Inside Dara
ถักทอชีวิตมายาที่ไกลสุดฝันกับเรื่องมหัศจรรย์‘เพื่อน’คณิน

ถึงแม้ว่าละครเรื่อง “สุดแค้น แสนรัก” จะลาจอไปได้สักพัก แต่กระแสของ “ยงยุทธ” ยังคงเป็นเงาตามตัว “เพื่อน” คณิน ชอบประดิถ ขึ้นแท่นดาวรุ่ง ที่น่าจับตามองอีกคนหนึ่่ง จนมาถึงละครเรื่องล่าสุด “ใต้เงาจันทร์” กระแสของหนุ่มเพื่อน ก็ยังได้รับความนิยม บันเทิง "คม ชัด ลึก" จึงต้องคว้าตัวผู้ชายยิ้มเก่งคนนี้มาพูดคุยกันเสียหน่อย

ฟีดแบ็กละคร
พูดถึงละครเรื่อง “ใต้เงาจันทร์”

เป็นเรื่องชีวิตคนทำงานปกติของคนกลุ่มหนึ่ง เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ที่บ้านดูถูก คือบทของมาร์กี้ (ราศรี บาเล็นซิเอก้า) ซึ่งจะพิสูจน์ตัวเอง ได้มาทำงานในบริษัทของพี่เกรท (วรินทร ปัญหกาญจน์) มีเราด้วย จะทำงานกันสามคน กลายเป็นความรักสามเส้า โทนเรื่องมีทุกแนว อย่างพี่เกรทมีความดราม่าอยู่ในตัวด้วย เพื่อนกับมาร์กี้ จะเป็นอะไรที่สนุกมากกว่า

กระแสตอบรับละคร “ใต้เงาจันทร์” ดีมาก รู้สึกอย่างไรบ้าง กระแสดีมาก ถามว่าบทที่ได้เป็นทางของเพื่อนไหม ก็ไม่นะ ในละครจะดูปากจัด มีการจิกกัด ตัวจริงเรียบร้อยใสๆ (หัวเราะ) ในเรื่องต้องมีการเล่นตาเยอะ ต้องทำการบ้านเยอะเหมือนกัน เพราะเราติดมาจากยงยุทธ (สุดแค้นแสนรัก) เพราะตอนที่ถ่ายทำ ถ่ายพร้อมกัน 2 เรื่อง

แล้วบทบาทที่ได้รับล่ะ?

สำหรับเรื่องนี้เป็นละครเรื่องที่ 4 ของเพื่อน เพื่อนรับบทเป็นบุรี เป็นสถาปนิก อารมณ์ดี อย่างในเรื่อง จะทำให้ผู้หญิงอยากเก็บผู้ชายไว้ทั้ง 2 คน (ยิ้ม) อย่างตัวเพื่อน จะเป็นไปในทางสนุก ใช้ชีวิตเรียบง่าย พี่เกรทเป็นผู้บริหารไปทางหรูเลย

บทบาทต่างจากเรื่อง “สุดแค้นแสนรัก” มากเลยไหม

ต่างจากที่เล่นสุดแค้นแสนรักเหมือนกัน เรื่องใต้เงาจันทร์ เราจะไม่มานั่งร้องไห้ อันนี้เราจะเป็นสถาปนิก ที่ค่อนข้างมีความมั่นใจ เพราะเป็นหัวหน้าด้วย เรื่องนี้คล้ายตัวเราตรงที่อารมณ์ดี แต่มันอาจมีแอบปากแรงนิดๆ จิกกัด ไม่ใช่ตัวเองเลย (หัวเราะ) เล่นแล้วรู้สึกสนุกกว่า แต่จริงๆ สนุกกันคนละแบบ มันไม่เครียด เรื่องสุดแค้น แสนรัก เครียดมาก

พูดถึงการทำงานกับ “มาร์กี้” และ “เกรท” หน่อย เรื่องนี้เป็นการทำงานร่วมกับมาร์กี้ครั้งแรก เขาเก่ง เราก็สบายหน่อย บางทีเราไปทำเขาเหนื่อย เจอนางเอกเบอร์หนึ่ง ช่วงแรกเกร็งเลย เจอกันฉากแรกเหงื่อตกเลย ไม่รู้เหงื่อมาจากไหน ตื่นเต้นไปหมด แต่พอเข้าๆ ไป ก็สบายขึ้น ส่วนพี่เกรทเขาไม่แกล้งเรานะ ไปแกล้งสาวๆ (หัวเราะ) ก็ดี เขาบอกเขาก็เคยเป็นเหมือนเรา บางฉากมันตื่นเต้น เหงื่อแตก เขาก็ช่วยแนะนำเรา

