Inside Dara
'บัว' บอกความรู้สึกเมื่อคนที่ให้กำเนิดจากไปในวันเกิด

ชีวิตจริงคนเรายิ่งกว่าในละคร โดยเฉพาะชีวิตของนางเอกสาว “บัว” นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ ที่เกิดวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันแม่แห่งชาติ ถ้าดูแล้วน่าจะเป็นวันดีดี แต่วันนี้เมื่อ 5 ปีก่อน เป็นวันที่นางเอกสาวชื่อดังเสียใจที่สุดในชีวิตเพราะต้องสูญเสีย “คุณแม่อันเป็นที่รัก” ไปด้วยโรคมะเร็ง เวลาผ่านมา 5 ปี ผู้สื่อข่าวเลยขอเปิดใจ “สาวบัว” ในวันแม่ปีนี้

@@ แม่เลี้ยงบัวมายังไง

“แม่เลี้ยงมาแบบตามใจ แม่จะให้หนูเป็นคนตัดสินใจว่าอยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไร แม่จะให้ตัดสินใจเองทั้งหมดเลย ทำให้หนูเป็นคนที่โตมาและเรียนรู้ด้วยตัวเอง จริงๆ หนูชอบที่ถูกแม่เลี้ยงมาแบบนี้นะ ทำให้เราได้ไปเจอโลก ทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นคนแข็งแรง โตขึ้นมาเราสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาได้ ตอนเด็กๆ หนูจะเป็นคนซนมาก ถ้าดูจากบุคลิกตอนนี้แล้วจะไม่รู้เลยว่าเป็นคนซน ตอนเด็กๆ คือซนมาก ตอนที่คุณพ่อย้ายไปอยู่ขอนแก่นก็ย้ายตามพ่อไป ย้ายไปอยู่ 4 ปีคือก็เป็นแบบเด็กต่างจังหวัดเลย ปีนรั้ว ปีนต้นไม้ แล้วก็ได้แผลตลอด ตกต้นไม้บ้าง ตกรั้วบ้าง ตอนนั้นตัวจะมีแต่แผล หัวแตก เย็บหัว เย็บหู ถึงเป็นคนซนๆ แต่แม่ไม่ถึงกับห้าม มีแค่บ่นว่าให้ระวังหน่อย แต่ไม่ได้ห้ามเพราะแม่เลี้ยงแบบตามใจ ให้เราเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง ถึงเราจะซนมากแค่ไหน แม่ไม่เคยตีเลยพ่อแม่เลี้ยงมาแบบตามใจสุดๆ เลย”

@@ ความผูกพันระหว่างบัวกับแม่เป็นยังไง

“สนิทกับแม่มากกว่าพ่อ เพราะก่อนที่จะย้ายไปอยู่ขอนแก่น พ่อทำงานอยู่ภาคอีสานจะกลับมาบ้านช่วงสัปดาห์หนึ่งประมาณ 2 วัน บางทีก็เป็นเดือนกว่าจะกลับ เลยไม่ค่อยเจอพ่อในช่วงนั้น ทำให้สนิทกับแม่ ไปไหนก็ไปด้วยกัน มีอะไรก็คุยกับแม่ตลอด ปรึกษาแม่ได้หมดทุกเรื่อง ซึ่งแม่หนูเป็นคนไม่ดุเลย แม่เป็นคนใจดีมาก ไม่ใช่แค่ใจดีเฉพาะกับลูกๆ แต่แม่ใจดีกับทุกคนเลย ขี้สงสารเห็นหมาแมวข้างทางไม่ได้เลยต้องเดินไปซื้อข้าวมาให้ แม่เป็นคนใจดีมาก”

