Inside Dara
ชีวิตที่ลงตัว ‘ฌอห์ณ’ เต็มที่กับงาน ไม่รีบมีความรัก

เรียกว่าก้าวขึ้นมาอยู่ทำเนียบพระเอกเต็มตัวแล้วสำหรับนักแสดงมากความสามารถ “ฌอห์ณ จินดาโชติ” ที่ปีนี้มีละครหลากหลายบทบาทถึง 4 เรื่องให้แฟน ๆ ได้ชมกัน แต่เรื่องที่มาแรงสุด ๆ ก็ต้องยกให้ละครรีเมค “เล่ห์รตี” ของค่ายเอ็กแซ็กท์ ทางช่องวัน ที่เจ้าตัวพลิกบทบาทมาเป็นพระเอกร้าย เอะอะก็กระชากนางเอกร่างเล็กอย่าง “เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” แถมยังมีข่าวคราวกุ๊กกิ๊กนอกจอชวนแฟนคลับจิ้นซะด้วย งานนี้เลยขอนัดแนะหนุ่ม “ฌอห์ณ” มานั่งพูดคุยถึงชีวิตและการทำงาน รวมถึงเรื่องหัวใจ รับรองว่าจะยิ่งหลงรักผู้ชายคนนี้แน่นอนติดตามกันเลยจ้า

อัพเดทชีวิตและงานของฌอห์ณตอนนี้หน่อย?

ตอนนี้งานผมเยอะมาก มีละคร 4 เรื่องเลย ช่องวัน 2 เรื่องคือ “เล่ห์รตี” กับ “นางบาป” และทางช่องเวิร์คพ้อยท์เรื่อง “ดอกไม้ลายพาดกลอน” ของจีเอ็มเอ็มแชลแนลมีซีรีส์ “รักนะเป็ดโง่” คาแรกเตอร์แตกต่างกันมาก ๆ ครับ ใน “เล่ห์รตี” คาแรกเตอร์ยากที่สุด เป็นครั้งแรกที่ผมเล่นเป็นพระเอกร้าย กระชาก ลากถู นางเอกคือน้องเอสเธอร์ ที่ผ่านมาเล่นแสนดีมาตลอด (หัวเราะ) แต่เคยมีคนบอกตาผมดูร้าย ถ้ามีโอกาสอยากให้เล่น พอเค้าติดต่อมาเลยลองรับเลย เป็นละครรีเมคก็จริงแต่ผมตีความใหม่ เล่นใหม่ ขึ้นมาเป็นพระเอกต้องตั้งใจมาก ๆ”

ถือว่าปีนี้ฌอห์ณได้รับโอกาสในด้านการแสดงเยอะมาก?

“ใช่ครับเริ่มจากละคร “ต้นรักริมรั้ว” ที่คนชื่นชอบ จากนั้นผู้ใหญ่ก็ให้โอกาสผม อาจจะเห็นว่าผมมีตัวตนไม่เหมือนใครที่น่าสนใจ เพราะผมเป็นนักแสดงอิสระให้หลายช่องผมก็ได้คำสอนจากพี่ ๆ หยิบมาผสมปรับใช้ได้ดีมาก ๆ ครับ”

ปีนี้ฌอห์ณอยู่วงการบันเทิงปีที่เท่าไหร่แล้ว?

“ไม่กล้านับเลยครับ (หัวเราะ) ประมาณ 8-9 ปีแล้ว ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ๆ ผมมารู้จักวงการบันเทิงจริง ๆ 3-4 ปี หลังนี่เอง เมื่อก่อนเราทำนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่รู้จักคำว่า “อยู่ให้เป็น” จนได้ร่วมงานกับผู้ใหญ่หลายท่านมันไม่ง่ายขนาดนั้น เข้ามาวงการง่าย แต่จะอยู่ให้นานยากครับ ฉะนั้นในความคิดผม คุณภาพ วินัย และตัวตนต้องครบ เก่งแต่ไม่มีตัวตนก็อยู่ไม่ได้ มีตัวตนแต่ไม่เก่งก็อยู่ไม่ได้อีก กว่าจะมาได้ตรงนี้ลำบากเหมือนกัน ใครก็จำผมไม่ได้ในฐานะนักแสดง หรือถ้าผมแตกต่างเกินไปคนก็รับไม่ได้อีกเราต้องทำให้สมดุลดีที่สุดครับ”

ฌอห์ณสมัยก่อนดูเข้าถึงยาก สวนทางกับการเป็นนักแสดงว่ามั้ย?

