Inside Dara
Must Go! อินนิวยอร์กของ “โม-มนชนก” นางเอกสาวสายฮิปสเตอร์

เปิดดูอินสตาแกรม @momonchanok ทีไร จะเห็นรูปเที่ยวสุดฮิปตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะนิวยอร์กที่ “โม-มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ” ตกหลุมรักมากๆ ไปเที่ยวมาแล้วหลายครั้ง นอกจากสถานที่ในแต่ละรูปของเธอ ยังมีกิจกรรมแนวๆ ที่ใครเห็นก็มักคอมเมนต์ถามใต้ภาพว่าที่ไหนอะ อยากไปตามบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเทคคอร์สเรียนการแสดง ร้านอาหาร หรือคาเฟ่เก๋ๆ พบกันครั้งนี้จึงขอให้เธอลิสต์สถานที่ must go ในนิวยอร์กที่คุ้มค่าแก่การไปเยือนมาฝากผู้อ่านชาวแพรวทุกคนกันค่ะ

“นิวยอร์กเป็นเมืองที่มีความหลากหลาย ไม่น่าเบื่อ ทุกครั้งที่ไปโมมักจะได้อะไรใหม่ๆ กลับมาเสมอ ความพิเศษของที่นี่คือ ใครทำอะไรก็ไม่รู้สึกว่าแปลก เป็นเมืองที่มีอิสระสูง ขณะเดียวกันก็มีความแอ๊คทีฟ ทุกคนดูกระตือรือร้นมาก ต้องแข่งขันและใช้ความพยายามสูง”

เรียนการแสดงที่ HB Studio

“ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาโมไปเรียนการแสดงละครกับแก๊งเพื่อนคนไทยที่ HB Studio คอร์สสั้นประมาณ 2 สัปดาห์ สตูดิโอแห่งนี้สอนมาตั้งแต่ปี 1945 มีตั้งแต่การแสดงละครเวที การเขียนบท ร้องเพลงพูด ฯลฯ มีให้เลือกเยอะมาก ส่วนตัวคิดว่าคอร์สที่ยากที่สุดคือ Solo Performance หรือการแสดงละครเวทีคนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับโม แม้จะจบการแสดงละครเวทีมาก็ตาม (คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการแสดงและกำกับการแสดง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) แต่ไม่เคยเล่นละครคนเดียวมาก่อน ต้องคิดบทพูดและการแสดงทุกอย่างเอง ยากมาก แต่ก็ท้าทายด้วย การไปเรียนที่นั่นสอนโมอย่างหนึ่งว่า เราเป็นคนธรรมดา ไม่ได้พิเศษกว่าใครทั้งนั้น เพราะไม่ได้มีชื่อเสียงเหมือนตอนอยู่เมืองไทย และถ้าจะอยู่ให้ได้ก็ต้องใช้ความสามารถล้วนๆ ช่วงที่เรียนจึงเครียดและกดดัน หนึ่งคือ อยากให้คุ้มกับเงินที่เสียไป และสองคือ อยากได้อะไรกลับมาใช้ในงานแสดงจริงๆ โมขยันจนเพื่อนถามว่าทำไมต้องขยันขนาดนี้ เพราะทุกครั้งที่เรียนจบคลาส โมจะคอยโทร.ถามเพื่อนตลอดว่าทำการบ้านหรือยัง (หัวเราะ) พอเรียนจบจึงเป็นอะไรที่แฮ็ปปี้มากๆ”

วินด์แฮม เมืองฮิปติดธรรมชาติ

“โมชอบเมืองวินด์แฮม (Windham) มาก เมืองนี้อยู่ห่างจากนิวยอร์กประมาณสองชั่วโมงครึ่ง ใช้วิธีเช่ารถขับไปสะดวกกว่า เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ ปกติในฤดูหนาวคนนิยมไปเล่นสกี ซึ่งที่นั่นมีสกีรีสอร์ตหลายแห่ง แต่โมไปช่วงฤดูร้อน เลยมีแต่แดดกับฝน ถ้าใครไป แนะนำให้พักที่ Eastwind Hotel & Bar เป็นโรงแรมบ้านไม้ที่เขาสร้างเป็นรูปสามเหลี่ยม มีแค่ 3 หลังเท่านั้น ตั้งอยู่กลางป่า เงียบสงบมาก

ความเก๋ของห้องนอนคือ เขาวางเตียงหันไปทางหน้าต่างสามเหลี่ยม พอตอนเช้าเราเงยหน้าขึ้นมาจะเห็นวิวทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม เหมาะกับการนอนชมวิวไปเรื่อย ดีงาม ถ่ายรูปก็สวยเว่อร์”