รู้สึกอย่างไรคนชมพัฒนาการทางการแสดงดีขึ้น

จริงเหรอ ก็ดีนะ เป็นคำชมที่เรารู้สึกว่าเป็นความชื่นใจ แต่คำติก็ยังมีนะ เรื่องพูดไม่ชัด อันนี้ก็พยายามปรับปรุงอยู่ ก็พยายามฝึกออกเสียงให้ชัดเจนจะได้ชิน

พูดถึงการทำงานของเราเป็นอย่างไรบ้าง

ลองให้คะแนนตัวเองหน่อย เต็ม 10 คงสัก 6-7 มันขาดหลายอย่าง เราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ บางคำเรายังพูดไม่ชัด พยายามพูดให้ชัดอยู่ พยายามอ้าปากให้กว้างๆ ขึ้น เพื่อนชอบพูดไม่เปิดปาก ส่วนแอ็กติ้ง บางอารมณ์ บางท่าทางมันไม่สมูท มันต้องค่อยๆ ปรับ ก่อนจะเล่นแต่ละเรื่อง ต้องมีการเวิร์กช็อปก่อนอยู่แล้ว เอาจากตรงนั้นมาช่วย แต่พี่ผู้จัดการ มีจ้างครูมาช่วยสอนแอกติ้ง เราก็ไปนั่งเรียนด้วย (หัวเราะ) @ย้อนกลับไปดูละครเรื่องแรก “ใต้ร่มใบภักดิ์” รู้สึกอย่างไร อยากกลับไปเล่นใหม่ รีเมกแล้วใช้พระเอกคนเดิมได้ไหม (หัวเราะ) เพื่อนชอบเรื่องนั้นมากเลยนะ แต่อยากเล่นใหม่มาก มันดีทุกอย่างยกเว้นเรานี่แหละ มันบอกไม่ถูก หรือเพราะว่าเป็นเรื่องแรกด้วยล่ะมั้ง

แล้วดูละครที่ตัวเองแสดงตลอดไหม

ตอนนี้เพื่อนดู แต่แรกๆ จะไม่ดู เขินหน้าตัวเอง ตั้งแต่เดินแบบแล้ว ภาพเดินแบบ ไม่เคยได้ดูรูปเลย แต่หลายๆ คนก็บอกว่าเราควรดู เราจะได้รู้ว่าเราบกพร่องตรงไหน มันเหมือนเวลาเล่นกีฬาแล้วแพ้ ต้องมาดูเทปว่าแพ้ยังไง แต่เราไม่ได้จดรายละเอียดขนาดนั้น ใช้จำไว้ แล้วนำไปปรับปรุง

วันนี้คิดว่าตัวเองเหมาะกับบทแบบไหน ผ่านมา 4 เรื่องมาแทบทุกแนว จริงๆ ชอบหมดแหละ สุดแค้น แสนรัก นี่โคตรดราม่า (เน้นเสียง) จนที่บ้านคิดว่าเป็นแบบนั้นแล้ว (หัวเราะ) ดูใต้เงาจันทร์ คนน่าจะลืมภาพยงยุทธไปได้เยอะ น่าไม่มีเลยดีกว่า แต่เพื่อนมองว่าอยู่ที่คนดูละครมากกว่าว่า จะเลือกจำเราแบบไหน คือถ้าจำยงยุทธก็ดี อย่างน้อยเขาจำเราได้ ชื่นใจนะ @ตอนเล่นสุดแค้นแสนรัก เคยคิดไหมว่ากระแสจะมาแรงขนาดนี้ ไม่คิด มันดูเป็นความรัก 3 เส้า คนจะสนุกไหม เพราะที่เพื่อนอ่านบทตอนแรกมันมาก จนพอมาถึงพาร์ทเรามันซอฟต์ลงมันจะสนุกไหม กลายเป็นว่าคนยังอินกันอยู่ ไม่น่าเชื่อ ถือว่าเป็นรางวัลทางใจที่ดีมาก

