึงหนูต้องทำให้ดีที่สุด รู้แค่อนาคตอันใกล้ ทำทุกอย่างให้เต็มที่ วันนี้ทำให้ดีที่สุดและพรุ่งนี้ต้องดีกว่า"

สกัดข่าวฉาวด้วยสติ-เน้น"ใจ"เข้มแข็ง
เพิ่งก้าวเข้าวงการ สาว "อายส์-กมลเนตร" ก็ตกเป็นข่าวกับหนุ่มๆ ซะแล้ว

"ขนาดละครยังไม่ออนแอร์ ก็มีข่าวว่า บอย-ปกรณ์ จีบอายส์ แย่งกับ เกรท-วรินทร, หน่อง-ธนา" อายส์กล่าว ก่อนแจงต่อว่า"จริงๆ มันคือการถ่ายรูปเล่นกับพี่บอย เขาก็เอาไปโยงได้ พอเล่นกับพี่เกรทก็มีข่าวอีก เลยกลายเป็นว่าอายส์ฮอตคนรุมจีบ หนูว่าถ้าเป็นข่าวไม่จริงเรารู้อยู่ แก่ใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "ใจ" รู้สึกว่าใจต้องเข้มแข็งพอ และทำอะไรต้องมีสติ"

"ส่วนกับพี่บอยเจอที่ช่อง 3 หนูรู้ว่าพี่เขามีแฟนคลับเยอะ อย่าเพิ่งเกลียดหนูเลย เปิดใจให้โอกาส เวลาจะพิสูจน์เองว่าใครดีไม่ดี"

นางเอกสาวอธิบายต่อ"กับพี่เกรทเล่นละครด้วยกัน หนูรักพี่เกรทเป็นพี่ชายมากๆ เขาสอนและช่วยหนูหลายอย่างมาก พอเรามีปัญหาเขาสอนเราในฐานะที่เขาเจออะไรมาก่อน พออายส์ฟัง เขามีกำลังใจจะพูด พี่เกรทเป็นหนึ่งในหลายคนที่ช่วยให้หนูรักการแสดง"

คล้อยหลังข่าวฉาว ก็มีข่าวเกาะพระเอกดัง สาวอายส์รีบบอก"หนูไม่ได้เกาะเขาดัง มันอาจเป็นเพราะเราเล่นคู่กับเขา อาจเป็นโอกาสดีที่หนูได้คู่กับเขา ไม่ใช่หนูเกาะเขาดังหรอก ต้องขอบคุณพี่เกรท ที่หนูได้คู่ที่น่ารักมา"

มีข่าวเยอะที่บ้านว่าอย่างไร"พ่อแม่รู้ เข้าใจ แต่บางข่าวเขาก็ว่าแรงไป ก็ได้แต่บอกให้พ่อเข้าใจและไว้ใจในตัวหนู 18 ปีที่ผ่านตั้งแต่ตอนยังไม่ได้ทำงาน หนูพิสูจน์ให้พ่อเห็นแล้วว่าหนูไว้ใจได้ ดูแลตัวเองได้ ให้ไว้ใจ เชื่อใจ แล้วจะทำให้มันดีเรื่อยๆ"

มีหนุ่มในสเป๊กบ้างไหม"ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะชอบผู้ชายขาวตี๋ ดัดฟัน เรียนเก่ง แต่พอโตขึ้นมาพักไปก่อนเลย ขอแค่คนที่คุยแล้วเข้าใจ เพราะโลกมันอยู่ยาก"

แตะต้องได้

เป็นลูกโทนของ "คุณพ่อกมล" กับ "คุณแม่อารีย์วัลย์" โดยนางเอกสาว "อายส์-กมลเนตร" รับว่าตอนเด็กๆ เธอเป็นเด็กที่ทะโมน เล่นทุกอย่างที่เขาเล่นกัน