งานชมวิวก็มา

“เวลาเที่ยวในนิวยอร์กโมใช้วิธีเดินและนั่งรถไฟ ไฮไลต์ที่ต้องไปคือชมวิวที่ The Statue of Liberty หรือเทพีเสรีภาพ ถึงจะไม่ชอบเที่ยวแบบทัวริสต์ แต่ที่นี่ก็เป็นแลนด์มาร์คที่ต้องไป ใช้วิธีนั่งเรือข้ามฟากไปที่เกาะ Liberty Island และถ้าใครไม่เตรียมวางแผนล่วงหน้า ก็ต้องทำใจไว้เลยว่าต้องต่อคิวซื้อบัตรบวกกับต่อคิวขึ้นไปชมวิวรวมแล้วก็ราวๆ 1 วัน (หัวเราะ) ซึ่งอันนี้เป็นความพลาดของโมเองที่ไม่ซื้อตั๋วไว้ก่อน พอไปถึงจึงรู้ว่าการที่เราจะขึ้นไปดูวิวบนยอดสูงสุดของเทพีเสรีภาพได้ต้องจองตั๋วล่วงหน้านานถึง 1 ปีทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น วันนั้นโมขึ้นไปได้แค่ครึ่งทาง เพราะบัตรที่ซื้อได้สูงสุดแค่ตรงนั้น แต่วิวที่เห็นก็ยังสวยนะคะ สายประวัติศาสตร์จะชอบมาก เพราะเขาเขียนเรื่องราวของการสร้างเทพีเสรีภาพไว้ตามทางเดิน

“อีกหนึ่งจุดชมวิวที่ถ่ายรูปสวยไม่แพ้กันคือ ตึกร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์ (Rockefeller Center) ซึ่งจุดชมวิวของที่นี่เรียกว่า Top of the Rock วิวที่เห็นเบื้องหน้าคือสวนเซ็นทรัลปาร์คที่รายล้อมด้วยตึกสูงๆ บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย นั่งชิลได้เรื่อยๆ”

บรู๊คลิน ย่านนี้ไม่แคร์โลก

“โมชอบบรู๊คลินตรงที่ผู้คนแต่งตัวแบบไม่แคร์โลก เช่น คนผิวสีแต่งตัวสีสันตัดกันฉูดฉาดมากแบบเขียวแดงเลย ขนาดคนไร้บ้านหรือโฮมเลสยังแต่งตัวมีสไตล์ นอกจากมีความไม่แคร์ใครใดๆ แล้ว ยังสามารถเอาตัวรอดอยู่ได้

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีตลาดนัดมือสองเจ๋งๆ ซึ่งของคุณภาพดีด้วย ถ้าไปถึงบรู๊คลินแล้ว แนะนำว่าให้นั่งรถไฟต่อไปที่ Coney Island เป็นชายหาดที่ชาวนิวยอร์กชอบไป เพราะอยู่ใกล้เมือง เป็นชายหาดที่เหมาะกับการถ่ายรูป และมีกลิ่นอายคล้ายความเป็นพัทยานิดๆ

ไอศกรีมเย็นๆ ที่สวนสนุก Luna Park

ใกล้ๆ กันมีสวนสนุกขึ้นชื่ออย่าง Luna Park ความพิเศษคือมี Cyclone หรือรถไฟเหาะตีลังกาชื่อดัง ที่สร้างเป็นเครื่องแรกของโลกอยู่ที่นี่ด้วย แนะนำให้ไปถ่ายรูปตรงม้าหมุนที่เขียนว่า Wonder Wheel จะได้อารมณ์ยุค 70 สุดๆ”

ร้านโปรดควรไป

“ถ้าให้โหวตสถานที่ที่โมชอบที่สุดในนิวยอร์ก ต้องมี Uchu ร้านอาหารญี่ปุ่นมิชลิน 1 ดาว อยู่ที่ถนน Eldridge Street เขามีบริการให้เลือก 2 แบบ คือ ไคเซกิ มีทั้งหมด 8 ที่นั่ง กับโอมากาเซะ เป็นซูชิบาร์ มี 10 ที่นั่ง ซึ่งโมชอบแบบไคเซกิที่เสิร์ฟอาหารเป็นเซต เพราะนั่งสบายกว่า

โมไปกินที่นี่ตั้งแต่เขายังไม่ได้ดาวมิชลิน ทุกครั้งที่ไปรู้สึกว่าเป็นที่ของเรา เมื่อไหร่ก็ตามที่ไปนิวยอร์กต้องไปเช็คอินที่ร้านนี้ จานโปรดคือแซนด์วิชสอดไส้เนื้อวากิว อร่อยเหมือนอีกหลายเมนูของเขา อูชูจึงเป็นหนึ่งในร้านที่จองยาก โมใช้วิธีให้เพื่อนที่อยู่นิวยอร์กช่วยจองให้

“อีกร้านคือ The Chefs Table at Brooklyn Fare ที่ต้องจองโต๊ะล่วงหน้า 5 สัปดาห์ โมเคยได้คิวในวันที่ต้องบินกลับพอดี วันนั้นยอมจ่ายเงินเลื่อนตั๋วประมาณ 16,000 บาทเพื่ออยู่กินก่อน (ยิ้ม) ซึ่งก็คุ้มค่าจริงๆ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ใช้เทคนิคการปรุงแบบฝรั่งเศส ตกหัวละ 394.36 เหรียญ (ไม่รวมภาษี) เวลาเลือกร้านอาหารโมจะดูในอินสตาแกรม @michelinguide จากนั้นก็ถามเพื่อนที่อยู่ในนิวยอร์กอีกทีว่าดีจริงไหม บางทีก็มีแบบเลือกเข้าไปลองชิมเองบ้าง อย่างร้านอูชู โมบังเอิญเข้าไปกินแล้วชอบมาก ฉะนั้นบางทีการค้นพบอะไรด้วยตัวเองก็ดี และน่าภูมิใจค่ะ”