Inside Dara
'ลีเดีย' รักแฮปปี้ มี 'แมทธิว' เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต

เป็นอีกคนที่กำลังลักกี้ อินเกม แอนด์ ลักกี้ อินเลิฟจริง ๆ สำหรับสาว ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา ที่ผลงานละคร “เสน่หาสัญญาแค้น” ในบท “ประกายเดือน” ก็ได้รับคำชื่นชมว่าพัฒนาฝีมือขึ้น ส่วนเรื่องหัวใจกับแฟนหนุ่ม แมทธิว ดีน ก็ยังมีข่าวเมาท์ว่าใกล้จะวิวาห์มาตลอด วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยรีบชักชวนเธอมานั่งพูดคุยกันแบบสบาย ๆ แต่ครบทุกรส ทั้งเรื่องงานและความรักเลยทีเดียว

ฟีดแบ็ก “เสน่หาสัญญาแค้น” เป็นยังไงบ้าง?

“ฟีดแบ็กดีมากเลย คนดูจะบอกว่าเวลาที่ดูฉากคู่ของเดียกับพี่กันต์ กันตถาวร รู้สึกตลก ส่วนที่หลายคนมองว่าเราพัฒนาฝีมือขึ้น เดียว่าเราทำงานเต็มที่มากกว่า ไม่ได้ถือว่าตัวเองเก่ง จากละครเรื่องแรกมาถึงเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ 2 เราก็มีความรู้เพิ่มขึ้นมา แต่ยังไม่ได้เป็นมืออาชีพ เพราะยังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา แต่มีคนชมว่าเรื่องนี้เล่นดีขึ้นจากเรื่องที่แล้ว แค่นี้เดียก็ดีใจแล้ว เพราะเรามีการพัฒนาขึ้น จริง ๆ เรื่องการแสดงเราเพิ่งเริ่มต้นเข้ามาลอง และรู้สึกว่าสนุกและก็ชอบมัน สามารถทำได้ แต่เดียคิดว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จนะ กว่าเดียจะเติบโตและเก่งในเส้นทางการแสดงได้ คงต้องใช้ชั่วโมงบินที่มากกว่านี้ สำหรับหลักในการทำงานของเดีย คือเราต้องตั้งใจทำงาน มีความรับผิดชอบ และอีกอย่างที่ควรมีคือความบาลานซ์ระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว ไม่ใช่ทำแต่งานจนลืมคนในครอบครัว ต้องใช้ชีวิตของเราด้วย เดียคิดว่าอันนี้เป็นข้อสำคัญค่ะ”

มีผลงานเรื่องต่อไปรึยัง?

“มีละคร “เพื่อนรักเพื่อนริษยา” ค่ะ เรื่องนี้น่าจะแซ่บ เพราะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวงการบันเทิง เล่นกับพี่นุ่น-วรนุช และพี่คริส หอวัง มีการเข้าใจผิด ชิงดีชิงเด่น คาแร็กเตอร์เดียจะมีทั้งดีและร้ายเลย ซึ่งการได้ร่วมงานกับพี่นุ่นและพี่คริสเดียรู้สึกดีใจค่ะ คิดว่าได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากพี่ทั้ง 2 คนแน่นอน”

ทำงานในวงการมาตั้งแต่เด็ก และอยู่วงการเกือบ 10 ปีแล้ว คิดว่าตัวเองได้อะไรจากการอยู่ตรงนี้บ้าง?

“สอนเราหลายอย่างเลยค่ะ ตอนแรกที่เราเข้าวงการมาก็ยังเด็ก วงการเลยสอนให้เรามีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา และพอได้ทำงานมาเรื่อย ๆ มีประสบการณ์มากขึ้น เราได้เห็นว่ารูปแบบงานในวงการบันเทิงแต่ละงานไม่เหมือนกันเลย ร้องเพลงเป็นแบบนึง ทอล์คโชว์หรือเล่นละครก็เป็นอีกแบบนึง เลยได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ตลอด ถามว่าเดียเคยคิดมั้ยว่าตัวเองจะอยู่ในวงการได้นานขนาดนี้ จริง ๆ เดียว่าตัวเองอยู่วงการมาได้แบบเรื่อย ๆ นะ เพราะเราทำในสิ่งที่ชอบและก็ตั้งใจทำอยู่เสมอ วงการบันเทิงยังมีอีกหลายอย่าง ที่เราสามารถทำอะไรใหม่ ๆ ได้ตลอด เดียเลยอยู่มาได้แบบไม่เบื่อ รู้สึกเหมือนเราได้เริ่มต้นใหม่ทุกครั้งที่ได้ลองงานใหม่ ๆ ค่ะ”

เรื่องของนักแสดงหน้าใหม่ล่ะ เราเคยกังวลกับการแข่งขันในวงการบ้างมั้ย?

