Inside Dara
คุณแม่ยังสวย "เป้ย ปานวาด" 42 กะรัต แซ่บไม่แผ่ว รับบทจันทร์ ละคร “คุณชาย”

สานต่อเจตนารมณ์ของเพื่อน! เป้ย-ปานวาด บุญรัตกลิน นักแสดงสาวมากฝีมือ รับบท “จันทร์” ในละคร “คุณชาย” ทางช่องวัน 31 ยิ่งรู้ว่า แตงโม ภัทรธิดา นักแสดงที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ อยากเล่นบทนี้มาก ทำให้เป้ยยิ่งอยากทำให้ออกมาดีที่สุด จนกลายเป็นความกดดันแต่ “อินเนอร์” เกินร้อยจริง ขนาด ป๊อบ–นิธิ บุญยรัตกลิน สามี ยังเอ่ยปากแซวแบบขอร้องอย่าเป็นแบบในละครเชียวนะ!! พ่อบ้านใจกล้า แหย่ๆจริงๆ

ความร้ายจนได้โล่! มีแต่คนอยาก “หยุมหัว” มัมเป้ย! แต่ช้าก่อนเพราะ “มาลัยไทยรัฐ” ครั้งนี้ พาชมแฟชั่นสวยแซ่บ เซ็กซี่เบาๆจากแบรนด์ดัง velade และ cultgaia ที่ลืมไปได้เลยว่ามัมเป้ย เป็นคุณแม่ลูก 2 แถมอายุอานาม 40 อัป แต่ยังเป๊ะเว่อร์! เกินต้านมาก...ก เมื่อสาวเป้ยพร้อม! โพสท่าคล่องแคล่ว ว่องไว แบบ “มืออาชีพ” โดยมีสุรกิจ แก้วมรกต ทำหน้าที่บันทึกภาพสวยสับๆ ให้แฟนๆละครของมัมเป้ยหายคิดถึงกัน

จากนั้น เป้ย ปานวาด เล่าถึงสาเหตุที่รับละครเรื่องนี้ด้วยความ กดดัน สุดๆแต่ก็ผ่านมาได้

“เป็นการทำงานที่กดดันค่ะ ค่อนข้างเครียด เพราะเรามาสานต่อมาจากโม เชื่อว่าคนดูคนที่รักโมคาดหวังว่าเป้ยจะทำได้มั้ย ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะทำ ได้มั้ย ก็ขอบทมาดูก่อน เหมือนเราคิดเยอะ จนกดดันตัวเอง วันแรกคือถ่ายไม่ได้เลย กังวลจนไม่มีสมาธิ และเวลากระชั้นชิด การเตรียมตัวน้อยมาก แล้วนักแสดงเก่งหมดทุกคน ซึ่งเค้าเล่นกันไปเยอะแล้ว เรามาตามเก็บทีหลัง ก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อที่คนอื่นไม่เสียเวลา บท จันทร์ มีความคล้ายใกล้เคียงกับเรื่องก่อนหน้าที่เป้ยเล่นคือ วานวาสนา ก็คิดเยอะ จะทำยังไงให้แตกต่าง ขอผู้กำกับให้ช่วยหน่อย เรากังวล แต่เรื่องนี้ มีความดราม่าจัด เวลาเล่นก็ใช้อินเนอร์เยอะกว่า วันแรกที่ออกอากาศก็เห็นว่าลักษณะหน้าตาเราออกเยอะขนาดนั้น เป้ยเป็นคนที่รู้สึกอะไรก็จะแสดงทางสีหน้าเยอะ เพราะจันทร์มีแต่ความอยากชิงดีชิงเด่น อยากรู้ความลับให้ลูกชายได้เป็นผู้สืบทอด อยากเปิดโปงนายแม่ลี่ นิสัยแข็งมาก เจ็บไม่ได้ แพ้ไม่เป็น แต่ตอนเล่นเรารู้สึกความรู้สึกถึงของจันทร์จริงๆ ก็เลยเล่นออกไปแบบนั้น”

หลังละครออนไปได้หลายตอน กระแสความร้ายๆของตัวละคร “จันทร์” ที่วุ่นวายสุดๆ หัวจะปวดมาก สามีได้ดูละครที่เราเล่นมั้ย