คนมองว่าเป็นพระเอก รู้สึกอย่างไร ก็งงๆ แต่จริงๆ บททุกบทมันสำคัญเท่ากันหมด แต่เราเล่นให้เต็มที่ก็พอแล้ว ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ด้วยที่ให้บทดีๆ มา @มองวงการบันเทิงเป็นยังไง ก่อนเข้ามา เพื่อนมองว่าเป็นอะไรที่ฝืนตัวเองมากเลยนะ เพื่อนเกลียดกล้อง เกลียดการถือไมค์ เกลียดสายตาคนมอง ไม่อยากเป็นที่จับตามอง จะตื่นเต้นทุกครั้ง ตอนนี้ยังเป็นอยู่ แต่เพื่อนมองว่าเป็นเรื่องดีนะ ถ้าเราไปทำงานแล้วไม่ตื่นเต้นเลย มันน่าเบื่อ ตอนนี้ค่อนข้างปรับตัว ใครมองก็ไม่เป็นไร เพื่อนเริ่มมาจากการเป็นนายแบบ ตอนนั้นเป็นนายแบบก็แย่แล้ว แรกๆ ตื่นเต้นมาก ขนาดแค่เดินอย่างเดียว ยิ่งมาเล่นเอ็มวียิ่งหนัก คราวนี้มีกล้องด้วย มาถึงเป็นพระเอกเลย แบบงงอะไรเนี่ย (หัวเราะ) แล้วมาเล่นหนังดังสุดสัปดาห์ คราวนี้มีบทด้วย เอาแล้วไง เริ่มส่งเสียงแล้ว พอมาเล่นเป็นพระเอกมันต้องแบกทั้งเรื่อง ตื่นเต้น ทำไรไม่ถูก เขาโทรมาบอกเราได้เป็นพระเอกละคร ไม่ดีใจเลย มันเครียด พอไปกองวันแรกก็นับแล้วว่าวันไหนเสร็จ (หัวเราะ) แต่พอนานไป มันก็ดีขึ้นนะ เริ่มรู้สึกชอบ เคยมาคิดนะว่าเราทำอะไรอยู่ เพื่อนไม่ชอบคำว่าเรามาทำงาน รู้สึกว่าเร็วไป พอใครถามไปทำไร บอกไปทำงาน เฮ้ย ทำงานแล้วเหรอ ดูเป็นจริงเป็นจัง แต่พอทำจริงๆ มันสนุก วันหนึ่งผ่านไปแป๊บเดียว

ทำงานมา 5 ปี รู้สึกว่าตัวเองมาไกลไหม

ไกลแล้วจริงๆ ทัศนคติที่มีต่อวงการเปลี่ยนไป ตอนแรกเรามองในมุมคนดู เราคิดว่าตรงนี้มันดูสบาย มันง่าย ดูดีเนอาะ แต่จริงๆ แล้ว กว่าจะได้ละครเรื่องหนึ่งมันไม่สบาย ตื่นเช้ามาก ออกต่างจากจังหวัดด้วย ยิ่งถ้า 2 เรื่อง ยังไม่ทันจะนอนเลยมาอีกแล้ว

การใช้ชีวิต
วันนี้เป็นที่รู้จักแล้ว ไปไหนมาไหนลำบากขึ้นไหม

เหมือนเดิม เพื่อนเป็นของเพื่อนแบบนี้แหละ ไม่ต้อง แอ็ก เก๊ก นิ่ง ขรึมอะไร แต่บางทีคนเตือนเรื่องการแต่งตัว บางทีมันชิลไป ใส่รองเท้าแตะไม่ได้แล้ว ตอนนี้เปลี่ยนเป็นผ้าใบแทน (ยิ้ม)

หลายคนบอกว่าวงการบันเทิงทำให้คนเปลี่ยน เชื่ออย่างนั้นไหม

เพื่อนคิดว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นยังไง ก็คงจะเป็นอย่างนั้น บางทีเพื่อนคิดนะว่า อย่างบางคน เราเคยเห็นเขาในทีวีนานๆ พอมาเจอทำไมกลายเป็นแบบนั้นไป แต่เพื่อนว่าตัวตนเพื่อนค่อนข้างเข้ม เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ตาม แบบเห็นคนนี้เป็นอย่างนี้ปุ๊บ เราอยากเป็นบ้าง

ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยแบ่งเวลาอย่างไร

พยายามเลี่ยงไม่ให้งานชนเวลาเรียน พยายามให้น้อยที่สุด ตอนนี้เพิ่งโอนหน่วยกิตไปม.รังสิต เรียนคณะบริหารเหมือนเดิม เพราะที่บ้านทำธุรกิจด้วย เลยเรียนตรงนี้เผื่อเอาความคิดใหม่ๆ ไปช่วยที่บ้าน เพื่อนคงไม่ได้ทำงานตรงนี้ไปตลอด ถึงจุดหนึ่งเรากลับไปทำงานที่บ้าน เพราะป๊ากับแม่รออยู่ ที่บ้านทำปั๊มน้ำมันกับฟาร์มไก่อยู่ที่นครสวรรค์ ช่วงแรกๆ ที่บ้านไม่สนับสนุน แต่ตอนนี้ดีแล้ว ยืดเลย (หัวเราะ) ที่บ้านบอกให้ลองทำดู เพราะเราไม่อยากทำ ตอนละครออน ที่บ้านแทบจะซื้อทีวีแจก (หัวเราะ) ไม่ใช่ ไม่ขนาดนั้น ก็มีเห่อบ้าง

เตรียมรับมือกับข่าวสกัดดาวรุ่งอย่างไร

จริงๆ ไม่ได้เตรียมอะไรนะ คือถ้ามีข่าวอะไรที่ไม่ดี แล้วมันไม่จริง เราก็ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