@@ ช่วงเวลาก่อนที่จะสูญเสียคุณแม่ไปตอนนั้นเป็นยังไง

“ช่วงแม่ป่วยตอนนั้นหนูถ่ายละครด้วย แต่ก็จะมาอยู่กับแม่ทุกวัน ด้วยอาการของแม่ แม่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแล้วแม่เองก็รู้สึกว่าตัวเองเป็น เพราะแม่เป็นคนไม่สบายบ่อย เลยคิดว่าตัวเองไม่สบายเฉยๆ ไปหาหมอตอนแรกๆ ก็ยังไม่หายไปหาหลายรอบก็ยังไม่หาย จนสุดท้ายคุณหมอตัดชิ้นเนื้อไปตรวจก็พบว่าเป็นระยะที่ 3 แล้ว และช่วงนั้นก็เหมือนร่างกายแม่ไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้แม่ทรุดลงเร็วมาก ซึ่งหมอบอกว่าดูแล้วแม่จะอยู่ได้ไม่นาน แต่ด้วยความที่เราเองก็แอบหวัง แอบคิดว่าเดี๋ยวสักวันหนึ่งแม่จะหายมันก็เป็นความหวังเล็กๆ ของเรา แล้ววันนั้นวันที่แม่เสียเป็นวันเกิดพอดี เป็นวันหยุดด้วยเพราะเป็นวันแม่ ทำให้เรามีโอกาสได้อยู่กับแม่ในช่วงนั้น”

@@การสูญเสียผู้ให้กำเนิดในวันเกิดของเราความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไง

"ถ้าถามว่าเสียใจไหมก็เสียใจนะที่เป็นวันเกิดเราด้วย แต่ถ้าให้มองอีกแง่มุมหนึ่งก็คิดว่าแม่คงรอแหละว่าอยากจะอยู่ให้ถึงวันเกิดเรา ก็...(เสียงเริ่มสั่น) วันนั้นทำอะไรไม่ถูกเลยคือตอนนั้นเข้าใจเลยว่าเวลาที่เราสูญเสียใครสักคนที่เรารักไม่มีเวลาที่จะมานั่งฟูมฟาย ตอนนั้นหนูไม่ได้ร้องไห้เลย เสียใจมากจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไรจะต้องไปหาใคร หรือจะต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไง ตอนนั้นคืนมึนไปหมดเลย คิดอะไรไม่ออก เหมือนทุกอย่างมันหยุดไปหมด

จริงๆ วันนั้นเหมือนเป็นวันปกติที่เราก็ไปหาแม่ซื้อพวงมาลัยไปไหว้ ตอนนั้นเราก็สังเกตแล้วว่าอาการแม่ไม่ค่อยดี แล้วมีคุณป้าเตียงข้างๆ ก็บอกว่าให้เปิดบทสวดมนต์ให้แม่ฟังเพื่อที่จะได้นำทางเขา ทำให้เขาดีขึ้น เราก็อ่านบทสวดมนต์ให้แม่ฟัง ตอนนั้นเราก็บอกเขาว่าถ้าสมมุติแม่จะไปจริงๆ ก็ขอให้แม่ไปในที่ที่ดีให้พระนำทางไป เอาจริงๆ เราก็ทำใจไว้แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเร็ว อย่างที่บอกว่าเรายังหวังอยู่ว่าอาจจะมีปาฏิหาริย์ที่ทำให้แม่ดีขึ้น คือหนูยังรู้สึกมาตลอดจนวันงานศพแม่ ก็ยังคิดนะว่าเดี๋ยวแม่ก็ฟื้น (น้ำตาคลอเสียงสั่นเครือ) เหมือนเราดูในหนังว่าเดี๋ยวแม่ก็เคาะโลงแล้วบอกว่าแม่ฟื้นแล้ว ยังรู้สึกว่าเรายังมีความหวังตลอด วันที่รู้สึกว่าแม่ไม่อยู่แล้วจริงๆ คือวันเผา หนูกลับมาบ้านแล้วปิดประตูอยู่ในห้อง ตลอดเวลาของงานศพบัวไม่ได้ร้องไห้เลย คนจะบอกว่าเก่งมาก เข้มแข็งมากเลย คือมันเป็นความเสียใจที่มันอัดอยู่ข้างใน แต่มีความหวังเล็กๆ ที่เราสร้างขึ้นมา จนพอเผาแม่เสร็จปุ๊บเรากลับมาบ้านแล้วปิดประตูร้องไห้ บัวไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนั้นตั้งแต่ในวันที่แม่เสีย คือเราร้องไห้จนเราไม่รู้ว่าน้ำตามันจะหมดเมื่อไหร่ เพราะความรู้สึกของเราคือแม่ไปจริงๆ แล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว แม่จะกลับมาไม่ได้แล้ว เคยตั้งคำถามกับตัวเองนะว่าวันเกิดเรามันคือวันอะไรกันแน่ ทำไมเราต้องมาสูญเสียในวันนี้ ทุกวันนี้ในวันเกิดเราต้องทำบุญวันเกิดให้ตัวเองและก็ทำบุญให้แม่ด้วยก็เป็นความรู้สึกที่อยู่ในใจนิดนึง"

