Inside Dara
ชมพู่-อารยา (ว่าที่) เจ้าสาวคนต่อไป

ด้วยชื่อและฝีมือการแสดงของนางเอกระดับแม่เหล็ก ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต คงการันตีได้ว่าบทบาท “ทราย” ในละคร “ทรายสีเพลิง” เวอร์ชั่น 2014 ที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้ แซ่บถึงพริกถึงขิงถูกใจผู้ชมแค่ไหน วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยต้องขอนัดซุปตาร์คิวทอง มาพูดคุยถึงผลงานเรื่องล่าสุด พร้อมอัพเดทเรื่องราวความรัก และความคืบหน้างานวิวาห์กับหวานใจ น็อต-วิศรุต รังสีสิงห์พิพัฒน์ กันแบบเอ็กคลูซีฟสุด ๆ

“ทรายสีเพลิง” ออกอากาศไปแล้ว ฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง?

“ฟีดแบ็กดีนะคะ ไปไหนทุกคนก็บอกว่าดูกันหมด จำฉากนั้น ฉากนี้ ได้ อย่างในอินสตาแกรมปกติจะมีแต่คอมเมนต์ฝากร้าน แต่พอเราลงรูปที่เกี่ยวกับละคร เหมือนเราได้ปฏิสัมพันธ์กับคนดู นั่งดูละครไปพร้อม ๆ กัน จะมีคอมเมนต์ที่เกี่ยวกับละครเยอะมาก ฟีดแบ็กออกมาเท่านี้เราก็รู้สึกว่าคุ้มค่าแล้วค่ะ ตั้งแต่ผ่าน“ดอกส้มสีทอง” ชมไม่ได้คาดหวังอะไรแล้วนะ เพราะเรามีตำนานของเราแล้ว แต่เรื่องนี้ชมก็ทุ่มเทพอสมควร เลยแอบคิดว่าคนดูน่าจะสนุกไปด้วย”

ตีความ ทรายในเวอร์ชั่นนี้ไว้ยังไง?

“ทรายในเวอร์ชั่นนี้เป็นไปตามยุค ตามสมัยค่ะ สิ่งที่เผ็ดเมื่อ 20 ปีก่อน สมัยนี้อาจจะไม่เผ็ดแล้ว ในส่วนของชมลำบากเหมือนกันที่จะทำยังไงให้คงคาแรกเตอร์ของทราย ให้ดูโก้หรู แต่ต้องสะใจคนดูด้วย เพราะฉะนั้นเวลาเล่นเป็นทราย แทบจะเล่นเฉพาะสายตาเท่านั้น กล้ามเนื้อมัดอื่นบนหน้าจะใช้น้อยที่สุด (หัวเราะ) จริง ๆ ชมมองว่าการหาความพอดีของตัวละครเป็นสิ่งที่ยากกว่า เราไม่ได้คิดว่าเป็นละครเป็นรีเมคนะ ตรงนั้นตัดทิ้งไปเลย เพราะเราตีความแบบคน พ.ศ. นี้ ทีมงาน โปรดักชั่นก็ไม่เหมือนกัน เราไม่ได้ยึดของเดิมเป็นหลัก”

ทรายมีอะไรที่เหมือนกับชมพู่บ้างไหม?

“ทรายเป็นคนเก็บอารมณ์ค่อนข้างจะเก่ง สิ่งที่ชมคล้าย ๆ กับทรายคือจะสะทกสะท้านต่อสิ่งต่าง ๆ น้อย นอกนั้นเราก็ไม่เหมือน เพราะเราไม่ใช่คนคูล เก๊ก หรือเดินสวยตลอดเวลา”

ทุกวันนี้ ชมพู่มีวิธีเลือกรับละครแต่ละเรื่องยังไง?