“ใช่ครับ ผมถูกครอบครัวสอนมาแบบนี้ทั้งผมและคุณพลอยพี่สาว เราจะเป็นคนที่มีมุมส่วนตัวสูง แต่พอโตมาเราต้องหาตรงกลางครับ ผมสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ เพราะคนจำนวนหนึ่งยังชื่นชมและยังเห็นคุณค่าในระบบความคิดของเรา แต่คนที่รอจะสัมผัสตัวตนผมก็ต้องเปิด พอผมทำหนังสือออกมาคนได้อ่าน รู้ว่าครอบครัวผมเป็นแบบนี้ เด็กคนนี้คิดแบบนี้เลยไม่ค่อยมีคำถามแล้วว่าเป็นแบบนี้เพราะอะไร เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าเขียน กล้าทำ มีสติ ตรงไปตรงมาก็ปรับใช้ได้กับงานได้”

คนก็ชื่นชมเข้าวงการมาไม่ค่อยมีข่าวที่ไม่ดีเป็นตัวอย่างให้วัยรุ่นเยอะ?

“รู้สึกดีใจมากที่คุณพ่อ คุณแม่ พี่สาว ผมสอนมาแล้วคนอื่นเข้าใจนำไปปรับใช้กับตัวเอง ทุกวันนี้ไม่อยากให้คนมองว่าผมคือดารา แต่ผมจะเรียกผมว่าเป็นตัวอย่างที่สังคมเลือกไปใช้งานได้ดีใจกว่า ซึ่งผมต้องขอบคุณครอบครัวผมที่ปลูกฝังให้ผมกล้าที่จะแตกต่าง แต่ไม่แปลกแยกสวนทางคนอื่น แค่รับผิดชอบในสิ่งที่ทำแล้วดี อะไรผิดก็ขอโทษ ไม่อายที่จะเป็นตัวเอง แค่นี้ก็พอครับ”

ถือว่าตอนนี้การแสดงคือสิ่งที่รักแล้ว?

“ใช่ครับ การแสดงคือสิ่งที่ผมรัก แต่งานเขียนเป็นสิ่งที่ผมชอบครับ(ยิ้ม) ตอนนี้ตัดหลายอย่างเพื่อมาทำละครเต็มตัว และมีความสุขได้เล่นเป็นหมอ ตำรวจ หลายอาชีพที่ชีวิตจริงไม่ได้สัมผัส การเป็นนักแสดงทำให้เราเป็นคนเข้าใจตัวเราเองมากยิ่งขึ้นและเป็นอาชีพที่ดีครับ”

มีโปรเจคท์อื่นที่ยังอยากทำนอกเหนือจากนี้มั้ย?

“มีหลายอย่างเลยครับ ผมจะเปิดบริษัททำรายการโทรทัศน์ ถึงเวลาแล้วให้คุณพลอยเป็นพิธีกร เป็นรายการคุณแม่พาลูกเที่ยวประมาณนี้ แล้วผมจะทำหนังสือและเป็นคอลัมนิสต์ให้นิตยสารอะเดย์ และสุดท้ายอยากทำธุรกิจเล็ก ๆ ให้ที่บ้านคือเปิดร้านขายหนังสือของตัวเองที่ไม่ใช่แบบสาขาในห้าง ผมชอบอ่านหนังสือ ดูหนัง เลยอยากมีร้านหนังสือ บวกร้านกาแฟเล็ก ๆ บรรยากาศในสวน ต้นไม้เยอะ ๆ ให้คุณแม่ผมเขาจะได้ไม่เหงา กำลังดูที่อยู่ครับ”

ความรักสำหรับฌอห์ณในตอนนี้ล่ะ?

“ตอนนี้งานเยอะ เลยต้องเลือกงานก่อนครับ (ยิ้ม) เพราะถ้างานเยอะความรักอาจจะกระทบ หรือบางครั้งความรักมาเต็ม ๆ งานก็อาจจะไม่โอเคก็ได้ ผมเลยมองว่ารักเหมือนเส้นขนานกับงานนิดหนึ่งเหมือนกันนะ”

แต่ถ้าความรักอยู่ในกองละครด้วยกันล่ะ?