“เค้าดูละครค่ะ เค้าบอกอย่าซีเรียสเรื่องคนติ เพราะเราอ่านคอมเมนต์หมด เวลาเป้ยเล่น เราจะมือไม้ออกเยอะ แต่เรื่องนี้เราพยายามเก็บมากกว่าปกติ คนใกล้ชิดก็รู้ ว่าเราดร็อปลงมาแล้ว แต่คนดูอาจจะรู้สึกว่าเหมือนเดิม เลยอยากเรียนการแสดงเพิ่มด่วน อยากพัฒนาให้เกิดความต่าง นักแสดงไม่มีใครอยากเล่นแล้วออกมาแบบเดิม คล้ายเดิม ถ้าได้เรียนน่าจะไปได้ดีกว่านี้ คนที่เรียกเราไปแสดงเค้าก็อยากได้ความเป็นเรา แต่ในมุมมองนักแสดงก็จะได้คาแรกเตอร์เป้ย ปานวาดอย่างเดียว จะไม่ได้ รับบทที่แตกต่างจากเดิม พอกลับมาเล่นวานวาสนาเป้ยค้นพบว่า เราหลงเสน่ห์การแสดง แต่ก่อนเป็นช่วงมีงานเข้ามาก็ทำไปเรื่อยๆ แต่ทุกวันนี้เราตั้งใจกลับมา เรามีความสุขกับการได้ทำสิ่งนี้ อยากเก่งขึ้น อยากร่วมงานกับคนเก่งๆ”

เห็นว่าโดนผู้กำกับแซวด้วยว่า เป้ยกับตงตง เวลาเล่นด้วยกันไม่ค่อยเหมือนแม่ลูกเท่าไหร่มีความมุ้งมิ้งเหมือนคู่รักมากกว่า งานนี้เป้ยขอเคลียร์ทันทีว่า...

“ด้วยตัวบท ความรักแม่ลูก เราก็เห็นตงตงเป็นลูก เอ็นดู เหมือนคุยกับลูกเรา แต่ผู้กำกับบอกเหมือนแฟนกันเลย ไม่ได้ ก็ปรับกันพอสมควร ซึ่งจันทร์ในพาร์ตของโมกับเป้ยก็จะต่างกัน จันทร์ในพาร์ตเป้ยจะแข็งมากกว่า อย่างซีนที่ตงตงโดนตี จันทร์ต้องวิ่งเข้าไปกอดลูก แต่ผู้กำกับก็ปรับไม่ให้กอด ตอนทำแผลก็ทำแรงๆ ตัวจันทร์ที่เป้ยแสดงคือไปในทางนี้เลย ตอนโดนแซวก็รีบปรับ”

เรื่องนี้แฟนๆคาดหวังมาก

“เป้ยอยากให้คนที่ติดตามโม หรือรอคอยผลงานโมเห็นแล้วดีใจ แต่เจตนาของเป้ยคือทำให้โมอยู่แล้ว ถ้าเค้าดีใจและช่วยลดความคิดถึงโมได้ ที่เป้ยมาสานต่อก็ดีใจ”

ช่วงถ่ายฝันถึงโมมั้ย

“ไม่รู้ว่าใช่มั้ย เหมือนกึ่งหลับ เป้ย เอาบทไว้หัวเตียงหลับไปพร้อมกับบท มีคืนหนึ่งสะลึมสะลือเหมือนเห็นลางๆ แต่ไม่รู้ใช่มั้ย เลยไม่กล้าบอกใครเท่าไหร่ อาจจะเพราะเราคิดมาก ทุกซีนที่ถ่ายมันก็คือเค้า ช่วงแรกๆเกร็งไปหมด ไม่กล้าจับบทเลย ความรู้สึกคือเรานึกถึงตลอดเรื่องนี้เค้าอยากเล่นมาก เป้ยได้อ่านข้อความที่เค้าส่งหาผู้ใหญ่ว่าอยากเล่นแบบนี้ ตั้งใจจะทำแบบนี้นะ โมตั้งใจและเต็มที่มาก เราก็ต้องทำให้ได้อย่างที่เค้าตั้งไว้ เราเข้าใจหัวอกเค้า เหมือนกลับมาช่วงเดียวกัน”