“ในช่วงเวลาเดียวกันชมจะพยายามไม่ทำอะไรที่ใกล้เคียงกัน เพราะช่วงนั้นเราจะมีบริบทในชีวิตหรือมองอะไรคล้าย ๆ กัน งานตรงนี้เป็นศิลปะที่เราต้องใช้ความเข้าใจชีวิตด้วย ขนาดเรื่องนี้ทิ้งห่างกับ “เรยา” มาตั้งนาน เพียงแต่เป็นนางเอกร้ายเหมือนกัน คนยังเปรียบเทียบเลย แต่เราก็โอเค เพราะคำว่า “เรยา” คงถูกลบไปจากชีวิตเราไม่ได้ แต่จริง ๆ ตัวละครสองตัวนี้ต่างกันมาก เรยาเขาจะไม่ซับซ้อนเท่าทราย พูดง่าย ๆ ว่าทรายมีคลาสกว่า เรยาแบกกิเลสไว้แทบทุกรูปแบบ อยากมี อยากสวย อยากได้ผัวชาวบ้าน อยากเอาชนะ แต่ทรายมีพร้อมทุกอย่าง เพียงแค่อยากทำให้อีกคนหนึ่งเจ็บเท่านั้น ซึ่งทรายจะมองคู่ต่อสู้จากข้างบนลงมาข้างล่าง แต่เรยามองจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน ชมว่าชมใส่ใจในตรงนี้นะ ว่าเป็นคนละคน”

อัพเดทผลงานอื่น ๆ บ้าง?

“ตอนนี้ละคร “กลกิโมโน” ถ่ายไปเรื่อย ๆ ค่ะ ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์แล้ว ฉากที่ถ่ายทำที่ญี่ปุ่นเราเก็บได้เยอะ แต่ฉากใหญ่ ๆ ยังเหลืออีกเยอะเหมือนกัน เพราะว่าเรื่องนี้อภินิหารเยอะ นอกจากละคร ก็มีหนังค่ะ มีคุย ๆ ไว้กับพี่ ยอร์ช-ฤกษ์ชัย น่าจะเปิดกล้องปีนี้ ตามคิวที่ล็อกไว้ เป็นแนวคอมเมดี้เหมือนเดิม เท่าที่คุยเรื่องนี้มีพระเอกหลายคนนะ แต่รายละเอียดเอาไว้ให้ไปถามพี่ยอร์ชอีกที ส่วนงานพิธีกร “3 แซบ” ที่ชมเป็นพิธีกรอยู่ก็ดีค่ะ สนุกดี ชมโชคดีที่เจอทีมที่ดี อย่าง พี่ม้า-อรนภา พี่กาละแมร์-พัชรศรี เขาเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว และด้วยงานทำให้เราได้เปิดหูเปิดตา ชมว่าเราได้สัมผัสคนเยอะดี และเราสามารถเก็บอะไรมาเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองได้”

แบ่งเวลายังไง นอกจากเป็นนักแสดง ยังเป็นผู้บริหารเต้าหู้ “ตราลูกสาว” อีก?

“ยังไงเราก็เป็นนักแสดงเต็มตัวอยู่แล้วค่ะ ในส่วนธุรกิจอย่างอื่น เราต้องมีทีมงานเบื้องหลังที่ดี มีหุ้นส่วนที่เข้าใจเรา สามารถประชุมนอกเวลาได้ เพราะว่างานแสดงเป็นอะไรที่ใครทำแทนไม่ได้ ชมไม่สามารถถ่ายคลิปตัวเองแล้วส่งไปให้ป้าแจ๋ว-ยุทธนา ตัดต่อได้ (หัวเราะ) แต่งานอย่างอื่นมีคนทำแทนได้ ทั้งในเรื่องการตัดสินใจ หรือวิ่งมาเอาเอกสาร ยังไงงานในวงการก็ต้องมาก่อน แต่ก็มีอย่างอื่นที่เราให้ความสำคัญเหมือนกัน อยู่ที่การบริหารจัดสรรเวลา”

ช่วงหลัง ๆ เรามักได้ยินว่านักแสดงรุ่นใหม่ ๆ ไม่มีวินัย ชมพู่มีวิธียังไงให้เราอยู่ในวงการได้นาน?

“ชมว่าค่าของคนเราวัดกันที่งานถูกไหมคะ เพราะฉะนั้นคุณไม่ทำการบ้าน คุณไม่เต็มที่ คุณพกสมองมาครึ่งเดียว หรือสติขาด ๆ เกิน ๆ ก็จะฟ้องออกมาในงานของเรา เพราะฉะนั้นอยู่ที่เราทำตัว ส่วนเรื่องการมาสาย ชมว่าตรงนี้เป็นพื้นฐานของการเกรงอกเกรงใจและการอยู่ร่วมกับคนอื่นด้วย ก็ไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้สอนกันได้ไหม แต่ถ้าคุณอยากได้ดี ก็ทำตัวให้ดีแค่นั้นเอง”

การเป็นดาราในยุค โซเชียลมีเดีย สำหรับชมพู่ ยากไหม?