“จริง ๆ มีนักแสดงหน้าใหม่ก็ดี จะได้ไม่น่าเบื่อ สร้างสีสันเพิ่มในวงการ ส่วนเรื่องการแย่งพื้นที่งาน เดียว่ามันอยู่ที่ความเหมาะสมมากกว่า งานแต่ละงานก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไปเสียบบทนั้นได้ ส่วนทำให้ต้องแข่งขันกันมากขึ้นรึเปล่า คือเดียทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว แข่งกับตัวเองดีกว่า เราดูแลตัวเองและรับผิดชอบงาน แค่นี้ก็โอเคแล้ว อย่าไปสนใจกับคนรอบข้างเลยค่ะ”

ได้มองธุรกิจนอกวงการบ้างรึยัง?

“เดียเน้นสิ่งที่ชอบมากกว่า เป็นคนติสท์ ๆ (ยิ้ม) เดียชอบทำขนม ก็อยากเปิดร้านขนม เดียไปเรียนเป็นเชฟจากสถาบันอาหารเลยนะ และก็ได้หมวกเชฟทางด้านขนมมาเรียบร้อยแล้วด้วย ส่วนเรื่องการเปิดเป็นร้านขนมของตัวเอง อันนี้ต้องดูก่อนว่ามีเวลาพอรึเปล่า เพราะไม่ว่าจะทำธุรกิจหรือการเล่นละคร เราต้องทุ่มเทให้กับมัน เดียเลยกลัวว่าทำหลาย ๆ อย่างมันจะเหนื่อยเกิน สุดท้ายจะไม่ดีสักอย่างค่ะ”

ถามถึงความรักกับ “แมทธิว” บ้าง คบมา 10 ปีแล้ว?

“กับคำถามที่ถามเดียร์ว่าได้อะไรจากวงการบันเทิง ก็คือได้เจอคนนี้นี่แหละ (ยิ้ม) เป็นอีกสิ่งดี ๆ ที่เราได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง สำหรับ 10 ปีที่คบกัน มันก็เป็นอะไรที่ดีและมั่นคงสำหรับเรามาตลอดค่ะ”

ที่ผ่านมาคู่เราผ่านบทพิสูจน์เยอะรึเปล่า?

“เดียว่าเราเป็นคู่เรื่อย ๆ ที่ไม่ได้หวือหวา ช่วงแรกอาจมีข่าวนู่นนี่นั่นบ้าง แต่เวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้ว คนมักจะบอกว่าเดี๋ยวจะมีอาถรรพ์เลข 3,5,7,9 เดี๋ยวต้องเลิกกัน ต้องนอกใจ คือมันมีมาหมดในทุกรูปแบบ แต่เราทั้งคู่ก็อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้อะไร ส่วนตัวเลขที่คบกัน 10 ปีมีความสำคัญกับเรามากน้อยแค่ไหน จริง ๆ พอมานึกถึงว่าเราคบกัน 10 ปีแล้ว มันก็ไม่น่าเชื่อนะ เพราะเวลาผ่านไปเร็วมาก เหมือนกับเพิ่งเจอกันเมื่อวานนี้เองค่ะ เลข 10 ก็เป็นอะไรที่นานเลยทีเดียว เดียคิดว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ มันต้องอยู่ที่ความเข้าใจกัน ปรับตัวเข้าหากันให้ได้ค่ะ”

ณ วันนี้ยังมีสิ่งที่ปรับเปลี่ยนหรือเติมเต็มให้กันอีกมั้ย?