กับความร้ายของ “จันทร์” ถามจริงๆพี่ป๊อบ สามีดูแล้วเค้ากลัวมั้ย

“ไม่น่ากลัวไปกว่าชีวิตจริง (หัวเราะ) เค้าเห็นเราอ่านบทตลอดเวลา เค้าก็แซวไม่เอาแบบในละครนะ ลูกก็แซว เวลาดุ เอาละครกลับมาเล่นที่บ้าน ทำท่าล้อเลียนบ้าง เป้ยจะดุ 2 แบบ ดุเล่นๆ จะเสียงดัง เค้าก็ว่านางร้ายเข้าสิง แต่ถ้าดุจริงๆจะเงียบ เค้าจะรู้เลย รีบวิ่งหาตัวช่วยเลย เวลาว่างจะท่องบทตอนไปส่งที่โรงเรียน เค้าจำบทได้ก็เอามาล้อเลียน แต่เค้าจะชื่นชมในพาร์ตการทำงานของเป้ย จะมองเวลาอ่านบท พ่อลูกจะซัพพอร์ตให้กำลังใจเต็มที่”

ณ ตอนนี้สามีไฟเขียวให้เป้ยกลับมาเล่นละคร 100% หรือยัง

“เค้าก็กังวล กลัวเราเครียดเกินไป ตอนแรกตั้งใจจะพัก 3-4 เดือน อยู่กับลูกแล้วดูบทไปเรื่อยๆ แต่เรื่องนี้ 1-2 เดือนก็เข้ามา แต่ก็ขอผู้ใหญ่ขอไปจัดระเบียบชีวิตลูกก่อน หลังจากนี้กำลังรอคิวครูเพื่อเรียนการแสดงอยู่ เป้ยอยากเก่งๆ เล่นได้หลายบทบาท จริงๆเป้ยอยากเล่นดราม่า ไม่ใช่นางร้ายกรี๊ดกร๊าด ไม่ได้อยากกรี๊ด เพราะมันเหนื่อยมาก อยากพัฒนา มีบทที่ต่างจากเดิม ตอนนี้ก็ขอดูบทและขอเรียนก่อนค่ะ”

อัปเดตความสวีตระหว่างสามี-ภรรยา 10 กว่าปีแล้วเป็นยังไงบ้าง

“เป้ยเป็นคนไม่งุ้งงิ้งอยู่แล้ว เหมือนเพื่อนกันแล้ว”

ในไอจีหลังๆจะเห็นเป้ยโพสต์ ภาพเซ็กซี่ๆ ถามจริงๆสามีหวงบ้างมั้ย

“เค้าไม่ว่าตรงนี้เลย จะลงรูปอะไรก็มีการถามเค้าว่าเป็นยังไง โอเคมั้ย เป้ยลงรูปว่ายน้ำก็ไม่ได้อยากให้คนมองว่าเราเซ็กซี่นะ เพราะว่าเป้ยผ่านตรงนี้มาแล้ว แต่การที่เป็นคุณแม่มีลูก 2 คน ยังดูแลตัวเอง อยากให้โฟกัสตรงนี้มากกว่า มันเลยวัยถ่ายเซ็กซี่แล้ว ไม่มีใครอยากดูแม่ลูก 2 เซ็กซี่หรอก (หัวเราะ)”

แต่เป็นวัย 42 กะรัตที่เป๊ะ

“เราดูแลตัวเองจริงๆ ถ้าเกินไป 2-3 โล ก็รีบกู้กลับ เป้ยกินทุกอย่าง แต่จะบาลานซ์ ถ้ากินทุเรียนวันนั้นก็ไม่กินแป้ง น้ำตาล ต้องงดไปเลย ไม่เคยอดด้วย เพราะเรามีความสุขกับการกินมาก ตอนท้องโปรดขึ้นมา 24 โล ก็พยายามกลับมาให้ได้ ตอนนี้ปาลินตัวใหญ่สุดในชั้นเลย เวลาเล่นเค้ามาเต็มที่เลย”

เดินทางมาถึงตอนนี้วัยนี้ความคิดเปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน

“ต่างมากค่ะ เมื่อก่อนไม่มีเป้าหมายอะไร เลี้ยงดูพ่อแม่ มีเงินใช้ ทำงานเรื่อยๆ พอโตขึ้นมีครอบครัวเป้าหมายชัดขึ้น มาโฟกัสเรื่องลูกอะไรที่บั่นทอนจิตใจก็ข้าม ใครที่รู้สึกว่าเจอปัญหาก็ขอให้กำลังใจ เราจะผ่านไปได้ แต่ต้องรู้ว่าอะไรของจริง อะไรของปลอมค่ะ”.

เสื้อผ้า : velade,cultgaia

ช่างภาพ : สุรกิจ แก้วมรกต