อัพเดทงานละครหน่อย มีละครอะไรบ้าง

มีเรื่องรักพลิกล็อคของพี่ติ๊ก (กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ) มีคนบอกเพื่อนเป็นรองปีเตอร์ (ปีเตอร์ เดนแมน) เพื่อนไม่ได้ซีเรียสนะ เพราะว่า 4 ตัวมันเด่นพอๆ กัน @ฟิตติ้งแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

ฟิตติ้งมาแล้วดีเยี่ยมเลย เห็นเสื้อผ้าทรงผมออกมา ถูกใจมาก คาแรกเตอร์ในเรื่อง เป็นผู้ชายเจ้าเสน่ห์ (ยิ้ม) คอยทำดีกับทุกคนหมด จนอาจจะมองดูว่าเป็นผู้ชายเจ้าชู้หรือเปล่า จะเป็นประมาณนั้น ส่วนในเรื่องจะได้คู่กับใคร เอาจริงๆไหม นักแสดงทุกคนนะ ยังไม่รู้เลยว่าใครได้คู่กับใคร ต้องไปลุ้นกันมากๆ เพราะมันจะต้องมีการพลิกล็อกไปโน่นไปนี่ ถามว่าถ้าเลือกได้ อยากคู่กับใครมากกว่าระหว่าง สายไหม (มณีรัตน์ ศรีจรูญ) กับออม (สุชาร์ มานะยิ่ง) โหย...ผมว่าคนละแบบกัน จริงๆ เขาก็น่ารักทั้ง 2 คน และยิ่งตอนต่อบท หรือซ้อมบทกันคือดีทั้งคู่เลย @ได้ร่วมงานกับ “ติ๊ก” เป็นอย่างไรบ้าง เพราะถือเป็นละครความหวังของผู้จัดละครหน้าใหม่ กว่าจะผ่านได้ทำ

จริงๆ ต้องขอบคุณพี่ติ๊ก ขอบคุณผู้ใหญ่ทางช่อง ที่เคาะบทออกมาแล้วเป็นผม ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเขาถึงเลือกผมมารับบทนี้ แต่แค่ได้อ่านเรื่องย่อตอนแรก เราก็รู้สึกถูกใจมากๆ เลยตัวละครตัวนี้ แล้วก็ได้มาเล่นจริงๆ รู้สึกดีใจมาก เพราะเป็นบทที่ค่อนข้างจะไม่เหมือนกับที่เคยเล่นมาก่อน น่าจะเพิ่มความสามารถให้เราได้เยอะ เราต้องทำการบ้านเยอะมากๆ แต่ทางพี่ติ๊กเขาก็ทำการบ้านกับเราเยอะเหมือนกัน มีการนั่งประชุมบทด้วยกันหมดเลยทุกคน นักแสดง ผู้กำกับ ตัวพี่ติ๊กเองและทุกๆ คน ช่วยกันลงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทว่า ตรงนี้เป็นอย่างไร พอมีการประชุม มีการคุยกัน ทำให้เข้าถึงตัวละครได้ง่ายขึ้น

แล้วอีกเรื่องล่ะ

อีกเรื่องคือ “ที่หนี้มีรัก” ของอาตู่ (นพพล โกมารชุน) เล่นกับนางเอกใหม่ เป็นละครเย็น แต่ก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้ซีเรียส มันคืองานๆ หนึ่ง เรารับแล้วต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ได้มองว่าเป็นหลังข่าวหรือละครเย็นอะไร อย่ามองว่าเพื่อนเป็นป๋าดันเลย น้องเขาเก่งอยู่แล้ว เล่นโฆษณามาเยอะมาก 20-30 ตัว ผมนี่หงอยเลย (หัวเราะ) @@เช็กสภาพหัวใจกันหน่อย

ความรักเป็นอย่างไรบ้าง เหมือนเดิม ไม่มีอะไร เราทำงานด้วย มีอะไรให้ทำหลายอย่าง แค่คิดว่าแบบคนนี้น่ารักดีนะ แต่ไม่มีอะไร คนเข้ามาก็มีบ้างแหละ แต่พอรู้ว่าไม่อะไร เขาก็ไป เพื่อนไม่ได้มีกั๊กไว้หรอก พี่ผู้จัดการเขาไม่ได้ห้ามให้มีแฟน แต่มันไม่มี


ผู้ชายคนนี้ชื่อ ชื่อจริง คณิน ชอบประดิถ
ชื่อเล่น เพื่อน
เกิดเมื่อ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2533
การศึกษาคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต
ผลงานที่ผ่านมา ใต้รักใบภักดิ์ สุดแค้น แสนรัก
ผลงานปัจจุบัน ใต้เงาจันทร์
ผลงานต่อไป รักพลิกล็อค ที่หนี้มีรัก