“เรายังต้องจูนหากันตลอดเวลาอยู่แล้ว มันก็มีเรื่องใหม่ ๆ ที่ทำให้ขัดใจกันบ้าง ซึ่งต้องใช้ความเข้าใจกัน คุยกันด้วยเหตุผล คือตัวพี่แมทเองก็เป็นผู้ใหญ่กว่าเดียตั้ง 9 ปี เขามีความใจเย็นกว่าเรา แล้วเขาเป็นคนที่เข้ากับทุกคนได้ง่าย ดูแลครอบครัว เพื่อน ๆ และพี่น้องของเดียได้ มันก็ทำให้เราสบายใจ ส่วนเรื่องช่องว่างระหว่างวัย ความจริงเดียว่าอายุมันก็เป็นแค่ตัวเลขเลย เรารู้สึกว่าเราเข้ากันได้ แม้ว่าพี่เขาจะโตกว่าเดียเยอะมาก และเขายังเจอเราตอนที่เราอายุ 18 เอง ส่วนเขาอายุ 27 คือเขามาหลอกเด็กค่ะ แต่เขาชอบให้สัมภาษณ์ว่าเด็กหลอกผู้ใหญ่ (หัวเราะ) แต่เราก็คุยกันรู้เรื่อง เขาเข้าใจเรา แล้วเราก็เข้าใจเขาค่ะ”

ทั้งคู่เป็นคนที่โรแมนติกรึเปล่า?

“แล้วแต่โอกาส แต่จริง ๆ ก็ไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไหร่นะ คือเราคบกันเป็นเหมือนพี่น้อง เป็นเพื่อน และเป็นแฟนด้วย เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกันมากกว่า ในเรื่องความโรแมนติก เราคงไม่ใช่แบบออกเดท มีดอกไม้ให้กันตลอดเวลา แต่มันจะเป็นลักษณะบางโอกาส เช่น วันวาเลนไทน์ วันเกิด ส่วนใครหวานกว่ากัน เดียว่าพอ ๆ กันเลย แต่เขาเป็นคนที่พูดอะไรได้สวยงามกว่าเดีย เดียจะเหมือนผู้ชาย เป็นคนตรง ๆ เรายังคิดเลยว่าทำไมเขาพูดถึงเราได้น่ารักจังเลย แต่เราพูดอย่างเขาไม่ได้ ทำไม่เป็นค่ะ”

เคล็ดลับในการคบกันได้ยาวนานคืออะไร?

“มันก็ไม่ใช่เคล็ดลับนะคะ คือเราใช้ความเข้าใจมากกว่า มีอะไรใช้เหตุผลพูดกัน อย่าเอาอารมณ์เข้าใส่ จริง ๆ ทั้งพี่แมทและเดียมีทั้งความใจร้อนและเย็นทั้งคู่ สลับกันค่ะ ถามว่าคู่เราตอนนี้ถือว่าลงตัวแล้วรึเปล่า ก็เอาเป็นว่าเราปรับจูนเข้าหากันแล้วมันไปด้วยกันได้ แม้จะมีอะไรที่ขัดกันบ้าง เราก็ต้องพยายามปรับให้มันเวิร์คที่สุด สำหรับเดียถ้าเวลาที่คบใคร แล้วเขาไม่ทำให้เดียเสียใจก็พอแล้วค่ะ ตอนแรกที่คบกัน เดียบอกเขาเลยว่าเดียไม่ต้องการให้เขามาซื้อของแพง ๆ ไม่ต้องพาไปเที่ยวที่ไหน ไม่ต้องโรแมนติก เราขออย่างเดียว อย่าทำให้เราเสียใจ อย่าให้เป็นแบบเขาไปคุยกับคนอื่น แล้วมีคนมาเล่าให้เราฟัง เขาเป็นยังไง ก็ทำให้เห็นอย่างนั้นเลย อย่ามาปิดบังแล้วเดียรู้ทีหลัง เดียขอให้เขาเป็นคนที่ทำให้รู้สึกว่าเราไว้ใจเขาได้ นี่เป็นสิ่งที่เดียขอเขาไว้ตั้งแต่แรกที่คบกันมา และจนถึงทุกวันนี้เขาไม่เคยทำให้เดียเสียใจเลย พี่แมทเป็นคนยังไงก็ได้ ง่าย ๆ อารมณ์ดี ตั้งใจทำงาน มันไม่มีอะไรแย่เกี่ยวกับเขา เราเลยรู้สึกว่าเราไม่ต้องมองหาคนอื่น หรือมองหาคนที่ดีกว่าแล้ว คนนี้ไม่ทำให้เราเสียใจ เราก็แฮปปี้แล้วค่ะ”

สิ่งที่ประทับใจในตัวแมทธิว?