“ชมเป็นรุ่นที่ผ่านอะไรมาเยอะ ตั้งแต่ก่อนมีปาปารัซซี จนเป็นยุคโซเชียลฯ ยุคที่คนแชร์อะไรกันเร็วไปหมด ถามว่ายากไหม ก็ยอมรับว่าไม่เหมือนเมื่อก่อน ดาราน่าจะระวังตัวกันมากขึ้น ชมว่าโซเชียลฯถ้าคนรู้จักใช้ก็สามารถสร้างบางอย่างให้กับตัวเองได้ แต่บางคนใช้ก็ทำลายตัวเอง มันเป็นดาบสองคม ข้อดีของมันคือ คนที่ตามเราเขาสามารถสัมผัส และแตะเราได้จริง ๆ เป็นช่องทางที่เข้าใกล้เราได้มากที่สุด แต่บางทีเราเจอรูปกับข้าว เจอรูปตลก ๆ อยากทำอะไรไร้สาระ ก็ต้องคิดว่าคนตามอินสตาแกรม 2 ล้านกว่าคน จะมีใครอยากดูรูปนี้ไหม เลยได้แต่ถ่ายเก็บไว้ดูคนเดียว หรือบางทีเราอยากจะแกล้งเพื่อน ก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นประเด็น ก็ต้องคิดนะ ไม่ใช่ไม่คิดเลย แต่ก็อย่าให้สูญเสียความเป็นตัวเอง เพราะสุดท้ายเราเป็นเราแหละ ถึงได้มีวันนี้”

ถามเรื่องความรักบ้าง คนถามกันเยอะมาก เมื่อไหร่จะแต่งซะที?

“เมื่อไหร่จะแต่งเหรอ (หัวเราะ) ก็เมื่อนั้นแหละ เอาเป็นว่ารอคุณน็อตพูดแล้วกัน อย่างที่บอกว่าเขาไว้ทุกข์อยู่ ยังไม่ครบปีหนึ่งเลยที่ป๊าเขาเสีย ก็รอให้อะไรเป็นไปตามสเต็ปที่ถูกต้อง แล้วเขาคงพูดค่ะ”

เบื่อไหมที่ต้องตอบคำถามแบบนี้?

“เราไม่ได้เบื่อที่จะตอบหรอกค่ะ แต่ว่าไม่มีอะไรจะพูด พอคนถามมาก ๆเข้า แล้วเราพูดอยู่คนเดียวก็กลายเป็นเราดูไม่ดี ว่าตกลงยังไง ทำไมไม่มีความชัดเจน แต่ชมว่าหลาย ๆ คู่ก็เจอแบบนี้ อย่างพี่ เมย์ เฟื่องอารมย์ ตอบคำถามแบบนี้กันมาเป็น 10 ปี แต่สุดท้ายเรื่องความพร้อมก็เป็นเรื่องของคนสองคน คนอื่นจะมากะเกณฑ์ชีวิตเราไม่ได้ แต่เวลามีคนถามชมก็จะเล่าให้คุณน็อตฟังว่าพี่เห็นไหม พี่เห็นป่ะ เราก็จะบอก”

มีธีมในใจหรือยัง ว่าอยากได้งานแต่งแบบไหน?

“คงไม่มีธีมหรอกค่ะ ขอให้มาแล้วกันเนอะ เรายังไม่ได้คิดขนาดนั้น เรื่องชุดเจ้าสาวก็มีเปิดหนังสือดูบ้าง แต่เพื่อน ๆ ชมที่เป็นดีไซเนอร์ยังไม่มีใครมาเสนอตัวเลยนะคะ ทุกคนคงเกรงใจ แล้วปล่อยให้เราฟุ้งเองเต็มที่ ส่วนถามว่าอยากได้แนว “แฟรี่ เทล” ไหม ก็อยากนะ แต่คงต้องคุยกันก่อนว่าเขาจะแฟรี่กับเราด้วยหรือเปล่า ไม่ใช่เราเพ้ออยู่คนเดียว (ยิ้ม)”

อัพเดทเรื่องคอนโดที่เป็นเรือนหอบ้าง ว่าสร้างไปถึงไหนแล้ว?

“ทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ เราทำใจแล้วว่าต้องเสร็จช้า คอนโดหลังนี้อยู่ในเมือง ไม่ได้ไกลไปจากที่อยู่เดิม เพราะว่าทั้งชมและคุณน็อตติดชีวิตในเมืองทั้งคู่ อย่างเวลาเรานั่งรถออกไปถ่ายละครข้างนอกตอนเช้า ถนนจะโล่งมาก แล้วไลฟ์สไตล์เราทำเล็บ ทำผม กินข้าว ก็อยู่ในเมือง เลยลงมติกันว่าเอาแถวนี้แหละ ในส่วนของชม เราเป็นคนสมบัติเยอะ ขอให้มีพื้นที่เก็บเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เพราะที่อยู่ทุกวันนี้ก็มีปัญหาเรื่องพื้นที่ ไม่อยากจะทิ้งสักอย่าง (หัวเราะ) แต่อย่างอื่นจริง ๆ ชมก็ไม่ได้อะไร แค่อยากได้บ้านสว่าง ๆ น่าอยู่ ไม่อยากได้ห้องมืด ๆ อย่างคอนโดคุณน็อตเขาจะมืดมาก เป็นสายดาร์ก เราก็บอกว่าบ้านเราไม่เอาแบบนี้นะ เขาก็โอเค พอเขาอายุมากขึ้นก็เริ่มเข้าใจคำว่าคลาสสิก กับคำว่าไทม์เลส (ยิ้ม) ส่วนถามว่าต้องมีสปา ที่ทำเล็บ ทำผม อยู่ในบ้านเลยไหม คงไม่ขนาดนั้น แต่พื้นที่ใช้สอยเราก็ประมาณหนึ่ง อยากใส่ทุกอย่างไว้ให้มากที่สุด จะได้อยู่ติดบ้าน เพราะเราตั้งใจให้ทั้งคุณแม่ชม และคุณแม่คุณน็อต มาอยู่ด้วยกัน คิดว่าท่านคงไป ๆ มา ๆ แต่ถ้ามีหลานก็คงมาแน่”

ถ้าแต่งแล้วคิดว่าอยากจะมีน้องเลยไหม?

“ชมว่าของแบบนี้ไม่ได้มากันง่าย ๆ นะ คนรุ่นเรามีลูกยาก เลยคิดว่าถ้าเขาจะมาก็มา ไม่ได้กะเกณฑ์อะไรค่ะ แต่คุณน็อตเขาอยากมีเลย เขาอยากมีลูกชาย ส่วนชมได้หมดเลย แล้วชมว่าเด็กผู้หญิงจะเปลี่ยนชีวิตเขา เขาจะซอฟต์ลงเยอะ แล้วถ้ามีลูกเรื่องการแต่งตัวชมคงจะไม่ได้ซื้อของ แพง ๆ ให้ใส่ เพราะว่าเขายังหาเงินไม่ได้ ชมว่าเด็กใส่อะไรก็น่ารักนะ เริ่มคิดล่วงหน้าแล้ว”

แล้วงานในวงการ หลังจากแต่งแล้วล่ะ?

“คงต้องน้อยลงอยู่แล้วค่ะ ทุกวันนี้เราให้ความสำคัญกับงานก่อน แต่พอแต่งงานแล้ว ครอบครัวก็ต้องมาก่อน แล้วลูกก็ต้องมาอันดับหนึ่ง แต่เราไม่ได้คิดว่าจะหายไปเลยนะ แต่คงไม่ได้ 7 วันแบบเดี๋ยวนี้”

ยังแอบหวงชีวิตโสดไหม?

“ชมกับคุณน็อตเป็นคู่ที่ค่อนข้างจะเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ติดกันแจ เวลามาใช้ชีวิตด้วยกันก็แฮปปี้ดี๊ด๊า แต่พอแยกกันก็มีความสุขกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง ถ้าแต่งงานไป เราคงบริหารให้เป็นแบบนี้อยู่ ชมไม่ได้หวงชีวิตโสด เพราะเราเป็นแบบนี้นานแล้ว ก็รู้สึกว่าบาลานซ์ดี อย่างเขาเตะบอล ชมก็ไม่ตามไปนะ หรือถ้าเขาไปทำอะไรแบบผู้ชาย ๆ เราก็ปล่อย ส่วนชมไม่ชอบชอปปิงกับแฟน เพราะไม่ชอบให้ใครมารอ แต่คุณน็อตเวลาไปเมืองนอก แล้วไปชอปปิง ชมต้องไปด้วย ต้องช่วยคิด เดี๋ยวนี้สำอาง (เสียงสูง) มีการตามดูอินสตาแกรม เสิร์ชดูเว็บแฟชั่นผู้ชายด้วย”

สิ่งที่ประทับใจในตัวคุณน็อต?