“(หัวเราะ) กับน้องเอสเธอร์ที่มีข่าว ตอนนี้ความสัมพันธ์ยังไม่มีอะไรมากมายเลยครับ เรายังใช้คำเดิมคือเป็นห่วงเขา เขาเหมือนน้องสาวผม เอสเธอร์เหมือนเป็นเด็กต่างถิ่นที่เข้ามาทำงานในเอ็กแซ็กท์ หรือแกรมมี่ แต่ผมเคยทำงานช่อง 3 เราก็จะเอ็นดูเขา จะอยู่ได้มั้ย มันไม่มีอะไรแอบแฝงไปมากกว่านั้น เขานั่งเฉย ๆ เราก็จะเข้าไปถามแหละว่าเป็นยังไงบ้าง ความสนิทตรงนั้นทุกคนเลยจะสังเกตเพราะผมเป็นคนนิ่ง ๆ อันนี้เลยดูมากกว่าปกติ ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง ยังเป็นความปรารถนาดี น้องยังเด็ก เพิ่งอายุ 20 ปี ไม่อยากใช้คำว่าไปจีบ ไปล้ำเส้นแบบนั้น มันดูไม่น่ารัก ตัวเขาเพิ่งเริ่มทำงาน อย่าเอาชื่อผมหรือใครไปทำจังหวะชีวิตเขาเสีย แต่ยังไงผมก็ยังเป็นห่วงน้องอยู่ดี”

โอกาสพัฒนากับ “เอสเธอร์” ไปมากกว่านี้มีมั้ย?

“ความสัมพันธ์ตอนนี้มันดีแล้วนะ เลยไม่กล้าคิดอะไรมาก ไม่อยากโลภมาก ไม่อยากตัดพ้ออะไร ผมไม่กล้าคิดอะไรมาก เพราะพูดอะไรไปก็คำพูดของผม คงไม่ดีกับน้องเขา บางทีเราอาจจะพูดอะไรเยอะไป ก็มีข่าวอีกดูไม่ดี ให้ทุกคนเข้าใจว่าผมเป็นพี่ชายที่ดีของเขา เขาไม่มีพี่ชายมีแต่น้องชายน้องสาว เขาเองเป็นเด็กแมน ๆ คนหนึ่งที่อยากมีพี่ ผมเองก็ไม่มีน้องสาวก็ให้มันเป็นแบบนี้ อนาคตจะไปทางไหนก็ค่อยว่ากัน ตอนนี้ใครจะจิ้นไปทางไหนผมยินดี ให้มองที่เรื่องงานดีกว่า”

แล้วเอสเธอร์นี่ตรงสเปกเรามั้ย?

“น้องน่ารักครับ (หัวเราะ)”

ฝากอะไรถึงคนที่ติดตามฌอห์ณมาตลอดหน่อย?

“ไม่ว่าคุณจะเห็นผมจากตรงไหน ผมขอบคุณมากที่พวกคุณไม่ละเลยผมไป แน่นอนว่าผมอาจไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่แฟน ๆ ติดตาม แต่ผมขอบคุณที่ไม่ลืมฌอห์ณ ขอบคุณที่มองผมว่าน่าเอาอย่างในระบบความคิด ตอนนี้ผมเติบโตขึ้นงานก็เข้มข้นยากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะพยายามเต็มที่ต่อไป และผมขอบคุณครอบครัวของผมเราอยู่ได้เพราะแรงสนับสนุนของทุกคน ฝากผลงานต่อไปที่จะมีให้ได้ชมด้วยครับ รวมทั้งงานของคุณพลอยในอนาคต รวมถึงคุณหมอเจี๊ยบ-ลลนา ด้วย อยากให้ทุกคนส่งเสริมผลักดันไม่ว่าเราจะเป็นอะไร หรืออยู่ตรงไหนของสังคม เพราะทั้งสองครอบครัวเป็นสิ่งที่พิเศษของผมขอบคุณมากครับ (ยิ้ม)”

จากบทสัมภาษณ์ของ “ฌอห์ณ จินดาโชติ” เชื่อว่าหลายคนยิ่งหลงรักและชื่นชมระบบความคิดในแบบวัยรุ่นยุคใหม่ที่ดีอย่างแน่นอน ยังไงก็ฝากติดตามผลงานของหนุ่มคนนี้ในทุก ๆ ด้านต่อไปด้วยนะคะ.