“ก็มีเรื่อย ๆ นะ แล้วแต่โอกาส อย่างตอนที่เขาพาเดียไปเที่ยวที่ปารีส เขาก็จองร้านอาหารไว้บนหอไอเฟล บอกเราว่าจะไปถ่ายรูป แล้วก็พาขึ้นลิฟต์ส่วนตัวไปทานข้าว คือเขาทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ อย่างช่วงที่ฮิตตุ๊กตาเฟอร์บี้มาก ๆ เขาก็บอกมีของขวัญมาให้ แล้วเขาก็ซื้อเฟอร์บี้ให้เรา บอกว่าตัวนี้น่ารักมากมีแต่คนชอบ คือเขาอาจจะไม่ได้ใส่ใจรายละอียดเหมือนผู้หญิงนะ แต่เขาก็มีมุมน่ารักเหมือนกันค่ะ”

เรื่องแต่งงานล่ะ ใกล้รึยัง?

“จริง ๆ มีคุยกันไว้บ้างแล้ว เพราะทุกคนถามกันหมดเลย แต่เราไม่ได้กดดันตัวเองหรือว่าเร่ง เอาเป็นว่าเมื่อไหร่ที่เราพร้อม ก็ตอนนั้น ส่วนเรื่องพิธีแต่งงานสำหรับตัวเดียไม่ได้คิดว่าสำคัญมาก แต่สำหรับพ่อแม่เดีย มันสำคัญค่ะ พ่อแม่เดียเป็นครอบครัวไทย – จีน ที่ค่อนข้างหัวโบราณนิดนึง ตอนแรกที่คบกันแม่ก็จะดุมาก ซึ่งเรื่องแต่งงานคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เร่งนะ เขาแล้วแต่ความพร้อมเรา แต่แต่งปีนี้คงยังไม่ใช่แน่นอน เพราะต่างคนยังงานยุ่ง การแต่งงานมันต้องวางแพลน มีการเตรียมตัวให้พร้อม เดียอยากให้งานแต่งเรามันออกมาแล้วดี เดียกลัวตกหล่นเรื่องรายละเอียด เลยอยากให้มีเวลาแพลนงานจริง ๆ ค่ะ”

เห็นคู่เราชอบมีข่าวว่าไปดูดวง จริง ๆ เชื่อเรื่องดวงกับความรักมั้ย?

“เชื่อนิดนึงแต่ไม่ได้งมงาย ดวงเป็นส่วนนึง แต่มันอยู่ที่ตัวเราเป็นส่วนใหญ่ ความรักมันอยู่ที่คนสองคนค่ะ คือดวงมันอาจจะไปด้วยกันได้ แต่ถ้าสองคนไม่ปรับตัวเข้าหากัน ไม่พยายามทำให้มันเวิร์ค มันก็พัง”

เชื่อว่าแมทธิวเป็นรักแท้สำหรับเรารึยัง?

“ก็คงต้องเชื่อแหละเนอะ เพราะว่าเราก็คบกันมานาน เราคงไม่ได้ไปมองหาใครคนใหม่ ทุกอย่างลงตัวดี อยู่กับเขาแล้วมีความสุข ถ้าจะแต่งก็คงเป็นคนนี้ แต่เมื่อไหร่ ยังไม่รู้นะ ต้องรอพร้อมค่ะ”

ท้ายสุดนิยามความรักในแบบ “ลีเดียและแมทธิว” ให้ฟังหน่อย?

“เอาเป็นว่าให้มันมีบาลานซ์ละกัน ให้มันไม่หวานเลี่ยนเกินไป ไม่ขาดหรือดูห้าวใส่กันเกินไป ทำอะไรก็ได้ให้มันลงตัวและพอดีกันค่ะ”

ชีวิตแฮปปี้ทั้งงานและความรักแบบนี้ ยังไงก็เป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้สาวลีเดียและแมทธิวมีข่าวดีเร็ว ๆ นะจ๊ะ

เดียขอให้เขาเป็นคนที่ทำให้รู้สึกว่าเราไว้ใจเขาได้ นี่เป็นสิ่งที่เดียขอเขาไว้ตั้งแต่แรกที่คบกันมา และจนถึงทุกวันนี้เขาไม่เคยทำให้เดียเสียใจเลย … มันไม่มีอะไรแย่เกี่ยวกับเขา เราเลยรู้สึกว่าเราไม่ต้องมองหาคนอื่น หรือมองหาคนที่ดีกว่าแล้ว...”