ถามว่าเป็นลูกคนเดียวเหงาไหม นางเอกสาวรับ"ก็เหงานะ แต่มีเพื่อนแถวบ้านเยอะ เคยเล่นเกมเศรษฐีที่เขาต้องเล่นหลายคน แต่หนูต้องเล่นคนเดียวทั้งหมด ถ้าในส่วนที่ไม่ต้องแบ่งของเล่นให้ใครตรงนั้นก็สบาย"

"พอโตขึ้นก็เริ่มคิดแล้วว่าเราจะเสียคนไม่ได้ เพราะเขามีเราแค่คนเดียว ถ้าเราเหลวไหลใครจะดูแลเขา ความคิดนี้เกิดขึ้นตอนเรียน ม.1-ม.2 ครอบครัวมีปัญหาเศรษฐกิจ แรกๆ เป็นลูกคนเดียวถูกเลี้ยงแบบตามใจ พอวันนึงชีวิตเปลี่ยน แต่หนูก็เลือกจะรับฟังปัญหา ตอนนั้นไม่รู้ทำไมถึงรู้เรื่องนี้เลยรู้สึกอยากรับผิดชอบ ทำให้รู้ว่าต้องมีเงินเก็บ จนสามารถเอาเงินมาจ่ายค่าเรียนพิเศษ เลยช่วยเขาได้ตรงนี้"

ถูกเลี้ยงมาแบบไหน"ตอนเด็กๆ พ่อจะดุ กว่าแม่ พ่อจะคอยห้ามและห่วง อยากให้เรียนสูงๆ ยังไม่อยากให้มีแฟน เพราะสังคมสมัยนี้เห็นเยอะ พอมีแฟนท้องเลิกเรียนทำแท้ง มันคือปัญหาที่พ่อไม่อยากให้เป็น แล้วเราก็ไม่ได้อยากเป็น บังเอิญหนูมีเพื่อนดี มีสังคมที่ดีเลยไม่เกเร"

มีแววเป็นนักแสดงบ้างไหม"มีเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำกิจกรรมประเภทรำอะไร แต่เป็นคนพูดเก่ง เป็นพิธีกรโรงเรียน พอได้ทำ เยอะๆ เป็นการเพิ่มความมั่นใจ และด้วยคาแร็กเตอร์เป็นคนอย่างนี้คนจะจำได้"

ตอนเด็ก ด.ญ.กมลเนตร ฝันอยากเป็นครีเอทีฟ โดยมีที่มาว่า"เพราะครูจะเขียนในสมุดพกว่าหนูเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ฝังใจว่าเราน่าจะเป็นครีเอทีฟ พอโตมาเรียนสายนี้ ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ เราพูดเก่งควรไปเป็นพิธีกรหรือดีเจ. แต่จับพลัดจับผลูมาทำงานตรงนี้ซะก่อน และที่มาทำเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ไม่ได้ต้องการให้คนกรี๊ด"

ตัวตนจริงๆ เป็นอย่างไร น้องหนูตอบ"หนูโก๊ะกัง เซอร์ ติดดิน ง่ายๆ เรียบๆ ตรงนี้หลายคนบอกว่าให้รักษาไว้ เป็นสิ่งที่เขาชอบ เขารู้สึกว่าแตะต้องได้ แต่พอพูดว่าเป็นนางเอกมันเหมือนจับต้องไม่ได้"


ชื่อเล่น : อายส์
ชื่อนามสกุล : กมลเนตร เรืองศรี
วัน/เดือน/ปีเกิด : 8 เม.ย.2534
บิดา/มารดา : กมล เรืองศรี / อารีย์วัลย์ อ้องาม
การศึกษา : ชั้นอนุบาลที่อนุบาลสุพิชญา, ประถมศึกษาที่ร.ร.บางขุนเทียนศึกษา,
มัธยมศึกษาที่ร.ร.บางปะกอกวิทยาคม ปัจจุบันอยู่ชั้นปี 4 คณะมนุษยศาสตร์
ภาควิชานิเทศศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์