@@ ทำใจนานไหมกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“นานนะ คือก็ต้องใช้ระยะเวลาเยียวยาตอนนี้ผ่านมา 5 ปีถามว่ายังเสียใจอยู่ไหมก็ยังมีอยู่ แต่กลายเป็นความคิดถึงมากกว่า ตอนนี้ก็จะคิดว่าแม่ไม่อยู่แล้วเราก็ต้องดูแลคนที่อยู่ให้ดีที่สุดต้องดูแลพ่อ ดูแลพี่ ตอนแม่เสียก็เป็นบทเรียนทำให้เรารู้ว่าคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอน ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่าเวลาไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น จนวันที่แม่เสียเรารู้เลยว่าเวลามันสำคัญ เราควรมีเวลาให้ครอบครัวให้คนที่เรารัก อยู่กับเขาเยอะๆ เราเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติกับการเกิดแก่เจ็บตาย แต่ถ้าเราให้เวลาคนที่เรารักให้ครอบครัวให้มากที่สุด ในวันที่เราต้องจากกันจริงๆ ก็ยังมีความทรงจำมีความรู้สึกดีๆ นั้นอยู่”

@@ ตอนนี้ยังคิดถึงแม่มากขนาดไหน

“คิดถึงแม่มากเลยนะ ยิ่งช่วงหลังๆ จะยิ่งรู้สึกว่าคิดถึงมาก เพราะว่าชีวิตเราเดินทางมาถึงจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่ามันเข้าที่ จุดมุ่งหมายของเราก็เริ่มจะเห็นชัดขึ้น ก่อนหน้านี้แม่อยากได้บ้านเราก็ซื้อบ้านให้แม่ ถึงแม่ไม่ได้อยู่ เราก็ซื้อให้พ่อ ทุกครั้งที่อยู่บ้านบัวจะรู้สึกคิดถึงแม่ คิดว่าถ้าแม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ ตอนนี้แม่จะทำอะไร แม่คงมีความสุขมาก อย่างตอนนี้หนูมีคนรักเพิ่มมากขึ้น ก็มีแอบบอกแม่นะว่าถ้าแม่ได้เห็นแม่คงดีใจไปกับหนู คงภูมิใจในตัวหนูที่วันนี้หนูแข็งแรงสามารถดูแลพ่อดูแลพี่ได้แล้ว”

@@ อยากบอกอะไรแม่ ณ วันนี้

“ก็ต้องบอกว่าคิดถึงมากๆ คืออยากให้แม่ได้เห็นความสำเร็จได้เห็นว่ามีคนรักหนูมาก (เสียงสั่นเครือ) แต่ก็อยากทำอะไรเพื่อแม่มากกว่านี้ คิดถึงมากจริงๆ พอแหละ (ยิ้มทั้งน้ำตา)”

ความในใจของลูกสาวที่คิดถึงแม่สุดหัวใจ