“เริ่มแรกเลย ชมยอมรับว่าเราพิจารณาจากปัจจัยทุกอย่างภายนอก ความคิด ความอ่าน การศึกษา บุคลิกภาพ ทุกอย่างต้องติ๊กถูกก่อนที่เราจะศึกษา และยอมให้เขาเข้ามาในชีวิต แต่หลังจากดูใจกันแล้ว เขาเป็นคนไม่เจ้าชู้นะ แล้วเขาเป็นคนที่มีความเป็นผู้ชายสูงมาก บางทีเหมือนดิบ ๆ ห่าม ๆ ไม่มีด้านซอฟต์ แต่การที่เขายอมถอย ยอมปรับมาหาเราบ้าง เราเองก็ยอมปรับ ตรงนี้ถือว่าเป็นชอตซื้อใจของกันและกัน เพราะตอนแรกเราคิดว่าแน่กันทั้งคู่ เขาก็ออพชั่นเต็ม ส่วนเราก็ไม่ธรรมดาป่ะ ช่วงแรกเลยคิดว่าฉันไม่เปลี่ยนหรอก แต่สุดท้ายเรายอมลดทั้งคู่ อีกอย่าง ชมมั่นใจว่าเขาดูแลเราได้ ทุกวันนี้เราเข้าใจคำว่าปลอดภัยในทุก ๆ ด้าน ไม่ใช่แค่ความปลอดภัยด้านร่างกาย แต่ทุกปัญหา ทุกโจทย์ในชีวิต เรารู้ว่าแชร์กับเขาได้”

เคล็ดลับในการดูแลความรักของ ชมพู่-อารยา?

“ชมไม่ใช่ผู้หญิงที่หวานมาก ไม่ได้มีคุณสมบัติเป็นลูกแมว เราเป็นเราแบบนี้ ซึ่งเขาคงเห็นว่าเราเป็นคนขยัน รับผิดชอบ เอางานเอาการ ไม่วอกแวก ไม่ได้บริหารเสน่ห์ เราไว้ใจได้ เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นข้อดีของเราก็ทำไป ชมว่าทุกคนไม่มีใครเพอร์เฟกต์ แล้วทุกครั้งที่มีอะไรมาสะกิด ก็ให้เรามองย้อนไปว่าทำไมเราเลือกเขาตั้งแต่แรก ชมเป็นคนใจเย็นมากนะ ข่าวลือเยอะมาก บางทีเรารอเป็นวัน ๆ แล้วค่อยคุยกันว่า เออ..พี่ วันก่อนมีคนมาพูดแบบนี้ ๆ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นคงจะเคลียร์เดี๋ยวนั้น”

สุดท้ายให้ชมพู่ พูดอะไรถึงแฟนคลับหน่อย?

“ชมไม่ใช่คนที่มีแฟนคลับเอ๊ะอะ แต่ที่มีกันอยู่ก็คุณภาพเน้น ๆ ค่ะ เขาเข้าใจเราและรับในแบบที่เราเป็นได้ ชมไม่ใช่คนสปอยอะไรมากมาย แล้วก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาต้องมาเอาใจเรา ไม่ได้คาดหวังว่าต้องถือป้ายไฟมาเชียร์ ต้องมากันเป็นร้อยทุกงาน ต้องไปถล่มคนอื่น เราอยู่กันแบบนี้แหละ เกาะกลุ่มกันไป ตามกันไปแบบนี้ สบายตัวดี ทำให้เราก็รู้สึกแฮปปี้ (ยิ้ม)”

...และนี่คือ ชมพู่-อารยา ที่ไม่ว่าเธอจะสวมบทบาทในการแสดงได้สมจริงหรือประสบความสำเร็จในชีวิตแค่ไหน ก็ไม่เคยลืมตัวตนของตัวเอง แบบนี้แหละ ถึงได้เอาชนะใจหนุ่มน็อตซะอยู่หมัด!!!.